เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

สอนลูกเองก็ได้...ง่ายจัง3 : อย่าไว้ใจทาง แต่อาจจะวางใจคน

ณ เกาะส่วนตัวแห่งนึง แถวๆบาหลี (ทำเลคุ้นๆนะ)

ฉิก : หวัดดีครับคุณนาย โอ้โห! นี่หลบหนาวมาเที่ยวทะเลกันเลยนะครับ

จอม : คืองี้ค่ะ วันก่อนพอเดี๊ยนดูละครเรื่องโปรดตอนอวสานจบปุ๊บ เห็นในเรื่องเขาบอกว่าอยู่ที่บาหลี เดี๊ยนก็พาซื่อรีบจองตั๋วเครื่องบินมาที่นี่ปั๊บเลยค่ะ กะว่าจะตามมาดู locations ที่เขาถ่ายทำละครกันทุกช็อต ทุกซีน คือแบบว่ามันอินมากๆไงคะเลยต้องขอมาเก็บรายละเอียดกันหน่อย

แต่พอมารู้ทีหลังว่าเขาถ่ายทำกันแถวๆ รีสอร์ท"ลาเอนาตู" ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ บ้านเรานี่เอง เดี๊ยนนี่แทบอยากจะร้องกรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ลงไปนอนชักดิ้นชักงอ น้ำลายฟูมปาก

มานึกขึ้นได้ว่าไอ้กริยาแบบนี้มันไปเหมือนกับยัย"แสงฉาย"ซะได้ ไอ้เรามันก็แสนดีแบบ"น้องเอย"อ่ะนะ มันดูไม่งาม ยิ่งช่วงนี้มักจะโดนคุณสามีคอยจิกกัดอยู่เรื่อย จะให้เค้ารู้ว่าเราเสียรู้ และ เสียค่าโง่ไม่ได้เด็ดขาด ก็เลยทำเนียนอยู่เที่ยวต่อมันซะเลย

ฉิก : -_- " ( "เสื่อม"จริงๆเลย) ครับ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า คืออยากถามคุณนายครับว่ามีแนวคิดในการสอนลูกเองจากไหน ทำไมไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของครูเขารับผิดชอบเองล่ะครับ หรือว่าไปเห็นตัวอย่างมาจากในละครครับ

จอม : คือไม่ต้องมาหลอกด่าอิชั้นเลยนะ เค้ารู้หรอก

คืองี้ ที่เขาเปรียบกันว่า พ่อแม่เป็นครูคนแรกของทุกคนนี่ เป็นเรื่องจริงที่สุดเลยค่ะ คือเราทุกคนต่างก็เรียนรู้อะไรมากมายจากพ่อแม่ทั้งนั้น และอิชั้นว่ามันมากกว่าที่ครูคนใดในชีวิตเราที่จะสอนได้ และ สิ่งที่พ่อแม่เราสั่งเราสอนนั้น มีความสำคัญต่อชีวิตของเรามากกว่าเรื่องที่เราเรียนในรร.อย่างเทียบกันไม่ได้ ไม่ว่าพ่อแม่เราจะเรียนจบแค่ป.4 หรือ ปริญญาเอกเป็นด็อกต้งด็อกเตอร์หรือไม่ก็ตาม

แม้ว่าเราจะมี รร.ซึ่งเราคิดว่าเป็นตัวรับผิดชอบ"การศึกษา"ของเราไปจนหมดสิ้น แต่ที่จริงแล้ว การเรียนรู้ที่สำคัญต่อชีวิตของเราเองก็ยังควรมาจากพ่อแม่อยู่ดี เพราะ เดี๊ยนคิดว่าครูตามสถานศึกษาต่างๆไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่า ความรู้ที่ตนสอนให้ศิษย์นั้นมันคับแคบเกินกว่าที่จะเอามาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน

ฉิก : ดูคุณนายจะมีความรู้สึกที่ไม่ค่อยดีกับคุณครูเลยนะครับ

จอม : ก็ไม่ถึงขนาดนั้นอ่ะค่ะ คือเดี๊ยนคิดว่าปัญหามันอาจจะอยู่ที่ระบบการศึกษาบ้านเรามากกว่า ทำให้ครูของเราต้องทำหน้าที่ไปตามสิ่งที่เขากำหนดมา เหมือนกับการเตรียมคนเข้าสู่ระบบการผลิต ตลาดแรงงาน ระบบอุตสาหกรรม ไปเป็นลูกจ้างของงานที่รัฐบาลเขาเห็นว่าดีแต่ว่าจริงๆมันคับแคบมาก ครูเขาคงทำอะไรมากกว่าหน้าที่ที่เขาต้องทำไม่ได้ ขณะที่พ่อแม่เราดูจะเป็นอิสระจากตรงนั้นมากกว่า

ดังนั้น พ่อแม่เรานี่แหล่ะที่ควรทำตัวเป็นผู้ประสานข้อมูล ความรู้ที่กว้างขวางทั้งหลาย ให้เชื่อมโยงมาถึงการเรียนการสอน จนเด็กมีความรู้ความสามารถที่หลากหลายตามสภาพที่เป็นจริง เราจึงควรเปลี่ยนความคิดซะใหม่ว่าลูกเราสามารถเรียนรู้ได้ในทุกๆที่ ไม่จำกัดเฉพาะในห้องเรียนกับครูเท่านั้น

ฉิก : นอกจากปัญหาเรื่องระบบ และ ความอิสระของครูแล้ว คุณนายมีข้อเสนอแนะอะไรฝากไว้กับคุณครูบ้างไหมครับ

จอม : อิชั้นคิดว่า ตอนนี้ครูๆของเรากำลังหลงทางกันน่ะค่ะ ยกตัวอย่างง่ายๆก็เรื่อง Child center ที่เคยฮือฮากันไงคะ เห็นคุณครูส่วนใหญ่ไปเข้าใจว่า ผู้ใหญ่เขาสั่งมาให้"สอนให้น้อย" คือ ไม่ต้องสอนอะไรมาก ถึงเวลาก็ให้ไปทำรายงานมาส่ง

จริงๆแล้วมันควรเป็น"การเปลี่ยนวิธีสอน"ต่างหาก คือ หาวิธีสอนให้เด็ก"คิดเป็น"อย่างสร้างสรรค์ และ เอาเด็กเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้นั้นๆมากกว่า

ยกตัวอย่างแบบเป็นรูปธรรมก็ได้ ลองไปดูพี่เลี้ยงในค่ายผู้นำเยาวชนดูสิคะ พวกนี้มักจะไม่ใช่ครูจริงๆ บางทีเป็นแค่นักศึกษามหา'ลัยเองด้วยซ้ำ แต่เขามักมีในสิ่งที่ครูส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีกัน คือ "ความทุ่มเท" พี่เลี้ยงเหล่านี้จะมีวิธีตะล่อมเด็ก ให้กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ ผ่านทางกิจกรรมต่างๆ โดยที่ไม่ได้สอนกันตรงๆ จะเห็นเลยว่าเด็กทั้งสนุกเพลิดเพลิน และ กล้าทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนได้ดีมาก

พอตกกลางคืนหลังเด็กหลับไปแล้ว ตัวพี่เลี้ยงเองก็ยังต้องมาประชุม เตรียมงาน วิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้น และ หาทางแก้ไขเพื่อให้วันรุ่งขึ้นสามารถเรียนรู้ และ ทำกิจกรรมได้ราบรื่นขึ้น จริงๆแล้วครูทุกคนควรต้องเตรียมการสอนอย่างหนักแบบนี้แหล่ะ การเรียนการสอนในclassถึงจะได้ประโยชน์สูงสุด

ฉิก : งั้นพอจะสรุปได้มั้ยครับว่า ที่คุณนายพยายามสอนลูกเองนั้นส่วนนึงเกิดจากความไม่ไว้วางใจคุณครูว่าจะสอนลูกได้แบบที่ตัวเองคาดหวังไว้

จอม : อย่าเรียกว่า"ไม่ไว้ใจ"เลยค่ะ มันแรงไป

คือเดี๊ยนจะยึดคติประจำใจว่า "อย่าไว้ใจทาง แต่อาจจะวางใจคน" มากกว่า สังเกตว่าใช้คำว่า "อาจจะ" นะคะ คือบางทีก็ไว้ใจได้ แต่ควรจะมีการ"เผื่อใจ" และ เตรียมตัว"ตั้งรับ"ไว้ด้วยน่าจะดูดีกว่า นี่แหล่ะค่ะที่มาของการที่ต้องสอนลูกเอง ควบคู่ไปกับการเรียนตามปกติที่รร.

อันนี้เดี๊ยนได้ข้อคิดมาจากเพื่อนอิชั้นที่เป็นเซียนพนันตัวยงอีกที เขาบอกอิชั้นไว้แบบนี้นะคะ

- จงเชื่อถือวางใจในมิตรสหาย และ เป็นผู้ตัดไพ่เองเสมอ
- จงวางใจในพระเจ้า และ พึงสร้างบ้านบนที่สูง
- จงรักเพื่อนบ้าน และ เลือกอยู่ในทำเลที่มีเพื่อนบ้านดีๆ
- คนวิ่งเร็วไม่ชนะเสมอไป ฝ่ายที่มีกำลังอาจจะไม่ชนะสงครามทุกครั้ง แต่ในการพนันเราต้องถือข้างฝ่ายที่ได้เปรียบ
- เมื่อเขาตบแก้มซ้าย จงหันแก้มขวาให้เขาตบ แต่ก็ต้องยึดหลักสายกลาง ไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้นตลอดไป
- จงระลึกไว้เสมอว่า ช้าๆได้พร้าสองเล่มงาม แต่ถ้าใครมัวแต่งุ่มง่าม ก็มักจะอดได้ของดี
- แพ้ชนะไม่สำคัญ สำคัญที่เล่นอย่างไร โดยยึดคติในการเล่น คือเล่นให้ชนะ

ฉิก : โอ้ว! เป็นคติประจำใจที่"เสื่อม" เอ้ย! เจ๋งมากครับ ผมจะลองเอาไปใช้ดูนะครับ วันนี้พอแค่นี้ก่อน แล้วค่อยเจอกันใหม่นะครับ











pomjom.bloggang.com
Create Date : 07 มกราคม 2552

Views: 66

Comment

You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!

Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service