เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

ใครไม่เก่งภาษาอังกฤษยกมือขึ้น

ใครไม่เก่งภาษาอังกฤษ ยกมือขึ้น


มีหลายคนตั้งคำถามว่าตัวเองไม่เก่ง Eng แล้วจะสอนลูกยังไง อ้อมเองเป็นคนไม่เก่ง Eng จะว่าไม่เก่งเลยก็ไม่เชิง คือ แกรมม่าไปทางแย่ (ติดลบด้วย) แต่เรื่องพูดและฟังยังพอไหว แบบมั่ว ๆ พอไปวัดไปว่าได้เล็กน้อย แต่พอคิดจะสอนลูกทีนี้คิดหนักสิ เพราะต้องใช้ Eng ทั้งวันจำได้ว่าตอนเริ่มคิดสองลูกครั้งแรกเดือน ต.ค. 09 เพราะลูกปิดเทอมไปเที่ยวบ้านพี่สาวที่หาดใหญ่ แล้วได้หนังสือเด็ก 2 ภาษา ฯ มา ตื่นเต้นมากเริ่มเลย แบบ broken English กระท่อนกระแท่นตอนนั้นยอมรับว่าเครียดมาก ทำไม่ได้ ไม่มีแรงฮึด ไม่สู้ เลยล้มเลิกไปเลยค่ะ


มาเริ่มใหม่ก่อนปิดเทอมใหญ่ ได้เข้า workshopที่เชียงใหม่ เริ่มใหม่อีกครั้ง เข้าเรื่องค่ะ มองปัญหาตัวเองก่อน แรก ๆ อยากพูดกับลูกเป็นประโยคเลยซึ่งมันข้ามขั้นตอนไป คือ ศัพท์ลูกไม่แน่น แม่เองคิดศัพท์ไม่ออก ตอนนั้นเลยเริ่มแบบ OTOL แต่หนักไปทางภาษาไทยนะคะ ทีนี้หาหนังสือเกี่ยวกับทำไงให้พูด Eng ได้ ไม่ว่าของครูเคท (เนตรปรียา) ครูแอนดรูว์ บิ๊กส์ ครูวัชรวรรณ (DIY mind map) ว่าเค้าทำไงกัน ครูแต่ละคนก็มีเทคนิคคล้าย ๆ กัน เป็นข้อ ๆ ดังนี้ค่ะ


1. ฟัง ฟัง ฟัง : จะพุด Eng ได้ต้องผ่านการฟังให้มาก ๆ ครูเคท แนะนำให้ฟังมาก ๆ เปิดทีวี วิทยุ ภาษา Eng ฟังตอนนอน เพื่อให้มันเข้าไปในจิตใต้สำนึก ตอนนั้นยอมรับเลยค่ะว่า อ้อมเปิด MP3 ให้ลูกฟัง ตอนลูกเริ่มหลับใหม่ ๆ ทำให้ลูกนอนยากมาก ลูกถามว่า มาม๊าทำอะไรพี่เมืองนอนไม่หลับเลยทั้งคืน สงสารลูกมาก และตัวเองก็นอนไม่หลับเพราะได้ยินเสียงนิทานตลอดคืน ไม่ไหวแล้วเลิก ๆ หาทางใหม่ โดยการเปิด MP3 ให้ลูกและตัวเองฟังไปเรื่อย ๆ ระหว่างทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เปิด caillou, wonder pets, Let’s, etc. ฟังไปเรื่อย ๆ ไม่น่าเชื่อนะคะ การฟังเปลี่ยนทัศนะคติของลูกต่อ Eng ได้จริง ๆ เพราะลูกคุ้นเคยกับภาษามากขึ้น
คุ้นสำเนียงมากขึ้น ยิ่งถ้าเราเคยดู
DVD มาก่อนเราจะเข้าใจประโยคง่ายขึ้น จำประโยคได้มากขึ้นค่ะ ลูก ๆ เริ่มเข้าใจ Eng
โดยไม่ต้องรอการแปล เรื่องการฟังนี่เป็นกฎข้อแรกของการเรียนภาษาอย่างธรรมชาติเลยค่ะ ดังนั้นขอให้ฟัง ๆ มันเข้าไป อย่าไปสนใจเนื้อหาว่าจะรู้เรื่องหรือไม่ขอให้เปิด Eng ฟังเข้าไว้ค่ะ (เหมาะสำหรับแม่บ้านว่างงานอย่างเราค่ะ 555)


2. ฟังแล้วพูดตาม :แรก ๆ อ้อมจะพูดตามประโยคที่เราเข้าใจ หรือประโยคที่เราต้องการเน้นให้ลูกฟัง/จำนะคะ หลัง ๆ พูดตามมันไปเรื่อย ๆ ค่ะ แถมบอกให้ลูกพูดตามด้วยนะคะ (แต่ลูกไม่ค่อยยอมพูดตามเท่าไหร่ค่ะ) ถ้าเราพูดตามได้ทุกประโยคเลยยิ่งดี และก็ต้องเลียนแบบเสียงและสำเนียงให้เหมือนด้วยนะคะ การทำแบบนี้จะทำให้สำเนียงเราดีขึ้น แต่ถ้าขี้เกียจพูดตามก็เปิดฟังไปเรื่อย ๆ ดีกว่าอยู่เงียบ ๆ คนเดียวจริงไม๊คะ สำหรับนักท่องเน็ท หรือติดคอมพ์อย่างเราก็เปิดฟังไประหว่างท่องเน็ทก็เพลิน ๆ ดีนะคะ (ครูเคทบอกว่าการฟังแบบไม่ตั้งใจมันจะเข้าไปอยู่ในจิตใต้สำนึกของเรา แล้วรอไว้ประมวลใช้ในอนาคตค่ะ)


3. อ่าน :จำได้ว่าแรก ๆ อ้อมจะ print out ประโยคต่าง ๆ จากห้อง English club ออกมานั่งอ่านนอนอ่านกันเลยทีเดียว แต่เชื่อไม๊ค่ะว่าการอ่านไม่ทำให้เราพูด Eng ได้ดี แต่การฟังและการพูดตามตะหากที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้เราได้มากกว่า


4. ศัพท์และไวยากรณ์ :ปัญหาโลกแตกของทุกคนที่ไม่เก่ง Eng อย่างเรา จำได้ว่าแรก ๆ ที่เริ่มพูด Eng กับลูกมันเหมือนเทปผี ซีดีเถื่อนที่สะดุด ๆ อยู่นั่นแหละเพราะคิดศัพท์ไม่ออก ทำไงล่ะ.......คำตอบคือกลับสู่สามัญค่ะ เอาแค่คำนาม+กิริยา ก่อน เคยสังเกตไม๊ค่ะฝรั่งเค้ามีการเน้นเสียงหนักเบาในการพูด คือทั้งประโยคเค้าจะไม่พูดเสียงโทนเดียวอย่างเรา แต่เค้าจะเน้นสิ่งที่เป็นใจความสำคัญของประโยคที่ต้องการให้เรารู้ค่ะ ดังนั้นถ้าเราต้องการพูด Eng ให้ได้ดีเราอย่าไปคิดถึงรูปประโยคเต็ม (เพราะเราคิดไม่ได้ ไม่รู้ไวยากรณ์นี่นา) ให้พูดแค่ใจความสำคัญ เช่น จะให้ลูกกินข้าว ก็พูดแค่ Eat your breakfast,….your dinner,…..your lunch หนัก ๆ เข้าถ้าคิดไม่ออกก็พูดว่า Eat your food,…..your rice (แปลรวมว่า ก็กิน ๆ มันเข้าไปเถอะลูก555) ถ้าต้องการให้ลูกเข้านอนก็พูดแค่ time to bed, bedtime แค่นี้ก่อน อย่าไปคิดมากใส่ประโยคยาก ๆ ยาว ๆ ทำไม จำไว้ว่าการพูด Eng ที่ดีต้องทำให้สั้น ๆ ง่าย ๆ (คุณ Andrew Bigs แนะนำ) พอพูดบ่อย ๆ มันจะเริ่มคล่องปากค่ะ เห็นไม๊ค่ะ ไม่มีการต้องไปท่องศัพท์ หรืออ่านหนังสือไวยากรณ์ให้เสียเวลาเพราะอ้อมรู้ตัวเองดีว่าถึงอ่านไปก็จำไม่ได้ ก็อ่านมาตั้งแต่เด็ก ๆ ตอนนั้นสมองว่าง ๆ ก็ยังจำไม่ได้ประสาอะไรจะไปอ่านตอนนี้ล่ะคะจริงไม๊ ที่บ้านอ้อมไม่มีการติดคำศัพท์ตามเฟอร์นิเจอร์ใด ๆ เพราะเน้นการฟัง พูด มากกว่าการอ่านและการท่องค่ะ เรื่องคำศัพท์เป็นยาขมของทุกคนที่อ่อน Eng แต่เชื่อไม๊ค่ะว่าเราทุกคนที่คิดจะสอน 2 ภาษาให้ลูกต้องเคยผ่านการเรียน และท่องศัพท์มาไม่น้อยกว่า 10
ปี ของอ้อมเองอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า
16 ปี ไม่รวมตอนทำงานนะคะ อ้อมเชื่อว่าเพื่อน ๆ คงมีศัพท์มากมายในสมองของเรา เพียงแต่เราไม่เคยหยิบมาออกมาจากก้นบึ้งของสมองเรามากกว่า เชื่ออ้อมเถอะค่ะว่าการฟัง พูดตามและเริ่มพูดกับลูกมันช่วยกระตุ้นให้สมองเราขุดศัพท์เก่า ๆ ออกมาใช้โดยที่เราไม่รู้ตัว หรือถ้าเราไม่รู้ศัพท์จริงๆ ก็จินตนาการจากสิ่งที่เราเห็นแล้วพูดออกมาด้วยศัพท์ง่าย ๆ ที่เรารู้ค่ะ ยกตัวอย่างง่าย ๆ เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง อ้อมเจอแมวหง่าว ทุกคนคงรู้จักแมวหง่าวนะคะ ที่มันชอบร้องหง่าว ๆ เสียงดัง ๆ อ้อมต้องการเล่าให้ลูกฟังว่าแม่เจอแมวหง่าวมาอยู่หน้าบ้านเรา ทำไงล่ะแมวหง่าวใช้ศัพท์อะไรไม่เคยมีในสมองน้อย ๆ ของเราเลย ถ้าบอกว่า cat มันก็ไม่ใช่แมวหง่าวสิ เลยบอกลูกไปว่า Today, I saw an old ugly cat at the front of our house. เชื่อไม๊ค่ะ PM/KM สามารถเข้าใจได้เลยทันทีว่าหมายถึงเจ้าแมวหง่าวที่น่าเกลียดน่ากลัว นี่เป็นเพราะพอเราฝึกบ่อยเข้า เราจะพูดได้จากสิ่งที่เห็นและจากศัพท์ที่เรามีอยู่โดยไม่ต้องคิดผ่านจากภาษาไทยค่ะ


เรื่องไวยากรณ์ต่อ....ให้เราลืมกฎซะ (Andrew Bigs) เพราะเราพูดเพื่อการสื่อสาร ถ้าคนฟังเข้าใจ ใจความที่เราต้องการสื่อสารเป็นอันจบ ถือว่าการสื่อสารสมบูรณ์ค่ะ แต่ถ้าเรามัวแต่คิดถึงไวยากรณ์ และ tense ชาตินี้ทั้งชาติคนที่อ่อน Eng อย่างเราคงไม่ได้พูด Eng เป็นแน่ จำไว้ว่าพูดไม่ถูกไวยากรณ์ดีกว่าไม่ได้พูดแม้แต่ประโยคเดียว (ที่เขียนมานี่ไม่ใช่ว่าไวยากรณ์ไม่สำคัญนะคะ แต่ถ้าเราฝึกบ่อย ๆ มันมาเองค่ะ)


5. ช้า ๆ ชัด ๆ การพูด Eng ที่ดีต้องพูดได้อย่างถูกต้อง อย่า..งงว่ามันค้านกับข้อที่แล้วนะคะ ในที่นี้หมายถึงการออกเสียงค่ะ เราต้องออกเสียงให้ถูก อย่างที่คุณผู้ใหญ่บิ๊กเน้นนักหนาเรื่อง final sound พวก t, k ch, sh จำไว้ว่าที่ฝรั่งเค้าไม่เข้าใจที่เราพูดไม่ใช่เพราะเราพูดไม่ถูกหลักไวยากรณ์ แต่เป็นเพราะเราพูดไม่ชัดค่ะ ลองถามตัวเองว่าเราพูดคำง่าย ๆ อย่าง car ว่าคาหรือ คาร แบบมี r เข้ามาด้วย
ถ้ายังไม่ได้เราต้องฝึกค่ะ โดยการทำตามข้อแนะนำที่ 1 และ 2 ข้างบน


การพูด Eng เป็นการสะสมแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีทางลัดค่ะ อยู่ที่ใจเราว่าจะสู้หรือถอย ถ้าสู้แล้วทำอย่างจริง ๆ จัง ๆ ประมาณ 2-3
เดือนเราจะรู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นจนต้องชมตัวเอง (เพราะไม่มีใครชมเรา อิอิ) ขอให้เชื่อก่อนว่าการฝึก
Eng แบบธรรมชาติต้องเริ่มจากการ ฟัง พูด อ่าน เขียน ค่ะ ดังนั้นถ้าตอนนี้ใครกำลังตะบี้ตะบันอ่าน อ่าน อ่าน อยู่นั้นขอให้พักก่อน กลับมาเริ่มด้วยวิธีที่ง่าย และลงทุนน้อยที่สุดคือการฟังค่ะ


ถ้าถามว่าตอนนี้อ้อมเก่ง Eng แล้วเหรอ ถึงกล้ามาแนะนำคนอื่น ตอบได้เต็มปาก (และเต็มใจด้วย) ว่าไม่เก่งค่ะ แต่ก็เริ่มรู้ตัวว่าตัวเองสามารถสื่อสารกับลูกได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้นโดยไม่ต้องคิดจากไทยเป็นอังกฤษแล้วค่ะ ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็ยังไม่เก่ง ยังไม่คล่อง ยังคิดศัพท์ไม่ออกบ้างเหมือนกัน และที่สำคัญยังพูดผิดอยู่มากค่ะ จนบางทีคุณสามีแอบนั่งส่ายหัว คิดคิดในใจว่าพูดไปได้แต่บ้านเราก็มีความสุขกับการเรียนรู้และสื่อสารกันด้วยภาษา Eng กันต่อไป เด็ก ๆ มีความภูมิใจในที่ตัวเองเริ่มพูด Eng ได้อย่างเป็นธรรมชาติ และเป็นที่ชื่นชมของใคร ๆ ที่พบเห็นค่ะ


สุดท้ายขอขอบคุณคุณบิ๊กและครอบครัวที่ถ่ายทอดประสบการดี ๆ ลงในหนังสือเด็ก 2 ภาษาพ่อแม่สร้างได้ทั้ง 2 เล่ม มากค่ะ ทำให้วันนี้ได้มีพ่อแม่สองภาษาเพิ่มขึ้นอีกมากมายในเวลาเดียวกันค่ะ (ไม่ใช่มีแค่เด็ก 2 ภาษา)

Views: 4103

Comment

You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!

Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

Comment by ศิวพงศ์ วิเศษโวหาร on November 20, 2010 at 2:25pm
มุ่งมั่น
Comment by jittanan Setsuppasiri on November 19, 2010 at 4:56pm
คุณอ้อมมีความมุ่งมั่นและตั้งใจมากๆ จึงมีวันนี้ค่ะ ขอแสดงความยินดีและชื่นชมด้วยใจจริงค่ะ
Comment by Tuktick on November 17, 2010 at 2:17pm
เห็นด้วยอย่างยิ่ง
Comment by สุริยา ทองบางพระ on November 17, 2010 at 10:21am
ยกมือขึ้นสูงๆครับ ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำ จะตั้งใจพยายามอีกครั้งนะครับ
Comment by แม่น้องแอมพูล on November 17, 2010 at 9:30am
ขอบคุณมากคะ สำหรับคำแนะนำที่ดีดี
Comment by ปรีดานุช on November 10, 2010 at 3:16am
เพิ่มมาอ่านเจิค่ะดีมากๆ เลย ตอนน้ก็กำลังสับสนเหมือนกันค่ะว่าจะทำอย่างไรให้สามารถพูด Eng ได้พูดกับลูกมาได้ 4 เดือนแล้วแต่รู้สึกว่าตัวเองไม่พัฒนาเลยค่ะ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ
Comment by Minna on November 6, 2010 at 12:03pm
อ่านหัวข้อแล้วอยากจะยกทั้งสองมือและสองเท้าขึ้น ขอบคุณมากนะคะ ค่อยมีกำลังใจหน่อย
Comment by awasada on November 6, 2010 at 7:37am
ขอยกมือด้วยคน!!! ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ จะพยายามค่ะ
Comment by แม่น้องเมตร on November 5, 2010 at 1:41pm
อ่านแล้วได้กำลังใจมากขึ้นคะ "eng ไม่มีทางลัด"
จะพยายามคะ เพื่อลูก และครอบครัว สู้โว้ยยย...
(เพิ่งเริ่มได้ครบอาทิตย์ เองคะ )
Comment by แพรวาฏ์ว เกิดศักดิ์ on November 3, 2010 at 12:08pm
somebody have think we are so mad in sometime.but i think we have proud of us baby can understand what we talking about and can repeat or order us what them want to. ......... ผมเองก็ไม่เก่งแกรมม่า แต่เพื่อน US(อเมริกัน,ต่างชาติ) บางคนที่ทำงานด้วยกันบอกว่า เขาต้องการเพียงแค่ว่า เราต้องการจะพูดอะไรกับเขา และพอเข้าใจในสิ่งที่เขาสื่อสารบ้างหรือไม่ จนเรามีคำพูดที่ติดปากกันว่า what are you worried about? are you chicken? หลังจากนั้นมาก็เลิกสนใจแกรมม่าเลย เน้น Conversations อย่างเดียว verb tense ไว้ทีหลัง...... เน้นฟังบ้างเมื่อมีโอกาส และจับสำเนียงเพื่อไว้ใช้เมื่อต้องการพูด ........ สนับนุนแนวคิดนะครับ สู้ ๆ ทุก ๆ คน

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service