เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย
จากวันที่ 1 ก.พ.2553 เป็นวันที่อ้อมเริ่มสอนลูกอย่างจริง ๆ จัง ๆ คือเราเริ่มทำ OTOL แล้วค่อย ๆ เพิ่มเป็น OPOL มาก็ 5 เดือนกว่า ๆ แล้ว คิดได้นานแล้วว่าอยากเล่าประสบการณ์ของตัวเองให้คนอื่น ๆได้ฟังบ้าง เพราะหลาย ๆ คนคงสงสัยว่าทำได้ยังไงกับการสอนเด็กโตแล้ว (พี่เมือง 7 ขวบเต็ม และน้องขมิ้น 5.9 เดือน ตอนที่เริ่ม) เริ่มจากได้หนังสือ “เด็ก 2 ภาษาพ่อแม่สร้างได้ “(ประมาณเดือนก.ย.52) จากความอนุเคราะห์ของพี่สาวแท้ ๆ ที่เด็ก ๆ เรียกว่า “แม่อ้อ” ต้องขอเอ่ยชื่อพี่อ้อ เพื่อเป็นเกียรติเป็นศรีแด่เธอซะหน่อยค่ะ
เพราะถ้าไม่ได้เธอ อ้อมก็คงไม่รู้จักหนังสือเล่มนี้ หรือเรื่องราวของครอบครัวน้องเพ่ยเพ่ย คือแม่อ้อเป็นคนได้ดูรายการครอบครัวเดียวกันแล้ว โทรมาบอกให้อ้อมดู ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่ได้ดูหรอกค่ะ เพราะมันดึก แบบว่าลูกหลังแม่หลับด้วยอ่ะ แต่พอได้ดูรายการย้อยหลังทางอินเตอร์เน็ทแล้ว อึ้ง ทึ่งกับแนวคิดของคุณบิ๊ก และน้องเพ่ยเพ่ยมาก (โอ้....ทำได้ไงเนี๊ยะ) ทำไมลูกเค้าเก่งจัง พูด Eng ยังกะเด็กฝรั่งแน่ะ แล้วแม่อ้ออีกนั้นแหละซื้อหนังสือมาให้อ้อมเสร็จสรรพ แล้วบอกให้เข้า web ดูด้วยนะ ทั้ง ๆ ที่แม่อ้อน่ะ เช้ยเชยนะคะเข้าเวป-แวป อะไรไม่เป็นหรอก (ย้อนเล่าความหลังมากไปหน่อย)
MP3 ได้ดูคายุ นะคะแต่พ่อแม่ได้ได้พูด Eng กับลูกค่ะห่างหายจากการเข้า web ไปนาน พอกลับมาเข้าอีกทีประมาณเดือน ม.ค. ได้รับ email จากคุณบิ๊กว่าจะมีการจัด workshop ที่เชียงใหม่ เลยขอให้สามีเข้าไปฟังด้วยกัน เพราะสามีเป็นคนที่ภาษาค่อนข้างดี
แต่ต่อต้านเล็กน้อย ไม่อยากเร่งรัดหรือบังคับลูกไม่อยากให้เราบังคับให้เค้าต้องพูด Eng พอตกลงใจได้ว่าจะเข้า workshop ก็ลุยเลยค่ะ รู้สึกว่ามี workshop จะมีประมาณ 21 ก.พ.53 เราก็เริ่มกับลูกตั้งแต่ 1 ก.พ. 53 เลยค่ะ โดยแม่ทำ OPOL แบบอึดอั๊ด อึดอัด เพราะเราอยากพูดกับลูก 100% แต่มันทำไม่ได้ เพราะเราไม่เก่ง Eng บางวันพาลไม่อยากพูดกับลูกไปเลยค่ะ ส่วนคุณพ่อก็แล้วแต่อารมณ์ของเค้า ไม่ว่ากัน เมื่อเราอยากให้ลูกพูด Eng ได้เราก็ต้องเริ่มเองอย่ารอใครเลย (ตอนนี้คิดนะคะว่าถ้าปาป๊าไม่เอาด้วยก็ไม่เป็นไร ฉันลุยเอง) พอผ่าน workshop เหมือนอะไร ๆ ที่เคยกังวลมันละลายหายไปหมดเลยค่ะ มาเข้าใจว่าก็ถ้าเรายังพูดแบบ OPOL ไม่ได้ก็ OTOL ไปสิจะมานั่งกดดันตัวเอง กดดันลูกทำไมทำไปแล้วตัวเองก็เครียดลูกก็เครียดไม่มีใครอยากทำหรอก รู้หลักการแล้วทีนี้สบายใจขึ้นมากลูก ๆ ก็เริ่มผ่อนคลายค่ะ ปาป๊าเริ่มเห็นด้วยว่าแนวคิดนี้ work ทำได้อย่างไม่ต้องกดดัน คราวนี้เลยลุยกันอย่างเต็มที่ค่ะ
พื้นฐานของลูกก่อนการสอน
พี่เมือง : ค่อยข้างเก่งเรื่องภาษาอังกฤษมากก่อนอยู่แล้วค่ะ สังเกตได้จากที่คุณครูที่สอน Eng ทุกคน ตั้งแต่อนุบาล 1 จะชมว่าทำยังไงพี่เมืองถึงเข้าใจเวลาครูพูด Eng และพยายามสื่อสารกับครู Eng เสอม ๆ น่าจะเริ่มมาจากการที่เราสอนลูกตั้งแต่เล็ก ๆ ค่ะ แบบว่า A-ant มด, red-สีแดง คือสอนไปแปลไปตั้งแต่ลูกเกิดค่ะ เพราะความตั้งใจครั้งแรกของแม่คืออยากให้ลูกเก่ง Eng เพื่อลบปนด้อยของแม่ค่ะ พี่เมืองชอบดู VCD ไซโดมอน เสือน้อยสอนคำศัพท์ที่มีขายใน Big C ค่ะ 1 แผ่นมีประมาณ 2000 คำศัพท์ได้แต่เป็นการสอนศัพท์ที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะคนพูดออกเสียงหนักเบาไม่ถูกต้องคืออ่านไม่ถูกนักค่ะ แต่อันนี้ทำให้พี่เมืองรู้ศัพท์เยอะมาก เยอะกว่าที่พ่อ-แม่เรียนมาทั้งชีวิตเลยก็ว่าได้ แล้วก็ดู VCD เพลงภาษาอังกฤษ ที่เด็กจีนร้อง (ไม่ชัดเท่าไรแถมภาพกับเพลงคนละเรื่องเดียวกันซะอีก) ดู ๆ ๆ ๆ ๆ ทุกวันตั้งแต่ 4 ขวบเห็นจะได้ คือประมาณว่าแม่ไม่เคยให้ดูการ์ตูนโดเรมอน หรือการ์ตูนอื่น ๆ เลย ตอนนั้นลูก ๆ เชยมาก ๆ ค่ะ เพื่อน ๆ พูดเรื่องการ์ตูนกันพี่เมืองก็แอบเอามาพูดตามแต่ตัวเองไม่รู้จักเลยซักกะตัวค่ะ
พี่เมือง : เราคนไทยนะครับไม่ใช้คนฝรั่งทำไปเราต้องพูด Eng ด้วย
แม่ : เราต้องฝึกครับ ถ้าเราฝึกกันที่บ้านเราก็จะพูดได้ไม่ต้องไปเรียน Cambridge ตอนเย็นไง (เทอมที่แล้วลูกเรียนพิเศษภาษาอังกฤษของ Cambridge ที่โรงเรียนแล้วลูกไม่อยากเรียนเพราะเหนื่อยมากต้องเรียนทุกวัน จ-พฤ 17.00-18.00 น.)ขมิ้น : น้องไม่เข้าใจ อย่าพูด Engได้ไม๊น้องไม่รู้เรือง แล้วร้องไห้
แม่ : ก็พูดเท่าที่พูดได้ คำไหนลูกคิดไม่ออกก็พูดไทยไปแล้วมาม๊าจะช่วยเองค่ะ (ลูกเริ่มผ่อนคลายและพยายามพูดบ้างทีละเล็กละน้อย)
****สิ่งสำคัญคือการนั่งดูการ์ตูนพร้อม ๆ กับลูก พูดตามประโยคในการ์ตูนที่เราต้องการเน้นให้ลูกจำ และเป็นการกระตุ้นให้ลูกชอบการ์ตูนที่เราต้องการให้ลูกดูค่ะ เคยเห็นคำถามจากหลาย ๆ คนในหมู่บ้านว่าทำยังไงดีถ้าลูกไม่ยอมดูการ์ตูนที่เราเลือกให้
ของอ้อมเมื่อก่อนเด็ก ๆ ก็ติดเรื่อง Tom&Jerry ต้องดูทุกเช้าก่อนไปโรงเรียนอ้อมอยากให้ดูคายุ ก็บอกว่าคายุน่ารักนะ ดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ แบบว่าสร้างความอยากให้ลูกค่ะ แล้วบอกว่าต้องดูเป็น Eng เพราะถ้าดูเป็นพากษ์ไทยเสียงมันตลกๆ ไม่น่าฟังเลย ลูก ๆ ก็จะเริ่มชอบดูค่ะ พอจะเปลียนเป็น Wonder Pets เราก็เอามาดูเองก่อนแล้วกระตุ้นให้ลูกอยากดูอีกค่ะตอนนี้ลูกเริ่มชอบดูการ์ตูนทุกอย่างที่แม่เลือกให้เพราะรู้ว่าแม่ก็ชอบแม่ก็ร้องเพลงในการ์ตูนได้ เราจะร้องเพลงไปด้วยกันในรถค่ะ
5. พยุงการพูด เสริม/ช่วยเวลาลูกนึกศัพท์ไม่ออกหรือถูกไม่ถูก เน้นเรื่องเสียงท้ายมาก ๆ ค่ะ ให้อ่านหนังสือโดยถ้าไม่อ่านเสียงท้ายจะต้องอ่านใหม่ แม่ชะชื้ให้เน้นเสียงท้ายจนลูกรู้ว่าต้องเน้น และในการพูดก็ต้องมีเสียงท้าย หรือถ้าคำไหนมีเสียง r แล้วลูกพูดไม่ออกเสียง r ก็แก้ให้ค่ะ
6. สร้างแรงบันดาลใจ แรก ๆ PM ไม่อยากเรียนพิเศษ Cambridgeที่โรงเรียนเลยยอมพูด/ยอมฝึกกับแม่ค่ะ เพราะถ้าไม่อยากพูด Engกับแม่จะต้องไปฝึกกับครูที่โรงเรียน เค้าไม่อยากเรียนตอนเย็นค่ะ หลัง ๆ PM อยากไปลาสเวกัส KM อยากไปอเมริกา เลยต้องพูด Eng กันให้ได้ และเด็ก ๆ มีความสุขเวลาที่ใคร ๆ ชมว่าพูด Eng เก่ง นี่ก็เป็นแรงบันดาลใจด้วยค่ะ7. พูดประโยคเรื่องกาลเวลาซ้ำ ๆ เช่น It’s gone., I forgot…., Who told you….., you told me last night. เพื่อให้เค้ารู้จักการเปลี่ยน verb เป็นช่อง 2 ช่อง 3 โดยไม่รู้ตัว
8. ความถี่ จาก OTOL เพี่มเป็น OPOL แบบแม่เองก็ไม่รู้ตัวค่ะ สุดท้ายเวลาจะพูดไทยกับลูกมันจะรู้สึกแปลก ๆ ไปเอง คือจะไม่อยากพูดไทยกับลูกค่ะแต่ก็ยังพูดไทยกับลูกต่อหน้าคนอื่นที่เรารู้จักแต่ไม่คุ้นเคยนะคะแต่ต่อหน้าคนไม่รู้จัก หรือคนที่เราคุ้นเคยแล้วเราก็พูด Eng กันค่ะ)และยังพูดไทยเวลาสอนเรื่อง EQ ค่ะเข้าเดือนที่ 5 ลูกมีโหมด Eng ชัดเจนมากพูด Eng กับแม่ แม้แต่ตอนตื่นมาขอฉี่ตอนกลางคืนยังพูด Eng เลยค่ะ ละเมอเป็น Eng
ก็มีแล้ว ลูกเริ่มเล่นกันเองเป็น Eng โดยจำประโยคและสำเนียงจากการ์ตูนมาพูดกันอย่างสนุกสนานและเริ่มสื่อสารได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยพูดกับปาป๊าเป็น Eng เกือบ 100 % และพูด Eng กับแม่มากกว่า 70% โดยอาศัยการกระตุ้นน้อยลง ภาษาของแม่ก็ดีขึ้นด้วยค่ะ เด็ก ๆ สามารถเปลี่ยนโหมดจากการพูด Eng กับแม่หันไปพูดไทยกับคุณยายอย่างไม่มีหลุด Eng กับคุณยายเลยค่ะ KM เป็นที่โปรดปรานของครูฝรั่งทุกคนรวมทั้งครูไทยที่สอน Engด้วยเพราะสามารถเข้าใจที่ครูพูดทันทีโดยไม่ต้องรอการแปล และสามารถสื่อสารเป็นประโยคยาว ๆ กับครูได้ ส่วน PM ก็สื่อสารกับครูได้มาก จนเพื่อน ๆ ในห้องเอาไปบอกแม่ตัวเองว่า อยากพูด Eng บ้างแล้ว เพราะขนาดเมืองไม่ใช่ลูกฝรั่งยังพูด Eng ได้เหมือนฝรั่งเลย อันนี้คุณแม่ของเพื่อนเล่าให้ฟังค่ะ (แม่อ้อมแอบปลื้มใจมากเลยนะ) หลาย ๆ คนพอเห็นเด็ก ๆ พูด Eng ได้ก็ถามว่าทำได้ไง เรียนร.ร.อินเตอร์ ฯ เหรอ อ้อมก็จะยกความดีความชอบให้หนังสือเด็กสองภาษา ฯ ค่ะ เพราะถ้าไม่มีหนังสือเล่มนี้ก็คงไม่มีวันนี้
สุดท้ายหวังว่าข้อความย้าวยาวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่น ๆ บ้างนะคะ ใครมีข้อเสนอแนะ และคำถามยินดีค่ะ และเชิญเข้าไปติชมคลิป PM&KMได้ที่
Comment
ขอบคุณคุณแม่อ้อมมากค่ะที่มาแชร์ประสบการณ์ตรง
เป็นประโยชน์มากๆค่ะ เพราะตอนนี้แม่อ้อยกำลังสับสนเรื่องการสอนลูกให้เป็นเด็ก2ภาษาค่ะ
อ้อยมีเวลาอยู่กับลูกมากกว่าพ่อของน้องจ๊ะจ๋าแต่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ค่ะ แต่บางครั้งบางประโยค
อ้อยก็สามารถพูดได้ค่ะแต่ก็กลัวว่าน้องเขาจะสับสนค่ะ พ่อน้องพูดภาษาอังกฤษกับน้อง100%ค่ะ
ส่วนคุณแม่อยากจะพูดเป็นบางเวลาได้ไหม่ค่ะ
สวัสดีค่ะ เป็นสมาชิกบ้านเด็ก2ภาษาใหม่ค่ะ "แม่น้องจ๊ะจ๋าค่ะ"
ตอนนี้น้องอายุ3ปี6เดือนค่ะ คุณพ่อน้องเป็นคนพูดอังกฤษกับลูกค่ะ
เพราะคุณแม่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ค่ะ คุณพ่อมีเวลาน้อยในการอยู่กับลูกค่ะ
สมาชิกท่านใดมีวิธีการสอนเด็กที่โตแล้วรบกวนช่วยแนะนำด้วยค่ะ
อ่านแล้วทําให้มีกําลังใจที่อยากจะฝึกลูกๆต่อไปค่ะ
อ่านแล้วเริ่มมีกำลังใจค่ะ........ตั้งใจว่าต้องเริ่มสอนจริงจัง เพราะตอนนี้ไม่ยอมพูดซักภาษาเดียว จนจะต้องลองไป speed therapy ขอบคุณได้แรงบันดาลใจจริงๆค่ะ
เป็นแรงบันดาลใจที่ดีจริงๆ
ให้credit คุณแม่เต็มร้อยเลยค่ะ มีแรงฮึดสู้ต่อไป หลังจากหยุดๆๆหย่อนๆมานาน
น้องเก่งมากเลย ตอนนี้แม่น้องภูมิก็ฝึกน้องภูมิมา 5 เดือนแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่น้อง 1.3 ปี ตอนนี้น้องอ่านเฟดกาดได้เป็นร้อยตัวแล้ว และเข้าใจคำสั่งง่าย ๆๆ ได้มากแล้ว แต่ยังพูดป็นประโยคไม่ได้ อยากให้แม่อ้อมช่วยสอนหน่อยจ้า
ขอบคุณมากคะ..อ่านแล้วมีแรงฮึด...สู้ต่อ..กว่าจะปั้นให้เป็นเด็กสองภาษาได้..คุณแม่ต้องตั้งใจให้มั่น..' เราต้องทำได้'
ขอบคุณมากค่ะ เริ่มมีกำลังใจมากขึ้น เพราะเราไม่เก่ง Eng เรย์
© 2024 Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก. Powered by
You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!
Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้