เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย
ประสบการณ์ 1 ปี
หลังจากเข้าหมู่บ้านมาได้ 1 ปี สิ่งหนึ่งที่ภูมิใจสำหรับตัวเองก็คือว่าเราได้เดินทางมาอย่างสม่ำเสมอครบรอบหนึ่งปีแล้ว จำได้ว่าครั้งแรกที่เริ่มต้นยากมากๆ สำหรับเด็กโต เกือบ 10 ขวบ 1 คน เกือบ 9 ขวบหนึ่งคน เป็นวัยที่เขาสามารถใช้ภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ และมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แม้ว่าอาจจะยังไม่สามารถเป็นเด็กสองภาษา แต่เขาก็พอจะสื่อสารโดยใช้ภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นกว่าเดิม
ข้อจำกัดของการสอนลูกตอนโต
1. ลูกๆ ต่อต้านในตอนเริ่มต้น เด็กยิ่งโตก็จะยิ่งต่อต้านมาก พยายามหาแรงจูงใจมากมาย แต่จนบัดนี้ขอสารภาพว่ายังหาไม่เจอค่ะ แต่แม่ก็ปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องจนลูกๆ ยอมรับในที่สุด ศัพท์บางคำที่เค้าจำไม่ได้ก็จะใช้ภาษาไทยในประโยคภาษาอังกฤษ เราก็ต้องพยายามแก้ให้ไปเรื่อยๆ เชื่อมั่นในความถี่ค่ะ เชื่อมั่นว่าภาษาคือทักษะที่ต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ต้องทำไปเรื่อยๆ คงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเรียนรู้ภาษาได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาอันสั้น สู้ กันต่อไป (ให้กำลังใจตัวเองไปค่ะ)
2. ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของแม่ ข้อจำกัดอันนี้ค่อนข้างยากสำหรับแม่ที่มีลูกโตแล้วเป็นอย่างมาก ถึงมากที่สุด เพราะว่าเราต้องสื่อสารกันมากมายหลายเรื่อง ไม่ใช่แค่เรื่อง อาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน มันยังมีเรื่องอื่นๆ อีกมากมายที่เราจะต้องอบรมสั่งสอนลูก ดังนั้น เราจึงตัดสินใจใช้ระบบ OTOL ค่ะ ค่อยๆ พากันไป สามคนแม่ลูก
3. สำเนียงของแม่ แบบว่าราบเรียบ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนไทยค่ะ
ข้อดีของการสอนลูกตอนโต
สำหรับแม่ที่ภาษาอังกฤษไม่ค่อยแข็งแรง ข้อดีของการสอนลูกตอนโตก็มีอยู่ว่า เราสามารถ สวีตหวานกันได้เป็นภาษาไทย อย่างเป็นธรรมชาติค่ะ เราก็สามารถอธิบายการบ้านวิชาต่างๆ ของลูกเป็นภาษาไทยได้อย่างคล่องแคล่ว
พัฒนาการของลูกหลังจากครบ 1 ปี
1. ถ้าประเมินผลลัพธ์ของการสอนมาได้ 1 ปี ตามหนังสือคุณบิ๊กที่ได้เขียนไว้ในเล่ม 1 ว่ามี 4 ระดับคือ
A คือ ฟังพูดสองภาษาได้คล่องเหมือนเด็กลูกครึ่งแท้ที่พูดสองภาษาในครอบครัว เรายังไม่ถึงระดับนี้ค่ะ
B คือ ฟังพูดสองภาษาได้ระดับหนึ่งแต่ยังไม่คล่องนัก
C คือ ฟังพูดได้แค่วลีสั้นๆ จำนวนหนึ่ง ฟังเข้าใจแต่ยังอายหรือไม่อยากพูดภาษาที่สอง
D คือ ฟังพูดได้ศัพท์พื้นฐานจำนวนหนึ่ง มีความอายในการพูดภาษาที่สอง
หลังจากคิดไตร่ตรองมาประมาณหนึ่ง สรุปว่า ครอบครัวเราเดินทางมาถึงระดับ B เด็กๆ สามารถสื่อสารเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้ในระดับหนึ่ง เมื่อมาพิจารณาถึงบันไดขั้นต่างๆ ที่คุณบิ๊กเขียนไว้ในเล่ม 2 เราถึงบันไดขั้นไหนแล้ว
จาก บันได 7 ขั้นของคุณบิ๊ก
1. คำศัพท์
2. วลี ผูกประโยคง่ายๆ
3. ประโยคคำสั่ง/ ประโยคบอกเล่า
4. ประโยคคำถาม yes/no
5. ประโยคคำถามมีตัวเลือกให้ตอบ
6. เรื่องเล่าในปัจจุบัน รู้จักการเชื่อมต่อประโยค
7. เล่าเรื่องมีจุดบอกเวลา มีลำดับขั้นตอน
ถึงปัจจุบันนี้ คิดว่าเรากำลังไต่บันไดขั้นที่ 6 และพยายามขึ้นบันไดขั้นที่ 7 ขั้นที่ 6 และขั้นที่ 7 นี้ถือได้ว่ายากระดับเทพ ต้องพยายามกันอย่างมากมาย ขั้นนี้คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เดินขึ้นไปอยู่ดีๆ ก็ร่วงลงมานับ หนึ่งใหม่ ก็ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วแม่ต้องพยายามพัฒนาสุดฤทธิื์์ ต้องเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มในวัยกลางคน แต่ก็เพื่อลูกล่ะนะ ต้องทำค่ะ
การพัฒนาตัวแม่เพื่อลูกของบ้านเรา
1. ฟังคลิป อันนี้เราสามัคคีกันฟังทั้งแม่และลูกค่ะ ของลูกจะมีรอบเช้าตอนทานข้าวเช้าก่อนไปโรงเรียนและหลังทำการบ้านเสร็จ ส่วนของแม่จะมีรอบกลางวันอีก อันนี้ต้องขอบคุณอ้อม แม่น้องขมิ้น น้องเมือง ผู้เป็นกัลญานมิตรคอยหาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาให้ฟัง เพื่อแม่จะได้เก่งขึ้น ๆ ผลของการฟังคลิปมาได้ประมาณ 5-- 6 เดือน จนถึงทุกวันนี้ ลูกๆ มีทักษะในการฟังเพิ่มขึ้น เรื่องโปรดของเด็กๆ บ้านเราก็ยังคงเป็น peppa pig เหมือนเดิม และที่เพิ่มมาใหม่ก็คือ The cat in the hat ลูกๆ ชอบฟังมาก จากที่ว่าเมื่อเปิดให้ฟังเมื่อแรกๆ บอกว่านอนไม่หลับ แต่ตอนนี้ขอฟังทุกคืน คืนไหนไม่ได้ฟังบอกว่านอนไม่หลับซะงั้น
ผลของการฟังมากๆ ทำให้ลูกๆ และแม่ พูดได้ชัดขึ้น อาจจะยังไม่ถึง 100 เปอร์เซ็น ต่อก็น่าจะพอใช้ได้ สำหรับคนที่ไม่ได้มีประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ แถมยังอยู่ชนบทอีกด้วย ขอแนะนำนะค่ะ สำหรับผู้ที่กำลังเริ่มต้น ฟัง ค่ะ ฝึกฟังเยอะๆ เมื่อเวลาผ่านไปจะรู้ว่ามันช่วยได้จริงๆ ถ้าไม่รู้ว่าจะฟังอะไร ก็ลองค้นหาใน youtube มีให้ฝึกมากมายค่ะ เลือกเอาหัวข้อที่เราสนใจ สำหรับตัวเองแล้ว ถ้าฟังแบบว่าเป็นบทเรียนจะง่วงนอนมากๆ เลยค่ะ บางทีกว่าจะจบบทก็เผลอหลับไปซะก่อน ชอบฟังหัวข้อทั่วไปในชีวิตประจำวัน มีคนมาคุยกันให้ฟัง หรือไม่ก็นิทานลูกค่ะ แม่ก็ชอบลูกก็ชอบค่ะ ถ้าสนใจนะค่ะ ลองเข้าไปดูในห้องสมุดของหมู่บ้านนะค่ะ มีให้มากมายค่ะ อันนี้ต้องขอบคุณแม่ปอ มากมากๆ เลยค่ะ
การฟังนี่ขอให้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งเลยค่ะ สำหรับคนที่ไม่เก่งภาษาอังกฤษ หรือว่าสำเนียงไม่ดี ความคิดเห็นส่วนตัวนะค่ะ คิดว่าสำเนียงอาจจะปรับปรุงกันได้ แต่ต้องใช้เวลา อันนั้นก็ไม่เป็นไร ถ้าเราจะสามารถสื่อสารกับเขาได้ เข้าใจกันดี ก็ค่อยๆ ปรับปรุงกันไปเรื่อยๆ
2. อ่าน หาหนังสือมาอ่านค่ะ มีหนังสือดีๆ ให้อ่านมากมายค่ะ การอ่านก็จะช่วยให้เราได้รู้คำศัพท์เพิ่มมากขึ้น ก็เอาหนังสือลูกนั่นแหละค่ะ มาฝึกอ่านกับลูกด้วย เป็นการเพิ่มคำศัพท์แบบง่ายๆ และไม่กดดันจนเกินไป ทำไปเรื่อยๆ ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นเหมือนกัน ตัวเองไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือเรียนค่ะ อาจจะเป็นด้วยวัยด้วยก็ได้ จริงๆ ก็ไม่อยากเน้นเรื่องวัยนี้เท่าไหร่ แต่มันก็สำคัญ เป็นเหตุผลที่ดีข้อหนึ่ง
3. เรียน ถ้าเราไม่มั่นใจก็ต้องเรียนเพิ่มเติม เรียนมาได้ 9 เดือนแล้วค่ะ แต่ก็คิดว่าคงยังไม่หยุดเรียน ตั้งใจว่าจะเรียนไปเรื่อยๆ วิธีการเรียนของเราคือ จะเรียนเรื่องการพูด ไม่เน้นแกรมมา แต่ก็มีบ้างเป็นระยะๆ ในแต่ละวันก็จะพูดคุยกันถึงหัวข้อต่่างๆ ที่เราสนใจ ถ้าเราพูดได้ไม่สละสลวย คุณครูก็จะแก้ให้ เรียบเรียงประโยคให้ใหม่ สนุกทั้งครูทั้งนักเรียนค่ะ
ตั้งใจเขียนบล๊อกนี้ไว้เพื่อดูการเปลียนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น ว่าเมื่อเวลาผ่านเราพัฒนาตัวเองไปอย่างไรบ้าง เป็นบันทึกช่วยจำสำหรับตัวเองค่ะ และก็ในวันข้างหน้าจะได้เก็บไว้ให้ลูกอ่านด้วย อยากให้ลูกรู้ว่าแม่รักลูกมากแค่ไหน และก็หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อนๆ สมาชิกในหมู่บ้านก็ยินดีนะค่ะ และก็ขอขอบคุณทุกแรงใจและขอเป็นกำลังใจสำหรับทุกครอบครัวที่พากันก้าวเดิน เพื่อลูกของเราค่ะ
Comment
อ่านแล้วมีกำลังใจเพิ่มแรงฮึดค่ะ ^^
ดีใจด้วยมากๆเลยค่ะ เด็กๆชอบดูเรื่องเดียวกันเลยแต่เจเจยังเด็กกว่ามากค่ะ ชื่นชมในความพยายามนะคะเพราะยิ่งเด็กโตเนี่ยหินสุดๆค่ะ แต่อย่างที่พ่อๆแม่ๆทุกคนเคยผ่านมามันยากที่สุดก้อแค่ตอนเริ่มต้นเท่านั้นแล้วผลของการฝึกน่าชื่นใจมาก วอเป็นคนนึงที่เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่อนุบาลแต่ไม่เคยกระดิกเข้าหัวเลย โชคดีที่ไม่ได้มีทัศนคติที่ไม่ดีกับภาษาอังกฤษ การฝึกแบบนี้มันดีกว่ามากๆทั้งตัวเราและลูกค่ะ เป็นกำลังใจสู้ไปด้วยกันนะคะ
แอบติดตามอ่านบล้อกของคุณหน่อยตลอดค่ะ คุณหน่อยเป็นแม่ที่ขยันมาก ๆค่ะแอบมาปรับใช้กับตัวเองเหมือนกันค่ะอ่านแล้วมีแรงฮึดขึ้นเยอะค่ะ แต่เหนื่อยมาก ๆค่ะ ยังไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่ค่ะจะสู้ต่อไปค่ะ
มีกำลังใจเพิ่มขึ้นหลังจากได้อ่านจบ ขอบคุณมากๆๆๆ คะ มีประโยชน์มากเพราะตอนนี้กำลังจะเริ่มสอนหลานซึ่งปฏิเสธไม่รับไม่เอาเลยภาษาอังกฤษ ตอนนี้อายุ 7 ขวบแล้ว ได้แรงฮึดจากคุณหน่อย ห้ามท้อแท้เด็ดขาด สู้ๆๆๆๆๆ ต่อไป
ยินดีด้วยค่ะ ขอกำลังใจด้วยนะคะ ดิฉันไม่รู้จเริ่มยังไงดีค่ะ ไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับลูก ขอเทคนิคด้วยนะคะ
สวัสดีคะ อืมเพิ่งเริ่มกลับมาวันนิ คือน้ำท่วมคะ เห้งคุงแม่มีลูกโตแว้วเหมือนกาน เลยอยากรู้จักไว้เปงที่ปริกษา ภาษาอาจยังไม่ดีนะคะ แต่อยากรู้แนวทาง การสอน ตอนนิคุณแม่เอง ก๊เพิ่งเข้ามาเมือปลายปี ยังสอนไม่ถึงไหน น้ำก๊ท่วมหยุดไป 2 เดือนแล้ว ตัวเราเองก๊ลืมและ วันนิเข้ามาก๊มีกำลังใจมากขึ้นคะ มาสู้ไหม่คะ หมายถึงตัวเอง เราเองอ่อนทุกอย่าง เอาละเริ่มแล้ว สู้ๆๆๆๆ
พี่หน่อยสุดยอด!!!
© 2024 Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก. Powered by
You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!
Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้