เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

ความคิดเห็นจากผู้อ่าน เรื่องเด็กสองภาษา

paul iengphasuk
-----
เรียนคุณ พงษ์ระพี

ผมได้มีโอกาสอ่านหนังสือของคุณเล่มนี้ มีความรู้สึกว่าเป็นหนังสือที่ดี เเละได้อ่าน reference จาก website www. humanities.byu.edu/bilingua/faq.html เเล้วมีความเห็นว่าในเมื่อชาวต่างชาติเขาสามารถฝึกลูกของเขาให้มีตวามสามารถพูดได้ทั้ง 2 ภาษาหรือ มากกว่านั้น เเล้วทำไมคนไทยถึงทำไม่ได้?

ขอชมเชยที่คุณ พงษ์ระพี สามารถทำได้ในสิ่งที่ไม่มีใครคิดว่าจะทำได้

ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ เพราะก่อนจะเชื่ออะไรต้องมีการพิสูจน์ ถึงเเม้ว่าจะจบทางด้านวิทยาศาสตร์เเต่ผมก็ได้ใช้ชีวิตพัวพันกับการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนกว่า 10 เเห่งเพื่อหาข้อมูลว่าทำไมเด็กไทยเรียนภาษาตั้งเเต่ชั้นประถมจนจบมหาวิทยาลัย เเต่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ผมก็สามารถหาคำตอบได้หลังตระเวนสอนมาในโรงเรียนดังกล่าว คำตอบคือครูท่สอนภาษาอังกฤษมุ่งท่จะทำให้เด็กผ่านอย่างเดียวหลังสอบ(ข้อเขียน) ถ้าตกก็เปิดโอกาสให้ซ่อมเเล้วจึงผ่าน เมื่อระบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเป็นอย่างนี้เเล้วเด็กจะสามารถพูดภาษาได้อย่างไร?

ผมรู้สึกท้อเเท้กับระบบการสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนไทยจึงหันกลับมาทุ่มเวลาให้กับการทำงานงาน
เเต่เวลาเดียวกันก็ไม่หยุดที่จะเเวะเวียนไปหาดูหนังสือใหม่ๆเกี่ยวกับภาษาอังกฤษที่ร้านหนังสือ บางคร้งหนังสือที่ออกมาใหม่เกี่ยวกับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษก็เน้นเเต่ขายความบันเทิงเเล้วขายยอดพิมพ์ เเต่หนังสือของคุณมีสาระน่าอ่านเเละได้เเนะนำวิธีการปฏิบัติ ผมมานั่งคิดดูว่าถ้าผมจะเอาวิธีที่เเนะนำไปปฏิบัติผมคิดว่าผมทำได้ไม่ยาก เพราะผมเป็นครูสอนภาษาอังกฤษเเละมี methodology
มากมายรวมทั้งตำราต่างๆ เเต่ถ้าเป็นผู้ปกครองสมัยใหม่ที่ภาษาอังกฤษไม่เเข็งเเรงคงจะลำบากใจมิใช่น้อย ไหนจะหวั่นเกรงการออกเสียงให้ถูกต้อง อย่างเช่นคำ sugar, sponge, dessert, plumber, tomato, temperature,

...... เเละอื่นๆ ผมจึงมีเเนวคิดว่าถ้าจะมีการก่อตั้ง tuition centre สำหรับผู้ปกครองที่ต้องการเรียนรู้วิธีการออกเสียงภาษาอังกฤษ (phonetic) ให้ถูกต้องตามสำเนียงสากลผมคาดว่าจะมี้ผู้ปกครองที่สนใจไม่น้อยที่อยากมาเรียนเพื่อสอนลูกของเขา เพราะหนังสือเล่มนี้ผมเปรียบเสมือนเครื่องมือชิ้นหนึ่งจะเป็น ไม้ตีกอลฺฟ หรืออะไรก็ได้ที่มีประโยชน์ เเต่ถ้าไม่มีคนสอนให้จับไม้กอลฺฟเเล้วตืให้ถูกวิธีสากลเเล้วไซร้ ไม้กอลฺฟนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับไม้ธรรมดาๆชิ้นหนึ่งที่ไม่มีใครเมินต่อไป

Views: 400

Reply to This

Replies to This Discussion

จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ทำให้จุดประกายความคิดที่อยากจะสอนให้ลูกพูดภาษาไทย คนไทยที่อยู่ในต่างแดน "ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยมีเวลาที่จะสอนลูก" ให้พูดภาษาไทยสักเท่าไร เพราะมัวแต่ห่วงทำงานหาเงินจนไม่มีเวลาให้ลูก และลืมไปว่า ภาษาแม่ก็เป็นสิ่งสำคัญ และเกือบ 80 % ทีเป็นมนุยษ์บ้างานอยู่ที่ต่างแดน คิดแต่จะทำหาเงินเพื่อลูกและเพื่อครอบครัว พอมารู้สึกตัวอีกทีมันก็สายไปแล้ว ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยเก่งภาษา พออยากจะพูดอยากจะสอนลูก ลูกก็ไม่เข้าใจ และภาษาก็ไม่อ่อนโยนเหมือนกับภาษาไทย เราก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่ก่อนหน้านั้นเราก็บ้างานเหมือนกับคนอื่นที่อยู่ที่นี้ และทำงานวันละ 14 ชั่วโมง เดินทาง 2 ชั้วโมงทำงาน 12 ชั่วโมง พอกลับถึงบ้านก็หมดแรง จนได้มาเจอคลิปวีดีโอของน้องเพ่ยเพ่ย ใน youtube พอดูคลิปวีดีโอจบแล้ว ก็จุดประกายความคิดที่อยากจะสอนให้ลูกพูดภาษาไทยอย่างจริงจัง และในหมูบ้านเด็ก 2 ภาษา ก็ยังมีความคิดแลกเปลี่ยนที่ดี มีทั้งคำแนะนำที่ดี และยังกำลังใจที่ดีให้เสมอ ต้องขอขอบคุณ หมูบ้านเด็กสองภาษา จากใจจริง
ไม่ว่าใครที่มีโอกาสได้อ่านหนังสือผู้ใหญ่บิ๊ก ต้องทึ่งกันทุกคนเลยค่ะ ทึ่งในความคิดของคุณพ่อ ทึ่งในความสามารถของคุณลูก และก็ทึ่งในกำลังเสริมของคุณแม่

ผู้ใหญ่บิ๊ก ทำให้พวกเราหลายๆ ครอบครัว ไม่พลาดโอกาสทองของชีวิตเจ้าตัวน้อย ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ ^_^
ใช่ค่ะ ยิ่งเข้ามาในเว๊ป นี้ มากกว่า การได้ฝึก2 ภาษา เลยค่ะ ได้อะไร จากหมู่บ้าน แทบจะครบเครื่องในเว๊ปนี้เว๊ป เดียวเลยค่ะ
สุดยอดหนังสือ...ยอดเยี่ยมกว่า หนังสือHow to..ที่เคยอ่านมา
หลักปฎิบัติง่าย-ชัดเจน-ทันสมัย และที่สำคัญ ทำได้จริงๆ ตามที่หนังสือบอก...(ไม่เหมือนบางเล่ม อ่านแล้ว เทพ..มาก-มาก)

ด้วยความเคารพ และ ขอแสดงความนับถือครับ
ใช่ค่ะหนังสือเล่มแรกของคุณบิ๊กเป็นใบเบิกทางในการสอนภาษาแบบธรรมชาติสำหรับลูกจริงๆ ค่ะ ทดลองทำตามคำแนะนำของคุณบิ๊กแล้วได้ผลจริงๆ ค่ะ เดี๋ยวนี้พาลูกไปไหนเวลาพูดกับลูกมีแต่คนหันมามองแล้วถามว่าน้องพูดไทยได้ไหมคะ , น้องเขาเก่งจังเลยตัวแค่พูด ฟังภาษาอังกฤษรู้เรื่องหมด แล้วโตขึ้นจะขนาดไหน? แม่แอบปลื้มๆๆ แต่ตอนนี้ปัญหาตกอยู่ที่แม่แล้วเพราะน้องเขาโตขึ้นทุกวัน เขารู้มามากขึ้นเวลาเขาเจออะไรใหม่ๆ เขาจะถามแม่ว่า what is this Mom? บางครั้งแม่นึกออกก็บอกลูกได้แต่ก็มีบ่อยเหมีอนที่นึกไม่ออกก็ตอบ I don't know Honey. แต่ในใจก็รู้สึกว่าทำไมเราแย่จังเลย ตอนนี้ก็พยามยามหาข้อมูลเพิ่มเติมอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่ success เลยค่ะ ใครมีวิธีดีๆ ช่วยแนะนำด้วยนะคะ
สุดยอดจริงๆค่ะคุณบิ๊ก แนวคิดคุณบิ๊กได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางเลยค่ะ พ่อแม่ยุคใหม่ใส่ใจและทุ่มเทกับการเลี้ยงลูกมาก ซึ่งการสอนภาษาให้ลูก เราก็สามารถทำได้จริงๆ ขอให้ไม่ละความพยายามค่ะ
เชื่อมั่นกับแนวคิดของคุณบิ๊ก เราทำได้จริงๆ
แนวคิดของคุณบิ๊กทำให้พ่อแม่ให้เวลากับลูกมากขึ้นค่ะ เพราะเราจะฝากความหวังไว้กับครูอย่างเดียวไม่ได้
เมื่อพ่อแม่ใส่ใจที่จะสอนลูกด้วยตัวเอง ครอบครัวก็อบอุ่น ประเทศชาติในอนาคตก็จะมีเด็กที่มีคุณภาพต่อๆ ไปค่ะ
พออ่านหนังสือคุณบิ๊กแล้ว ตอนแรกคิดแค่ว่าจะสอนภาษาลูก แต่กลายเป็นแตกยอดไปสู่การอยากพัฒนาอื่น ๆ ไปด้วย โดยความคิดว่าฝึกที่บ้านดีกว่า ตระเวนพาลูกไปเรียนพิเศษเพราะเหนื่อยทั้งแม่ทั้งลูก อยากทำอะไรพ่อแม่ต้องฝึกก่อน ขอบคุณเวปดี ๆ อย่างเวป 2pasa และชุมชนแม่ ๆ ในนี้ที่เป็นตัวอย่างที่ดีจริง ๆค่ะ
พ่อแม่ สร้างได้จริงๆค่ะ เพราะพ่อและแม่คือครูคนแรกของลูก ถ้าไม่ได้อ่านหนังสือของคุณบิ๊ก ก็คงพลาดโอกาสที่ดีที่สุดที่จะทำอะไรให้ลูกอีกมากมายหลายอย่างค่ะ นอกจากภาษาที่สองแล้วการเข้ามาในเว็บนี้ยังมีพ่อแม่ผู้ปกครองมากมายที่ใจดีร่วมแบ่งปันประสบการณ์การเลี้ยงดู การพัฒนาลูกในด้านต่างๆ ครบทุก function จริงๆค่ะ บางสิ่งที่ไม่เคยรู้ก็เพิ่งได้รู้และเรียนรู้ไปพร้อมๆกับลูกด้วยค่ะ หนังสือของคุณบิ๊กเป็นจุดเริ่มต้นในการต่อยอดความสำเร็จในด้านต่างๆของลูกให้ครอบครัวเรามากมายจริงๆค่ะ^^ อยากขอบคุณอีกเป็นร้อยเป็นพันครั้งค่ะ ขอบคุณมากจริงๆ
แนวคิดเด็กสองภาษาทำให้พ่อ แม่ ลูกมีกิจกรรมด้วยกัน ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ได้เห็นถึงพัฒนาการของเค้าในด้านต่างๆมากมาย เย็นต้องรีบกลับบ้านเพื่อมาเล่นกับลูก ทำให้ครอบครัวอบอุ่น มีรอยยิ้มเพิ่มขึ้นในแต่ละวันด้วยค่ะ
ขอบคุณจริงๆค่ะสำหรับแนวคิดที่ดีอย่างนี้
เป็นคนหนึ่งที่ชอบเดินเข้าร้านหนังสือเพื่อหาหนังสือการสอน การพูดภาษาอังกฤษเขียนเหมือนกัน คล้ายกัน แต่คนละค่าย ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ แต่จะทำอย่างไรจึงจะพูดได้เหมือน ต่างชาติกับเขาบ้าง จึงมาเจอหนังสือของคุณบิ้กนี่แหละ คือใช่เลย ทดลองแล้วเห็นผล เป็นธรรมชาติมาก ไม่ใช่ต้องมานั่งท่องจำ ต้องเป็นอะไรที่ธรรมชาติพูดออกได้เป็นธรรมชาตมากกว่าพูดออกจากความรุ้สึก ไม่จำเป็นเลยที่ต้องมานั่งเรียนไวยากรณ์มากมายก่อน แม้แต่ภาษาแม่ ไม่ว่าชาติใดในโลก ก็พูดได้ก่อนเขียนกันทั้งนั้น จำเป็นหรือที่ต้องมานั่งเรียนท่องจำก่อนจึงจะเข้าใจแล้วจึงพูดได้ เป็นไปไม่ได้เลย ขนาดเราเรียนจบป.ตรีมา ก็ยังพูดไม่ได้ เจอคนต่างชาติมาถาม ตัวเองต้องตอบแบบงู ให้เขาเข้าใจ หนีไม่พ้นที่ต้องเจอคนต่างชาติเดินมาถามทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นบนรถไฟฟ้า บนรถเมล์ ห้างสรรสินค้า ทุกๆที่ที่คุณต้องพบผ่านทุกวัน

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service