เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม 2010

น้องอัยริสได้รับวัคซีน 5 โรคเมื่อตอนประมาณ 10.00 หลังจากนั้นเราทั้งสามคนได้เดินทางกลับนครสวรรค์ ระหว่างเดินทางกลับ ตูนเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของอัยริส เท้าและมือของอัยริสเริ่มอุ่นๆ ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแต่ว่าเป็นเพราะยาที่ฉีดไปมั้ง เพราะทราบมาตั้งแต่แรกแล้วว่าถ้าฉีดยาตัวนี้น้องจะมีไข้อ่อน พอเดินทางกลับถึงบ้านประมาณ 16.00 ตูนได้วัดไข้ลูกปรากฏว่าไข้ค่อนข้างสูง ก็ได้ให้ยาลดไขที่มีอยู่ในตู้เย็น พร้อมกับเช็ดตัวให้น้อง คืนนั้นน้องอัยริสนอนหลับไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่เพราะไข้สูงตลอดเวลา ตูนต้องป้อนยาลดไข้ให้ทุกๆ 4 ชั่วโมง พอทานยาไปไข้ก็ลด พอหมดฤทธิ์ยาไข้ก็ขึ้นอีก ขึ้นสูงประมาณ 38.0 – 39.0 C

วันอังคารที่ 16 มีนาคม 2010

น้องอัยริสตื่นเช้ามาโดยที่ไข้ก็ยังไม่ลดดี เป็นเหมือนเดิมทานยาก็ลด หมดยาก็ขึ้นอีก ตูนเริ่มรู้สึกว่าคงจะต้องมีอะไรผิดปกติอย่างแน่นอน ไม่น่าจะเป็นเพราะวัคซีนแล้ว ตูนโทรไปปรึกษาอาการของน้องกับคุณหมอ สิริกุล (คุณหมอที่บำรุงราษฎ์ที่ฉีดยาให้น้องอัยริส) คุณหมอบอกทันที่ว่าไม่เป็นเพราะยาที่ฉีดอย่างแน่นอน น้องต้องไปได้รับเชื้ออะไรมาสักอย่างแน่ ให้ตูนรีบพาน้องไปหาหมอที่นครสวรรค์ ตูนรีบพาน้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลศรีสวรรค์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดแล้วในนครสวรรค์ ตูนไปหาหมอเด็กโดยตรง หมอที่นครสวรรค์บอกว่าคุณแม่ได้ต้องตกใจน้องไข้ขึ้นเป็นเพราะวัคซีนเดี๋ยวก็หาย แล้วได้ให้ยาลดไข้สูง Nurofen 100 mg มาเพิ่มอีกตัวนึง หมอบอกว่าน้องมีไข้สูงทาน tempar ยังไงก็ไม่มีทางหายไข้หรอกต้องใช้ตัวไข้สูง ตูนสบายใจขึ้นรีบพาลูกกลับบ้านมาทานยา ตัวยาไข้สูงนี้ค่อนข้างแรงมากกก ทานไปปุ๊ปไข้ก็ลดปั๊ป ตูนก็สบายใจขึ้นว่าลูกคงจะหายเร็วๆนี้แล้ว เพราะลูกไม่มีอาการเหมือนเด็กป่วยเลย ไม่ซม ไม่ซึม ทานเยอะ เล่นได้เป็นปกติมากก

เย็นนั้นเป็นเหมือนเดิมไข้ไม่ลด ยังสูงกว่าเดิมอีก บางครั้งตูนวัดได้ถึง 40 C ตูนก็โทรหาหมอเพื่อจะถามให้แน่ใจ หมอก็ยืนยัน นอนยันให้ทานยาลดไปเดี๋ยวก็หาย คราวนี้หมอสั่งยาทางโทรศัพท์ว่าให้ทาน Nurofen 100mg 5ml พร้อมกับ tempar 6ml ตอนนั้นก็เริ่มเอะใจให้ยาลูกไปก็ไม่ค่อยสบายใจว่าเอออออ ทำไมลูกเราต้องทานยาลดไข้เยอะจัง ในความรู้สึกของตูนการทานยาลดไข้เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ทำไมเราไม่ลองหาและรักษาดูว่าอัยริสป่วยเป็นอะไร เอาแต่ให้ยาลดไข้ คืนนั้นก็เป็นเหมือนเดิมไข้สูงมาก แต่ระยะการกลับมาของไข้เริ่มห่างลง ตูนเริ่มเบาใจคิดว่าลูกคงดีขึ้นมาก แต่พอมาย้อนคิดดูลูกไม่ได้อาการดีขึ้นเลยแต่เป็นเพราะให้ยาแรงขึ้นมากต่างหาก

วันพุธที่ 17 มีนาคม 2010

เช้านั้นน้องก็ยังเป็นเหมือนเดิมเล่นได้ปกติ ทานปกติร่าเริ่งมาก แต่ไข้ขึ้นสูง ระยะของไข้ห่างลง เพราะตูนให้ยามตามหมอบอก ทุกๆ 6 ชม. เลยทำให้ดูเหมือนว่าน้องอาการดีขึ้นเพราะพอใกล้ๆครบ 6 ชม ไข้เริ่มจะขึ้นเราก็ให้ยาไปกดไข้ไว้อีก แต่วั้นนี้ตูนพยายามดึงการให้ยาให้ห่างลงเพื่อจะสังเกตอาการลูก เพราะในใจเชื่อมั่นว่าลูกต้องเป็นอะไรแน่แต่ไม่รู้ว่าจะรุนแรงแค่ไหน วันนี้ตูนออกไปทำงานนอกบ้านให้คุณตา กับ คุณยายดูแลอัยริส ตอนบ่ายแม่โทรมาบอกให้กลับบ้านด่วน ผิวลูกเป็นเหมือนจ้ำๆ และไข้ก็กลับมาขึ้นสูงอีก ตูนใจตกไปอยู่ตาตุ่ม รีบวิ่งกลับบ้านแทบไม่ทันพอไปเห็นลูก จับตัวลูก ลูกก็มีไข้จริง จริง แล้วตัวลูกก็ดูลายๆผิดปกติ ตูนรีบพาลูกไปหาหมอคนเดิมที่โรงพยาบาลศรีสวรรค์ ตอนนั้นประมาณ 16.00 พอหมอเจอหน้าตูนปุ๊ป หมอจำได้หมอก็พูดว่า โถ หมอคิดว่าจะมาแต่เช้าซะอีก ยังรอได้ถึงบ่ายเลยน่ะเนี่ย (เพราะเมื่อวานตูนโทรหาหมอถึง 2 ครั้ง) พอได้เข้าพบหมอ หมอบอกว่าคงจะไม่ได้เป็นเพราะฉีดวัคซีนแล้วแหละ (ความรู้สึกช้าไปป่ะ?) แต่ก็มั่นใจว่าเป็นเพราะเชื้อไวรัส ทานยาลดไข้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็หายเอง ตอนนั้นเราเข้าไปสามคน มีตูน สามีตูน และแม่ตูน ช่วยกันสักช่วยกันถามแทบตาย แต่ก็ได้คำตอบมาว่าเป็นไวรัสนั้นแหละและแถมเสียหัวเราะนิดๆว่า อย่าคิดมาไปเองได้ไหม ไม่เป็นอะไรหรอก แถมหมอยังพูดอีกว่า ดูแม่ไม่สบายใจมากจะแอดมิดเลยไหมล่ะ หมอจะได้ไม่ต้องรับโทรศัพท์แม่อีก ท้ายสุดได้แถมมาอีกว่า เออถ้าไข้ยังไม่ลดพรุ่งนี้ก็มาแอดมิดได้เลยน่ะ แต่หมอไม่อยู่น่ะไปพักร้อนนานเลย เดี๋ยวจะให้หมอคนอื่นดูแลแทน

วันนี้หมอได้สั่งให้ฉีดยาลดไข้ เพราะเห็นพวกเรากังวลมาก กลัวว่าไข้จะสูงจนชักได้ พอเห็นการฉีดยาของที่โรงพยาบาลศรีสวรรค์ โรงพยาบาลเอกชนที่ทันสมัยที่สุดในนครสวรรค์ ตูนถึงกับถอดใจ หมอไม่ฉีดเองให้พยาบาลฉีดให้ เค้าให้ตูนกดตัวลูกด้านบนเอาไว้ในขณะที่มีพยาบาลอีกคนจับขาเอาไว้ แล้วอีกคนเป็นคนฉีด สงสารลูกมากกกก กอดลูกไปตูนก็ร้องไห้พร้อมลูกไป ไม่อยากให้ลูกเจ็บ ตอนนั้นอยากจะบอกนางพยาบาลจริง จริงว่าฉีดยาคนน่ะค่ะ ไม่ใช่ฉีดยาหมู

หลังจากฉีดยาไข้ก็ลดเรียบ ตูนก็เริ่มวางใจว่าคงโอแล้วแหละ เดี๋ยวก็คงดีขึ้น แต่พอตกดึกประมาณ ตีสองอัยริสตื่นมาปลุกตูนคงเป็นเพราะฤทธิ์ไข้ อัยริสเรียก มะ...มะ... ตูนรีบตื่นดูลูก ลูกตัวร้อนเป็นไฟ วัดไข้ได้ประมาณ 40.0 C ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลย ตกใจสุดฤทธิ์ รีบป้อนยาลดไข้ลูก ปลุกเอ้ และพูดกับเอ้เลยว่า ตูนจะพาลูกกลับไปหาหมอที่กรุงเทพเดี๋ยวนี้ ตูนรอไม่ได้แล้ว รีบเก็บของ เราออกจากนครสวรรค์ประมาณตี 2 กว่าๆ ถึงโรงพยาบาลบำรุงราษฎ์ประมาณ ตี 5 ครึ่ง ตอนนี้เข้าตรวจกับหมอเวร หมอเห็นไม่มีไข้แล้ว เลยถามว่าจะกลับไปดูอาการที่บ้านก่อนไหม แต่ตูนก็ยืนยันกับหมอเลยว่าตูนจะแอดมิดเลย ไม่สนจะอยู่โรงพยาบาลดูอาการ

วันพฤหัสที่ 18 มีนาคม 2010

พอได้เข้าห้องพักแล้วพยาบาลรีบเจาะเลือดอัยริสไปตรวจ ลูกร้องให้และดิ้นแรงมากตูนอยู่ในห้องเจาะเลือดกอดลูกไว้ได้แต่ร้องเพลงโปรดให้ลูกฟังเพื่อให้ลูกรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง กอดลูกไปก็ร้องไห้ไปพร้อมๆกับลูกไม่อยากให้ลูกต้องเจ็บปวด ปกติน้องอัยริสเป็นเด็กที่แข็งแรงมาก ตั้งแต่เกิดมาเป็นหวัดแค่ประมาณ 2-3 ครั้งเอง เช้าวันนี้น้องก็ยังคงร่าเริงอยู่เล่นได้และทานได้เป็นปกติ

ตูนรีบบอกพยาบาลไปตั้งแต่เช้าว่าน้องเป็นคนไข้ของคุณหมอสิริกุลขอให้คุณหมอตรวจน้องด้วย หลังจากได้รับผลเลือดคุณหมอขึ้นมาหาพร้อมแปลผลเลือดให้ฟัง คุณหมอบอกว่า เม็ดเลือดขาวของน้องสูงมาก เกล็ดเลือดก็สูงมาก รวมทั้งการตกตะกอนที่ผิดปกติ ต้องมีอะไรในร่างกายน้องที่อักเสบสักอย่าง ไม่ได้เกิดจากเชื้อไวรัสอย่างแน่นอน คุณหมอให้เอาปัสสะวะไปตรวจ รวมทั้งสอบถามว่าน้องทานยาลดไข้ยังไงมาเพราะงงว่าทำไมไข้หายไปไม่ขึ้นมาอีก ตูนได้แจ้งไปว่า ทาน Nurofen กับ tempar พร้อมกัน พร้อมได้ฉีดยาลดไข้ไปเมื่อวาน คุณหมอสิริกุลถึงกับส่ายหน้า บอกว่าทานเข้าไปได้ยังไงยาลดไข้สองตัวเนี่ย เดี๋ยวตับก็ทำงานหนัก แล้วยาลดไข้จะไปฉีดทำไมทานยาก็เหมือนกับฉีดนั้นแหละ ตูนถึงกับโมโหจี๊ดดดดดดด ชาตินี้อย่าได้เจอกันอีกเลย โรงพยาบาลศรีสวรรค์

คุณหมอสิริกุลได้ลดยาแก้ไข้ให้น้องให้ทานแค่ Calpol 250 mg 3ml บ่ายวันนี้ไข้อัยริสขึ้นสูงมากตลอดทั้งวันวัดทีไรก็สูง จนพยาบาลต้องเวียนกันเข้ามาเช็ดตัว อัยริสก็เอาแต่ร้องไห้จนตาบวม สถาพแย่มากก นอนซมอยู่บนตัวตูน ทานได้แต่ โยเกิร์ตนิดหน่อย พอจับตัวขยับก็ร้องไห้คงจะปวดไปทั้งตัว เห็นลูกเป็นอย่างนั้นหัวใจตูนแทบจะสลาย ลูกเป็นอะไรก็ไม่รู้ สงสารลูกมาก ตูนนอนกอดกับลูกอยู่ตลอดเวลา ไม่อยากจะลุกไปไหนเลย ไม่อยากจะกินข้าว ไม่อยากจะทำอะไรทั้งสิ้น อยากอยู่ข้างๆ ลูกตลอดเวลาถ้าเป็นไปได้อยากป่วยแทนลูก

ช่วงเย็นวันนั้นคุณหมอมาเยี่ยมไข้อีกรอบพร้อมกับแจ้งผลตรวจปัสสะวะ คุณหมอบอกว่าปัสสะวะปกติดี แปลกมากในร่างกายเค้าไม่มีอะไรอักเสบเลย หลังจากนั้คุณหมอก็ถามว่าคุณแม่รู้จัก Kawasaki’s disease ไหม? ตอนนี้ตูนชาตั้งแต่หัวจรดเท้า เคยได้ยินมาอยู่จากนิตยสารเด็กว่าร้ายแรง แต่ไม่เคยได้อ่านอย่างละเอียด คุณหมอบอกว่าให้ลองเข้า internet ดู แล้วช่วยกันสังเกตอาการน้อง อาการของ Kawasaki (รายละเอียดด้านล่างค่ะ)

จากที่ช่วยกันสังเกตกับคุณหมอ อัยริสก็ไม่ค่อยมีอาการเหมือนกับโรคนี้เท่าไหร่ ตาอัยริสแดงนิดหน่อยน้อยมาก อาจเป็นเพราะว่าเค้าร้องไห้เยอะก็ได้ ตามตัวก็ไม่มีผื่น ลิ้นก็ไม่เป็นลิ้นสตอเบอร์รี่ สรุปแล้วว่าไม่มีอาการอะไรเหมือนเป็นโรคนี้เลยมีแต่ตาแดงนิดหน่อยแต่ evidence ก็ยังไม่ชัดพอที่จะสรุปว่าอัยริสเป็น Kawasaki คืนนั้นอัยริสยิ่งอาการแย่กว่าเดิมไข้ขึ้นสูงมากกก ทานยาลดไข้ก็ลง พอหมดก็ขึ้นเหมือนเดิม ต้องเช็ดตัวกันตลอดทั้งคืน

วันศุกร์ที่ 19 มีนาคม 2010

คุณหมอสิริกุลได้ขอให้คุณหมอปรีชา ซึ่งเป็นคุณหมอที่เชี่ยวชาญทางด้านหัวใจและ Kawasaki โดยตรงมาช่วย observe อาการ คุณหมอปรีชาก็บอกว่าอาการยังไม่ครบที่จะสรุปได้ว่าเป็น Kawasaki พร้อมทั้งให้คำปรึกษาที่ละเอียดมากกับตูน ทั้งคุณหมอสิริกุล และคุณหมอปรีชา น่ารักมาก ดูแลอัยริสอย่างดี โดยเฉพาะคุณหมอสิริกุล คุณหมอท่านน่ารักมาก พยายามรักษาอัยริส ให้คำปรึกษาตูนอย่างละเอียด คุณหมอบอกว่าอยากดูให้แน่ใจจริงๆ ว่าเป็น Kawasaki เพราะค่ายารักษาแพงมาก ตอนนั้นก็ยังไม่ได้ถามคุณหมอว่าแพงแค่ไหน

บ่ายวันนี้คุณหมอสิริกุลได้ขึ้นมาดูอาการอัยริสอีก สังเกตเห็นผื่นขึ้นที่เท้าอัยริส 3 เม็ด เราก็ได้แต่เฝ้ารอว่าจะขึ้นมากขึ้นไหม? เหมือนเดิมอัยริสร้องไห้จนคุณหมอสังเกตอาการอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่นัก คุณหมอทั้งสองท่านเลยขึ้นมาตรวจอีกทีตอนอัยริสหลับ ผื่นสามเม็ดที่เราหวังว่าจะเยอะขึ้นกลับหายไปซะงั้น ปากที่ว่าแดงขึ้นก็ไม่แดงซะงั้น ตาที่ว่าแดงก็ไม่ได้แดงจนจะสรุปได้ แต่วั้นนี้อัยริสโทรมมาก ไม่ทานข้าวไม่ทานน้ำเลย เอาแต่นอนทั้งวัน และกระสับกระส่ายเมื่อไข้ขึ้นสูง ร้องเรียกแต่ มะ มะ มะ (มะมี้) น้องเริ่มมีน้ำมูกใสๆ และไอแห้งๆ

คุณหมอสิริกุลเริ่มสอบประวัติอย่างละเอียด และสังเกตอาการของอัยริส ชวนคุณโน่นคุยนี่ คุณหมอมีจิตวิทยาเด็กดีมาก เป็นครั้งแรกที่น้องอัยริสไม่ร้องไห้แถมยังคุยเล่นกับคุณหมออีก วันนั้นคุณหมอได้สรุปแล้วว่าเป็นคออักเสบสงสัยไปติดกับเด็กที่ Gymboree คุณหมอได้ให้ยา Nurofen เพื่อลดไข้สูง พร้องให้ยาแก้อักเสบทางน้ำเกลือ ตูนเริ่มรู้สึกเบาใจอีกครั้งดีใจที่ลูกไม่ได้เป็น Kawasaki ตอนนั้นคิดว่าเดี๋ยวลูกทานยานอนแล้วพรุ่งนี้ก็คงจะดีขึ้น

คืนนั้นน้องอัยริสอาการตีขึ้นนิดหน่อยไข้น้อยลงไม่ต้องเช็ดตัวทั้งคืน การขึ้นของไข้ก็ช้าลง ยาก็ให้ทิ้งระยะห่างขึ้น แต่มีข้อสังเกตว่าทำไมไข้ไม่ลดสนิท เพราะถ้าเป็นคออักเสบจริงได้ยาแก้อักเสบไปขนาดนั้นไข้ไม่ควรขึ้นเลย ควรจะลดราบสนิท ไข้ก็ยังขึ้นๆ ลดๆ แต่ว่าไม่ขึ้นสูงเท่าเดิม

วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม 2010

เช้าวันนี้คุณหมอสิริกลุและคุณหมอปรีชารีบเข้ามาดูอีกรอบ พร้อมกับขอเจาะเลือดอัยริส และทำ Echo หัวใจตอนบ่ายเพื่อ confirm อีกครั้งว่าเป็นอะไรกันแน่ วันนี้อัยริสดูโทรมมากตูนสงสารลูกใจแทบจะขาด คิดแต่ว่าเป็นอะไรก็เป็น ขอให้รู้สักทีเหอะว่าเป็นอะไรจะได้รักษาให้ถูกโรคซะที เหมือนเดิมอัยริสร้องไห้และดิ้นมากตอนเจาะเลือด สงสารลูกเหลือเกิน ลูกไม่เคยต้องเจ็บขนาดนี้มาก่อน ปกติลูกเป็นเด็กแข็งแรง

อัยริสอาการดีขึ้นมากไข้ต่ำลง เริ่มอยากทานอาหารบ้างเล็กน้อย วันนี้ตูนเริ่มสังเกตเห็นผื่นเล็กๆ ขึ้นตามตัวมีมากตรงเอว ขาหนีบ เท้ามีบ้างเล็กน้อย พอตอนบ่ายสามโมงพยาบาลเอายานอนหลับอย่างอ่อนมาให้อัยริสทาน เพื่อที่จะได้ทำ Echo หัวใจ คล้ายๆ กับการทำ ultrasound คุณหมอทั้งสองได้ช่วยกันดูตัวอัยริสเพื่อดูลักษณะของผื่น แต่คุณหมอก็บอกแต่เพียงว่าค่อนข้างจะใช่แล้วประมาณ 40-60% แต่อยากให้รออีกหน่อย ตูนถามหมอว่านอกจาก Kawasaki แล้วอัยริสจะเป็นอะไรได้อีก หมอบอกว่าหมอก็คิดว่าเป็น Kawasaki แน่นอนแหละ แต่ต้องรออีกสักหน่อย การให้ยาไวไปก็ไม่ได้เป็นผลดี และหมอก็ยังย้ำอีกว่ายา Immunoglobulin ราคาแพงมาก ตูนเลยถามหมอว่าที่แพงเนี่ยเท่าไหร่หรอค่ะ (เพราะเห็นหมอพูดหลายครั้งแล้ว) หมอบอกว่าขวดละ 5ml ประมาณ 24,000-26,000บาท น้ำหนักอัยริส 12.6kg ต้องใช้ 25g เท่ากับ 5 ขวด ทั้งนี้ทั้งนั้นยาก็มีหลายราคาแล้วแต่คุณหมอจะจัดดูตามความเหมาะสม ตูนไม่คิดอะไรเลยแพงแค่ไหนก็จ่ายขอให้ลูกหายเป็นปกติ ตูนว่าพ่อแม่ทุกคนในโลกก็คงจะคิดแบบเดียวกัน

หลังจากที่คุยกับคุณหมอแล้วว่าเราจะรอดูอาการอีกสักนิด เย็นวันนั้นอาการมาเลยค่ะ ผื่นขึ้นมาเยอะมากตามขา มือ และลำตัว ตาก็แดงขึ้นมาก แต่เรื่องไข้อาการดีขึ้นมาก ตูนรีบเรียกพยาบาลมาดูแล้วรีบบอกเค้าเลยว่าพรุ่งนี้รีบแจ้งหมอแล้วตูนขอยาให้ลูกทันที คืนนี้ผิดคาดค่ะ น้องอัยริสอาการดีขึ้นมากไข้ลดลงจนเกือบหมดมีแต่ผื่นตามตัว ตาแดง และปากแดง

วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม 2010

คุณหมอขึ้นมาดูอีกรอบแล้วรีบสั่งยาให้ทางสายน้ำเกลือทันที ภายในเวลา 12 ชั่วโมง อัยริสก็หายดีอย่างรวดเร็วค่ะ ผื่นหายไป ตาและปากก็หายแดง ตูนดีใจมากในที่สุดลูกก็กลับมาดีเหมือนเดิม คุณหมอขอดูอาการอีก 1 วัน ทุกอย่างเป็นปกติดี เราได้กลับบ้านวันอังคาร 23 มีนาคม 2010 ต้องขอขอบคุณคุณหมอ สิริกุล, คุณหมอปรีชา และพยาบาลทุกคนที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎ์ที่ช่วยดูแล นางฟ้าตัวน้อยๆ ของตูนเป็นอย่างดี ขอบคุณเอ้ที่อยู่เคียงข้างตูนกับลูกเสมอมา ... ป๋า กับ แม่ ที่เป็นกำลังใจ ดูแลทั้งตูนและอัยริส ... พ่อ กับ แม่เอ้ ที่รักและเป็นห่วงอัยริสเสมอมา

ท้ายสุดนี้ตูนขอให้คุณแม่ทุกท่านเชื่อมั่นในสันชาตญาณของตัวเอง ตูนว่าสันชาตญาณของคนเป็นแม่เนี่ยแม่นที่สุดแล้ว ถ้าลูกตัวร้อนทานยาลดไข้แล้วไม่ลดอย่าวางใจเป็นอันขาดน่ะค่ะ ส่วนคุณแม่ต่างจังหวัดถ้ารู้สึกว่าอาการลูกเราไม่ดีขึ้นก็อย่ารีรอที่จะเข้ามารักษาที่กรุงเทพน่ะค่ะ

อัยริสตอนป่วยค่ะ ตาบวมมากเพราะร้องไห้มาตลอด ตาเริ่มแดงมาก

เท้าขึ้นผื่นเม็ดเล็ก ๆ

ยา Immunoglobulin

Views: 1582

Comment

You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!

Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

Comment by สุภาพร(แม่ปั้น฿แป้ง) on April 1, 2010 at 11:07am
ขอให้ไอริส หายไวๆแข็งแรงๆนะคะ
เฮ้อ...................

ปล.สงสัยต้องงดไป Gymbo ซักระยะ
Comment by Mommy Dearest on April 1, 2010 at 10:23am
อ่านแล้วอึม ยังไงการรักษาพยาบาลเมืองไทยฟังแล้วต่างจังหวัดกับในกรุงเทพก็ยังไม่เท่าเทียมกันนะคะ เป็นไปได้หรือเปล่าว่า ตจว เค้าไม่ค่อยเจอเคสแปลกๆเท่าไร

น่าสงสารอัยริสนะคะน้องตูน เค้าถึงว่าให้เอา second opinion ด้วยอย่าเชื่อหมอคนเดียว เรื่องไข้เนี่ยถ้าไม่จำเป็นพี่ไม่ค่อยให้ยาลดไข้เหมือนกันค่ะ หมอที่นครสวรรค์ก็กระไรอยู่นะคะให้ยามาหลายตัวไม่คิดถึงอายุแล้วก็น้ำหนักเด็กเลย แถมมีการหัวเราะอีกที่เราเป็นห่วงลูกเรา แย่ๆๆๆๆๆ
Comment by ผิงอัน&หม่าม้า on April 1, 2010 at 10:18am
น่ากลัวจังเลยนะคะ แต่คุณแม่น้องผิงอันงงว่าทำไมโรงพยาบาลศรีสวรรค์ถึงไม่ให้เด็กเล็กที่มีไข้สูงขนาดนี้นอนโรงพยายบาล เพราะเด็กเล็กเมื่อไข้สูงมากๆจะเกิดอาจการช็อกตามมาได้ เมื่อ2วันที่แล้วน้องผิงอันก็มีอาการ ไข้สูง39 คุณแม่เลยรีบพาไปโรงพยาบาล คุณหมอให้แอดมิดเลยค่ะ เพระกลัวเด็กเล็กจะช็อก อีกอย่าง น่าโมโหหมอที่โรงพยาบาลศรีสวรรค์จริงๆ แล้วอย่างนี้ใครจะกล้าไปรักษากันอีก ที่แน่ๆน้องผิงอันไม่ไปแน่นอนค่ะ ขอบคุณคุณแม่ตูนที่แชร์ประสบการณ์นะคะ
Comment by babyashi on April 1, 2010 at 8:56am
อ่านแล้วทั้งตื่นเต้น ทั้งลุ้นไปกับน้องตูนด้วยอ่ะ สงสารน้องอัยริสจังเลย ตอนนี้หายดีเป็นปกติแล้ว ก็กลับมาแข็งแรงๆ กว่าเดิมนะจ้า ต้องชื่นชมน้องตูนจริงๆ ที่หมั่นสังเกตอาการลูก พี่ล่ะ โกรธหมอที่โรงพยาบาลศรีสวรรค์นั่นเจงๆ เลย เฮ้อ อย่างนี้ไม่น่าเรียกว่าหมอ
Comment by พ่อแม่น้อง Dragon on April 1, 2010 at 8:18am
ดีใจ กับน้องตูนที่น้องอัยริสหายเป็นปรกติแน่นอนแล้ว ดีนะที่น้องตูนหมั่นสังเกตอาการของอัยริส จนรู้ได้เร็ว และไม่ลุกลามเกี่ยวกับหลอดเลือดของหัวใจ เพราะโรคคาวาซากิ โดยทั่วไปแล้วกว่าจะรู้ก็เป็นอาทิตย์เลย ต้องรอทั้งผื่นแดง ตาแดง ปากแดง และอื่นๆอีก ว่างๆแล้วมาเล่นกับน้องเบน และน้องดราก้อนกันใหม่นะ
Comment by Bless's Dad on April 1, 2010 at 8:17am
เคยได้ยินชื่อโรคนี้ผ่าน ๆ เหมือนกันครับ ขอบคุณที่นำข้อมูลและรายละเอียดมาแบ่งปันครับ จะได้ระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น ยังไงก็เอาใจช่วยน้องอัยริสให้กลับมาแข็งแรง สดใส และแสนซนเหมือนเดิมเร็ว ๆ นะครับ ... สู้ ๆ ครับ
Comment by พ่อแม่น้อง Dragon on April 1, 2010 at 7:51am
ตูน ตอนนี้น้องอยู่ที่ไหนอ่ะ ดราก้อนฝากความคิดถึงด้วย
Comment by ใบหม่อน & แพรไหม on April 1, 2010 at 12:48am
น่ากลัวจังเลยค่ะ เข้าใจความรู้สึกคุณตูนเลย เหมือนในรายการทีวีของฝรั่งเลยค่ะ เราไม่ควรเชื่อหมอที่วินิจฉัยโรคไปหมดทุกอย่าง ต้องเชื่อสันชาตญาณความเป็นแม่ของเราด้วย เดี๋ยวนี้หมอเค้ารักษาโรคตามอาการที่เห็น เป็นอะไรก็กินยาไปอย่างนั้นโดยไม่หาสาเหตุที่แท้จริง แย่จังเลยนะคะว่าเราต้องมาฝากชีวิตไว้กับหมอแบบนี้ ตอนนี้น้องอัยริสหายดีแล้วใช่ไหมคะ ขอให้น้องสุขภาพแข็งแรงเหมือนเดิมนะคะ เห็นรูปแล้วสงสารน้องจังค่ะ ขอบคุณคุณตูนด้วยนะคะ ที่แชร์ประสบการณ์ให้คุณแม่ท่านอื่นทราบ
Comment by Alisa Rojsuwanishakorn on March 31, 2010 at 11:28pm
หลังจากให้ยา 48 ชม. หนูก็หายดีซนเหมือนเดิมเลยค่ะ

ข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ
เป็นกลุ่มอาการของโรคที่มีการอักเสบของของหลอดเลือด (vasculitis) ที่ไม่ทราบสาเหตุ โรคนี้ได้รายงานครั้งแรกในญี่ปุ่นโดย นพ. คาวาซากิ ในปี 2510 และมีรายงานครั้งแรกในประเทศไทยในปี 2519 จากประสบการณ์ส่วนตัวในระหว่างปีพ.ศ.2528-2540 พบ 183 รายหรือประมาณปีละ 10-30 ราย (ตารางที่ 1) พบเป็นในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิงในอัตราส่วน 1.5:1 ส่วนใหญ่ (เกินร้อยละ 90) พบในเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี และเป็นสาเหตุ ของโรคหัวใจที่เกิดภายหลังคลอดที่พบบ่อยที่สุด มากกว่าโรคไข้รูมาติกในปัจจุบัน อายุที่พบน้อยที่สุด 2 เดือน อายุสูงสุด 7 ปี โอกาสเป็นซ้ำน้อยกว่าร้อยละ 2 ในประเทศญี่ปุ่นมีผู้ป่วยสูงถึง 67 : 100,000 ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ในขณะที่ในสหรัฐอเมริกาพบน้อยกว่า 6-7 : 100,000 ยังไม่มีการศึกษาทางระบาดวิทยาในประเทศไทยจากการศึกษาทางระบาดวิทยาสนับสนุนว่าน่าจะเกิดจากการติดเชื้อ แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่สามารถหาเชื้อที่เป็นสาเหตุที่แน่นอน
หลักการวินิจฉัยโรค (ตารางที่ 2)
เนื่องจากยังไม่มีการทดสอบที่จำเพาะ จำเป็นต้องอาศัยกลุ่มอาการดังต่อไปนี้
1. อาการไข้ มักจะเป็นไข้สูงอยู่นาน 1-2 สัปดาห์ถ้าไม่ได้รับการรักษา ถ้าได้รับการรักษาไข้อาจลงภายใน 1-2 วัน ดังนั้นจึงถือเป็นโรคที่ต้องนึกถึงในกรณีที่เด็กเล็กเป็นไข้และหาสาเหตุไม่ได้
2. การเปลี่ยนแปลงบริเวณมือและเท้า มีอาการบวมแดง บางครั้งมีอาการเจ็บ โดยเฉพาะในช่วงต้นๆ ของโรค ในสัปดาห์ที่ 1-3 อาจมีมือและเท้าลอก
3. ผื่น มักจะมีผื่นภายใน 5 วันแรก ลักษณะผื่นมีหลายรูปแบบ อาจเป็นผื่นแดงคล้ายลมพิษ เป็นตุ่มเล็กๆ คล้าย scarlet fever, erythema multiform, เป็นบริเวณลำตัวและแขนขา
4. ตาแดง และไม่มีขี้ตา และไม่เจ็บ
5. ริมฝีปากแดง แตก strawbery tongue เยื่อบุช่องปากแดง
6. ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต มักจะโตกว่า 1.5 ซม และเป็นข้างเดียว อาจมีอาการเจ็บปวด และแดงร่วมด้วยการวินิจฉัยโรคทางคลีนิกจะต้องมีไข้ร่วมกับอาการอื่นๆอีก 4 ข้อ ถ้ามีไม่ครบแต่ตรวจพบ coronary aneurysm ก็สามารถให้การวินิจฉัยได้
Link ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ค่ะ
http://www.doctordek.com/index.php?option=com_content&task=view...
http://www.familynetwork.or.th/node/15364

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service