Jun 6, 2014
ขออนุญาตเริ่มบันทึกเรื่องราว “เด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้” ของน้องอิม อายุ 1 ปี 2 เดือน ยังไม่พูด เลือกใช้ระบบ OPOL โดยคุณแม่ ไว้ในบล็อกของหมู่บ้านเด็กสองภาษาล่ะกันนะคะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ อยากจะบันทึกเรื่องราวเอาไว้ วันนึงข้างหน้าที่ประสบความสำเร็จ อยากจะย้อนกลับมาอ่านดู ว่าในวันเก่าๆ เราได้ทำอะไรลงไปบ้าง ผ่านอุปสรรค ปัญหาอะไรมาบ้าง คุณพ่อ คุณแม่ท่านใด ที่เริ่มพร้อมๆ กัน มาแชร์ประสบการณ์กันได้นะค่ะ ท่านใดที่ประสบความสำเร็จแล้วมีอะไรจะแนะนำยินดีน้อมรับค่ะ โดยส่วนตัวไม่เคยได้ยินเรื่องราวของเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้มาก่อนเลย อาจจะเป็นเพราะไม่ได้สนใจ หรือใส่ใจอะไรที่เกี่ยวกับเด็กๆ พ่อๆ แม่ๆ มาก่อน จนกระทั่งตัวเองมีลูกสาว พอลูกเริ่มโตก็อยากจะมองหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเค้า เท่าที่เราพอจะหาได้ วันที่เจอเรื่องราวของเด็กสองภาษา ตอนนั้นจำได้ว่า search หาอะไรซักอย่างใน internet แล้วบังเอิญเข้ามาในหมู่บ้านสองภาษาได้อย่างไรไม่ทราบ แต่เห็นมีคลิปเด็กๆ สองภาษาหลายๆ คลิป เปิดเข้าไปดู รู้สึกทึ่งมากกก แม่เจ้า แว้บแรกคิดว่าไม่พ่อก็แม่เป็นฝรั่งแน่ๆ แต่อ๊ะ! ไม่ใช่นี่ ยิ่งอ่าน ยิ่งค้นข้อมูลในหมู่บ้าน โอ้โหหห!! Amazing มากกกกก พลางคิดไปว่าเค้าฝึกกันได้ พ่อแม่บางท่านพูดภาษาอังกฤษได้ดีอยู่แล้ว บางท่านพูดไม่ได้ ยังสามารถฝึกลูกออกมาได้เลย เราก็ต้องทำได้ซิ ^__^ รู้สึกแววตาเป็นประกาย เราต้องเริ่มบ้างแล้วซิ คิดอย่างนั้นก็เริ่มดูว่าต้องซื้อหนังสือเล่มไหนก่อนกันล่ะเนี่ยย ทำไมมันหลายเล่มจัง แล้วมันต้องเริ่มเล่มไหนก่อนล่ะ เยอะแยะไปหมด พอรู้ว่าสามารถทำได้ โดยที่ยังไม่ได้อ่านหนังสือคุณบิ๊ก ก็เริ่มพูดกับลูกเป็นภาษาอังกฤษไปก่อนเลยเท่าที่ตัวเองสามารถสื่อสารได้ จนผ่านไป 2 วันไม่ได้การณ์ล่ะ สั่งทาง อินเตอร์เน็ทก็คงไม่ทันใจล่ะ ใจร้อนนนน เลยแวะไปดูร้านหนังสือใกล้บ้าน โอ้ววววมีด้วยอ่ะ ยืนอ่านในร้านอยู่พักนึง ก็จัดมา 4 เล่ม เล่มแรกอ่าน 2 วัน เนื่องจากมีเวลาน้อย ทำงานประจำออกจากบ้านแต่เช้า กลับบ้านก็มืด ผ่านไปเล่มแรก รู้สึกฮึกเหิม ดูแล้วเป็นอะไรที่น่าจะทำได้ ภาษาอังกฤษเราก็อยู่ในระดับใช้ได้ สามารถฟัง พูด อ่านเขียน สนทนากับชาวต่างชาติได้ ที่ออฟฟิศก็ทำงานร่วมกับชาวต่างชาติ การสื่อสารด้วยเมล์ในองค์กรก็ใช้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว สบายมากกก คิดอย่างนั้น ก็เริ่มลงมือ ยอมรับเลยในวันแรกของการเริ่ม วันจันทร์ที่ 2 มิ.ย 2557 ถึงกับอึ้งกิมกี่เลย ด้วยความที่เข้าใจว่าตัวเองใช้ภาษาอังกฤษในที่ทำงานอยู่แล้ว ให้พูดคุยกับลูกแค่นี้สบายมาก แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่เลย -_-“ การสื่อสารแบบเป็นทางการ กับการสื่อสารกับลูกในชีวิตประจำวันมันไม่เหมือนกันเลยในความรู้สึกเราบางประโยคนึกไม่ออกมันต้องพูดไงหว่า 55555 ตกม้าตายกันเลยทีเดียว รู้สึกวันแรกผ่านไปอย่างกระท่อนกระแท่น แต่ก็พยายามเน้นคำศัพท์ กับลูกที่พูดบ่อยสุดๆ ก็ คือคำว่า Book และไม่ลืมที่จะเน้นการออกเสียงตัว K ซึ่งก่อนหน้าที่จะรู้จักหมู่บ้านเด็กสองภาษา ก็พูดภาษาอังกฤษกับลูกบ้าง เฉพาะเวลาที่นึกสนุกเท่านั้น พูดเป็นประโยคบ้าง เป็นคำๆ บ้าง ตามแต่สะดวก เพราะเคยเชื่อกับความคิดที่ว่าเราสำเนียงไม่ดี ไม่เป๊ะ สอนลูกพูดภาษาอังกฤษไม่ได้หรอก แต่เอาจริงๆ จากที่ทำงาน และก็สื่อสารกับต่างชาติ ก็สำเนียงไทยๆ นี่แหละ ก็เห็นต่างชาติฟังเข้าใจดีนี่ 5555 ก็มีต้องพูดใหม่ พูดซ้ำบ้าง แต่ก็ฟังกันเข้าใจ แต่พอมาเจอหมู่บ้านเด็กสองภาษา ก็สลัดความคิดเก่าๆ ออกจากหัวทันที ความประทับใจแรกจากการเริ่มปฏิบัติการเด็กสองภาษากับลูก ล่าสุดเมื่อวานทึ่งมาก ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า เอาการ์ดคำ ให้น้องอิมดูแล้วก็ออกเสียงให้ลูกฟังไปเรื่อยๆ ที่ชัดสุดคือคำว่า Frog ปรากฎว่าในช่วงเวลานั้น น้องอิมเปล่งเสียงออกมาแล้วออกเสียงได้ชัดมว๊ากกกกก^^ คือแทบจะเหมือนเสียงที่แม่เปล่งออกไปเลย จนพี่เลี้ยงที่นั่งอยู่ด้วยกันยังหันมายิ้มด้วยเลย วินาทีนั้นเรารู้สึกอิ่มเอมมาก อย่างน้อยก็เหมือนจะมีสัญญาณตอบรับจากลูกสาว ว่าน่าจะมีแนวโน้มที่จะสามารถทำได้เหมือนเด็กคนอื่นๆ ไม่ว่าจะด้วยความบังเอิญ หรืออย่างไรก็ตามเนื่องจากลูกสาวยังไม่พูด เราก็เลยไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เราสื่อสารไปเค้ารับได้หรือไม่ แต่คำๆ นั้นที่น้องอิมเปล่งออกมาให้เราได้ยิน เรารู้สึกได้เลยว่ามันเป็นแรงผลักดันที่จะทำให้เราตั้งใจทำต่อไปเรื่อยๆ และหวังว่าจะได้เห็นผลผลิตที่เราตั้งใจปลูกขึ้นมาในครั้งนี้ ได้เจริญงอกงามออกดอก ออกผล ให้เห็นต่อไปในวันข้างหน้า หนทางยังอีกยาวไกลเหลือเกิน คงต้องรอดูกันต่อไป สู้ ๆ คร้า ^___^
You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!
Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้