เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

ตอนที่ 1
จากวันที่เข้ามาสู่หมู่บ้านเด็ก ตอนนั้นน้องจุ๊หมูประมาณ 9 เดือน. แม่ก็สนุกกับการเริ่มพูดภาษาอังกฤษกับลูกมาก
เริ่มให้ดู mommy &me. จนก่อนขวบพอแม่บอก clap. Your hands . Blow a kiss . Wave good bye.
หนูก็สามารถทำตามคำสั่งได้หมด. แม่มีความหวังและเริ่มเตรียมทุกอย่างให้ลูก ซื้อหนังสือ เตรียมสื่อ อะไรที่ได้ดูคำแนะนำจากห้องสมุด ห้องEnglish club. แม่จดมาใช้กับหนู. จนคนในบ้านบอกแม่ว่าพอได้แล้วหนังสือจากที่ไม่เคยมีในชั้น จนบัดนี้ซื้อตู้มาใส่ไม่พอแล้วอ่านได้จนถึงมัธยมโน่นมั้ง
มันเป็นความสุขที่พอนึกว่าจะได้อ่านหนังสือกับลูก. ทำกิจกรรมต่างๆด้วยกัน
.....จวบจนลูกได้ 1ปี เก้าเดือน. ลูกไม่เรียกแม่. เวลาเรียกไม่ค่อยสบตา. ซนมาก วิ่งทั้งวันเลย. เอ.....หรือลูกจะเป็นไฮเปอร์นะ
ใช้โปรแกรมbrill kids สอนลูกได้1เดือน อ่านศัพท์ได้เป็นร้อย. หนักเข้าแค่เขียนไม่ต้องเห็นภาพก็อ่านได้เลย
....ลองเอาไปเช็คดู. คุณหมอบอกว่าลูกเป็นออทิสติก. ความรู้สึกคือ. ปวดที่หัวใจ ไม่ร้องให้นะคะแต่รู้ถึงความหมายว่าน้ำตามันไหลย้อนเข้าไปในหัวใจอย่างไร อ้อ.... ลำคอตีบ กลืนน้ำลายไม่ลงเป็นอย่างนี้นี่เอง

   จากที่เคยค้นหาข้อมูลโน่น นั่น นี่ เกี่ยวกับการพัฒนาลูก เก็บเข้ากระเป๋าหมด ตั้งสติค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับออทิสติกอย่างเดียว  เคยสงสัยนะ  ตามประสาหัวอกคนเป็นแม่  หมอดูลูกเราไม่ถึง15 นาที แล้วบอกว่าลูกเราเป็น...(มีคนบอกว่า  ถ้าพาไปหาหมอประเภทนี้ เป็นไม่เป็น  เขาก็บอกว่าเป็นนั่นแหละ) ครั้งแรกที่พบหมอ เขาก็เอาของเล่นให้ลูกเราเล่น ดูการเล่นตุ๊กตา  (เฮ้อ..แม่เองก็ไม่เคยเล่น หรือซื้อตุ๊กตาให้ลูกเล่นเลย...แล้วหนูจะเล่นเป็นมั๊ยเนี่ย)  ต่อมาก็เอาไม้บล๊อกมา3ก้อน แล้วให้เล่นเป็นรถไฟ ( เจ้าตัวเล็กของแม่เคยแต่ต่อให้มันสูงขึ้น....แต่พอคุณหมดลองทำท่า บรื็อ....ให้ดู หนูก็สามารถเลียนแบบได้)  ที่สำคัญเรียกจุ๊หมู เป็นสิบครั้งไม่ยอมหัน  งานนี้แม่เลยทำใจน่าจะใช่จริงๆนั่นแหละ หมอนัดแอทมิท  2 สัปดาห์  แม่ถามตัวเองเสมอว่าพาลูกมาถูกทางรึยัง  แต่มีสิ่งหนึ่งที่บอกตัวแม่เองเสมอ ลูกจะเป็นหรือไม่  ไม่สำคัญ ยังไงก็ต้องลองเอาไปบำบัด

ตอนที่ 2  ณ ศูนย์พัฒนาเด็กราชนครินทร์จังหวัดเชียงใหม่

    วันแรกรอว่าคุณหมอจะวางแผนยังไงในการบำบัด  กว่าจะได้เข้าห้อง สิบโมงกว่า ห้องแรก# 35 มีชื่อหน้าห้องว่าห้องโฮเปอร์ สำหรับเด็กสมาธิสั้น  มีเด็กที่ทำกิจกรรมทั้ง ดาวซินโดรม  ไฮเปอร์ และออทิสติก อยู่ร่วมกันโดยมีคุณพ่อ หรือคุณแม่ประกบ 1ต่อ1 ชั่วโมงและครั้งแรกของแม่ที่ต้องบังคบให้ลูกนั่งติดเก้าอี้ให้ได้เป็นชั่วโมง โดยที่มีเด็กออทิสติกที่ร้องว๊ากๆๆอยู่ทั้งสองข้าง  ในห้องนั้นมีสัก20 คนได้มั๊ง  ด้วยความที่ลูกอายุค่อนข้างน้อยที่สุดในนั้น  หนูก็ไม่กล้าร้องมากได้แต่ทำตาปริบๆ จะออกจากโต๊ะก็ไม่ได้โดนแม่หนีบไว้ข้างหลังทำกิจกรรมจนกว่าจะเสร็จ แม่สงสารลูกมากแต่ต้องใจแข็งไว้จะร้องก็ต้องปล่อยให้ร้อง  มีการพักเบรคทานของว่างก็ต้องหัดรอต่อแถวซึ่งเป็นเรื่องที่ทรมาณมากสำหรับเด็กสมาธิสั้น บางคนนอนดิ้นกระแด่วๆแม่ก็ต้องจับให้เข้าแถวให้ได้  ทรมาณใจจังเลย

   วันต่อมาเริ่มทำใจได้ทั้งแม่และลูก  ยังไงก็ต้องก้าวไปด้วยกัน  บางที่แม่ก็แอบไปดูห้องเด็กcp ที่มีปัญหาด้านกล้ามเนื้อชีวิตอยู่แต่ในรถเข็น พูดก็ไม่ได้แม่นับถือน้ำใจแม่ๆทั้งหลายที่ไม่เคยย่อท้อ  ความหวังของเด็กเหล่านั้นขอแค่ยืนด้วยสองขาของตนเองได้เขาก็มีความสุขแล้ว  กลับมาดูลูกตัวเองวิ่งซนสะบั้นหั่นแหลก พูดภาษาอังกฤษ+ภาษาต่างดาว  (เอาวะ..ยังดี สองมือสองขายังใช้การได้)

สวรรค์คงอยากให้แม่ได้เรียนรู้อีกแง่มุมหนึ่งของชีวิต  เรียนรู้โลกของลูก โลกของเด็กออทิสติก  ขอเพียงลูกเปิดประตูให้แม่เข้าไปอยู่ในโลกของลูกแม่ก็ดีใจแล้ว

ตอนที่ 3เปลี่ยนชื่อลูก

     น้องจุ๊หมู ชื่อนี้ได้มาเพราะป้าชอบเรียกตลอด  แพ้ความถี่ของป้า ทุกคนก็เลยเรียกจุ๊หมู และมีชื่อจริงว่า น้องปริม  แม่อยากให้ชื่อลูกสั้นๆ เพราะสงสารเวลาเรียนในระดับอนุบาลครูมักจะให้เขียนชื่อ-นามสกุลทุกหน้า  น้องปริม เป็นชื่อที่ไม่มีความหมาย

ตอนที่พบคุณหมอครั้งแรก  คุณหมอก็ให้ข้อเสนอแนะมาว่าควรเรียกชื่อลูกพยางค์เดียว ให้เรียกชื่อจริงของลูกไปเลยดีมั๊ย ปริม

กลับมาบ้านพอดีคนรู้จักคนหนึ่งเขาก็อุตส่าห์ลองเอาชื่อนามและนามสกุลมาดูว่าถูกโฉลกรึเปล่า  ปรากฏว่าเลขกำลังไม่ค่อยดีนัก

มีชื่อ ปารย์(อ่านว่า ปาน ) ชื่อนี้จะดีกว่า เนื่องจากที่แขนและข้อเท้าลูกก็มีปาน  แม่ก็เลยไปเปลี่ยนในวันรุ่งขึ้นเลย  และนับจากนั้นมาทุกคนต้องเรียกน้อง ปารย์ และก็แปลก เมื่อก่อนเรียกจุ๊หมู 20 ครั้ง หันมา 1 ครั้ง  พอเปลี่ยนชื่อเป็นปารย์ เวลาเรียกหันมาบ่อยขึ้น

หนูคงจะอยากใช้ชื่อนี้จริงๆ ตอนที่เปลี่ยนใหม่ๆต้องเรียกชื่อลูกบ่อยๆ จนละเมอ ในความรู้สึกของแม่ หนูจะชื่ออะไรแม่ก็ยอมขอเพียงเวลาแม่เรียก  หันมาหาแม่สักนิดนะจ๊ะลูกรัก.....ปารย์

ตอนที่ 4 ความทุลักทุเล ของคนอยู่ไกล

      เนื่องจากบ้านแม่อยู่ฝาง  กว่าจะไปถึงตัวเมืองเชียงใหม่ 153 กิโล ต้องผ่านเขาผ่านดอย เป็นที่ทรมาณของเจ้าปารย์มาก  เพราะไปทุกครั้ง อ๊วกทุกครั้ง และอาการอ็วกของเจ้าปารย์คือออกทั้งปากและจมูก บางทีเช็ดจมูกให้ลูกเจอไข่ตุ๋นบ้างก็อาหารที่ทานเข้าไปนั่นแหละ  ไปพบแพทย์ทุกครั้งสิ่งที่ได้มาคือ ลูกเป็นไข้ น้ำหนักลด  มีสัปดาห์หนึ่งแม่นัดคุณหมอแล้วว่าจะพาลูกไปฝึกพูดและทำกิจกรรมบำบัดทุกวันศุกร์และเสาร์ จะนอนค้างที่ตัวเมืองเชียงใหม่ 1 คืน พอเอาลูกไป เจ้าปารย์ก็อ็วก ตามเดิม แต่ครั้งนี้ติดเชื้อด้วย จากที่แม่หวังจะให้ลูกได้บำบัดอย่างต่อเนื่องแผนนี้ก็พับไป แม่กลับต้องเอาลูกนอนให้น้ำเกลือกับยาฆ่าเชื้ออีก5วัน พอดีตรงกับวันเกิดลูก แม่เลยซื้อเค็กมาเป่าสองคนแม่ลูก เบิร์ดเดย์สองขวบปีนี้ในโรงพยาบาล  เค็กและสายน้ำเกลือได้อีกบรรยากาศนึง  แม่ต้องวางแผนใหม่แล้ว...มาทุกสัปดาห์เจ้าปารย์แย่แน่  ....แล้วแม่จะทำไงดี  งานแม่ก็ต้องทำ ป่วยทั้งแม่และลูกเลย  ป้าก็เลยบอกแม่ว่าพักสักช่วงใกล้ปิดเทอมค่อยเอาไป (แม่เป็นครู...ยังไง ยังไง ทุกอย่างต้องรอปิดเทอม) แต่ใจแม่มีแต่ความกังวล เสียดายทุกวินาที ที่ผ่านไป น้อยใจ จังเลยน๊อ ทำไมเราถึงมาอยู่ไกลจัง  อยากจะลาออกมาดุแลลูก  ...แต่ก็ทำไม่ได้  รอปิดเทอมก่อนนะ เจ้าปารย์น้อยของแม่

   ตอนที่ 5 รู้ศัพท์เป็นร้อยเ็ป็นพัน....มันไม่มีความหมายเท่า บอกความต้องการตนเองได้

      ตอนที่พาน้องปารย์ไปหาคุณหมอ แม่พกเอาflash cards เป็นปึก  กว่าสองร้อยกว่าคำได้มั๊งให้คุณหมอดูว่า ปารย์เห็นปุ๊บอ่านได้เลย  หมวดสี ได้ทุกสี   หมวดตัวเลข 1-10  หมวดสัตว์ได้ประมาณ20กว่าชนิด  หมวดสิ่งของ หมวดเสื้อผ้า  หมวดaction words

หมวดผลไม้   a-z ไม่ไช่แค่ท่องจับตัวไหนบอกได้หมด และอื่นๆอีกมากมาย ที่ลูกสามารถอ่านภาพก็ได้ แค่แม่เขียนลงกระดาษหนูก็อ่านได้เลย   เวลาไปเห็นของจริงก็พูดศัพท์คำนั้นได้ เช่น อยู่ๆก็คลานแล้วบอกแม่ว่า crawl แม่ก็งงเพราะศัพท์คำนี้แม่เพิ่งสอนลูกครั้งเดียวเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว  แต่คำตอบที่ได้ คุณหมอบอกว่าเด็กออทิสติกจะจำเก่งและมีโหมดการรับรู้ภาษาอังกฤษที่ดีเป็นพิเศษ  คุณอย่าไปหลงติดว่าลูกเก่ง  ลูกคุณเคยบอกแม่ว่า แม่กินน้ำรึเปล่า  แม่หิว  ไม่เอาโน่น  จะเอานี่หรือเปล่า?  ทักษะที่ใช้ในชีวิตของลูกคุณเท่าเด็ก8 เดือน  โอ๊ย....(ฟังแล้วเหมือนมีดบาดลงในใจแม่อีกแล้ว)  ยอมรับค่ะ  ไช่เลย เจ้าตัวน้อยของแม่ไม่เคยบอกแม่เลย

    คุณหมอบอกว่า ตกลงแล้วคุณมีโครงการจะให้ลูกอยู่โรงเรียนที่มีเด็กไทย  หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่คนพูดภาษาอังกฤษ

แม่รู้อยู่เต็มอก  แม่ไม่มีปัญญาส่งลูกไปเรียนเมืองนอก  ไม่มีปัญญาส่งลูกเรียนอินเตอร์  ถ้าอย่างนั้นคุณต้องงดใช้ภาษาอังกฤษ

พูดภาษาไทยกับลูก  ( เจ็บหัวใจอีกครั้ง....แล้วที่แม่เตรียมไว้สำหรับลูกทุกอย่างหล่ะ ทั้งหนังสือ สื่อต่างๆ  ) กลับมาบ้านเห็นตู้หนังสือก็อยากร้องให้มันสะอื้นอยู่ในอก  ........ภาพที่จะอ่านหนังสือด้วยกัน มันมักทำให้แม่หดหู่เสมอ  แม่ไม่สามารถทำตามความตั้งใจได้เลยหรือ...หยุดความคาดหวังและกลับมาสู่ความเป็นจริง  ภาษาไทย....ภาษาไทย....ฉันจะเริ่มอย่างไรดี?

ตอนที่ 6 เริ่มพูดได้แล้ว......แม่ดีใจที่สุดในโลกเลย

  ตอนที่ปารย์ เริ่มเรียกแม่ หนูอายุ สองขวบพอดี  และอยู่มาวันหนึ่งหนูก็เรียกแม่ ว่าครูเจน แม่แสนจะตลกหนู เอาวะ!! ครู ก็ ครู

ตอนนี้ปารย์อายุ 2 ขวบ 3เดือน เริ่มเลียนปาก เลียนเสียงได้มากขึ้น เช่นวันนี้ จู่ๆ หนูก็เอามือมาชี้ที่แม่ This is a แม่  เอามือไปชี้ที่ป้า

เรียก this is a ป้า  หนูสามารถพูดเป็นประโยคได้มากขึ้น เช่น เอาไปทิ้ง  เอาไปเก็บ ใส่รองเท้า  ถอดรองเท้า  กางเกงใน แต่สำเนียงอาจจะแปร่งไปบ้าง เหมือนฝรั่งพูดไทย  ถ้าลูกปกติ คงจะเจื้อยแจ้วกับแม่ได้มากกว่านี้  แต่ได้แค่นี้แม่ก็พอใจแล้ว  แต่ก็อย่างว่า เรื่องการบอกความต้องการของตัวเอง ยังไม่ดีพอ พออหนูอยากได้อะไรก็จะชอบจูงมือแม่  พอแม่ยื้อ ไม่ทำให้ เพื่อที่จะให้หนูบอกว่าต้องการอะไร  คราวนี้แหละออกฤทธิ์เหมือนเคย เวลาปารย์แผลงฤทธิ์แม่แสนจะเหนื่อยใจไม่รู้เอากำลังวังชามาจากไหน สิ่งที่เกิดขึ้นกับแม่คือแม่ต้องแข็งแรง และอดทนมากขึ้น พระเจ้าได้เริ่มบททดสอบแม่เพิ่มขึ้นแล้ว.....

ตอนที่ 7 ใจเขา....ใจเรา

   วันนี้มีผู้ปกครองพาลูกมาสมัครที่โรงเรียน เป็นเด็กผู้หญิงจบ ป.6 แล้ว ต้องการมาต่อ ม.1 แม่มองแป็บเดียวก็รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กพิเศษ คุณแม่ต้องการย้ายน้องจากเชียงใหม่มาอยู่แถวนี้  ไปติดต่อโรงเรียนอื่นมาแล้ว คงโดนปฏิเสธมา คุณแม่น้องเข้ามาถามรายละเอียด  ก่อนกลับ เด็กคนนี้ถามแม่ว่า  ตกลงโรงเรียนนี้เค๊ารับเราแล้วไช่มั้ยแม่......ฟังแล้วเศร้าหัวใจ จังเลย แม่ที่ลูกเป็นเด็กพิเศษทุกคนคงจะรับรู้ถึงความเจ็บปวดนี้ดี  ความรู้สึกที่โดนปฏิเสธจากโรงเรียน แต่แม่ก็เห็นใจทางโรงเรียนทีบางโรงเรียนก็ไม่สามารถรับได้เพราะไม่มีครูด้านนี้โดยตรง  แม่เคยอ่านกระทู้ในหลายเว็ป ที่แม่ๆหลายคนบอกว่าเคยเจ็บปวดที่คุณหมอบอกว่าลูกเป็นออทิสติก  แต่ที่เจ็บปวดมากกว่าคือไม่สามารถหาโรงเรียนให้ลูกได้.....แล้ว ปารย์ ของแม่ หล่ะ  แต่แม่ก็ไม่ท้อ ตราบใดที่แม่มีลมหายใจอยู่แม่จะเป็นครูให้ลูก  การศึกษาไม่จำกัดเวลา ไม่จำกัดสถานที่ ไม่จำกัดอายุ  ไม่จำกัดเพศ  และไม่จำกัดบุคคลหนึ่งที่ถือกำเนิดเป็นมนุษย์ มนุษย์สามารถเรียนรู้ได้.....ไช่มั๊ยจะลูกรัก  สู้ๆนะจ๊ะ

ตอนที่ 8  mini books (เอาอีกละ ....ใช้ภาษาอังกฤษกับลูกอีกละ) คุณหมอขา....ขอนิดนึง..นะคะ

    ในที่สุดก็ปิดเทอมแล้ว คุณปารย์กับแม่ก็ถึงเวลากลับเข้าศูนย์อีกครั้ง หลังจากที่เลื่อนนัดมาสองครั้ง เพื่อนๆที่เคยมาฝึกด้วยกันเมื่อ3เดือนก่อน พากันยกแก๊งไปห้องslowแล้ว  ส่วนคุณปารย์เนื่องจากไม่สามารถไปฝึกได้ทุกวันจึงต้องอยู่ห้องไฮเปอร์เหมือนเดิม  พบเพื่อนใหม่ จ๊ากๆๆว๊ากๆๆสนุกดี  บางทีคุณปารย์ก็เข้าร่วมจ๊ากๆๆ ว๊ากๆๆๆไปกับเขาด้วย ทำเอาครูฝึกเสียงแหบและปวดหัว ฝึกความอดทนทั้งเด็ก แม่และครู 

    ไปครั้งนี้พบครูคนใหม่ ครูเก๋คนสวย ใจดี และใจเย็น มีกิจกรรมใหม่ๆมาให้ทำสนุกดีค่ะ  ทุกเช้าพอเข้าห้อง คุณครูจะเอานิทานวางไว้บนโต๊ะของแต่ละคน  เด็กทุกคนต้องฝึกเิปิดหนังสือ  และแม่ก็ต้องอ่านให้ฟัง  สัปดาห์นี้ครูเก๋ให้การบ้านแม่ๆมา โดยให้ทำหนังสือที่เกี่ยวกับเด็กๆและนำมาใช้แทนหนังสือนิทานที่เด็กๆจะต้องอ่านทุกครั้งที่เข้าห้อง เพื่อให้เด็กๆรู้จักตัวเอง คนในครอบครัว หรือเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวกับตัวเด็กเอง  แม่ก็เลยลองทำ ได้ 3 เล่ม (ต้องลงทุนเคลือบทุกหน้าค่ะ ไม่งั้นคุณปารย์จะทำการย่อยสลายในพริบตา)

    เล่มแรก "my family" เล่มนี้มีรูปทุกคนในครอบครัว  ลองเอามาใช้กับปารย์ดู  ชอบมากอ่านได้ดี

    เล่มสอง "Parn" เล่มนี้ สอนaction words กิน นั่ง นอน คลาน หลับ ทำความสะอาด  ปารย์ก็ชอบเพราะมีตัวเองในนั้น  อ่านได้ค่ะ

   เล่มสาม "at the Zoo" เล่มนี้ทำปกหน้าเอารูปตอนไปเที่ยวสวนสัตว์มาแปะ และตามด้วยไฟล์หนังสือที่ซื้อมา  ปารย์ก็ชอบอีกเช่นกัน   อ่านชนิดของสัตว์ได้ทุกตัว

   เวลาอ่านต้องใส่แอ็คชั่นและเอฟเฟ็คเยอะๆ เอาจนน้ำลายกระจุยกระจายไปข้างนึง(จนบางครั้งแม่ก็อดขำตัวเองไม่ได้) อาการแม่น่าจะหนักกว่าลูกซะละมั๊ง  หึหึ   อ่านหนังสือกับลูกมันมีความสุขอย่างนี้นี่เอง.....รักปารย์จ้า......

ตอนที่ 9  แม่...ขอโทษนะจ๊ะลูกรัก

     ที่จริงคำว่า "แม่ขอโทษ...." คำนี้แม่พูดกับปานมาตั้งแต่ปานคลอดออกมาได้สามวันแล้ว  แม่ขอโทษหนูตั้งแต่ยังไม่รู้เลยว่าลูกเป็นออทิสติก  ความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นมาหลังจากความดีใจว่าตัวเองได้มีโอกาสเป็นแม่คน  แล้วยังไงต่อหล่ะ  อายุแม่ก็มาก แถมหนูยังเป็นแค่ลูกคนเดียว  แล้วการใช้ชีวิตสังคมในอนาคตหล่ะ  เพียงแค่นี้แม่ก็รู้สึกว่าตัวเองเห็นแก่ตัวเหลือเกิน ที่อยากมีลูกมาเป็นเพื่อนชีวิตทั้งที่ตัวเองก็ไม่สามารถอยู่กับลูกได้ทั้งชีวิต  และพอมาทราบพัฒนาการของหนูแม่ก็รู้สึกเสียใจและทุกครั้งที่เห็นหน้า แม่จะบอกกับตัวเองว่า "แม่...ขอโทษนะลูก" และอีกคนที่แม่ต้องขอโทษคือ คุณยายของลูก เวลาที่แม่เคยดูแลยาย  พายายไปเที่ยว  มันหายไปจากที่เคย  ทุกครั้งที่แม่ท้อ แม่ก็ได้แต่ขอ..กอดยายของลูกและลูกให้แน่นๆ  ชาร์จแบตเตอรี่ให้กับตัวเอง เรียกพลังให้กลับคืนมา  รักปารย์และคุณยายที่สุดในโลกเลยจ้า

ตอนที่ 10  มิตรภาพ..และความประทับใจ

     เดือนเมษา 2554  กับการadmit ครั้งที่3  ครั้งนี้มีคิวฝึกกิจกรรมบำบัด แม่ต้องรอหน้าห้อง  เจ้าปารย์ร้องโวยวายตามเคย  จนครูออกมาถามแม่ว่าจะล๊อคมั๊ย (วิธีการปราบม้าพยศ...ต้องล๊อดเอาให้อยู่) แม่ตกลงและตลอดเวลาก็ได้ยินเสียงร้องให้ของลูก หัวใจแม่มันหดหู่ยังไงไม่รู้  เลยหันเหตัวเองไปดสนใจอย่างอื่นไม่งั้นน้ำตาแม่มันร่วงแน่ๆ  ไปปเจอเด็กพิเศษกลุ่มโตคงจะราวๆ 17-20กำลังทำกิจกรรมเปเปอร์มาเช่ ที่สอนให้เด็กเริ่มหารายได้ประกอบอาชีพ มีอยู่ราวๆุ6 คน  แล้วก็มีเจ้าตัวเล็กอายุราว12 เข้าหา พี่ๆในกลุ่มต่างก็ช่วยกันสอนช่วยกันดูแล น้องเจอพี่ปุ๊ป พี่่ถามทำๆไงก่อน  พอน้องไม่ยอมสบตา  พี่ช้อนคาง พลางสอนน้องว่าเวลาสวัสดีต้องมองหน้าด้วย หยิบโน่นหยิบนี่ช่วยดูแลกันและกัน   ไอ้เราก็อุตส่าห์ไม่อยากน้ำตาไหลจากลูก  พอมาเห็นโอ้โฮคราวนี้น้ำตาร่วงเลย  น้ำตาของความประทับใจ  เด็กพิเศษรุ่นพี่ช่วยรุ่นน้อง น่ารักมากค่ะ ยิ้มทั้งน้ำตา

ตอนที่ 11 ....สองขวบ ห้าเดือน คุณปารย์ต้องไปโรงเรียนแล้ว

   ที่จริงแล้วแม่ต้องพาปารย์ไปฝึกอีก แต่ก็ต้องเลื่อนไปค่ะ.....แป็บเดียวจะเปิดเทอมอีกแล้ว งานมาอีกแล้วจ้า...แม่เลยตัดสินใจเอาลูกไปโรงเรียนดีกว่า ลองดูเฮ้อ...ไม่รู้จะสร้างวีรกรรมอะไรรึเปล่าน๊อ....ช่วงนี้ปารย์เริ่มพูดมากขึ้นสั่งแม่ได้แล้ว  แม่จะไปข้างนอก  แม่อึ...อึ๊(เป็นคำที่แม่รู้สึกเ็ป็นสุขทุกครั้ง  ที่หนูบอกแม่ได้เพราะสิ่งที่แม่ต้องการคือหนูกินข้าวได้เยอะและขับถ่ายทุกวัน) ภาษาไทย+อู้คำเมืองเริ่มมะดาแล้ว  แม่เลยกะว่าจะให้หนูสื่อสารภาษาได้มากกว่านี้ ตอนสี่ขวบแม่ค่อยเริ่มภาษาอังกฤษอย่างจริงจังอีกครั้งคงไม่สายเกินไป ตอนนี้หนูก็เรียนด้วยตัวเองไปก่อนชอบเข้า youtube เหลือเกินสามารถค้นหาเพลงที่ตัวเองชอบ ตอนนี้เพลงโปรดของปารย์คือ five little monkeys , wheels of the bus , phonics abc, hickory docory dock ,twinkkle  little star  ร่ำร้องขอ ipad แม่ทุกวัน ต้องเอาไป.ซ่อน โกหกว่า แบตหมด  เมื่อวานคงอยากเล่นมาก  พูดขึ้นมาลอยๆว่าแบตหมดเนอะ ชาร์จพอรึยัง ไอแพดสีชมพู้.....วันไหนตามใจแม่เริ่มขี้เกียจ ปล่อยลูกอยู่กับไอแพด 1 ชั่วโมง  ได้เรื่องเลยคุณปารย์ไม่ไปไหนจดจ่ออยู่ได้เป็นชั่วโมง พอตกกลางคืนละเมอลุกขึ้นมาจิ้มที่นอนเขี่ยไปเขี่ยมา.....โอ๊ะโอ...แม่ต้องพิจารณาตัวเองอย่างแรงว่าแม่ปล่อยลูกอย่างนี้ได้ยังไง...โดนป้าด่าตามระเบียบ

ยังไงปารย์ต้องให้ความร่วมมือหน่อยนะถ้าจะเล่นอนุญาต 10 นาที 0k!!!

ตอนที่ 12  ในที่สุด....เราสองคนแม่ลูกก็อ่านหนังสือเล่านิทานด้วยกันได้แล้ว

       อีกไม่กี่วันน้องปารย์ก็จะสองขวบหกเดือนแล้ว...ความหวังที่แม่จะอ่านหนังสือกระจุ๋งกระจิ๋งกับลูกก็เป็นจริง  กว่าจะมาถึงวันนี้ แม่ก็พยายามอ่านหนังสือให้ปารย์เห็นบ่อยๆ  เล่านิทานดัง ดัง แม้ว่าหนูจะสนใจรึไม่ก็ตาม  อ่านเองหัวเราะเอง  จนปารย์เริ่มสนใจว่าแม่กำลังทำอะไร  มาวันนี้ปารย์ไปหยิบหนังสือมาให้แม่อ่านให้ฟัง  นอนอ่านกันสองคนแม่ลูก  ช่างมีความสุขอะไรเช่นนี้  สั่งแม่เิปิดเพลง ปิดไฟ

เอาเป็นว่า จากเริ่มบอกความต้องการตนเองไม่ได้  เริ่มสั่งแม่แล้วเจ้าค่ะ...:)  แม่ก็ยิ้มพร้อมจะทำให้ได้ทุกอย่างขอเพียงหนูพูดได้  สื่อสารเป็น  หลายครั้งที่แม่กลับไปอ่านพฤติกรรมของเด็กออทิสติก  ที่บอกว่าเด็กจะไม่ค่อยสน ใจ หรือรับรู้ความรู้สึกคนอื่น  แต่ปารย์ของแม่เข้าใจนะ บางทีแม่โกรธแสดงสีหน้า  หนูก็รู้พยายามเข้ามากอดกลัวแม่ไม่รัก  บางทีแม่กลับบ้านช้า  พอหนูเห็นแม่จะเข้ามากอดจูบแม่สักสิบฟอดได้มั๊ง  มันมากมายกว่าคำพูด "คิดถึง" ที่หนูยังบอกแม่ไม่ได้  แต่ก็มีบางพฤติกรรมที่แม่ห่วง เช่นอาการชอบวิ่งเป็นวงกลม  และที่แม่สังเกตได้คือเวลาปารย์อยู่ในห้องที่เปิดทีวีไว้นาน  อาการซุกซนเกินปกติจะสำแดง  แม่ก็ต้องรีบเอาหนีด่วนพาไปฟังเพลงดั่งดอกไม้บานของแม่ชีศันสนีย์  ได้ผลแฮะสงบลง  โยกตัว ทำท่า ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ดั่งดอกไม้บานได้  ทีวีมีผลต่อคลื่นในสมองของเจ้าปารย์ตัวน้อยของแม่จริง  แม่เลยต้องยกทีวีออกจากห้องนอน  ลาก่อนนะจ๊ะทีวีจ๋า.....

ตอนที่ 13  แม่ต้องเริ่มวางแผนชีวิตตัวเองใหม่ซะแล้ว....

     วันนี้แม่ได้ดูรายการ Thailand got talent. ตอนที่เด็กจากบ้านชวนชื่นมาแสดงความสามารถ ก่อนที่สถาบันแห่งนี้จะถูกปิดไป

แม่ต้องรู้สึกขอบคุณเวทีนี้ที่ได้เปิดโอกาสให้เด็กพิเศษเหล่านี้ได้แสดงออกและเพลงที่เด็กร้องก็คือ ลีฟ แอนด์ เลิร์น

             เมื่อวันที่ชีวิต เดินเข้ามาถึงจุดเปลี่ยน จนบางครั้งคนเราไม่ทันได้ตระเตรียมหัวใจ
             ความสุขความทุกข์ ไม่มีใครรู้ว่าจะมาเมื่อไหร่ จะยอมรับความจริงที่เจอได้แค่ไหน

            เพราะชีวิตคือชีวิต เมื่อมีเข้ามาก็มีเลิกไป
            มีสุขสมมีผิดหวัง หัวเราะหรือหวั่นไหว เกิดขึ้นได้ทุกวัน

            อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน
            อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

           สุขก็เตรียมไว้ ว่าความทุกข์คงตามมาอีกไม่ไกล จะได้รับความจริงเมื่อต้องเจ็บปวดไหว

          เพราะชีวิตคือชีวิต เมื่อมีเข้ามาก็มีเลิกไป
          มีสุขสมมีผิดหวัง หัวเราะหรือหวั่นไหว เกิดขึ้นได้ทุกวัน

         อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน
         อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

         อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน
        อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

        ........และน้ำตาของแม่ก็ไหลตามเคย  แม่ขอป้าของลูกว่า อีก2 ปี รอปารย์พร้อมกว่านี้ ช่วยเหลือตัวเองได้มากกว่านี้ เป็นภาระกับป้าให้น้อยที่สุดเท่าที่แม่จะฝึกปารย์ได้  แม่ขอไปเรียนการศึกษาพิเศษภาคเสาร์-อาทิตย์ เพื่อจะมาเป็นครูของปารย์และเป็นประโยชน์กับนักเรียนที่เป็นเด็กพิเศษคนอื่น  แม่รู้ซึ้งดีว่าเด็กพิเศษหลายคน ตอนที่อยู่อนุบาลจะไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่เพราะมีครู ดูแลตลอด แถมการสอนยังเป็นการสอนแบบบูรณาการ  แต่พอขึ้น ป.1 การเรียนเป็นวิชา เด็กพิเศษแทบทุกคนจะมีปัญหา แม่ไม่อยากเห็นสภาพที่เด็กเหล่านี้อยู่หลังห้อง ไม่สามารถเรียนไปกับเพื่อนได้ หนักเข้าพัฒนาการก็เริ่มถดถอย มันรู้สึกแย่และหนักใจสำหรับแม่มากเพราะนอกจากจะเป็นแม่ของเด็กพิเศษคนหนึ่งแล้ว  ยังเป็นครูที่ช่วยลูกศิษย์เหล่านี้ไม่ได้มันรู้สึกแย่จริงๆนะ

ตอนที่ 14 ไหว้ครูปีแรกของ เด็กหญิงปารย์...

     วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา คุณปารย์ต้องตื่นแต่เช้าเตรียมตัวเอาฤกษ์เอาชัยไหว้ครู  ไปพร้อมกับกรวยดอกไม้แสนสวยที่เพื่อนครูทำเผื่อแม่  ลำพังแม่คงไม่ได้เรื่องที่จะประดิษฐ์ประดอยงานเหล่านี้  ใส่ชุดนักเรียนเป็นวันแรกไปสั่งตัดอย่างฉุกละหุกอีกตังหากพรุ่งนี้ไหว้ครู แม่ก็เพิ่งนึกได้ว่าลูกยังไม่มีชุดนักเรียนเลย  ป้าจิตรก็แสนใจดีเนรมิตรให้ลูกแม่ชั่วข้ามคืน  แล้วคุณปารย์ก็สามารถแต่งองค์ทรงเครื่องครบได้  ขอขอบคุณทุกท่านนะคะที่ช่วยเหลือแม่(ที่แสนโก๊ะคนนี้)  แม่นึกว่าคุณปารย์จะทำพิธีไหว้ครูวุ่นวาย  แต่ไม่แฮะ  จากการรายงานผลของครูจันทรา  พิธีผ่านพ้นไปด้วยดี  เพียงแต่ตอนที่กราบครูเสร็จเด็กๆทุกคนต้องมอบกรวยดอกไม้ให้ครู  แต่คุณปารย์ไม่ยอมให้เท่านั้นเอง  งง...เอ...ทำไมเราต้องเอาให้ด้วย  จนครูต้องเอาจากมือปารย์เอง   ปีหน้าแม่สัญญาว่าจะฝึกซ้อมให้ดีค่ะ

    ส่วนแม่เองก็อิ่มเอม ที่บรรดาลูกศิษย์น้อยใหญ่มาร่วมพิธี บรรดาพี่ๆที่จบไปต่างก็มาพร้อมหน้ากัน เป็นวันที่แม่มีความสุขวันหนึ่งทีีเดียว  และตัวแม่เองก็ระลึกถึงครูบาอาจารย์ที่เคยสั่งสอนแม่มา  แม่คงต้องกลับไปเยี่ยมโรงเรียนเก่าของแม่บ้างซะแล้ว  ขอให้คุณครูทุกท่านจงมีแต่ความสุขความเจริญนะคะ

กรวยดอกไม้  ไม่ว่าจะสวย หรือไม่สวย ต่างก็มีค่าสำหรับแม่เท่ากันนักเรียนตัวน้อยของแม่อุตส่าห์ประคองมาให้แม่ ถึงมันจะหลุดลุ่ยไปบ้าง แต่ก็มาจากใจ  คุณครูคนนี้ก็ยินดีรับด้วยรอยยิ้มและความประทับใจจ้า.....

ตอนที่ 15 Dr,Seuss's  แม่นึกว่าจะเก็บหนังสือประเภทนี้ไว้ดองเค็มซะแแล้ว....

     จากวันที่เข้ามาเป็นสมาชิกของหมู่บ้านสองภาษา  ห้องที่แม่ชอบเข้าของบ้านนี้คือ ห้องสมุด  ห้องenglish club แล้วก็ห้องshopping  จากเ็ป็นคนที่ซื้อของonline ไม่เป็น ไม่รู้จักว่าpreoderเป็นอย่างไร  ก็ได้มาเรียนรู้ที่นี่

     คุณปอ แม่เปิ้ล คุณตง และคุณทิพย์วัลย์ ทำให้แม่รู้จักหนังสือดีๆ  ที่แม่ไม่เคยอ่านมาก่อน  แถมยังต่อยอดการอ่านให้อีกด้วย  และแล้ว  หนึ่งในหนังสือแนะนำคือ Dr.seuss's  ตอนแรกแม่ก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่แต่อยากศึกษาดูเพราะเห็นภาพสัตว์อะไรก็ไม่รู้ อย่างเช่น duck-dog  ตัวเป็นสุนัขแต่มีเท้าเป็นเป็ด แถมภาษาแปลก็ไม่ค่อยได้  ลองอ่านดู ....เพราะภาษาที่มีสัมผัส อ่านเพลินดีเหมือนกัน ส่วนภาพดูไปดูมาก็ตลกดี แต่เจ้าปารย์คงไม่สนแน่   และแล้วก็เก็บใส่ตู้ไว้เกือบปี  วันนี้ลองเอาเล่ม A B C มาอ่านดู

ปรากฏว่า คุณปารย์ชอบมาก... อ่านได้ ตรงช่วง BIG A  little a  What begins with a ?  BIG .... little..... what begins with.....?อ่านอย่างนี้จนจบ A-Z

หน้าโปรดของเจ้าปารย์ชอบมากเป็นหน้านี้ Aunt Annie's alligator.........อ่านเสร็จให้แม่นอน  จัดการขี่หลังแม่  แล้วก็พูดว่า sit on alligator......แม่ก็นึกไม่ถึงว่าปารย์จะเชื่อมโยงได้  เอ๊า....ยอมเป็นalligator จ้า  งานนี้มีปวดหลังแน่ๆ...

ตอนที่16  สองขวบเก้าเดือนแล้วค่ะ

       12  กันยายน - 21 กันยายน 2555  ที่ผ่านมาน้องปารย์ได้ไปแอทมิท เพื่อฝึกกิจกรรมบำบัดอีกครั้ง รวมทั้งได้มีการประเมินพัฒนาการอีกด้วย การไปครั้งนี้มีหลายเรื่องที่แม่ต้องปรับปรุงตัวเองอย่างหนัก เพราะละเลยในการดูแลหนูไปมาก(เอาเป็นว่าแม่ไม่สบาย บวก ความขี้เกียจเริ่มครอบงำ) จากที่แม่พยายามหนุนปารย์ ขึ้นชั้นจากห้องไฮเปอร์ ขั้นมาที่ ห้องสโลว  แต่ประเมินครั้งนี้ปารย์ไม่ให้ความร่วมมือ เลยต้องกลับไปอยู่ห้องไฮเปอร์เหมือนเดิม  ถ้าถามความรู้สึกจากใจของแม่นะ แม่เหมือนสอบตก โดนซ้ำชั้น แต่มาดูเหตุและปัจจัยแล้ว เป็นเพราะแม่นี่แหละที่ไม่ฝึกลูก เริ่มกันใหม่นะปารย์นะ

       ถ้าถามความก้าวหน้าด้านภาษาของปารย์ ภาษาที่มักจะพูดยามปารย์เข้าไปสู่โลกของตัวเอง 50% นั่นคือบทสนทนาภาษาอังกฤษของเจ้าตัวการ์ตูน OZmo คุณปารย์พากษ์ได้หมด  , เพลงเด็กจากค่ายต่างๆในyoutube โดยเฉพาะ five little monkey และอีกหลายสิบเพลง  แม่ซื้อหนังสือเพลงเด็กสองภาษาพร้อมdvd มา คุณปารย์ชอบมาก หนักเข้าปารย์เปิดหนังสือ เอานิ้วชี้ไล่ตามตัวหนังสือร้องเพลงอย่างไม่พลาด  แม่ร้องเอานิ้วชี้ไปที่คำศัพท์ในเพลง คุณปารย์อ่านได้หมด  วันนั้นแม่อยากดูรายการThe voice มาก คุณปารย์เห็น I want you อ่านทันที ทำเอาป้างง ว่าอ่านได้ยังไง  ดูเหมือนจะดี แต่มันเกินเด็กนะความสนใจมันลึกเกินเด็กปกติ

     30% ภาษาอังกฤษที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เริ่มมาเป็นประโยคบ้างแล้ว เช่น mommy drink water , open the door please., mommy go together. i like ice cream .oh sorry เวลาทำอะไรที่แม่โกรธ แม่ต้องหน้าบึ้งสุดฤทธิ์ แกล้งร้องไห้  และคำที่ติดปาก ก็คือ Oh my gosh!  หนักเข้าเวลาหลับยังละเมอเป็นภาษาอังกฤษ

    20% ภาษาไทย ยังใช้เป็นคำๆอยู่เช่น แกะ เก็บ เอาไปทิ้ง

     ปารย์ยังสื่อสารโต้ตอบยังไม่ค่อยดีนัก ถ้าเป็นเด็กปกติ คงเถียงแม่ได้แล้ว  แต่หมอบอกว่าแนวโน้มพออายุเพิ่มขึ้นน่าจะเป็นเด็กที่พูดมาก  (แม่ก็คงต้องรอ....และเตรียมรับกับการกลายเป็นเจ้าหนูจำไม ของปารย์ ขอให้พูดได้เถอะจะตอบทุกคำถามค่ะ)

     ความก้าวหน้าด้านการช่วยเหลือตัวเอง  นั่งกระโถนเองได้แล้ว บอกแม่ได้เวลาต้องการฉี่ อึ mommy , use a potty.  or potty time,mommy   เริ่มฝึกใส่รองเท้าเอง  ถอดกางเกง ห่มผ้าให้แม่ เกาหลังให้แม่ ยกแก้วน้ำดื่มเอง ตักของกินเองได้บ้างหกบ้าง

ไปหยิบของให้แม่ตามคำสั่ง ชอบปิดเปิดไฟเอง(อันนี้อันตราย แม่ต้องคอยระวังบ่อยๆ) ใส่cdเปิด ทีวี เครื่องเล่นต่างๆเอง

      ความก้าวหน้าด้านสังคม สบตาคนมากขึ้น บางครั้งทำตาเจ้าเล่ห์  เล่นกับคนในครอบครัว รู้จักชักชวนมาเล่น เช่น ชอบเล่น ring around a rosies  (ประเภทจับมือเดินเป็นวงกลม แล้วหยุด ถูกจริตกับโรคนี้นัก) ชอบเล่น see saw (เรียนแบบจาก youtube แม่จับชายผ้าด้านนึง ปารย์จับอีกด้านดึงไป ก็ดึงมา ต้องร้องเพลงประกอบด้วยนะคะ see saw magerydaw อันที่ทำเป้นประจำ โดดขึ้นเตียงเป็น five little monkey พอถึงตอน fell off แม่ต้องแกล้งตกลงเตียง  ใครไม่ตกปารย์บังคับจับลงนอนหมด  และอื่นๆอีกมากมาย

แม่ดีใจ ที่ลูกชวนแม่เล่นได้  แต่ไม่สามารถเล่นกับเพื่อนได้เพราะการเล่นของปารย์ต่างกับเพื่อน บ่อยครั้งที่ปารย์จะเคอะเขินไม่รู้จะเล่นกับเพื่อนยังไง  และนี่ก็คือปัญหาของแม่

อนที่ 17 เกือบครบรอบปีที่แม่พาลูกไปฝึก  ...สิ่งที่ได้รับนอกจากลูกจะได้รับแล้ว...แม่ก็ได้รับเช่นกัน

        ที่สถาบันพัฒนาเด็กราชนครินทร์ แม่เห็นพระบรมฉายาลักษ์ของพระพี่นางเธอฯ แม่ยกมือไหว้ทุกครั้ง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ รวมถึงทุกภาคทุกหน่วยงานที่ได้มีส่วนก่อตั้งสถาบันนี้ขึ้นมา เป็นที่พึ่งของครอบครัวของเด็กพิเศษทุกคน ไม่มีสถาบันนี้ครอบครัวของเด็กพิเศษจำนวนมากคนต้องทนทุกข์ ขอบคุณแพทย์ พยาบาล นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา และบุคลากรทุกท่าน

        การที่มาที่นี่นอกจากลูกจะได้มีโอกาสประเมินพัฒนาการแล้ว ยังได้มีโอกาสตรวจสุขภาพฟัน เคลือบหลุมร่องฟัน เคลือบฟูออไรด์ ซึ่งตอนปารย์อายุ สองขวบ แม่พาปารย์ไปคลีนิคฟัน หมอไม่รับ ตั้งแต่แม่ไปสถาบันนี้ปารย์ได้รับการตรวจและดูแลสุขภาพฟันถึง 3 ครั้งแล้ว สายตาที่ทุกคนมอบให้เด็กๆมีแต่คำว่า ความรักและความเมตตา

      นอกจากเด็กๆจะได้รับการเยียวยาแล้ว ทางโรงพยาบาลก็จัดกิจกรรมเข้ากลุ่มผู้ปกครองขึ้น ให้แม่ๆแต่ละคนระบายความรู้สึก ความเครียด ความกดดัน ไปครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่แม่ได้เข้ากลุ่ม แม่แต่ละคนได้มีโอกาสพูดปัญหาของตน และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

คุณพยาบาลบอกว่าลำพังคำพูดที่พยาบาลมีให้ ยังมีค่าไม่มากเท่ากับแม่ที่มีลูกพิเศษด้วยกัน แม่ทุกคนล้วนผ่านการร้องไห้มาสักกี่ครั้งจนนับไม่ถ้วน ขึ้นอยู่กับพื้นฐานด้านจิตใจว่าจะเข้มแข็งมากน้อยแค่ไหน และแม่ก็ได้มีโอกาสเห็นปัญหาของแต่ละครอบครัว แม่บอกตัวเองเสมอว่า "แม่ต้องเข้มแข็ง แข็งแรง ขยัน ทุกวัน ทุกวินาที" ไม่งั้นจะมีใครมาดูแลลูกที่แสนพิเศษคนนี้ของแม่ แม่ก็ได้แต่บอกคุณแม่ที่อยู่ในที่ประชุมว่า ความทุกข์มันมีอยู่แล้ว อย่าเติมทุกข์ให้กับตัวเองอีก หากิจกรรมที่มีความสุขเล่นกับลูก สร้างรอยยิ้มให้ลูกและสิ่งที่เราจะได้จากรอยยิ้มของลูก ก็คือรอยยิ้มบนหน้าเราและความสุขที่เต็มอิ่มอยู่ในใจนั่นเอง

     ขอบคุณสถาบันที่ได้มีปรับปรุงภายในเพื่อเป็นของขวัญมอบให้แก่เด็กๆ จะได้ใช้ตุลานี้แล้ว เด็กๆคงมีความสุขเพิ่มขึ้นอีกมากค่ะ

ตอนที่ 18  สายตาของแม่มีไว้มองแต่ลูก ส่วนสายตาคนอื่นที่มองลูกเป็นอย่างไร แม่พยายามมองพวกเขาเหล่านั้นอย่างเข้าใจ

  บ่อยครั้งที่แม่พยายามเลี้ยงลูกแม่อย่างเด็กปกติ  ไปไหนไปด้วยกัน  แ่ม้ว่าปารย์จะทำเอาแม่เหงื่อตกก็ตามที เช่นห้างสรรพสินค้า หรือซุปเปอร์มาเก็ต ยามใดที่ปารย์เห็นพื้นที่ลื่นแสนจะมันวาว ปารย์ก็มักจะไปนอนเกลือกกลิ้งไปมา  หรือมองเห็นบันไดเลื่อนจะกระโจนเข้าหา ถ้าใครเห็นแม่ลูกที่ขึ้นบันไดนั้นลงบันไดนี้  นั่นแหละคู่ของเราเอง  บางทีปารย์ดีใจก็จะทำเสียงดังเชียว  แต่บางทีแม่ขัดใจหนูก็จะร้องดังลั่น  สายตาหลายคู่ที่มองมา อาจเป็นสายตาตำหนิบ้าง  ว่าเด็กคนนี้เอาแต่ใจตัวเองหรือแม่ไม่อบรมอะไรก็ตามแต่....

แม่ก็ได้แต่บอกว่าขอโทษนะคะที่ลูกแม่ไปรบกวน  แม่ไม่โกรธหรอกเพราะคนอื่นเขาไม่รู้จักมนุษย์สายพันธุ์ใหม่แห่งโลกอนาคตอย่างลูกนี่นา ...ไอ้ตัวแสบของแม่

ตอนที่ 19  สองขวบ สิบเดือน แล้วค่ะ

   คราวนี้ไปประเมินพัฒนาการ ปารย์ดีขึ้นเกือบทุกด้านค่ะ  อาจเป็นเพราะคราวที่แล้วสอบตก แม่กลับมาฝึกใหม่ ปารย์เลยดีขึ้น

ด้านการเคลื่อนไหว    ดีขึ้นจากเดินเขย่งตลอดเวลา พอแม่บอกว่าเอาเท้าลง ปารย์ก็เริ่มเดินเต็มเท้า แต่เผลอก็เขย่งอีก ต้องเตือนอยู่

                             บ่อยๆ 

ด้านสติปัญญา            พัฒนาการเท่าเด็ก สามขวบ หนึ่งเดือน จับคู่ภาพเหมือน สี รูปทรง ทำได้ดีค่ะ

ด้านความเข้าใจภาษา  อันนี้ยังไม่ดีต่ำกว่าพัฒนาการ เช่นครูสั่งให้ทำอะไร บางทีปารย์ยังฟังไม่ค่อยเข้าใจ ต้องฝึกใหม่

ด้านการใช้ภาษา        เนื่องจากคุณปารย์สั่งได้แล้ว สั่งแม่ทำโน่น ทำนี่  ข้อนีเลยผ่านค่ะ

ตอนที่ 20  บันทึกการอ่านของลูก

       การอ่านของน้องปารย์พัฒนาขึ้นมากค่ะ  อ่านหนังสือได้มากและชอบที่จะอ่าน เวลาอ่านของปารย์คือช่วงนอนดื่มนม  มักจะไปหยิบหนังสือมาให้แม่อ่านและบางครั้งก็จะอ่านให้แม่ฟังอยู่บ่อยๆ สิ่งที่ปารย์ชอบก็คือทุกครั้งที่ปารย์อ่านจะต้องมองหน้าแม่เพื่อขอคำชม หนังสือของBrillkids book เป็นหนังสือที่ปารย์ชื่นชอบในช่วงนี้ เพราะอ่านง่ายทำให้เด็กมีกำลังใจที่จะอ่าน  แม่พยายามสอดแทรกเอา read at home ของค่ายoxford ปารย์อ่านได้แต่จะชอบแค่บางเล่ม โดยเฉพาะ เล่มที่มีชื่อว่า Silly races ส่วนสำเนียง final sound หายห่วงค่ะ เป๊ะเลย ได้แค่นี้แม่ก็ดีใจมากแล้วค่ะ

อนที่ 21 สองขวบ สิบเอ็ดเดือน สามวัน พัฒนาการการพูดที่เริ่มก้าวกระโดด

     วันนี้ปารย์ทำให้แม่แปลกใจมาก  ปารย์เริ่มพรั่งพรูคำพูดออกมา จากเด็กที่พูดเป็นคำๆ ประโยคสั้นๆ(สั้นมากๆ)  เริ่มพูดสิ่งที่ตัวเองคิด  สิ่งที่แม่เคยเตือนบ่อยๆ  เป็นวันที่ฟ้าสว่างสดใสสำหรับแม่เหลือเกิน เป็นวันที่แม่รอว่าเมื่อไหร่ปารย์จะเริ่มสื่อสารได้ดีซะที วันนี้แม่จึงนับว่าเป็นวันแรกเริ่มของความก้าวหน้าด้านการพูดของปารย์ค่ะ

    เช่น- แม่บอกให้ปารย์ไปใส่รองเท้า ปารย์หยิบมา 1 ข้าง ใส่เสร็จ บอกแม่ว่า anoter one  แล้วก็ไปหยิบรองเท้าอีกข้างมาใส่เอง

         -แม่เอานมให้ปารย์ดื่ม ปารย์บอกแม่ว่า ระวังอย่าให้หกนะ

         - ปารย์อ่านหนังสืออ่านแบบผิดๆแล้วหันมายิ้ม ทำตาเจ้าเล่ห์ใส่แม่ แล้วบอกแม่ว่า พูดไปเรื่อย แล้วก็หัวเราะ

         -แม่ดื่มนมกล่องจนหมดแล้ววางไว้บนโต๊ะ ปารย์มาเอากล่องนมเขย่า แล้วบอกว่า it's all gone ว่าแล้วก็หยิบไปทิ้งในถังขยะให้

            แม่

     ช่วงนี้แม่ขอคุณหมอ งดพาปารย์ไปฝึกด้วยภาระหน้าที่งานของแม่ ปารย์ก็เลยได้ไปโรงเรียนแทน ปารย์เริ่มรู้จักทำตามกฎของห้อง เริ่มเรียนรู้การเล่นกับเพื่อน และภาษาไทยเริ่มเพิ่มมากขึ้นค่ะ แม่ตั้งใจว่าแม่จะกลับมาเริ่มภาษาอังกฤษอย่างเต็มรูปแบบซะที คงต้องกลับไปเรียนที่ห้อง english clubอีกครั้ง 

     แม่ต้องขอขอบคุณคุณครูยุ้ย ที่สอนปารย์อยู่ในตอนนี้ ขอบคุณครูพี่เลี้ยงที่ช่วยดูแลปารย์เป็นอย่างดี และให้กำลังใจแม่ในการเลี้ยงเจ้าลิง  ทุกวันแม่ต้องคอยถามคุณครูว่าวันนี้ปารย์แผลงฤทธิ์อะไรรึเปล่า แม่ต้องทำความเข้าใจกับครูเสมอว่าสำหรับปารย์ เป้าหมายสำคัญคือ ปารย์เล่นกับเพื่อนได้ อยู่ในห้องได้ มีความสุขในการทำกิจกรรม แค่นี้แม่ก็พอใจแล้วค่ะ

ตอนที่ 22  นิทาน อ่านหนังสือ  เป้นสิ่งเติมเต็มในชีวิตเด็ก

  แม่ได้มีโอกาสไปอบรม ในโครงการ เล่านิทาน อ่านหนังสือ วิทยากรคือคุณตุ๊บปอง และรศ. กุลวรา มาในนามตัวแทนสำนักพิมพ์แปลนฟอร์คิด ซึ่งสำนักพิมพ์นี้มักผลิตหนังสือนิทานเล่มโปรดของแม่หลายเล่มเลยทีเดียว ตอนนี้แม่อายุ 45 แล้วแต่แม่มีความสุขเสมอยามได้อ่านนิทาน เห็นภาพสวยๆ และมักจะซื้อเก็บไว้  สิ่งนี้คงต้องขอบคุณป้าของลูก เพราะตอนแม่เด็กๆแม่มีความทรงจำที่ดีเสมอ ป้ามักจะพาแม่เข้านอนแล้วเล่านิทานให้แม่ฟัง นิทานเล่มนั้นเป็นภาษาอังกฤษซึ่งแม่ก็อ่านไม่ออกแต่แม่จำชื่อได้แม่น นั่นคือ STONE SOUP เป็นนิทานที่แม่ฟังไม่เคยจบ เพราะหลับไปเสียก่อนทุกที แม่มีความสุขทุกครั้งที่ป้าเล่านิทานให้ฟังและแม่ก็อยากให้ปารย์มีความสุขและความทรงจำที่ดีเช่นเดียวกับแม่

   เข้ามาเรื่องสิ่งที่แม่ได้จากการอบรม คุณตุ๊บปองบอกว่าหนังสือนิทานที่ดี นอกจากจะอ่านได้ เล่าได้ ร้องได้ ต้องทำกิจกรรมได้ ด้วยพร้อมแนะการอ่านนิทานให้สนุก การใช้น้ำเสียง การนำกิจกรรมเข้ามาในขณะที่เล่า ก่อนจะเล่าจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอ่านชื่อเรื่อง ผู้แต่งและผู้ทำภาพประกอบ ข้อนี้เห็นจะจริงเวลาแม่เปิดดูการเล่านิทานของCBeebies bedtime story ทุกครั้งผู้เล่าก็ต้องอ่านชื่อเรื่องและผู้แต่ง  เหตุผลเพราะนิทานที่เด็กประทับใจ ชื่อหนังสือจะยังอยู่ในใจของเด็กติดตัวไปไม่ว่าเขาจะโตแค่ไหน เหมือนกับพระองค์ทีที่มักตรัสเสมอถึงนิทานที่มีชื่อว่า กุ๊กไก่ปวดท้อง และก่อนที่จะเล่านิทานให้ฟังควรจะตั้งคำถามให้ลูกคิดก่อน เช่น เอ...ทำไมกุ๊กไก่ถึงปวดท้องน๊า.....เป็นการฝึกให้เด็กคิด  พอเล่าจนจบเด็กก็จะทราบคำตอบจากในหนังสือเอง นอกจากนี้นิทานยังเป็นสื่อกลางที่ช่วยให้แม่ได้มีเวลาอบรมลูก อยากจะอบรมอะไรก็แทรกเข้าไปในนิทานได้  แม่ตั้งใจเสมอ ...ว่าแม่จะไม่พลาดโอกาสในการทำสิ่งดีดี เช่นการเล่านิทานให้กับลูก แน่นอน

    แม่เคยมองดูหนังสือ...ในตู้  และเคยคิดท้อแท้ว่า ปารย์เป็นเด็กพิเศษอย่างนี้  เราจะมีโอกาสอ่านหนังสือด้วยกันมั๊ยน้อ.......และตอนนี้เราก็ทำได้ และได้กลายเป็นกิจวัตรที่ปารย์ชอบมาก ไม่ใช่อ่านแค่เล่มสองเล่ม ปารย์ต้องอ่านให้ครบ ประมาณ 20 เล่ม จนแม่ต้องแอบเอาไปซ่อน ไม่งั้นเจ็บคอแน่  แถมเวลา อึอึ๊ คุณปารย์ต้องวิ่งไปคว้าหนังสือมา 1 เล่มอ่านจบสองรอบ เป็นอันเสร็จภารกิจ แม่ดีใจที่แม่สามารถสร้างนิสัยรักการอ่านให้ลูกได้   อย่างน้อยวันหนึ่งที่แม่ไม่ได้อยู่กับปารย์ ปารย์ก็ยังมีหนังสือเป็นเพื่อน มีสิ่งที่ให้ได้คิดถึงแม่.....รักปารย์นะจ๊ะ

 หนังสือชุดนี้ ไม่มีคำบรรยายอะไรเลย wordless ดูเหมือนจะง่าย แต่ยากในการนำเสนอของแม่มากเลยทีเดียว เพราะภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง  เลยต้องเล่าเป็นภาษาไทยก่อน แ้ล้วค่อยไปคิดคำ คิดประโยคว่าจะเล่าอะไรดี ปารย์เลยไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่

  ส่วนชุดนี้มีคำมานิดนึง  ปารย์อ่านได้ แต่ก็ยังไม่ค่อยชอบเท่าไหร่

  ชุดนี้ มี 6 เล่ม ระดับ 1 A 1 B 1C  จากที่เคยชอบแค่ silly races ตอนนี้ชอบทุกเล่มแล้วค่ะ อ่านทุกวัน อ่านเองได้ด้วยค่ะ บางทีจนเอาไปละเมอ อย่างเมื่อคืน คงจะประทับใจเรื่อง mum's new hat. ตกดึกละเมอลุกขึ้นนั่งชี้นิ้ว.... Oh no "...GET my hat...... :)

  ชุดนี้ของBrillskid ระดับvery easy มี 13 เล่ม ปารย์ชอบทุกเล่มค่ะ  อ่านเองได้ทุกเล่มเช่นกัน เมื่อคืนแม่ลองอ่านเอาทำนอง แฮปปี้เบิร์ทเดย์ เข้าใส่ ตามที่ได้อบรมมา(ลองอ่านเป็นทำนอง) โอ้โฮ ปารย์ชอบมาก และก็อ่านหนังสือเป็นทำนอง แฮปปี้เบิร์ทเดย์อยากสนุกสนาน

   ส่วนหนังสือระดับ 2 - 5 แม่ยังไม่รู้จะนำเสนอยังไงให้ปารย์ชอบ และของป้าเจน (Jane moncure)ก็ยังแ้อ้งแม๊งอยู่ในตู้.....

     ทุกเรื่องราว ทุกสัจธรรมที่ปรากฏในนิทานล้วนแต่มีความเป็นสากล...
เพราะเป็นเรื่องราวแห่งชีวิต เป็นเรื่องของความทุกข์ ความสุข...
และการดำรงตนอยู่ในโลกอย่างกลมกลืนสอดคล้องกับธรรมชาติ...

หนังสือนิทานไม่เพียงแต่เหมาะสำหรับเด็ก ๆ เท่านั้น
หากแต่เหมาะสำหรับคนที่เคยเป็นเด็กมาแล้ว...
ไม่ว่าจะเนิ่นนานผ่านมาสักกี่มากน้อย...

เพียงแต่คุณจะจำได้...ว่าครั้งหนึ่งในชีวิต...เคยเป็นเด็กมาก่อน...
และใช้การระลึกรู้นั้นเปิดตาเปิดใจให้กว้าง เพื่ออ่านหนังสือนิทาน
คุณจะสัมผัสได้ถึงความรื่นรมย์...ไม่ต่างจากที่เคยได้รับเมื่อครั้งเยาว์วัย

(ข้อความนี้...ของใครก็ไม่รู้  แต่แม่ชอบเลยคัดลอกเก็บไว้ค่ะ)

   

ตอนที่ 23 คุณปารย์  อายุ 3 ขวบแล้วค่ะ

     วันเกิดวันนี้ของปารย์มีความสุขกับเพื่อนๆเป็นอย่างดี แม่จัดเค็กให้ปารย์ไปเป่่ากับเพื่อนๆร่วมชั้นเรียน คุณครูรายงานว่าเด็กๆช่วยปารย์เป่าใหญ่เลย  แม่เดาว่าเค็กชิ้นนี้ต้องอร่อยแน่ๆ  ว่าแต่คุณครูจะกล้าชิมรึเปล่าเอ่ย? เพราะอุดมไปด้วยน้ำมนต์ของเด็กๆ :)

ปีนี้ปารย์โตขึ้น รู้เรื่องมากขึ้น แม่ก็ขออวยพรให้ลูกมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง มีจิตใจดี และสามารถเรียนรู้ได้นะคะ ขอให้พัฒนาการลูกดีขึ้นเพื่อเป็นกำลังใจให้แม่คนนี้มีแรงสู้ต่อไปนจ๊ะลูกรัก....(เราจะเป็นกำลังใจให้กันและกันไช่มั๊ยลูก)

    ปีนี้ปารย์ร้องเพลงเป็นของขวัญมอบให้แม่  นกอะไรบินมาลิบลิบ  นกกระจิบ หนึ่ง  สอง  สาม  สี่  ห้า  อีกฝูงบินล่องลอยมา หก  เจ็ด  แปด  เก้า  สิบตัว  แล้วต่อด้วยอีกหลายเพลง ร้องถูกบ้างผิดบ้าง  แต่ก็ทำให้แม่ยิ้มแก้มปริ  ชื่นใจจริงๆลูกเอ๋ย.....

อนที่ 24  อาการบางอย่างเริ่มหายไป....อาการที่คงอยู่  และอาการใหม่เริ่มเข้ามา

     อาการที่เริ่มหายไปเช่นการหมุนตัว ภาษาต่างดาว

     อาการที่คงอยู่ การเดินเขย่งเท้า แม่สงสัยว่าปารย์เดินได้อย่างไร แม่ทดลองเดินเหมือนปารย์แค่สองนาทีแม่ก็เมื่อยแย่อยู่แล้ว แต่ปารย์สามารถเดินอย่างนี้ได้ตลอด  "เดืนเต็มเท้านะปารย์" พอเผลอ เอาอีกละ... แม่เลยเดินเขย่งเท้า ดูบ้าง ปารย์มองแม่ หัวเราะ บอกแม่ " เดินเต็มเท้า "  ไม่ไช่ว่าปารย์จะไม่รู้อะไรเลย

     อาการที่เริ่มเข้ามา อาการติดป้า  ปารย์รักป้ามาก อยู่กับป้าจะมีความสุข เพราะป้ามักจะสรรหาอะไรมาเล่นกับปารย์เสมอ ป้าแทบกระดิกตัวไปไหนไม่ได้เลย  ป้าพูดอะไรยอมทุกอย่าง  วันนึงเรียกป้าจ๋าสักร้อยครั้งได้มั๊ง  แต่กับแม่บอกซ้ายจะไปขวา ชอบแกล้งแม่ และมักจะหัวเราะถ้าแกล้งแม่ได้สำเร็จ  วันนี้แกล้งเรียกแม่ ว่าป้า  และเรียกป้า ว่า แม่ เจ้าปารย์จะแสบอะไรกันนักหนาเนี่ย......

ตอนที่ 25 สวัสดีปีใหม่.....ก้าวต่อไปด้วยกันกับแม่นะลูกนะ

   ปีใหม่ปีนี้สำหรับแม่  No.....new  year day .  No celebrate....เพราะต้องเตรียมการประเมินคุณภาพของโรงเรียน ทำงานทุกวันจนถึง วันที่ 2 มกราคม  เรียกว่าทำงานข้ามปี   มารู้ตัวอีกทีว่าข้ามปีแล้ว  ตอนได้ยินเสียงพลุดังสนั่น....ไม่มีงานเลี้ยงฉลอง  ไม่มีเสียงเพลง  มีแต่อ้อมกอดและคำอวยพรจากแม่ให้ลูกนะจ๊ะ  ปีที่ผ่านมาลูกก้าวเดินได้ดีแล้ว  ปีต่อไปจะต้องดีขึ้น  ดีขึ้น

        ก้าวไปพร้อมๆกับแม่นะ........ปารย์

ตอนที่ 26 เอา...ไม่เอา...

     แม่ยังจำได้ตอนไปฝึกปารย์  ปารย์จะต้องโดนทดสอบ ต้องบอกความต้องการตนเองเองได้ เช่นแม่ให้ขนมปารย์จะต้องบอกได้ว่า จะเอา  หรือ ไม่เอา  แม่ก็จัดการฝึก เอา  ไม่เอา เป็นแรมเดือน  ปารย์ก็ทำหน้า งง งง เอ.....จะทำไงดีหว่า กว่าจะได้กินอะไรทำไมมันยากอย่างนี้ ฟระ... จะเอาอะไรก็คว้ามาเลย  ขี้เกียจตอบแม่ ( คงคิด...แม่เราเป็นอะไรหว่า  ถามอยู่ได้)

   แม่เลยเปลี่ยนวิธี  เอาของที่ปารย์ชอบ ช๊อคโกแลต  กับของที่ปารย์เกลียดที่สุด คือ วาสลีนเจล ที่แม่มักใช้ยามที่ปารย์ท้องผูก

คราวนี้ลองใหม่  เอาช๊อคโกแล๊ตมั้ยคะ? ปารย์ไม่ตอบ  แม่ตอบเอง  เอาค่ะ ว่าแล้วก็เอาใส่ปากแม่เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ทำอย่างนี้สองรอบ  รอบที่สามถามใหม่ เอาช๊อคโกแล๊ตมั้ยค่ะ ตอบทันทีเลยเอาค่ะ  คราวนี้ บอกคำว่า เอาได้แล้ว  หันมาทางวาสลีนบ้าง  ปารย์เอาวาสลีนมั้ยค่ะ  วิ่งหนีจู๊ดเลย  เลยต้องบอกว่า วาสลีนไม่เอาค่ะ  ปรากฏว่า สามารถฏิเสธในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบได้แล้ว

  มา ณ บัดนี้ จากที่เคยกังวลว่าลูกจะบอกความต้องการ หรือ ปฏิเสธ อะไร ไม่เป็น พอได้สามขวบ โอ้โฮ ...ไม่ทุกคำ  ไม่เอาแม่  ไม่ไปโรงเรียน  ไม่กิน  ไม่ใส่กางเกง  มาเ็็ป็นชุด และเริ่มรู้จักคำว่า don't  ไปพร้อมๆกัน  พอตื่นขึ้นมา mummy don't get up. blanket please. sleep.  ด้วยความที่ไม่อยากไปโรงเรียน  แม่ก็ได้แต่แอบยิ้มปนหนักใจ ถ้าไม่พอใจอะไรคุณปารย์จะพูดคำว่าไม่อย่างเดียว  ขนาดแม่หัวเราะ  หันมาตวาดแม่ Don't ha ha Ha เออหนอลูก..เอ..กลับไปฝึกคราวหน้าแม่จะต้องรายงานคุณหมอซะแล้ว

   เอา...ไม่เอา...การประเมินข้อนี้ผ่านแล้วกันนะคะคุณหมอ

ตอนที่ 27  ปารย์จะเริ่มเข้าเรียนอนุบาล 1 แล้ว  แม่ต้องเตรียมอะไรบ้างเนี่ย
     วันเวลาที่ปารย์จะเริ่มการเรียนใกล้จะมาถึงแล้ว  มาพร้อมความกังวลของแม่มากมาย  คงต้องทำใจเวลาปารย์ไปโรงเรียน  กลัวลูกเครียด ส่วนแม่เครียดล่วงหน้าไป แล้ว...แม่คิดว่าแม่ต้องไปเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมมาเสริมปารย์ที่บ้านเอา. 23-24 กพ. นี้คงต้องฝากปารย์ไว้กับป้า ลองไปอบรมBBL ดูเผื่อจะได้แนวคิดมาสอนลูกได้ เห็นวิธีการสอน และการทำกิจกรรมน่าสนใจ แม่คงต้องเรียนรู้ไปพร้อมๆกับปารย์อย่างนี้แหละ  นึกถึงขึ้นป.1 คงต้องไปอ่านหลักสูตรล่วงหน้า  ไอ้ที่จะสอนติดโต๊ะ ติดเก้าอี้  คงใช้กับปารย์ไม่ได้แน่ แค่นึกก็สนุกแล้วว่าเราจะต้องเตรียมอะไรบ้าง

ตอนที่ 28  เลิกใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปแล้วค่ะ

     สองสัปดาห์ที่ผ่านมา  เวลานอนพอถึง ตีหนึ่ง ตีสอง ปารย์จะกระสับกระส่ายนอนดิ้นไป  ดิ้นมา  แม่กว่าจะค้นหาสาเหตุเจอก็คือ ปารย์ไม่ยอมฉี่ใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปแล้ว  แม่ทดลองเอากระโถนให้ปารย์นั่ง  ปรากฏว่าจากที่แม่เคยกังวลว่าปารย์จะยอมหรือไม่  ปรากฏว่ายอม...ตั้งแต่นั้นมาแม่เลยไม่ต้องใช้อีกแล้วประหยัดงบ  แถมยังภูมิใจว่าลูกโตขึ้นแล้ว  มาวันนี้ปารย์สามารถช่วยเหลือตัวเอง นั่งกระโถนเอง ถอดกางเกง ใส่กางเกงเองได้ ขอบใจนะจ๊ะลูกรัก  ยังเหลืออีกสิ่งหนึ่งคือ การเลิกขวดนม  คงจะเร็วๆนี้แหละจะได้ฤกษ์ทำพิธีหย่าขวดนมซะที เป็นกำลังใจให้นะคะ

ตอนที่ 29 การปูพื้นฐานด้านคณิตศาสตร์ให้ปารย์

      ตั้งแต่ปารย์ลืมตามาดูโลกเวลาแม่ขึ้นลงบันไดแม่จะนับเลขให้ปารย์ฟังเสมอ  พอได้ขวบก็เอาหนังสือcaillou count with me! ให้ปารย์ได้อ่านได้เปิด และได้แทะ ก่อนสองขวบแม้ว่าปารย์จะสื่อสารบอกความต้องการตัวเองไม่ได้ แต่ปารย์นับเลขได้ เพราะวันนึงแม่ขึ้นบันไดและแม่ก็นับเลขตามปกติ  ปารย์สามารถนับเลขต่อจากแ่ม่ได้  และสามารถอ่านตัวเลขในหนังสือได้  แม่เขียนตัวเลขให้อ่านปารย์อ่านได้ มา ณ บัดนี่ สามขวบสองเดือน แม่ลองทดสอบเรื่องจำนวน ปารย์ไม่เข้าใจ แม่ทดสอบให้เรียงเลขยังไม่ผ่าน แม่เลยต้องไปค้นเอากระดานสามสิบช่องที่เคยซื้อไว้ตอนปารย์ได้ขวบกว่ามาลองใช้ดู  เหตุที่เก็บดองเอาไว้นานเพราะตอนขวบกว่า ลองเอามาเล่นกับปารย์ดู ปรากฏว่าคุณปารย์เอาเข้าปาก  ดีนะที่เบี้ยตัวใหญ่เล่นเอาแม่ใจหาย  เลยเก็บเอาไว้ตั้งแต่นั้นมา   พอมาวันนี้นึกขึ้นได้เลยค้นเอามาให้ปารย์เล่นดู  เออ...ชักเข้าท่า  (แล้วไง.....แม่จะเริ่มยังไงดีคะเนี่ย เราจะสอนลูกยังไงดีน้อ...)เพราะแม่ก็ไม่เก่งเลข เหมือนฟ้าเป็นใจ คุณแม่อั่งเปา up กระทู้นี้เข้ามาพอดี  แม่เลยมีแนวทางว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี  มาเริ่มด้วยกันกับแม่นะ นอกจากต้องเข้าห้องสมุดแล้ว ยังต้องเข้าห้องภาษาอังกฤษหาวิธีการพูดกับลูก  แม่ลูกเรียนไปพร้อมๆกันนะ  สู้สู้ นะเจ้าปารย์ตัวแสบของแม่

อ้าว...หนังสือเล่มนี้แม่ก็มีนี่นา  เรียกว่าต้องขุดกรุออกมา  โถ...ตั้งปีกว่ายังใหม่เช้งวับเลย

ด้วยความที่ไม่เก่งเลขเอาซะเลย อ่านหนังสือเล่มนี่้แล้ว บางอย่างก็ไม่เข้าใจ  แค่โจทย์ที่คุณพ่อภุชงค์ยกตัวอย่างแม่ก็ลองคิดตาม  หรือลองหาคำตอบเองบ้าง  งง....เจ้าค่ะ (แล้วจะสอนเจ้าปารย์ได้มั๊ยเนี่ย...) แต่ก็จะพยายามเิริ่มง่ายๆก่อนค่ะ ตั้งต้นที่ปลูกเรือนคณิตศาสตร์กับเสาเข็ม 4 ต้น   4 กิจกรรมหลักที่แม่ต้องทำทุกวัน เอาเข้าไปอยู่ในตระกร้า ที่ 1 work boxes ของลูก

กิจกรรมที่ 1 นับเลขปากเปล่า ตอนนี้ คุณปารย์นับเลข 1 - 20 ได้แล้ว (แต่ยังไ่ได้เริ่มจับเวลา) นับถอยหลัง1-10 ได้ เป้าหมายคือ 1-30

กิจกรรมที่ 2 ทายลูกปัด เวลาไม่เกิน 1 นาที  ปารย์เริ่มเข้าใจ จำนวน 1 และ 2  เป้าหมายคือ 1-5

กิจกรรมที่ 3 วางเบี้ย เริ่มได้ไม่กี่วัน ปารย์สามารถวางเบี้ยได้ 1-20 ส่วน 21-30 ยังต้องคอยบอก แม่ต้องคอยบอก

                "ปารย์ หยิบ31 ซิคะ"  หยิบมาวางได้  แต่ต้องบอกอยู่ ยังไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง  เ้ป้าหมายคือ วางเบี้ย 1-30

                ด้วยตัวเอง

กิจกรรมที่ 4 เขียนเลข กล้ื้ามเนื้อมือปารย์ยังไม่แข็งแรงนัก  เลยใช้วิธีทายเลข จากบัตรคำก่อน แล้วใช้นิ้วลากตามรอย ตอนนี้ที่แม่น ไม่ผิดเลย คือ 1-10  เป้าหมาย 1-30

ตอนที่ 29   การอบรมเทคนิคการสอนแบบBBL จัดกิจกรรมอย่างไรที่ให้เด็กเรียนรู้ ทำให้เซลสมองของเด็กงอกงาม

   การอบรมครั้งนี้ไม่ผิดหวังเลย  ได้แง่คิดและสิ่งต่างๆมากมายจาก อาจารย์พรพิไล เลิศวิชา ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะอายุ 60 แล้ว แต่คุณภาพเต็มเปี่ยมและยังมีไฟในการไปบรรยายที่ต่างๆทั่วประเทศ เพียงเพื่อต้องการให้เด็กไทยฉลาดขึ้น ต้องการเห็นการศึกษาที่พัฒนาขึ้น ทุกครั้งที่แม่ไปเจอคนดีและเก่ง  มันรู้สึกอิ่มใจและรู้สึกว่าโชคดีจังที่เราได้มีโอกาสเจอคนอย่างนี้  เหมือนกับความคิดที่คิดว่าเราโชคดีที่เกิดเ็ป็นพุทธศาสนิกชน ถ้าเรามีุบุญเราก็จะเจอพระดีดี พระอรหันต์ที่มีชีวิตอยู่ ได้เ็ห็นคุณงามความดีของท่าน การไปอบรมครั้งนี้ ทำให้แม่รู้ว่าการที่จะสอนลูกหรือสอนนักเรียนเราต้องรู้จักสมองของเด็กก่อน  การทำงานของสมองเป็นอย่างไร  วิธีไหนถึงจะให้ความรู้ที่สอนไป ฝ่าวงล้อมไปอยู่ที่ฮิปโป แคมปัส  สื่อการสอน และการออกแบบการเรียนรู้สำคัญอย่างไร และที่สำคัญมีเกม เพลงมาเล่นกับเจ้าปารย์มากขึ้น และเป็นการย้ำชัดว่าแนวทางที่แม่สอนปารย์มาถูกทางแล้ว  ไม่ว่าจะเป็นการอ่านนิทาน(ที่อ่านแล้วควรใช้นิ้วไล่ไปตามตัวหนังสือ หยุดอ่านบ้างให้ลูกลองอ่านเอง ) การทำหนังสือหน้าเดียวแขวนไว้ในที่ต่างๆ การทำมินิบุ๊คส์  การใช้เพลง  ต่อไปแม่คงต้องหากิจกรรมเคลื่อนไหวให้ปารย์มากขึ้น ปลายประสาทตามมือตามขา ที่ได้รับการกระตุ้นส่งสัญญานไปที่ไขสันหลังแล้วไปสู่สมอง ทำให้เซลสมองเจริญเติบโตงอกงาม  เด็กช่วงอายุ0-4ขวบ เป็นช่วงที่เซลสมองมีการแตกกิ่งก้านสาขา เด็กมีความสามารถหลายอย่างที่เรียนรู้ได้เพียงแต่เขาอาจจะบอกหรือพูดยังไม่ได้เท่านั้น  เรียกว่าเป็นช่วงทองของการพัฒนาสมองเลย  เพื่อนครูที่แม่ชวนไปอบรมด้วยถึงกับเสียดายที่ตอนที่ลูกเขายังเล็ก เขาไม่ได้มาใส่ใจ และเห็นผลตอนที่ลูกโตขึ้นมาทำไมลูกถึงไม่ชอบเรียน เรียนอะไรก็ไม่สำเร็จ ทุกอย่างมันมีปัจจัยมาจากการเลี้ยงดูลูกในวัยเด็กทั้งสิ้น และแล้วแม่ก็มีเรื่องที่จะทดลองกับปารย์อีกแล้ว....เจ้าหนูทดลองของแม่

ตอนที่ 30 สนุกกับศิลปะในเช้าวันเสาร์กับแม่

     การที่จะพัฒนาสมองลูกศิลปะก็เ็ป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้สมองของลูกเจริญงอกงาม กระตุ้นจากสมองซีกขวาไปซ้าย วันนี้เลยเอาสีมาเล่นกับปารย์ซะหน่อย  จากที่สมาธิสั้น  กิจกรรมนี้ปารย์ชอบค่ะ ใช้เวลาประมาณชั่วโมง

ก่อนอื่นปารย์ชอบเ้พ้นท์เล็บ แม่ก็เลยเอาสีมาให้ปารย์เพ้นท์ดู เละไปหมดแต่ปารย์ชอบมากค่ะ

ชอบ อก  ชอบใจ

สนุกจังเลย...

ฝีมือของหนูค่ะสวยมั๊ยคะ..

คราวนี้ถึงตามือแม่บ้าง..

แล้ว..ก็มาจบที่ hand prints  กิจกรรมนี้ปปารย์ได้เรียนรู้เรื่องการผสมสี  ปารย์บอกแม่ว่าmommy purple please.ไอ้เราก็มีแค่4สี

ก็เลยสอน เอาสีแดงผสมสี น้ำเงิน ได้ม่วง.  อยากได้สีส้ม ก็เอาสีแดงผสมสีเหลือง แถมได้กระตุ้นประสาทสัมผัสโดยเอาพู่กันจุ่มสี แล้วค่อยๆไล้ไปตามฝ่ามือ ปารย์ชอบมากค่ะ

อ้อ...ยังไม่จบค่ะ  คุณปารยืบอก paint the gate. แล้ว she ก็เอาพู่กันไปทาสีรั้ว

ตอนที่ 31  การเรียนรู้ภาษาไทยของปารย์

   จากการที่ปารย์ได้ไปโรงเรียน การใช้ภาษาไทย และคำพื้นเมืองก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก  รวมถึงการเลียนคำพูดของคุณครูมาใช้กับแม่ด้วย  แม่ก็เป็นคนหนึ่งที่เมื่อก่อนตั้งความหวังว่าลูกสามารถพูดภาษาอังกฤษได้คล่องเหมือนลูกๆในครอบครัวสองภาษาที่สามารถไปถึงเส้นชัยของตนเองได้  แต่พอลูกแม่มีพัฒนาการด้านการสื่อสารช้า แม่ก็ลดระดับลงมาและบางทีก็รู้สึกเสียดายว่าคงไปได้ไม่เท่าที่แม่อยากให้เป็น..... ตอนนี้แม่ก็ทำเท่าที่แม่ทำได้ ในเมื่อแม่เองก็ใช่ว่าจะสามารถพูดภาษาอังกฤษกับลูกได้ปร๋อไปทุกเรื่อง แต่ก็จะพยายามต่อไป อย่างเช่นเวลาปารย์อยากออกไปนอกบ้าน จะบอกแม่ว่า ขะจั๋ย  ขะจั๋ย  แม่หล่ะแสนตลกเจ้าปารย์  ได้แต่ตอบไปว่า OK. hurry up.  ดูซิว่าใครจะชนะ.พูดอย่างนี้ไป 2-3 วัน เออ...ได้ผลแฮะ ทีนี้พออยากให้แม่รีบๆออกไปเที่ยวข้างนอก  มาและ  mommy hurry up please.  สำหรับภาษาอังกฤษกับเจ้าปารย์กับแม่ จุดของความพอดีน่าจะอยู่ตรงนี้ ไม่เอาเป็นเอาตาย  ทำเท่าที่ทำได้  เท่าที่สถานการณ์จะอำนวยและเท่าที่ความรู้ในสมองแม่มี 

      ส่วนภาษาไทย ซึ่งเป็นภาษาแม่ แม่ก็คงต้องรีบปูพื้นฐานไปด้วย เพราะจะเป็นเครื่องมือให้ลูกได้ไปเรียนรู้กับอีกหลากหลายวิชาในอนาคต  ถ้าอ่านไม่แตกฉานแล้ว ความเข้าใจที่จะเรียนรู้ในแขนงวิชาต่างๆก็จะไม่ดีไปด้วย  ในวัยนี้คงหนีไม่พ้น นิทาน คำคล้องจอง เพลงสำหรับเด็ก  ที่แม่อบรมมา การเรียนรู้ของสมองนอกจากได้เห็นภาพ ได้เห็นคำ ได้สัมผัส ทำนองและจังหวะก็เป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นให้เด็กได้เรียนรู้ได้ดีขึ้น  ทดลองกับปารย์แล้ว  ใช่เลย  จากที่แม่เคยสอนปารย์ร้องเพลงภาษาอังกฤษ ปารย์สามารถอ่านเนื้อเพลงได้จาก การได้ฟัง การร้อง การเห็นคำที่แม่ไล่นิ้วไปตามตัวหนังสือ 

คราวนี้แม่ลองเอาเพลงไทยมาบ้าง เช่นเพลงลมเพ ลมพัด...และปารย์ก็เริ่มอ่านได้  และเรียนรู้คำภาษาไทย ไปเห็นคำว่าลม ที่ไหนก็อ่านได้

ลองเอาบัตรคำคล้องจองมาใช้กับปารย์  ปารย์ชอบ และเรียนรู้การออกเสียง และเริ่มสะสมคำไว้ในสมอง  (สมองช่วงนี้ของลูกช่างจดจำเสียจริงๆ  ...หน้าที่ของแม่คือ ทำอย่างไรที่จะให้สมองปารย์สร้างความจำที่ยาวนาน ไม่pruning สิ่งที่ได้เรียนไปซะก่อน  นั่นคือแม่ต้องย้ำ ซ้ำ ความรู้บ่อยๆ นั่นเอง)

สิ่งที่แม่จะทำต่อไป คือ แผ่นchart ก-ฮ 44 แผ่นติดไว้ทั่วห้อง   เออ....จะไหวมั๊ยเนี่ย  แต่มันใช้ได้ผลจริงๆนะคะ

ตอนที่ 32 พาเจ้าปารย์ไปแอดมิทอีกแล้ว...

  ไปฝึกคราวนี่สร้างความดีใจให้แม่มิไช่น้อย ปารย์ได้เลื่อนชั้นไปอยู่ห้องนกน้อยแล้ว ไปประเมินว่าจะเข้าสู่การศึกษาพิเศษได้หรือไม่ ปรากฏว่าผ่าน  แม่ไม่ต้องเข้าห้องกับปารย์แล้ว แยกแม่แยกลูกได้ ปารย์ไม่งอแงและนั่งฟังคำสั่งได้ดีพอควร  แต่ความเข้าใจภาษายังอาจไม่ดีนัก ค่อยเป็นค่อยไป  เปิดเทอมนี้จะขึ้นอนุบาล1 แล้ว ส่วนปิดเทอมนี้แม้เราไม่ได้ไปเที่ยวกันที่ไหน แต่แม่กับปารย์ก็ได้มีเวลาไปว่ายน้ำด้วยกัน ไปเล่นตามเครื่องเล่นสวนสนุกบ้าง ลูกมีความสุขแม่ก็มีความสุขจ้า....

   การไปฝึกครั้งนี้ แม่เห็นเด็ก cp หลายคน เริ่มเดินได้แล้วดีใจแทนคุณแม่ของเด็กๆเหล่านี้ ความรู้สึกมันยิ่งใหญ่เหมือนตอนที่เห็นลูกเดินได้เป็นครั้งแรก หรือเหมือนตอนที่ลูกเปล่งคำพูดออกมาคำแรก ขอให้เด็กๆมีพัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆด้วยเถอะ...สาธุ

อนที่ 33

   ไม่ได้เข้ามาบันทึกเป็นเวลานาน...ตอนนี้อีกไม่กี่วันปารย์ก็จะมีอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์  ช่วงเวลาที่หายไปจากตรงนี้คือช่วงที่ลูกเริ่มเข้าเรียนอนุบาล   สองสามปีที่ผ่านมาการพาลูกไปกิจกรรมบำบัด หรือพบครูการศึกษาพิเศษ  เรียกว่าไม่ได้ไปเลย  มีแต่ไปพบแพทย์เพื่อรับยา  ยาที่ลูกได้รับนั้นเป็นยากันชัก  เพราะร้อยละ 80 เด็กที่มีภาวะออทิสซึ่มจะมีคลื่นชักในสมอง  คนเป็นแม่ต้องสังเกตอาการเอาเอง  อาการชักของเด็กแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน  บางคนเหม่อไปสามสี่วินาที  บางคนหูแว่ว  บางคนดมไปเรื่อย  แต่ส่วนของปารย์สังเกตการเหลือบตา ดูแล้วน่ากลัวยิ่งนัก  ส่งไปตรวจเจอคลื่นชัก  พอรับยาและแม่ลองปรับพฤติกรรม  อาการก็หาย  แต่การทานยาก็คงต้องยาวนาน ทานมาเกือบสองปีแล้ว  เจอยาเพิ่มอีกตัวยาเกี่ยวกับออทิสติก  สำหรับคนเป็นแม่การที่ต้องป้อนยาลูกทุกวันก็รู้สึกเป็นทุกข์แม้จะชินแต่ก็ยังรู้สึกแย่ในใจ  เลี้ยงปารย์ตอนนี้ก็พยายามเลี้ยงอย่างลูกคนอื่นเขาไม่มีอะไรพิเศษ 

    จะหกปีแล้ว  การพูด ชอบที่จะใช้ภาษาอังกฤษมากกว่า  เวลาเขียนอะไรให้แม่ก็ชอบที่จะเขียนเป็นภาษาอังกฤษ  ถูกบ้างผิดบ้าง  การสื่อสารไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ ยังคงชอบพูดซ้ำๆ

    การอ่าน  สามารถอ่านได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ คงเป็นผลจากการได้ฟังนิทานทุกวันประกอบกับ สวรรค์คงยังเมตตาประทานความจำที่ดีให้ลูก เวลาสอนแค่ครั้งเดียว หรือสองครั้งจำได้เลย

   การฟัง  ฟังเข้าใจ  รู้เรื่อง

    การเขียน   อันนี้มีปัญหามาก มันเป็นผลมาจากที่ลูกมีสมาธิสั้น  จึงทำให้ไม่มีใจจดจ่อในการเขียน  ตัวหนังสือไทยอันนี้เขียนมาแทบอ่านไม่ออก ตัวเท่าหม้อแกงโย้ไปเย้มา  แม่ยังคิดว่าจะขึ้น ป.1 ในปีการศึกษา 2559  จะมีปัญหามั้ย

   ไอ้ที่เป็นปัญหาสำหรับปารย์สุดๆ  ก็คือ การควบคุมอารมณ์ตนเอง  รอไม่เป็น  ไม่ได้ดั่งใจมีกรี๊ด  ครูดุเพื่อน ทั้งที่ไม่ไช่เรื่องตนเอง ปารย์แทบคลั่งจัดการคุณครู  เล่นกับใครไม่เป็น  เล่นได้กับคนในครอบครัว  เพราะทุกคนยอมปารย์หมด  แต่เพื่อนหรือคนอื่นไม่ไช่  ทุกคนเลยขยาดที่จะเล่นด้วย ปารย์จึงไม่มีใครอยากเล่นด้วย

     ตลอดเวลาแม่เลยกลายเป็นคนที่ต้องพูดขอโทษคนอื่นบ่อยมาก  เพราะเกรงลูกของแม่จะไปรบกวนคนอื่น  เด็กออทิสติกส่วนมากหน้าตา รูปลักษณ์ภายนอกก็เหมือนเด็กๆทั่วไป  ไม่ได้มองเห็นเด่นชัดเหมือนดาวน์ซินโดรม  คนภายนอกที่ไม่เข้าใจก็มักจะเห็นว่าเป็นเด็กเอาแต่ใจตนเอง  พ่อแม่ตามใจ  ดื้อ  ไม่ได้ดั่งใจ ก็เกลือกกลิ้งดิ้นพล่าน  ไม่อยู่นิ่ง  เรียกว่าโคตรซน  คือไม่สามารถอยู่ได้แม้สักนาทีเดียว หลายครั้งหลายคราแม่ก็เจอคำพูดจากคนอื่นมากระทบหู  สายตาที่มองลูกเราแปลกๆ สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนแต่กระทบใจของคนเป็นแม่ยิ่งนัก  แต่ก็ไม่โกรธเพราะแม่ถือว่าคนเหล่านั้นไม่รู้ว่าลูกแม่เป็นอะไร  และคิดว่าสิ่งต่างๆที่ลูกเจอ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำหรือคำพูด ลูกต้องอยู่กับมันให้ได้  ถ้าไม่อยากเจอสิ่งเหล่านั้นลูกต้องรู้จักปรับพฤติกรรมตนเองนะจ๊ะ

   ช่วงปีที่ผ่านมามีสิ่งประทับใจแม่ล้นพ้น....แม่สามารถพาลูกนั่งรถไปที่ไกลๆได้   มันอบอุ่น  มีเพื่อนเดินทางตัวเล็กวัยห้าขวบ  ที่นั่งไปเพื่อน คุยบ้าง หอมแก้มแม่บ้าง  ลูกแม่โตขึ้นมาก......เรามีกันสองคนแม่ลูก...ไม่รู้สึกขาด  แม้ตลอดหกปีที่ผ่านมาจะมีพ่อหรือไม่....แม้ที่ผ่านมาพ่อไม่ได้อยู่เลี้ยงดูปารย์  แต่เวลาพูดถึงพ่อที่ไรปารย์ก็ยังคงรักและเป็นห่วงพ่อเสมอ  สิ่งนี้ไม่ได้สอน  มันคงเป็นสัญชาติญาน....

   เฮ้อ...ปี2559  ต้องคอยลุ้นว่าปารย์จะสามารถเรียนป.1  กับคนอื่นเขาได้รึเปล่า.....ขอสวรรค์เมตตาให้ผ่านอุปสรรคนี้ได้เถิด ....เพี้ยง!

Views: 16802

Comment

You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!

Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

Comment by แม่หนิกพ่อเติ้ลพี่เนลโลน้องเนรัญ on March 17, 2012 at 2:20am

สาธุ ขอให้หายไวไว นะคะน้องปารย์ เจ้าเทวดาน้อยของคุณแม่
ครอบครัวเราเชื่อว่าน้องปารย์ จะกลับมาเป็นปรกติในเร็ววัน (อย่างช้าไม่เกิด ป.1 แน่) เพราะน้องปารย์มีคุณแม่เก่งๆอยู่ข้างๆ

แต่ว่าอ่านบทความตอนที่ 5 แล้วไม่เห็นด้วยกับหมอเอามากๆที่บอกว่าให้หยุดใช้ภาษาอังกฤษ มันเหมือนจะสื่อ/จะบอกว่าให้เราหยุดสิ่งที่เราจะพัฒนาทางสมอง แม่น้องปารย์ลองคิดถึงหนังสือเรื่องรอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว ในแง่ที่ว่าหนังสือเล่มนี้มีส่วนทำให้เด็กพิเศษหลายคนได้มีโอกาสกลับมาปรกติได้ถ้าเราให้ความสำคัญกับตัวเลข 0-3 แล้วเราจะไปหยุดสิ่งที่ตั้งใจจะทำทำไมกัน
...ไม่รู้นะถ้าเป็นพวกเรา พวกเราจะใส่เกียร์เหยียบให้มิดเลย

Comment by สิงโตตัวดำ on March 16, 2012 at 12:35am

เป็นกำลังใจให้นะคะ

Comment by คุณแม่น้องปารย์...ค่ะ on March 16, 2012 at 12:22am

ขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้มาค่ะ  ขอนำไปใช้เป็นพลังในการเดินไปข้างหน้า  และขอพรพระจงดลบันดาลให้คุณแม่ทุกท่านและูลูกๆมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงด้วยนะคะ

@คุณแม่น้องอั่งเปา  ขอบคุณสำหรับบทความดีดีค่ะ อ่านแล้วทำให้ได้คิดและจะลองหาวิธีปราบเจ้าเซียนตัวน้อยดูค่ะ

@คุณกุลวัชรากร สังเกตน้องตอนขวบครึ่งแล้วค่ะ ซนผิดปกติ เดินเขย่ง  ยังไม่พูด  รอไปอีกนิดคิดว่าลูกเป็นประเภทพูดช้า

 แต่ในใจสงสัยว่า ลูกคงเป็นไฮเปอร์ เพราะตอนนั้นไม่มีข้อมูลออทิสติกอยู่ในหัวเลย  ขวบเก้าเดือน พาไปพบแพทย์ คุณหมอบอกว่าเป็น  ลองค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต พฤติกรรมของลูกเข้าข่ายหลายข้อ  ต้องทำใจยอมรับและเริ่มหาวิธีบำบัดให้เร็วที่สุดค่ะ  เด็กออทิสติก ร้อยคน ก็ร้อยแบบ แต่ของน้องปารย์ที่แม่เริ่มเห็นได้ชัดคือ

  -เดินเขย่ง

 -ไม่สบตาถ้าเราพยายามสบตาน้อง แต่จะชอบเล่นจ๊ะเอ๋แล้วสบตาเราเมื่อตัวเองต้องการ เรียกไม่ค่อยหัน จะหันต่อเมื่อมีเงื่อนไขกำกับ เช่น แม่ไปละนะบ๊ายบาย

-ชอบจูงมือแม่ให้ทำอะไรให้ บอกความต้องการตนเองไม่ได้ ถ้าเราแกล้งไม่เข้าใจ เพราะอยากให้ลูกพูด ลูกจะเกิดความคับข้องใจโกรธร้องให้ เพราะบอกความต้องการตัวเองไม่ได้ คุณหมอบอกว่า อย่าเลี้ยงลูกอย่างรู้ใจมากไป

-ชอบวิ่งวน

-สนใจในรายละเอียดมากไป เช่นจะดื่มนม ต้องพินิจพิเคราะห์ว่านมยี่ห้ออะไร มีตัวหนังสืออะไรบ้าง ฉันต้องอ่านให้ได้

เห็นตัวหนังสืออะไรไม่ได้ อยากอ่านให้เป็นซะทุกตัว อ่านให้ฟังครั้งเดียวจำได้เลย  ถ้าไปเห็นข้อความนี้ที่ไหน อ่านทันที

-ชอบเรียงของ ตอน 1ขวบ ลงมาจากบ้าน นึกว่าใครมาเรียงรองเท้าเป็นคู่ๆ  เจ้าปารย์นี่เอง  เรียงตุ๊กตา  เรียงสีเทียน

ตอนนี้ไม่ค่อยเท่าไหร่แล้วค่ะ  เพราะพอคุณปารย์จะเรียงแม่ต้องรีบเปลี่ยนกิจกรรมค่ะ

ชอบเรียงประมาณนี้ค่ะ ใครอย่าได้แตะ ถ้าตัวไหนล้ม อาละวาดพังทั้งแถบเลยค่ะ

Comment by นราทิพย์ มะหิงสิบ on March 15, 2012 at 11:01pm

เป็นกำลังใจให้คุณแม่สู้ๆนะค่ะ

Comment by แม่อั่งเปา on March 15, 2012 at 10:02pm

 หวังเป็นอย่างยิ่งคะว่าบทความนี้จะทำให้คุณแม่รู้สึกดีขึ้นคะ

Comment by แม่อั่งเปา on March 15, 2012 at 10:01pm

ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ เจ้าของบทความ ตอนจบ

    ยาวหน่อยคะแต่มีประโยชน์

หลังจากจบบทความก.ไก่เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมได้รับการติดต่อจากคุณผู้อ่าน บอกว่าน่าสนใจค่ะ จะลองนำไปใช้กับคุณลูกบ้าง ผมก็ได้แต่กระหยิ่มใจ เขียนเรื่องแล้วคนนำไปใช้ย่อมทำให้นักเขียนเป็นสุข จึงอยากขอต่อเรื่องหนังสือเด็กน้อยอีกหนึ่งตอน แต่จะไม่พูดถึงทฤษฎีใดเพราะไม่เคยร่ำเรียนมา เอาภาคปฏิบัติดีกว่า อย่างน้อยก็เคยมีเด็กน้อยผ่านมือถึงสองคน
       
       เริ่มด้วย"หนังสือน่าอ่าน" กติกาข้อแรกคือ หนังสือที่เราคิดว่าดี เด็กอาจคิดว่าแย่ ขอยกตัวอย่างประกอบ ตั้งแต่เด็กชายธรายังอ้อแอ้ คุณแม่ยังสาวฝึกร้องเพลงในคาราโอเกะเป็นประจำ แต่เสียงร้องไร้ทำนอง จึงกลัวลูกโตมาแล้วจะเข้าบ้าน AF ไม่ได้ ต้องไปเข้าบ้าน Big Brother วัน ๆ ต้องทำงานงก ๆ แทนที่จะได้ร้องเล่นเต้นรำและกิน ๆๆ ไปเรื่อย คุณแม่จึงหันมาอ่านกลอนให้หนูน้อยฟัง อย่างน้อยโตแล้วจะได้ชอบกาพย์กลอนโคลงฉันท์ เผลอ ๆ ได้รับรางวัลชนะเลิศยุวกวี จะได้ไปสมัครแข่ง "อัจฉริยะข้ามคืน" ชำระแค้นให้คุณพ่อ
       
       คุณแม่ผู้ไร้เดียงสา จึงนำพระราชนิพนธ์"อิเหนา"มาอ่านให้เจ้าหนูฟัง อ่านไปเรื่อย ๆ จนถึงนางบุษบากำลังจะหนีออกจากบ้าน เด็กชายธราเริ่มรู้ความ สิ่งแรกที่เขาทำคือเอื้อมมือมาปิดหนังสือฉับ
       
       อีกตัวอย่างเกิดจากเด็กชายธรรธ คราวนี้เปลี่ยนมุก อ่านหนังสือรวมฮิตเจ้าฟ้ากุ้ง ตั้งแต่กาพย์เห่เรือชมนกชมไม้ชมปลา คราวก่อนอ่านอิเหนายาวไป ตัวละครเยอะ คราวนี้เป็นเรื่องจบในตอนไม่พลาดแน่ แต่เด็กชายธรรธแม้ปวดท้องแทบตาย ยังอุตส่าห์เอื้อมมือมาปิดหนังสืออีกฉับ
       
       การทดลองจึงเปลี่ยนมาลุยหนังสือเด็ก หนูดาวสะสมหนังสือพวกนี้ไว้ตั้งแต่ครั้งยังสาว เพราะเธอชอบเป็นทุนเดิม แต่ที่ไม่งัดออกมาอ่านให้ลูกฟัง เพราะกลัวหนังสือยับ (แม่ผู้ประเสริฐ) ถึงคราวนี้ไม่อ่านไม่ได้แล้ว เธอจึงขนบางเล่มที่พอทนได้หากยับ นำมาอ่านให้เด็กน้อยทั้งคู่ฟัง
       
       ความชอบของเด็กแต่ละคนย่อมต่างกัน แต่มีหนังสือบางเล่ม เรียกว่าไม้ตายก้นหีบ งัดมาใช้แล้วรับรองเด็กหยุด ได้แก่ The Gingerbread Man ประโยคเด็ดประจำหนังสือคือ Run, run, as fast as you can, You can’t catch me, I’m the gingerbread man !
       
       ผมก็ไม่เข้าใจว่า นิทานที่เริ่มต้นด้วยตุ๊กตาขนมปังขิงทรยศต่อคนทำ วิ่งหนีไปไม่ยอมให้กิน ก่อนลงเอยด้วยการโดนจิ้งจอกเฒ่าหลอกหม่ำ มันสร้างสรรค์สังคมตรงไหน แต่เด็กชอบครับ ลองกับเด็กรอบตัวมาหลายคนแล้ว ทุกเด็กล้วนชอบ โดยเฉพาะท่อน รัน ๆ แอสฟาสต์แอสยูแคน
       
       ยังมีอีกหลายเรื่องในหนังสือเล่มนี้ เช่น The Enormous Turnip ที่เด็กชายธรรธชอบมาก ยิ่งคุณแม่ส่งเสียง ดึง...ดึงงงงงง ธรรธยิ่งชอบใหญ่ เสร็จแล้วก็ถามธรรธ "หลุดหรือยางงงง..." ธรรธจะปิ๊วป๊าว ตอบเสียงดังลั่น ยังไม่หลุด ! เราดึงหัวเทอร์นิปกันอย่างนี้ทุกคืน จนผมพาลเกลียดหัวไชเท้า
       
       สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการหนังสือเล่มนี้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะหาได้ที่ไหน เพราะเราไปซื้อตอนลดราคาในงานหนังสือแห่งหนึ่ง ชื่อหนังสือ Five Favourite Nursery Tales พิมพ์โดย Ladybird ลองสอบถามตามร้านหนังสือ อาจพอหาได้ครับ
       
       ถ้าคุณคิดว่า อยากได้หนังสือมีสาระสักนิด อยากแนะนำ What Do People Do All Day ? โดย Richard Scarry’s สำนักพิมพ์ A Random House Book เล่มนี้ดีมากครับ เห็นแล้วผู้ใหญ่ยังชอบ เพราะเป็นเรื่องราวของการทำโน่นทำนี่ เช่นการสร้างบ้าน จะลำดับขั้นตอนมาเลยว่า กว่าจะเป็นบ้าน ต้องทำอะไรบ้าง ทั้งรูปทั้งเรื่องเด็ดขาด เราสามารถชี้ไปเล่าไป หนังสือเล่มนี้มีขายใน Kinokuniya จะสั่งก็ได้ครับ ราคาตอนที่ผมซื้ออยู่ในระดับไม่ถึงเจ็ดร้อยบาท ผ่านมาสี่ปี ราคาอาจขึ้นไปนิดหน่อย แต่ใช้ได้นานมาก เพราะกว่าจะจบหนึ่งหน้า ต้องเล่าเรื่องกันยาวบานตะไท บางหน้าสองสามคืนยังไม่จบ
       
       หนังสืออีกอย่างที่เด็กน้อยชอบมากคือ "หนังสือยักษ์" ทั้งธราทั้งธรรธหลงรักเป็นพิเศษ ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กเล็ก หนังสือพวกนี้เล่มใหญ่มาก ขนาดเกิน A3 อีกครับ เมืองไทยเริ่มมีทำมาแล้ว แต่เราทำเป็นนิทาน เด็กยังไม่ค่อยชอบ ผิดจากเมืองนอกที่เค้าจะทำเป็นตัวเลขหรือสีสัน วางหนังสือบนพื้น เด็กปีนป่ายขึ้นไปชี้ตัวโน้นตัวนี้ เราก็อธิบายให้ลูกฟัง
       
       นอกจากหนังสือฝรั่ง ยังมีหนังสือญี่ปุ่นที่ดีมาก หลายเล่มถูกแปลเป็นภาษาไทย เช่น กุริกุระ "สอง

Comment by แม่อั่งเปา on March 15, 2012 at 10:00pm

เมื่อไม่นานมานี้ ผมอ่านข้อมูลเกี่ยวกับวงการวรรณกรรม กล่าวถึงแนวโน้มในพ.ศ. 2550 แทบทุกเจ้ากล่าวว่า หนังสือเด็กน่าจะมาแรง เพราะวงการบ้านเรายังขาดหนังสือประเภทนี้ เด็กเกิดปีละตั้ง 700,000 คน แต่หนังสือกลับมีให้เลือกน้อยมาก เพราะหนังสือเด็กทำยาก ราคาแพง
       
       แต่ยุคปัจจุบัน คุณพ่อคุณแม่ให้ความสำคัญกับการศึกษาของคุณลูกมากขึ้น เข้าใจว่าการเรียนรู้ไม่ได้เริ่มต้นเมื่อเด็กน้อยเข้าโรงเรียน แต่เริ่มต้นก่อนหน้านั้น รวมทั้งต้องดำเนินควบคู่กันไป ทั้งในโรงเรียนและในบ้าน คุณพ่อคุณแม่จึงเริ่มลงทุนกับสื่อต่าง ๆ ที่ตัวเองคิดว่า จะมีส่วนช่วยลูกของเราได้ โดยเฉพาะ “หนังสือ” สื่อที่ใครก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องดี
       
       เมื่อความต้องการสูงขึ้น หนังสือเด็กจึงเริ่มมีโอกาสแจ้งเกิด แต่คำว่าหนังสือเด็ก ยังแบ่งออกเป็นช่วงต่าง ๆ ตามอายุ เริ่มตั้งแต่เด็กเล็กวัย 0-3 ขวบ เด็กโตหน่อย 3-6 ขวบ เด็กเริ่มใกล้เข้าวัยรุ่น 7-9 ขวบ แล้วก็เด็กระยะวัยรุ่น ตั้งแต่ 10 ขวบขึ้นไปจนถึงสิบห้าสิบหก
       
       หากลองดูหนังสือตามช่วงอายุ คงต้องยอมรับว่า หนังสือเด็กของเมืองไทยไปเน้นที่กลุ่มวัยรุ่น ในนามของ วรรณกรรมเยาวชน ทั้งส่วนที่แปลเค้ามา และส่วนที่พวกเราเขียนเอง เหตุผลสำคัญคงเป็นเพราะหนังสือเหล่านั้นไม่ต้องเน้นภาพประกอบให้มาก สามารถใส่ตัวอักษรได้เยอะ ค่าจัดพิมพ์ถูกลง ยังเป็นหนังสือกลุ่มเป้าหมายกว้าง เพราะผู้ใหญ่หลายคนก็ยังอ่านหนังสือเหล่านั้น รวมผมด้วยหนึ่งราย
       
       ถ้ามามองหนังสือเด็กที่เป็นเด็กจริง ตัวอย่างเช่น หนังสือเด็กเล็ก ประเภทเด็กยังอ่านไม่ออก คุณพ่อคุณแม่เป็นคนอ่านให้ฟัง ผู้เชี่ยวชาญในวงการสรุปตรงกัน หนังสือพวกนี้มีน้อยมาก แต่ละเล่มราคาค่อนข้างแพง จนพ่อแม่หลายคนไม่ยอมสู้ บอกว่าตัวหนังสือมีนิดเดียว ตัวอักษรเท่าหม้อแกง หน้าละสามบรรทัด เล่มหนึ่งมียี่สิบสามสิบหน้า ขายเล่มละสองร้อยสามร้อย เกินไปมั้ง
       
       ผมเป็นคนอยู่ในวงการหนังสือ ความคิดเห็นย่อมเอนเอียงไปทางพวกเดียวกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในฐานะพ่อคน ผมก็กลืนน้ำลายเอื๊อก คิดว่าแพงเหมือนกันครับ หนังสือเล่มละสามร้อย ผมอ่านไม่ถึงสามนาที จบเล่ม คิดแล้วนาทีละร้อย โอ๊ย ๆ เสียดายตังค์
       
       แต่คุณแม่บ้านของผมเค้าไม่คิดอย่างนั้น เค้าไม่เสียดายตังค์ เนื่องจากเป็นตังค์ของผม ไม่ใช่ตังค์ของเค้า ตั้งแต่บุตรน้อยเกิด เค้าลงทุนซื้อหนังสือพวกนี้ นำมาอ่านให้เด็กชายธราฟัง นอนอ่านกันจุ๊กจิ๊กสองคนแม่ลูก ปล่อยให้ผมนั่งทำงานหาตังค์ต่อไป
       
       เวลาผ่านไปเรื่อย นานหลายปี เด็กชายธราเติบโต เด็กชายธรรธตามมา คุณแม่ก็ยังนอนจุ๊กจิ๊กอ่านหนังสือให้ธรรธจังฟัง โดยมีเด็กชายธราแอบมาฟังด้วย ภาษาไทยหมดแล้ว ซื้อภาษาอังกฤษมาอ่านบ้างก็ได้ หนังสือนิทานภาษาอังกฤษอ่านง่าย ไม่ต้องทุ่มเวลาเปิดดิกมากนัก
       
       เวลาผ่านไปอีก จนถึงยุคปัจจุบัน ผมเพิ่งเห็นความสำคัญของหนังสือเด็ก เพราะธราเป็นเด็กสมาธิสั้น โรคสุดฮิตสำหรับเด็กยุคใหม่ ธราเป็นหนักถึงขั้นต้องไปหาคุณหมอเป็นประจำ กินยาทุกวัน สิ่งหนึ่งที่ช่วยธราไว้ได้ มาจากคำอธิบายของคุณหมอว่า โชคดีที่ธราเป็นเด็กชอบอ่านหนังสือมาก เมื่ออ่านหนังสือเมื่อไหร่ เขาจะ นิ่ง ไม่หลุกหลิกไม่แสดงอาการสมาธิสั้น
       
       คุณหมอยังบอกต่อ โรคนี้กำลังแพร่ระบาด มีเด็กจำนวนมากมาหาคุณหมอ อาการคล้ายธรา ชั่วแต่ว่าหนักกว่าเยอะ ตรงที่ไม่นิ่งเลย จะให้กินยาหรือให้ทำอะไรก็แทบแก้ไม่ได้ ให้อ่านหนังสือก็ไม่ยอม จะเอาแต่นั่งดูทีวี สมาธิยิ่งกระเจิง รวบรวมความคิดไม่ได้ โดยเฉพาะตอนทำการบ้านหรือตอนสอบ กล่าวโดยสรุป ธราโชคดีเพราะเค้าชอบอ่านหนังสือ
       
       ผมย้อนกลับมาคิดถึงจุดเริ่มต้น จึงพบว่า ธราไม่ได้โชคดีหรอก แต่เป็นเพราะเค้าได้รับความช่วยเหลือจากหนังสือมาตั้งแต่เด็ก เมื่อคิดถึงเงินที่ลงทุนไปกับหนังสือเด็ก เวลาที่คุณแม่ใช้ไปในการนอนกลิ้งอ่านนิทานให้ลูกฟัง สรุปได้ทันทีว่า คุ้มค่า เพราะถ้ารอให้ถึงเวลานี้ วันที่ธราอายุเจ็ดขวบ จะมาบังคับให้เค้าชอบหนังสือ ก็ทำไม่ได้แล้ว เพราะการอ่านหนังสือเหมือนกับความรัก เราจะบังคับใครให้รักใครไม่ได้หรอก
       
       เมื่อประสบด้วยตัวเอง ค้นพบว่าการอ่านหนังสือเด็กเป็นเรื่องสำคัญ มีส่วนช่วยเด็กน้อยอย่างมากในอนาคต จึงอยากให้แนวคิดกับคุณผู้อ่านไว้บ้าง เผื่อจะลองนำไปดัดแปลงใช้กับตัวเอง
       
       อันดับแรก – อย่าคิดว่าหนังสือแพง ลองคิดถึงอนาคต ยามที่ลูกคุณเกิดปัญหาเช่

Comment by น้องคับคุน on March 15, 2012 at 3:21pm

เป็นกำลังใจให้นะคะ

Comment by แม่น้องออม on March 15, 2012 at 3:19pm

เป็นกำลังใจให้คุณแม่และน้องปารย์นะค่ะ คุณแม่มีกำลังใจเข้มแข็งมากๆเลยค่ะ

Comment by กุลวัชรากร ปัญญายุทธศักดิ์ on March 15, 2012 at 2:34pm

แล้วคุณแม่สังเกตุได้ตอนกี่เดือนจ๊ะ

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service