เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

เขียนไป...ตามใจฉัน ตอน..พูดอังกฤษกับลูกมากไป..ภาษาไทยของลูกอ่อนแอ..จริงหรือ?

วันนี้นึกไรไปเรื่อยเปื่อย (อีกแระ) จะเขียนบล็อกแต่ละทีสมองน้อยๆ ต้องทำงานหนักมาก เพราะต้องมาคิดคำตอบที่สมเหตุสมผลที่สุด ซึ่งมันก็ยาวววววววว .....ดังที่คุณกำลังอ่านอยู่นี่แหละค่ะ แต่ไม่รู้ว่ามันจะเก็ทสำหรับเพื่อนๆ รึเปล่า จะเก็บความคิดอยู่ในสมองน้อยๆ คนเดียวคงไม่ดี เอาออกมาให้เพื่อนๆ ได้รู้บ้างก็คงไม่เสียหาย...หากตรงใจก็นำไปใช้ ไม่ตรงใจก็กองไว้ตรงนี้ก็ได้ค่ะ หุ หุ หุ

วันนี้อยากพูดเรื่อง "พูดอังกฤษกับลูกมากไป..ภาษาไทยของลูกอ่อนแอ..จริงหรือ? "

จากประสบการณ์ 9 ปีที่เลี้ยงลูกและสอนภาษาลูกเองทั้ง 3 ภาษา (ช่วยกันสอนกับสามี) จึงอยากนำประสบการณ์จากแนวคิดส่วนตัวมาเล่าสู่กันฟังค่ะ

ในที่นี้ขอพูดถึง ครอบครัวที่อยู่เมืองไทย พูดถึงภาษาไทย-อังกฤษ เป็นประเด็นหลักเลยละกัน
(สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่เก่งภาษาและจัดเวลาสอนภาษาให้ลูกได้อย่างลงตัวและเหมาะสมแล้ว สามารถข้ามบล็อกนี้ไปได้เลยค่ะ)

ปรกติการสื่อสารของครอบครัวคนไทยจะใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลัก หากคุณพ่อคุณแม่อยากพูดภาษาอังกฤษกับลูก เพื่อลูกจะได้เป็นเด็กสองภาษา มักจะมีปัญหาหนึ่งที่พบเจอบ่อยมาก คือ...

คุณพ่อ ที่มีหน้าที่พูดภาษาอังกฤษมักไม่มีเวลาให้ลูก หรือหากมี ก็มีน้อยกว่าคุณแม่ซึ่งทำหน้าที่พูดภาษาไทย ทำให้คุณพ่อและคุณแม่กังวลว่าเอ...เดี๋ยวภาษาอังกฤษของลูกจะพัฒนาช้าไม่ทันการ ซึ่งจริงๆ มันก็ช้าจริงๆ นะแหละ คงไม่ทันภาษาไทยที่คุณแม่สอนแน่ๆ หลักการแบ่งการสอนภาษาใครภาษามัน พ่อสอนภาษาหนึ่ง แม่สอนภาษาหนึ่ง ควรจะอยู่ในพื้นฐาน(เวลาและโอกาส)เดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน สองภาษาถึงจะเติบโตไปในระดับเท่าๆ กันได้ ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่อยากจะช่วยกันพูดภาษาอังกฤษกับลูก แต่ก็กลัวว่า...ภาษาไทยของลูกจะอ่อนแอ เพราะคุณพ่อคุณแม่ไม่มีใครพูดไทยเลย...

หรือ..บางครอบครัว...อ่อนภาษาอังกฤษทั้งคุณพ่อและคุณแม่ จึงอยากช่วยกันพูดภาษาอังกฤษกับลูกทั้งคู่ ภาษาอังกฤษของลูกจะได้พัฒนาเร็วขึ้น แต่ก็กังวลอีกว่า...ภาษาไทยของลูกจะอ่อนแอ ดิฉันอยากบอกว่า เด็กเกิดและโตในไทย มีสภาพแวดล้อมเป็นไทย โอกาสที่จะอ่อนภาษาไทยนั้น "มี" แต่ "น้อยจนแทบจะไม่เห็นโอกาสนั้นเลย" ค่ะ ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น หากคุณให้ลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติ โอกาสอ่อนภาษาไทยก็มีมาก แต่หากลูกเรียนโรงเรียนธรรมดา หรือสองภาษา เรื่องอ่อนภาษาไทยก็แทบจะไม่มีโอกาสเป็นไปได้เลยค่ะ



แนวคิดของดิฉัน คือ...

หากครอบครัวใดคุณพ่อมีปัญหาเรื่องเวลาและโอกาสที่จะพูดภาษาอังกฤษกับลูก
...ก็ให้คุณแม่ช่วยพูดภาษาอังกฤษอีกแรง...

หรือคุณพ่อคุณแม่ที่อ่อนภาษาอังกฤษ
ก็ให้คุณพ่อคุณแม่มาช่วยกันพูดภาษาอังกฤษกับลูกทั้งสองคน....สองแรงแข็งขัน...


คุณพ่อคุณแม่พูด "อังกฤษ" กับลูก ใช้เป็นภาษาประจำบ้าน ประจำครอบครัวไปเลย

แต่คุณพ่อคุณแม่ เวลาคุยกันสองคน จะต่อหน้าลูกหรือลับหลังลูก ให้ใช้ "ภาษาไทย" ค่ะ


ลูกจะมีพัฒนาทางภาษาอังกฤษเร็วขึ้น เพราะช่วยกันตั้งสองคน ส่วนภาษาไทยลูกก็ได้ยินจากที่พ่อแม่คุยกันบ้าง ซึ่งตรงนี้อย่ากังวลนะคะ
เพราะลูกจะได้ภาษาไทยจากสภาพแวดล้อม...ช่วยอีกแรง

สภาพแวดล้อมไหนเร๊อะ ????

ลองมองดูรอบๆ ตัวเราสิคะ มีใครบ้างที่เป็นคนไทย และพูดภาษาไทย ..มี..หรือ ไม่มี...เลย

พี่-ป้า-น้า-อา-ปู่-ย่า-ตา-ยาย-เด็กรับใช้-แม่ครัว-เพื่อนบ้าน ฯลฯ คุณมีใครในจำนวนที่ดิฉันกล่าวถึง หรือยกตัวอย่างมาบ้างรึเปล่า...?

หากมีละก็ ไม่ต้องห่วงเรื่องภาษาไทยใดๆ ทั้งสิ้น

ที่น่าห่วงคือ คุณให้ลูกของคุณมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้างดังที่กล่าวมาบ้างรึเปล่า? ทำบ่อย หรือมากน้อยเพียงใด?

การพาลูกไปเยี่ยมญาติ หรือให้คุณตา-คุณยายฯลฯ มาเยี่ยมเป็นครั้งคราวสักสัปดาห์ หรือสักเดือน (สลับกันมา)
การไปเดินเล่นพบปะเพื่อนบ้านตามสวนสาธารณะ
การพาลูกไปทำกิจกรรมนอกบ้านต่างๆ
ฯลฯ

และตัวช่วยอีกตัวคือสื่อต่างๆ เช่น ทีวี บ้านเรามีทีวีหลายๆ ช่องเป็นไทยทั้งนั้น ซึ่งใช้เป็นตัวกระตุ้นภาษาไทยในตัวลูกให้พัฒนาได้เป็นอย่างดี

สิ่งเหล่านี้จะช่วยสอนภาษาไทยให้ลูกในวัยก่อนอนุบาลเองค่ะ อยู่ที่คุณพ่อคุณแม่ "ขยัน" ในการนำลูกออกมาเจอสังคมคนไทยมากน้อยแค่ไหน หากทำบ่อยลูกก็ได้รับภาษาไทยมากพอสมควรที่จะสื่อสารเป็นภาษาไทย

เมื่อคุณพ่อคุณแม่ช่วยกันพูดอังกฤษกับลูกช่วงก่อนวัยอนุบาล ลูกจะเก่งภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาไทยก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่ากังวล พออายุเข้าเกณฑ์อนุบาล ก็ให้ลูกไปเรียนโรงเรียนคนไทยทั่วๆ ไป ไม่จำเป็นต้องนานาชาติ พอถึงตอนนี้ภาษาไทยของลูกจะพัฒนาเร็วมาก อาจจะแซงโค้งภาษาอังกฤษที่พ่อแม่สอน ก็มีความเป็นไปได้สูงมากค่ะ


ที่ดิฉันมีแนวคิดแบบนี้ เพราะดิฉันอยู่เยอรมนี ตั้งแต่ลูกเกิดมา...ดิฉันพูดไทยกับลูกมาตลอด เวลา 24 ชั่วโมงที่มีให้ลูกตั้งแต่เช้าจรดเข้านอน (นอนเตียงเดียวกัน) จนลูกอายุ 3ขวบ ลูกพูดไทยได้มากกว่าภาษาเยอรมัน จนคุณแม่สามีติหนิดิฉันที่พูดไทยมากเกินไป กลัวหลานจะพูดเยอรมันไม่ได้

ดิฉันเลี้ยงลูกคนเดียวมาตลอด มีญาติ(สามี) ก็เหมือนไม่มี คือเราต้องพึ่งตัวเอง ไม่ว่าจะไปไหนจะกระเตงลูกไปด้วย ไม่เอาไปฝากญาติเลี้ยงให้เป็นภาระของพวกเขา คือเราต่างคนต่างมีความเกรงใจกันและกันมาก จะมีพบปะสังสรรค์ในหมู่ญาติเฉพาะวันสำคัญๆ เช่น วันเกิด ดังนั้น ลูกดิฉันไม่มีโอกาสเรียนภาษาเยอรมัน หรือภาษาหลักของคนที่นี่ จากญาติพี่น้องของพ่อเขาเลย

นอกจากนี้ดิฉันมีลูกเลี้ยง 2 คน ซึ่งพวกเขาก็โตแล้ว วันๆ เรามักจะไม่คุยกัน ต่างคนต่างขลุกอยู่ในถ้ำ เอ๊ย ห้อง...เราจะทานข้าวพร้อมกันเฉพาะเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น ทั้งสองเป็นคนเงียบๆ พูดน้อยจนวันๆ ดิฉันนึกว่าอยู่บ้านคนเดียว ไม่เคยได้ยินพวกเขาคุยกันเลยด้วยซ้ำ พวกเขาไม่เคยเลี้ยงน้อง ไม่เคยเล่นด้วยเพราะมันคนละวัยห่างกันกับน้อง 11-14 ปี โอกาสที่ลูกจะได้ภาษาเยอรมันจากพี่ๆ บอกเลยว่า "ไม่มีทาง"

ส่วนสามีดิฉันออกจากบ้านไปทำงานตั้งแต่ตี 5 กลับมาถึงบ้านราว 4โมงเย็น งานของเขาสามารถไปตอนกี่โมงก็ได้ เขาเลือกที่จะไปแต่เช้ามืดเพราะรถไม่ติด กลับเร็วหน่อยจะได้มีเวลาให้ครอบครัว เขาจะมีเวลาช่วงเย็นและวันเสาร์อาทิตย์ ที่จะได้พูดคุยกับลูกบ้าง ลูกได้ภาษาเยอรมันจากพ่อ แต่น้อยกว่าได้ภาษาไทยจากแม่

ดิฉันไม่มีเพื่อนบ้าน คนที่นี่บ้านติดๆ กันเหมือนหมู่บ้านจัดสรรที่ไทยก็จริง แต่เขาอยู่ใครอยู่มัน ทักสวัสดีเมื่อเจอกันเท่านั้นเอง เราเป็นต่างชาติก็ไม่ค่อยกล้าไปเสนอหน้ากับเพื่อนบ้านนัก จะว่าหยิ่งก็ประมาณนั้นแหละ หุ หุ

จากที่ดิฉันเล่าให้ฟัง สภาพแวดล้อมที่ดิฉันเลี้ยงลูกมาตลอด 3 ปี นอกจากพ่อของลูกแล้ว ลูกแทบไม่มีโอกาสเจอคนอื่นที่ใช้เยอรมันเป็นภาษาหลักเลย เรามีชีวิตอยู่แต่ในบ้านกันสองคนแม่ลูก ตอนกลางวันเงียบเหงามากค่ะ

จนกระทั่งลูกอายุ 3 ขวบ วัยอนุบาล จึงส่งลูกไปเรียนเหมือนเด็กๆ คนอื่น 9โมงเช้า-เที่ยง เพียง 3 ชั่วโมงต่อวัน เพียงปีแรกภาษาเยอรมันลูกก็พัฒนาในระดับเท่ากับภาษาไทยเลยทีเดียว

ณ วันนี้ ป.4 แล้วค่ะ ภาษาหลักคือเยอรมันนั้นเกินหน้าเกินตาภาษาไทยไปหลายขุม ทั้งๆ ที่ดิฉันออกตัวก่อนตั้ง 3 ปี คิดดูสิคะดิฉันพูดไทยคนเดียวในบ้าน 3 ปีแรกลูกติดแม่เป็นแตงเม ลูกได้ไทยจากแม่เยอะมาก ส่วนสามีพูดเยอรมันวันละนิดๆ หน่อยเท่านั้นเอง แต่หลังจากเข้าอนุบาล ภาษาเยอรมันของลูกกลับแซงภาษาไทยแบบไม่เห็นฝุ่น...

อะไรละคะ ที่ทำให้ลูกพูดภาษาหลักได้เก่งเพียงนี้???

สภาพแวดล้อม ไงค่ะ คือคำตอบ...

ไม่ว่าเราจะตั้งโปรแกรมภาษาไทยในสมองของลูกมากขนาดไหน แต่ออกไปนอกบ้านลูกมีสังคมของคนเยอรมัน

โรงเรียนเยอรมัน
เพื่อนๆ เยอรมัน
ครูเยอรมัน
แถมรายการทีวีที่ชอบดู ก็ภาษาเยอรมัน
อีก แล้วลูกจะอ่อนภาษาเยอรมัน? เป็นไปไม่ได้เลยทีเดียว
ลูกกลับมีภาษาเยอรมันที่แข็งแรง วิชาภาษาเยอรมันเธอสอบได้เกรดสูงสุดอีกด้วย

ดิฉันยังมานึกเล่นๆ หากสามีพูดไทยได้มันคงวิเศษไปเลย จะได้มาช่วยกันให้ลูกเก่งไทย เท่าๆ กับเก่งเยอรมัน นี่เราคนเดียว ไม่สามารถต้านอิทธิพลของสภาพแวดล้อมได้เลยจริงๆ

แถวบ้านมีชาวต่างชาติตุรกีมาอาศํยอยู่เป็นจำนวนมาก และหลายครัวครอบพูดภาษาเยอรมันแทบไม่ได้ หรือได้ก็ได้น้อย พวกเขาจึงพูดภาษาตุรกีกับลูกๆ พอเด็กๆ ไปโรงเรียน ได้ภาษาเยอรมันโดยอัตโนมัติ เวลามีประชุมผู้ปกครอง ที่ดิฉันเจอมา..แม่ มักนำลูกไปร่วมด้วย เพื่อมาช่วยแปลเยอรมันให้แม่ฟังค่ะ จะเห็นว่าขนาดคนตุรกีที่อยู่เยอรมนี พูดแต่ภาษาตุรกีกับลูกๆ พอลูกโตลูกกลับพูดเยอรมันได้ดี เพราะสิ่งแวดล้อมช่วยนั่นเอง

อยากให้ลองนึกกลับกัน หากคุณอยู่ไทย พูดอังกฤษกับลูกทั้งสองคน ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องภาษาไทยของลูกว่าจะอ่อนแอ ยิ่งเวลาผ่านไปนับจากวัยอนุบาล ลูกต้องออกไปเจอสังคมคนไทยทุกวัน มากขึ้นและมากขึ้น ลูกจะเก่งภาษาไทยแน่นอน โดยเฉพาะเลือกโรงเรียนไทยๆ ให้ลูก เห็นอย่างนี้แล้วเพื่อนๆ คงไม่กังวลว่าลูกจะอ่อนภาษาไทยแล้วใช่มั้ยคะ


หากไม่กังวลแล้ว ดิฉันขอจบเลยดีกว่า อิ อิ (เขียนมาหลายชั่วโมงเลยทีเดียว หุ หุ )
ท้ายนี้ ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะพอมีประโยชน์กับเพื่อนๆ บ้าง ไม่มากก็น้อยนะคะ

ใครจะแย้งความคิดนี้ก็ยินดีมากๆ ที่จะได้รับคำแนะนำที่แตกต่าง

ก็เพราะ...ไม่ใช่นักวิเคาระห์หรือนักวิจัย...มักจะ..เขียนไป...ตามใจฉัน แบบนี้จนติดเป็นนิสัยเสียแล้วค่ะ อิ อิ อิ


แม่พลอยชมพู
เขียนเมื่อ 20.ส.ค.2552

โชว์คลิปพลอยชมพูพูดภาษาเยอรมันกับป่าป๊าบ้างค่ะ


สังคมที่โรงเรียน...เยอรมัน (โรงเรียนแบบบ้านนอกๆ นะจ๊ะ ของรัฐบาลเรียนฟรีค่ะ )


Views: 2728

Comment

You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!

Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

Comment by Suthawadee C. on March 7, 2010 at 6:05pm
เห็นด้วยกับคุณแม่น้องพริม ค่ะว่าเราไม่ใช้เจ้าของภาษายังไงก็ลำบากในการสอนลูก โดยเฉพาะเรื่องนามธรรม การอบรมสั่งสอน มารยาท ต้องแอบปนไทย (เป็นชุดทุกที) ลูกอยู่เมืองไทยไม่ต้องกลัวว่าภาษาไทยจะไม่แข็งแรงหรอกนะคะ เห็นด้วยกับคุณเก๋อย่างยิ่งค่ะ เพราะลูกโตแล้ว (7 ปี กับเกือบ 5) ภาษาไทยแข็งแรงมาก ภาษา Eng ไม่มีทางตามทันค่ะ เพราะสิ่งแวดล้อมเค้าเป็นไทยทั้งหมด พ่อแม่เท่านั้นที่พูด Eng ก็ไม่มากเท่าสิ่งแวดล้อม
Comment by Prim & Poom on March 7, 2010 at 12:42am
มาตามอ่านบทความพี่หน่อยที่ยาวแต่โดนใจค่ะ
นี่ก็เป็นอีก ความกังวลใจนึงของที่บ้านค่ะ เพราะเก๋มีลูกสองคน คนโต 5 ขวบกว่าแล้ว (ตอนเริ่มน่ะค่ะภาษาไทยเค้าแซงหน้าไปโขแล้ว) แต่ลูกคนเล็กเริ่มตอนที่เค้าเพิ่งเริ่มพูดไทยได้ไม่นานค่ะ ประมาณใกล้จะสองขวบค่ะ ทีนี้ก็อยากเร่งพูดอังกฤษกัน พ่อก็พยายามช่วยพูดด้วย แต่กังวลในเรื่องการสอนไทย ในเรื่องที่ละเอียดอ่อน และเราไม่ถ่ายทอดอังกฤษได้เหมือนเจ้าของภาษานั่นเองค่ะ เวลาสอนกันในเรื่องละเอียดอ่อนเหล่านี้จึงพูดไทยล้วนๆกันเลยค่ะ จึงทำให้เรา ทำ OPOL แท้ๆกันไม่ได้ซักทีค่ะ
ส่วนเรื่องกลัวภาษาไทยอ่อนแอ นั้นเก๋จะไปกังวลเรื่องของมารยาทในการพูดแบบมีหางเสียงมากกว่าค่ะ เพราะ สอนอังกฤษกับคนเล็กแล้วไม่ได้พูดไทยกันแบบเพราะๆ เวลาเค้าไปพูดไทยกับคนอื่นจึงออกมาในแนวพูดไม่มีหางเสียงน่ะค่ะ
Comment by วาสนา on March 5, 2010 at 4:26pm
ขอบคุณนะคะคุณหน่อย ที่ช่วยแชร์ประสบการณ์ดีๆ จะได้นำไปใช้ด้วยค่ะ
Comment by แม่น้องคีน on March 5, 2010 at 1:33pm
สวัสดีค่ะคุณหน่อย
ชื่อ อิ๊บนะคะ (แม่น้องคีน) อยากบอกว่า เรื่องที่เขียนแชร์มานี่ ตรงประเด็น ตรงใจ ตรงกับปัญหา และความสงสัยของแม่น้องคีนมากมายเลยค่ะ
นั่นคือ คุณพ่อเวลาน้อยมาก แม้มีความตั้งใจ แต่เวลาน้อยมาก และเราสังเกตว่า เค้าสอนไม่เป็นค่ะ ทำให้ เรารู้สึกล้า และเซ็งค่ะ ว่าสิ่งที่ตั้งใจจะไม่ได้ผล หรือ ได้ผลไม่ดีพอ เพราะคุณแม่อยู่กับน้องเกือบตลอดเวลา มีย่าช่วยเปลี่ยนมือบ้าง เวลาแม่ทานข้าวหรืออาบน้ำค่ะ
แล้วจะพูดอังกฤษกับลูกทั้งสองคน ก็กลัวภาษาไทยอ่อนแอค่ะ เคยอ่านผลวิจัย เหมือนกันว่ามีผล กลัวภาษาไทยน้องจะไม่แข็งแรงค่ะ
แต่พออ่านเรื่องน้องพลอยชมพูแล้ว ต้องขอบคุณพี่หน่อยมากนะคะ ที่ช่วยให้ความสงสัยและความกังวลหมดไป
ตอนนี้ ก็เหลือแต่ จะต้อง copy เรื่องนี้ส่งเมล์ให้คุณพ่อน้องคีนอ่านหน่อยคะ บางทีรำคาญที่เค้าทำตัวเหมือนน้ำเต็มแก้วคือ เค้ามั่นใจว่าเค้าน่ะ ไม่ต้องการกำลังใจหรือ แรงบันดาลใจในการสอนแต่อย่างไร แล้วไม่ค่อยสนใจเวลาเราให้เค้าเข้าเวบดูน้องคนอื่นหรือแนวการสอนคนอื่นน่ะคะ คุณแม่เลยอยากสอนน้องเอง แต่ภาษาเราก็ไม่แข็งแรงมากไงคะ กลัวสอนผิด โดนคุณพ่อน้องเขม่นเอา
ยอมรับว่าชักเบื่อๆไงคะ เพราะรู้สึกว่า เราคาดหวังสูง อย่างเราสอนลูกภาษาไทย เรายังจริงจังมากเลยค่ะ พอเห็นคุณพ่อเค้าสอนสะเปะสะปะ ก็เลยชักเซ็งไงคะ
แต่ตอนนี้ มีกำลังใจขึ้นแล้วค่ะ แล้วรู้สึกว่า ตัวเองต้องขยันแล้วตั้งใจจริงจังกว่านี้ค่ะ
ขอบคุณอย่างสูงค่ะ
Comment by ทันญารัตน์ บุญมาเลิศ on March 5, 2010 at 12:01pm
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำจากประสบการณ์จริงนะคะ เป็นประโยชน์มากเลยค่ะ อ่านแล้วใช่เลยค่ะ
Comment by แม่น้องจัสติโน on March 5, 2010 at 3:50am
ตามน้องพลอยชมพูไปทุกเวปเลยค่ะหน่อย จำกันได้มั้ยน๊า พี่พิมโปรตุเกสเองจ้า มามี๊น้องจัสติโน่
Comment by พ่อแม่น้อง Dragon on October 24, 2009 at 1:45am
ได้อ่านประสบการณ์ที่คุณแม่หน่อย เลี้ยงดู และสอนแบบ 3 ภาษากับน้องพลอยชมพูจนประสบความสำเร็จได้ดีทีเดียว รู้สึกมีกำลังใจที่จะสอนเจ้าดราก้อนแบบ 3 ภาษาบ้าง

เพราะตอนแรกยอมรับว่าเป็นกังวลอย่างมากเลยค่ะ เนื่องจากทั้งสามี และตัวเองเป็นคนไทยทั้งคู่ แต่ดิฉันเคยไปเรียนภาษาจีน และเป็นครูสอนภาษาจีนเด็กๆในไทยอยู่เกือบ 2 ปี จึงอยากจะพูดกับลูกเป็นภาษาจีน ส่วนสามีรับหน้าที่ภาษาอังกฤษไป โดยคิดว่าเรียนภาษาทั้งจีน และอังกฤษไปพร้อมลูกเลย ส่วนภาษาไทยก็เรียนรู้จากสภาพแวล้อม เพื่อนบ้าน ในห้องเรียน ทีวี ฟังพ่อแม่คุยกันแทนน

แต่ดิฉันเคยอ่านบทวิจัยบางอันที่บอกไว้ว่า ภาษาแม่ต้องแข็งแรงก่อน ไม่งั้นแล้วลูกจะมีการพัฒนาทางด้านความคิด ความลึกซึ้งกับวัฒนธรรม ความเข้าใจภาษาแม่อย่างลึกซึ้งไม่ดีพอ ทำให้การเรียนภาษาที่ 2 หรือ 3 ไม่ดีเท่าที่ควร กลายเป็นว่าเป็นผลเสียทั้ง 3 ภาษาไป

แต่พอเห็นตัวอย่างจากคุณแม่หน่อยแล้ว รู้สึกใจชื้นขึ้นเยอะ เพราะเป็นประสบการณ์จริง คือดิฉันไม่อยากให้เค้าพลาดโอกาสวัยสำคัญ 0-3 ขวบที่เค้าสมองเค้าสามารถที่จะเรียนรู้ และคุณพ่อคุณแม่เองก็มีเวลาให้เค้าเต็มที่ (อยู่กับเค้า 24 ชม.ทั้งคู่) พอสอนลูกไปสักพักทั้งพ่อ และแม่ คุณพ่อก็อยากจะเลิกสอนภาษาอังกฤษไปใช้ภาษาไทยแทน เพราะกลัวว่าลูกจะมีปัญหาเหมือนงานวิจัย แต่ตอนหลังก็อดไม่ได้ คุณพ่อก็ไม่ยอม เลยหันมาคุยอังกฤษกับลูกเหมือนเดิม

ลืมบอกไปค่ะว่า ลูกดราก้อน ปัจจุบันอายุ เกือบ 13 เดือนแล้ว เริ่มพูด 2 ภาษากับเค้ามาตั้งแต่เค้า 7 เดือน หลังจากอ่านหนังสือ 2 ภาษา และไปฟังสัมนาของคุณพงษ์ระพีตอนเืดือนเมษายน (ขอขอบคุณคุณพงษ์ระพีที่ช่วยจุดประกายด้วยค่ะ) ก็คิดว่าต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อลูกของเรา

ต้อง ขอขอบคุณคุณแม่หน่อยที่ช่วยถ่ายทอดประสบการณ์ที่มีค่ามากต่อดิฉันเอง และหลายๆท่านที่อยากรู้ข้อมูลแบบนี้ และขอเป็นกำลังใจให้คุณพ่อ คุณแม่ของหมู่บ้าน 2 ภาษาทุกท่านนะค่ะ
Comment by Choltisa on October 10, 2009 at 10:46am
สวัสดีค่ะ พี่หน่อย ^^ เพิ่งทราบว่าอายุ 39 หน้าเด็กจังเลยค่ะ พอดีเห็นน้อง ๆๆ เค้าจัดลำดับอายุเมื่อสองวันวันมั้งค่ะ เลยเพิ่งทราบ ว่าเป็นพี่ นึกว่าอายุเท่ากัน ฮิ ๆๆ

อื่ม เพิ่งได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้แหละค่ะ โฮ้ คิดดูพี่หน่อยเขียนไว้ตั้งแต่สิงหา ช่วงนั้นไม่ค่อยได้เข้ามาใช้เนท ตัวแมวเองก้อยังต้องเรียนภาษาเกาหลีอยู่เลยค่ะ เพราะจำเป็นต้องสอนการบ้านลูก

อ่านแล้วรู้สึกดีจังเลยค่ะ ทำให้กลับมานั่งคิดว่าแมวควรจะพูดไทยกับลูกให้มากกกก กว่านี้ อื่ม คงลดภาษาอังกฤษไปเลยดีกว่า จนน้องได้ภาษาไทยดีกว่านี้ แล้วค่อยเริ่มสอนอังกฤษเค้าดีกว่าเนอะพี่หน่อย เห็นน้องพลอยพูดไทยได้ดีมากกก ขนาดนี้ โดยสภาพแวดล้อมแบบเดียวกัน แม่คนเดียวเท่านั้น คงต้องกลับพูดไทยให้มากขึ้นกว่าเดิม ยิ่งกับคนเล็กนี่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะน้องยูมีเค้าพูดไทยได้ชัดดีขึ้นเยอะ และรู้ศพัท์เยอะพอสมควรแต่ถ้าเราไม่พูดกับเค้าให้มากกว่านี้ เค้าก้อคงจะได้คำศัพท์แค่นั้น จริง ๆๆๆ แล้วที่บ้านแมวคล้าย ๆๆ พี่หน่อยค่ะ ไม่ห่วงลูกเรื่องเกาหลีเลยแม้แต่นิด จะห่วงก้อภาษาไทยและเริ่มสอนอังกฤษเพราะเค้าเรียน ปอ หนึ่งแล้ว จริง ๆๆ ในบ้านเราก้อพูดกันแบบพี่หน่อยค่ะ นึกจะพูดภาษาไหนก้อพูด อื่ม แล้วแต่สถานะการณ์ แต่ช่วงหลังมาเนี่ย เริ่มพูดอังกฤษกับเค้ามากขึ้น กับสามีแมวก้อยังใช้ภาษาอังกฤษพูดคุยกันอยู่ ปนเกาหลีบ้าง แล้วแต่อารมณ์ และความถนัด

ชอบมากกกเวลาพี่หน่อยเขียนกระทู้ เป็นคนช่างเขียน ช่างคิด ได้อารมณ์ น่ารักมากกค่ะ โฮ้ จะได้ย้ายกลับไปอยู่เมืองไทยเหรอ ดีจังเลยค่ะ อยู่ที่ไหนไม่สุขใจเหมือนอยู่บ้านเรา ฮิ ๆๆๆ เนอะ

พี่หน่อยขอบคุณสำหรับแชร์ประสบการณ์และข้อคิดที่น่าสนใจ เสมอ ๆๆๆ ฝากบอกพี่พลอยชมพูด้วยนะคะว่าน้องยูมีเค้าปลื้มพี่พลอยมากกกเลยค่ะ โฮ้ ที่เยอรมันเค้าเข้าเรียนกันไวเหรอคะ น้องยูมี 7.9 yrs. เพิ่งอยู่ ปอ หนึ่งเองค่ะ เหมือนว่าน้องพลอยโตกว่าแค่ปีเดียว อยู่ ปอ สี่แล้วเหรอคะ

ปล ชอบเวลาตอนน้องร้องเพลงของพี่อ้อม ร้องได้น่ารักกกสุดดด รักษาสุขภาพนะคะ
Comment by ต้นไม้และดวงจันทร์ on September 27, 2009 at 6:19pm
ขอบคุณคุณหน่อยมากคะ สำหรับข้อมูลดีดี จะดูเอาไว้เป็นแบบอย่างไว้สอนไทคิบ้าง สำหรับบ้านนี้เบี้ยน้อยหอยน้อยคะ คุณสารมีก็พูดได้แต่ญี่ปุ่น คุณแม่เลยต้องสู้สู้อยู่คนเดียวคะ เห็นคุณหน่อยแล้วจะต้องพยายามบ้างอยากให้ไทคิเก่งเหมือนน้องพลอย เมือก่อนคิดแค่อยากให้ไทคิพูดไทยได้ก็พอ แต่ตอนนี้ปักหลักมั่งต้องอ่านออกเขียนได้ด้วย สู้สู้คะ
Comment by Yanisa on September 19, 2009 at 12:33am
สวัสดีค่ะพี่หน่อย
เขียนออกมาได้ดี กระชับ เข้าใจง่าย และถูกใจคุณแม่ๆ อย่างเราจริงๆ ค่ะ

นึกอะไร ก็เข้ามาเขียนอีกนะ
พอเวลาก็อยากจะเข้ามาอ่าน มาเก็บเกี่ยวความรู้ด้วยคนค่ะ

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service