เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

บ่มเพาะเด็กสองภาษา ด้วยโลกของนิทาน และการสอนให้ลูกรักการอ่าน

อ่านเจอข้อมูลดีๆ เลยเอามาแบ่งปัน ว่า....

ไม่ต้องถึงกับจับเจ้าตัวเล็กไปเข้าคอร์สฝึกภาษาตามกระแสนิยมที่มาแรง และมีมานานเหลือเกินเพื่อให้เด็กเก่งภาษา เพราะพัฒนาการของวัยเด็กแสนจะเอื้อให้คุณพ่อคุณแม่ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านภาษาให้เกิดขึ้น ด้วยการปลูกฝังและสร้างนิสัยรักการอ่านให้ลูก และมีวิธีง่ายๆ ที่สามารถทำให้เด็กเรียนรู้หลายภาษาได้ในเวลาเดียวกัน นั่นคือ การใช้นิทานสองภาษาให้เจ้าตัวน้อยซึมซับ และบริหารสมองไปพร้อมกัน

"ลูกชายที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาเรียนรู้ภาษาไทยได้ช้า ต่างจากเด็กในเมืองไทย เราเป็นแม่ก็พยายามหาวิธีสอนภาษาและวัฒนธรรมไทยให้ลูกเขียนนิทานสองภาษา คือ ไทย-อังกฤษ ให้ลูกอ่าน เขาสนุกมากกับการเรียนรู้ภาษาไทยจากการเล่านิทาน รู้จักคำไทย พูดไทยได้ชัดขึ้น ควบคู่ไปกับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ" 'แม่เฟิร์น' ที่มีชื่อจริงว่า บูรณินทุ์ อานิกวงศ์ชัย นักเขียนเจ้าของหนังสือ "แม่จ๋าแม่ นั่นน้องหมาใช่ไหมจ๊ะ" (Mommy...mommy, is that a dog?), "มาฟังเสียงกัน เอ๊ะนั่นตัวอะไร "(Animal Rhyme) และ "โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร" (Littel One's Dream Careers) เผยถึงแรงบันดาลใจในการเขียนนิทานสร้างทักษะภาษาเป็นครั้งแรกในชีวิต

เอ่ยชื่อ 'แม่เฟิร์น' คุณแม่ลูกหนึ่ง ตอนนี้อาจยังไม่คุ้นหู เพราะเพิ่งขึ้นทำเนียบนักเขียนหนังสือเด็กหมาดๆ เธอมีวิธีคิดในการใช้ชีวิตและวิธีการเลี้ยงลูกดูลงตัว กับสถานการณ์ที่ต้องเจอเมื่อแต่งงานและมีครอบครัวอยู่ที่เมืองเล็กๆ ของรัฐนิวยอร์ก มีปัญหาเรื่องน้องแทมมี่ ลูกชายเรียนรู้ภาษาไทยได้ช้า เธอใช้โอกาสนี้บวกกับใจที่รักงานเขียนมาตั้งแต่เด็ก ด้วยจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะอักษรศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ รั้วจามจุรี เกียรตินิยมอันดับ 1 ก่อนได้ศึกษาต่อจนจบปริญญาโทด้านภาษาศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิลเมดิสัน สหรัฐ เพื่อสร้างสรรค์หนังสือนิทาน ที่ผ่านมาเคยตีพิมพ์บทกลอนลงนิตยสาร

การเป็นคุณแม่ผู้มีประสบการณ์ในการสอนลูกสองภาษาจริงๆ ทำให้เธออยากชวนเด็กๆ เรียนรู้หลายภาษา โดยหยิบยกผลการวิจัยที่ยืนยันว่า การเรียนภาษามีส่วนเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองให้กับเจ้าตัวน้อย

"บางคนอาจสงสัยว่า การให้เด็กเรียนรู้หลายภาษาในเวลาเดียวกัน จะทำให้เด็กเกิดความสับสนหรือไม่ คำตอบคือ ไม่เลย เด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุประมาณ 7-10 ปี จะสามารถเรียนรู้ภาษาทั้งหลายได้โดยธรรมชาติ ส่วนความสามารถในการพูดภาษานั้นๆ ถ้าได้มีโอกาสฝึกฝนและลองใช้ภาษาจริงๆ จะดีที่สุด จากประสบการณ์มีเด็กวัย 8 ปี พูดได้มากถึง 8 ภาษา อังกฤษ รัสเซีย ฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่น จีน ฯลฯ"

แม่เฟิร์นคิดว่า การใช้นิทานเป็นสื่อสอนภาษา จะช่วยดึงความสนใจจากลูกน้อยได้เป็นอย่างดี ทำให้ลูกมีโอกาสเรียนรู้ทักษะภาษาเบื้องต้นด้วยความสนุกสนาน ที่สำคัญคือ ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคุณพ่อคุณแม่และลูกน้อยได้ดีที่สุด

สำหรับนิทานของคุณแม่นักเขียนผู้นี้ จัดพิมพ์โดยนานมีบุ๊คส์คิดดี้ มีจุดเด่นจุดขายอยู่ที่เป็นหนังสือภาพสองภาษา ไทย-อังกฤษ มีภาพประกอบน่ารักๆ อย่าง นิทาน "แม่จ๋าแม่ นั่นน้องหมาใช่ไหมจ๊ะ" ผู้เขียนบอกได้แรงบันดาลใจจากอุปนิสัยของลูกชายจริงๆ ลูกชายรู้จักแค่คำว่า "หมา" คำเดียว เห็นสัตว์อะไรก็เรียก หมา จึงเขียนหนังสือเล่มนี้เป็นเล่มแรก เด็กๆ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์ คำศัพท์ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ มีการอธิบายเอกลักษณ์ของสัตว์ต่างๆ ที่เข้าใจง่าย อีกเล่มเป็นหนังสือคำกลอน "มาฟังเสียงกัน เอ๊ะนั่นตัวอะไร" ได้รวบรวมคำคล้องจองคำศัพท์ไทย-อังกฤษเกี่ยวกับสัตว์ ประกอบคำอธิบายสัตว์ตัวนั้น เป็นกลอนที่มีเสียงร้องของสัตว์ประกอบ เหมาะกับเด็กเล็กเริ่มเรียนรู้ ส่วนเรื่อง "โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร" เล่มนี้มาจากตัวเองจริงๆ ชอบงานเขียน วันนี้ทำสำเร็จได้เป็นนักเขียน อยากให้เด็กทุกคนมีความฝัน

"นิทานเป็นสื่อสำคัญในการสอนภาษาสำหรับเด็ก นอกจากจะช่วยให้มีพัฒนาการที่เหมาะสมแล้ว ยังส่งผลต่อความฉลาดทั้งสติปัญญาและอารมณ์ของลูกรัก แต่จะให้ดึงดูดความสนใจเด็ก ต้องมีเทคนิคการอ่านกันบ้าง ใช้น้ำเสียงที่น่าสนใจ ระหว่างอ่านชวนให้เด็กๆ อ่านออกเสียงตาม หรือให้วาดรูป จะกระตุ้นการเรียนรู้ ลองใช้วิธีนี้กันดู"

'แม่เฟิร์น' ฝากถึงคุณพ่อคุณแม่ และผู้ใหญ่ใจดีทุกคนด้วยว่า ถ้าอยากให้ลูกรักการอ่าน ไม่ใช่แค่ซื้อหนังสือให้เท่านั้น แต่ต้องยอมเสียสละอ่านหนังสือให้ลูกฟังทุกวัน ตั้งแต่ลูกยังเล็กๆ ไม่จำเป็นต้องรอให้ลูกอ่านหนังสือเป็นก่อน และเมื่อลูกโตขึ้นควรปรับเปลี่ยนระดับความยากของหนังสือตามวัย เวลาเพียงน้อยนิดที่คุณพ่อคุณแม่เสียสละจะช่วยปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้ลูกไปตลอด.

ส่งเสริมลูกน้อยให้รักการอ่าน


การส่งเสริมให้ลูกมีพฤติกรรมรักการอ่านตั้งแต่ยังเด็ก สามารถช่วยให้ลูกกลายเป็นนักอ่านและรักการอ่านในอนาคตได้ค่ะ น้ำเสียงที่คุณแม่เล่าและเรื่องราวจากหนังสือหรือนิทานนั้นๆ จะช่วยให้ลูกได้ฝึกทักษะการจำ โดยพวกเขาจะจำสิ่งต่างๆ ในหนังสือ และให้ความสนใจในเสียงต่างๆ ในโลกภายนอกว่าเป็นเหมือนนิทานที่คุณอ่านให้ฟังหรือไม่ค่ะ


นอกจากนี้ พวกเขายังอยากใช้เวลาใกล้ชิดกับคุณพ่อคุณแม่เวลาฟังนิทานด้วย เด็กวัยนี้จะมีความรู้สึก 2 แบบ โดยพวกเขาจะให้ความใส่ใจในหนังสือที่ถูกอ่านโดยผู้ใหญ่ที่ให้ความสนใจเขา แต่อีกไม่นาน พวกเขาจะเริ่มให้ความสนใจในหนังสือด้วยตัวเขาเอง และจะขอให้คุณอ่านให้พวกเขาฟังหรืออาจจะลองอ่านให้ของเล่น เช่น ตุ๊กตาหรือหุ่นยนต์ของพวกเขาฟัง แม้ว่าพวกเขาอาจจะใช้ภาษาแบบเด็กๆ หรือทำท่าทางเลียนแบบเหมือนตอนที่คุณแม่เล่าให้ฟัง แต่เขาก็เชื่อว่านั่นคือ “การอ่าน” นั่นเอง
คุณแม่อาจช่วยลูกด้านการอ่านออกเสียงตัวอักษรและคำต่างๆ เพื่อให้เขาฝึกออกเสียงไปในตัว จากการวิจัยพบว่า ลูกจะเรียนรู้การอ่านตามธรรมชาติของเขาจากสิ่งที่คุณแม่หรือคุณพ่อเล่าหรืออ่านให้ฟัง

คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาทักษะการอ่านให้ลูกได้อย่างไรบ้าง


แบ่งหนังสือกับลูก

การอ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่วัยเด็กสามารถช่วงส่งเสริมทักษะการอ่านและการรับรู้ที่พวกเขาต้องการได้ พยายามหาเวลาว่างทุกวันเพื่ออ่านหนังสือให้ลูกฟัง เหมือนว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ลูกจะได้มีส่วนร่วมกับคนในครอบครัว และอย่ากังวลหากลูกจะมีความสนใจเพียงระยะสั้น ลองให้เขาจับหนังสือ เปิดดูหน้าต่างๆ ด้วยตัวเอง ให้ลูกรู้สึกถึงเรื่องราว สี และรูปทรง ในหนังสือ ซึ่งสิ่งที่เขาสนใจจะบอกคุณได้ว่าครั้งต่อไปคุณควรเล่าหรือเรียกความสนใจจากเขาได้ด้วยสิ่งใดบ้าง

หนังสือภาพ

เลือกหนังสือที่มีภาพประกอบ หรือเป็นหนังสือที่มีรูปทรงต่างๆ เมื่อเปิดมาในแต่ละหน้าเป็นแบบป๊อบอัพ สำหรับลูกวัย 3-5 ปี จะช่วยเรียกความสนใจในการเล่าเรื่องได้มากขึ้น และพยายามไม่พูดเกริ่นนำเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในภาพเหล่านั้น แต่ทำให้ลูกรู้สึกจดจ่อว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อหลังจากเรื่องราวในภาพเพื่อให้ลูกคิดตาม นอกจากนี้ ลองพูดถึงตัวละครต่างๆ ในหนังสือ และสร้างสถานการณ์ว่าสิ่งต่างๆ หรือบุคคลในหนังสือนั้นมีความเกี่ยวข้องกับเราในชีวิตจริงได้อย่างไรบ้าง การเล่าเรื่องแบบมีที่มาที่ไปและใส่ความคิดเห็น เพิ่มเติมเพื่อให้ลูกเห็นภาพมากขึ้น จะช่วยพัฒนาทักษะพื้นฐานความเข้าใจและช่วยกระตุ้นทักษะการอ่าน จินตนาการ การทำความเข้าใจ รวมถึงภาษาที่ใช้ด้วย


การพูดคุยกับลูกๆ 

การฟัง พูด อ่าน เขียน ถือเป็นสะพานหลักในการเชื่อมต่อทักษะการอ่านของเด็กทุกวัย ก่อนที่เด็กจะอ่านหนังสือได้ด้วยตัวเอง พวกเขาต้องรู้จักการออกเสียง คำต่างๆ ความหมายต่างๆ รวมถึงความสัมพันธ์ของภาษาก่อน ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งง่ายขึ้นต่อการเชื่อมโยงความรู้ในการใช้ภาษาพูดให้เข้ากับภาษาเขียนมากขึ้นเท่านั้น การพูด ไม่ได้ต้องการเวลาพิเศษหรืออุปกรณ์ใดๆ ทำให้คุณสามารถเสริมสร้างทักษะนี้ให้กับลูกได้ทุกที่และทุกเวลาค่ะ


ปฎิกิริยาโต้ตอบต่อหนังสือ

หนังสือสำหรับเด็กก่อนวัยเรียน ควรเป็นหนังสือที่สนุกและน่าสนใจ มากกว่าหนังสือที่หนักแน่นไปด้วยวิชาความรู้ นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นต้องจัดเป็นตารางการอ่านหนังสือ เพียงหาเวลาให้คุณและลูกมีเวลาอ่านหนังสือด้วยกันได้ง่ายๆ และจะทำให้ลูกรู้สึกสนุกกับการอ่านมากขึ้นค่ะ คุณพ่อคุณแม่อาจลองสอนวิธีอ่านหนังสือที่หลากหลายด้วยวิธีการที่แตกต่าง เช่น เล่นเกมส์หาหนังสือ กิจกรรมแต่งกายตามตัวละครในหนังสือ ทำอาหารที่ตัวละครในหนังสือชอบ หรือแม้กระทั่งการวาดภาพตามสถานการณ์ เป็นต้นจังหวะและคำคล้องจองในบทกวีที่คุณแม่อ่านให้ฟังทุกๆ บ้าน ควรจะมีหนังสือบทกลอนสำหรับเด็กดีๆ ไว้สักเล่ม อาจจะเป็นกลุ่มหนังสือบทกลอน บทเพลง บทกวี หรือเกมส์ที่ลูกๆ สามารถอ่าน เล่น และร่วมสนุกกับคุณแม่และคุณพ่อของพวกเขาได้ เด็กที่มีอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไป จะเริ่มออกเสียงและแสดงท่าทางที่สอดคล้องกับเสียงและคำคล้องจองในบทกวีที่คุณเล่าให้ฟังค่ะ

ขอบคุณข้อมูล http://www.thaipost.net/x-cite-kidz/230110/16804

และ http://www.dumex.co.th/young_children/child_development/article/bab...

ยูทูเบบี้

ปล.อยากฝากเพื่อนอีกประเด็นอีกนิดนึงว่า การที่เด็กตัวน้อยๆคนหนึ่งจะสามารถพูดและเรียนรู้ภาษาที่สองนั้น คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ลืมส่งเสริมภาษาไทย และวัฒนธรรมไทยอันดีงามด้วยนะ เพราะจะติดตัวเขาไปจนโต^_^

Views: 635

Comment

You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!

Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

Comment by แม่น้อง audy on August 3, 2010 at 10:21pm
ขอบคุณค่ะสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์ที่ดีจริง ๆ
Comment by mamychi on August 3, 2010 at 3:27pm
อ่านแล้วดีจังเลยค่ะ ขอบคุณที่มาแบ่งปันค่ะ
Comment by กาหนาฉ่าย on August 2, 2010 at 2:39am
ขอบคุณนะคะ สำหรับข้อมูลดีๆ
Comment by Suthawadee C. on July 29, 2010 at 3:08pm
ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ที่เอามาแชร๋นะคะ กำลังฝึกให้ลูก ๆ รักการอ่านอยู่พอดี เพราะเชื่อเหลือเกินว่าถ้าเด็กรักการอ่านแล้ว ลูกจะรักที่จะค้นคว้าหาข้อมูลต่าง ๆ ด้วยตนเอง เป็นคนที่มีัคุณภาพในอนาคตค่ะ

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service