ตอนที่แม่ออมไปเจอหนังสือเด็กสองภาษาครั้งแรก ก็แบบโดนใจมากเลยค่ะ
คือ เป็นความตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าจะสอนลูกให้เป็นเด็กสองภาษา
ก่อนอื่นคือ แม่ออมจบเอกอังกฤษ คณะศึกษาศาสตร์ ม.ศิลปากรมา มีประสบการณ์การสอนภาษาอังกฤษมาพอควร แล้วตอนนี้ก็เรียนโทอยู่ที่ จุฬา สาขาการสอนภาษาอังกฤษค่ะ TEFL เลยมีความเชื่อว่าจะทำให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษให้ได้
แต่เนื่องจากที่สอนๆมาก็เคยชินกะการสอนไวยกรณ์ หรือสอนเพื่อเตรียมสอบเป็นหลัก เลยหลวมๆไปในเรื่องการพูด เลยไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นกะลูกยังงัยดี จะสอนตอนลูกโตเลยดีมั้ย ก็ไม่น่าจะได้ผล เพราะจากการอ่านงานวิจัยและวิธีการสอนต่างๆก็พบว่าการสอนโดยให้เด็กซึมซับตามธรรมชาติดีที่สุด และน่าจะเป็นการใช้ภาษาที่ได้ใช้จริงในบริบทชีวิตประจำวัน (Natural Approach)
น้องนิ้มเองก็น่าจะชอบภาษาอังกฤษนะคะ เพราะเค้าไปเรียนโทกะแม่ด้วยทุกวัน ต้องฟังเลคเชอร์กะแม่ตลอด แถมทำ proposal กะแม่จนจะคลอดเลยทีเดียว ก็เลยตู่เอาค่ะว่าน่าจะสอนลูกได้ หรือไม่ลูกก็น่าจะมีพรสวรรค์
พอได้มาเจอหนังสือเล่มนี้ถือว่าตอบคำถามที่สงสัยได้หมดเลยค่ะ พ่อแม่ตะหาก ที่ต้องสร้างลูกเอง ไม่ต้องพึ่งพรสวรรค์ใดๆทั้งนั้น และยังงงอยู่เลยว่าคนเขียนไม่ได้จบด้านนี้มาแท้ๆแต่สามารถเขียนและนำเสนอเนื้อหาได้อย่างลึกซึ้งเลยทีเดียว
น่าชื่นชมมากค่ะ สำหรับความรักที่มีให้ลูก ความทุ่มเทเอาใจใส่ในการค้นคว้าเพื่อหาสิ่งดีๆให้แก่ลูกของคุณผู้เขียน
แม่ออมได้อ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้วนะคะ และจะเอาไปใช้แน่ๆค่ะ เริ่มพรุ่งนี้เลย ตื่นเต้นๆ บางคนอาจจะคิดว่าเออเรียนเอกอังกฤษก็ไม่น่าจะเขินนะ แต่ขอบอกค่ะ ว่าเขิน เพราะอาจจะเป็นเรื่องแปลกของที่บ้าน พอที่บ้านหรือสังคมที่อยู่ไม่พูดแล้วเราพูดเราก็จะเขิน พอที่เรียนเค้าบังคับให้พูดนีคะ ก็เลยต้องพูดให้ได้ เหอๆ
ยังไงๆ ก็จะสู้ๆ เพื่อลูกค่ะ
แต่น้องนิ้มของแม่ออม ยังพึ่งจะสามเดือนอยู่เลย ถึงแม้ว่าจะเริ่มอ้อแอ้แล้ว และบางทีก็ฟังรู้เรื่องบ้างแล้ว แต่ยังงัยยิ่งเริ่มเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีใช่ไหมคะ เป็นกำลังใจให้ทุกๆคนนะคะ
ได้ผลยังไงจะมาอัพเดทให้ทุกคนทราบค่ะ
ขอบพระคุณ ผู้เขียน คุณพ่อมือใหม่ของน้องเพ่ยเพ่ยมากนะคะ ที่แบ่งปันสิ่งดีๆให้กับพ่อแม่มือใหม่อย่างเราๆค่ะ
You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!
Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้