เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย
Comment
สู้ต่อไปนะคะ เราเคยเจอแบบนี้เหมือนกัน
เดินหน้าต่อไปค่ะ คนอื่นไม่เข้าใจก็ไม่แปลก ขอให้เราเข้าใจตัวเองว่าเราทำเพื่ออะไร และที่นี้ทุกคนเข้าใจคุณแม่ค่ะ สู้ๆ
เป็นกำลังใจ ด้วยนะคะ เจอกันทั้งนั้นค่ะ ในเรื่องของคนที่ไม่เข้าใจ บางคนมาทดสอบลูกเราลูกเราโต้ตอบยังไม่เป็น พูดกับเราซะแรงเลย น้ำตาแทบร่วงว่า "พูดภาษาไทยกับลูกให้มันฟังประสาได้ซะก่อนเถอะ" และรู้สึกไม่อยากตอบโต้ eng เพราะเธอจะถามลูกเราตลอดว่าแปลว่าอะไร เจอผู้ใหญ่ใจร้ายพูด eng มั่ง ญี่ปุ่นมั่ง ภาษาของสวีเดน ที่เธอไปเรียนโทมามั่ง พูดใส่ แล้วก็ว่าลูกเราว่าไม่ได้เรื่องสอนไม่เป็น
ดิฉันเหนื่อยใจที่ต้องไปอธิบาย เปิดใจอะไรอีก ลูกสาวเลยไม่ชอบป้าคนนั้นไปเลยค่ะ ตอนนี้เริ่มจับหลักถูก ลูกอยากได้ภาษาญี่ปุ่นเพิ่ม เริ่มสนใจจากการให้ฟังเพลง และซื้อหนังสือป๊อบอัพ ที่น่าเปิดอ่าน แต่เราก็ไม่ลดความพยายามนะคะ ไม่อวดใคร อยู่แต่ในบ้านในพื้นที่ปลอดภัย เสียอย่างเดียวที่ไม่มีการสนทนามากนัก ก็ได้กัน 2 คนแม่ลูก ยิ่งตอนนี้ไปกันใหญ่ ไปโรงเรียน ก็ศูนย์เด็กเล็กธรรมดานี่แหละ แต่ลูกแยกออก เค้ารู้ว่าเราจะมีความสุขถ้าเค้า eng เค้าก็จะพยายามทำให้ พูดกับแม่เป็น eng เอาไว้ให้สุกงอมในกะลาน้อย ๆ ไปก่อนน่าจะดีสำหรับเด็ก เราก็ไม่มีปัญญาเข้าโรงเรียน 2 ภาษา ที่แปล ๆ ๆ เหมือนกันค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ
มาเป็นอีกหนึ่งกำลังใจนะคะ คุณแม่ทำได้ดีแล้วคะ การที่เราพยายามเรียนรู้ไปพร้อมๆกับลูก ทำให้เค้ารู้สึกได้ว่า เค้ามีเพื่อนเรียนรู้ไปด้วยกัน ไม่ใช่ว่าหนูถูกยัดเยียดให้เรียนอยู่คนเดียว
หลายๆคนที่คิดว่า " ไม่ใช่หน้าที่ของเรา เราไม่เก่งพอจะสอนภาษาอังกฤษให้ลูก ครูสอนดีกว่า " บอกได้เลยว่า ความคิดแบบนั้นไม่ถูกต้องนัก ถึงลูกไปเรียนภาษาอังกฤษจากโรงเรียนมา แต่พ่อแม่พูดไทยล้วน ทักษะด้านการใช้ภาษาของน้องย่อมไม่สามารถพัฒนาได้ดีเท่าที่ควร เด็กในวัยนี้การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ความถี่มีส่วนจำเป็นมาก อยากให้น้องใช้ภาษาได้คล่อง ก้อต้องช่วยกันทั้งพ่อแม่ และโรงเรียน
ตอนที่เริ่มใช้ระบบสองภาษากับลูก ได้เจอะเจอกับคำพูดบั่นทอนกำลังใจเช่นนี้ ตอนนั้นมีท้อ แต่ไม่ถอยคะ เชื่อในศักยภาพของเราเองที่จะเรียนรู้ไปพร้อมกับลูก และเชื่อว่าลูกสามารถทำได้
มีตัวอย่างของเด็กแถวบ้าน วัยใกล้เคียงกับลูกของเรา เรียนโรงเรียนสองภาษามีครูต่างชาติประจำห้อง แต่พ่อแม่ไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษเลย( เวลาเขียนสมุดพกยังเอามาให้เราช่วยเขียนคืนteacher) ปรากฏว่าเด็กคนนั้นก้อไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้ดีเท่าที่ควร พูดแต่ภาษาไทยตลอด ขณะที่ลูกเรายังไม่ได้ไปรร.(ทำ homeschool) สามารถใช้ภาษาอังกฤษกับแม่ พูดไทยกับพ่อ อ่านหนังสือภาษาอังกฤษเองได้
เป็นตัวอย่างนึงที่แสดงให้เห็นว่า ถ้าหวังพึ่งโรงเรียยนอย่างเดียวล่ะก้อ คงไม่ได้แน่ๆ
สู้ๆ ต่อไปนะคะ ตอนแรกเราก้อเราเริ่มจากศัพท์และประโยคง่ายๆจากหนังสือคุณบิ๊กคะ แล้วต่อยอดไปเรื่อยๆ ก้อจะดีขึ้นตามลำดับเองคะ
ปล: ลองดูนะคะ บอกกับตัวเองและคนเหล่านั้นว่า " ยังไม่เก่งทั้งแม่ทั้งลูก แต่อยากเริ่มเรียนรู้ไปพร้อมกัน อยากให้ลูกพูดใช้ภาษาได้อย่างเป็นธรรมชาติคะ เพราะตอนเด็กๆไม่มีโอกาสแบบนี้ไงคะ ตอนนี้มีลูกเองก้ออยากทำให้เค้าให้มากที่สุด " ^___^
มาเป็นกำลังใจให้ค่ะตอนน้ลูกชายเรียน EP. ป.1 ค่ะ เริ่มสอนเขาตามแนวคุณบิ๊กตอน 2.6 ขวบ พอเขาไปเรียน EP. สิ่งที่เราสอนไปช่วยเขาได้เยอะค่ะ เช่น การขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำ ได้เวลาทานข้าว ดื่มนมและอื่นๆ ประโยคสั้นๆ ง่ายๆพวกนี้ลูกเราฟังอาจจารย์พูดเข้าใจทันทีตรงกันข้ามกับเด็กที่พ่อแม่ไม่สอนแบบเราเขาต้องหัดพูดและทำความเข้าใจใหม่ซึ่งจะไปช้ากว่าลูกเรา..และอีกอย่างการเรียนสองภาษาจะอาศัยแต่ที่ รร.ไม่ได้เพราะอย่างน้อยเราต้องมีความรู้พื้นฐานบ้างเพราะต้องตรวจและสอนการบ้านลูกถ้าเราไม่มีความรู้เลยเราจะทราบได้อย่างไรว่าลูกทำถูกหรือผิดเพราะตำราเป็นภาษาอังกฤษทั้งเล่มยกเว้น ภาษาไทย พุทธศาสนา อันนี้พูดจากประสบการณ์เพราะลูกกำลังเรียนอยู่มีเพื่อนที่ส่งลูกไปเรียนแบบนี้เหมือนกันเขาทำธุรกิจส่วนตัวสุดท้ายก็ต้องย้าย รร. ให้ลูกเพราะลูกเขาเรียนไม่เข้าใจและทำการบ้านไม่ได้เขาเองก็ไม่มีเวลาสอนลูกและลูกก็ไม่มีความสุขกับการเรียนสุดท้ายก็ต้องย้าย รร. ไปเรียนแบบธรรมดา..ดิฉันว่าเริ่มต้นไวมีชัยไปกว่าครึ่งนะคะอย่าได้แคร์สื่อถ้าเราคิดว่าดีและทำเพื่อลูกเราทำต่อไปค่ะและที่สำคัญลูกเราต้อง happy ด้วยค่ะ สู้ๆๆๆ ค่ะ
© 2024 Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก. Powered by
You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!
Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้