ฉิก : หวัดดีครับ วันนี้ขอคุยกันเรื่องการเรียนรู้ของลูกกันต่อนะครับ
ครั้งก่อนเราพูดกันเกี่ยวกับปัญหาในเรื่องพฤติกรรมเด็กไปแล้ว
แบบว่า...มีคนบ่นกันเยอะว่า ไม่เห็นมันจะเกี่ยวกับหัวข้อเรื่อง "สอนลูกเองก็ได้...ง่ายจัง" ตรงไหนเลยง่ะ งั้นเที่ยวนี้ขอเป็นอะไรๆที่เกี่ยวกับเทคนิคการเรียนรู้บ้างดีมั้ยครับ
ป้อม : ดีครับ หลังจากที่อู้มานาน มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
คือแรกๆจะพูดเกี่ยวกับแนวคิดซะเยอะ เพราะว่ามันสำคัญจริงๆนะครับ
หลังจากนี้จะลองพูดแนวทางภาคปฏิบัติดูบ้าง
อย่างไรก็ตาม ก็ขอฝากให้พวกเราช่วยกันทำให้ลูกๆของเรา "เรียนรู้อย่างมีความสุข" มากกว่า "การเรียนรู้แบบยัดเยียด" เพราะ จะมีผลต่อทัศนคติในการเรียนรู้ในเด็กมากอย่างที่เราคาดไม่ถึงเลยล่ะครับ
ถ้าพูดในแง่ศาสนาพุทธเรา พระท่านก็คงจะบอกว่ามันเกี่ยวกับ"อิทธิบาท4" คือ ฉันทะ วิริยั จิตตะ วิมังสา อะไรทำนองนั้น
แต่ถ้าพูดในแง่วิทยาศาสตร์ จะอธิบายได้ว่า ในสมองคนเราจะมี สมองส่วนนึงที่เรียกว่า ระบบลิมบิก(Limbic system) ซึ่งเป็นสมองในส่วนที่ควบคุมอารมณ์และความทรงจำ ซึ่งกำลังพัฒนาอย่างสูงในเด็ก
หากเขามีความสุขในการเรียนรู้ สิ่งเหล่านี้จะ"โปรแกรม"ลงไปในระบบลิมบิกนี้ ทำให้เขาไม่กลัวในการเรียนรู้สิ่งยากๆซับซ้อนๆในภายภาคหน้า แต่มีความกระหายในการเรียนรู้และสนุกไปกับมัน ก็จะทำให้เด็กเรียนรู้ได้ดีเต็มศักยภาพของเขา
ตรงกันข้ามหากเขาโดนยัดเยียดให้จำๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆตั้งแต่เด็ก โดยที่เขาไม่ได้มีความสุขกับตรงนี้เลย ระบบลิมบิกก็จะจดจำความรู้สึกที่ไม่ดีอันนี้เอาไว้เช่นกัน แรกๆก็ดูเหมือนเด็กจะเรียนเก่ง แต่พอโตๆมาต้องเจออะไรที่ยากๆหน่อย เขาก็จะเกิดความ"ขยาด" และ ความรู้สึกแย่ๆจากโปรแกรมที่เขาเคยรับรู้ในตอนเด็กๆก็จะหวนกลับมาอีก ทำให้เขาไม่สามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพที่เขามี
ฉิก : โอ้ว!!!!!มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอครับ
ป้อม : ครับ ดังนั้นจงยึดคติ Learn + Play = Plearn(เพลิน) เอาไว้นะครับ
เอาล่ะ ทีนี้มาพุดกันเรื่อง Learning resources หรือ แหล่งเรียนรู้กันดีกว่า
คุณรู้มั้ยว่าเด็กๆเราสามารถเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ไหนได้บ้าง
ฉิก : ก้อ...ที่โรงเรียนน่ะสิครับ ถามได้
ป้อม : เฮ้อ! เหนื่อยใจจริงวุ้ย หัวข้อเรื่องก็บอกอยู่แล้ว ว่าสอนลูกเองก็ได้ ช่วยตอบแบบที่สอนเองที่บ้านได้หน่อยสิครับ
ฉิก : อ้าว! งั้นเหรอ งั้นก็ที่"บ้าน"เป็นไงครับ
ป้อม : "เสื่อม" จริงๆเลยคุณเนี่ย OK ผมถือว่าผมไม่ได้ถามอะไรคุณดีกว่านะครับ คืองี้ แหล่งเรียนรู้ที่เราสามารถไปหาความรู้เพิ่มเติมได้มีหลายอย่าง อันแรกก็"คน"น่ะครับ
ฉิก : เอ๋ ! "คน"ของคุณนี่หมายถึงเราๆท่านๆนี่นะเหรอครับ
ป้อม : คงหมายถึง การเอาของมากวนๆๆๆๆๆๆๆให้มันเข้ากันมั้งครับ
ม่ายช่ายๆๆๆ ล้อเล่นน่ะครับ ก็พ่อๆแม่ๆเรานี่ล่ะครับ แหล่งความรู้สำคัญเลย
ไม่ใช่แต่ความรู้ทั่วๆไปที่เราเข้าใจกัน ยังเป็นความรู้ที่สำคัญต่อการมีชีวิตรอดในโลกเบี้ยวๆใบนี้อีกด้วย ที่สำคัญ คือ เด็กในช่วงแรกๆเรียนรู้ผ่านการเล่นกับพ่อแม่ ดังนั้น อย่าลืมเล่นกับลูกทุกวันนะครับ
นอกจากนั้น ก็ยังมีปู่ย่าตายาย ญาติพี่น้องที่เป็นแหล่งภูมิปัญญาชีวิตที่สำคัญ เพื่อนๆและคุณครู ก็จะมีบทบาทในเวลาต่อมา
ฉิก : แล้วที่ไม่ใช่คนล่ะครับ อย่าบอกนะครับว่าเป็น พืช สัตว์ สิ่งของ
ป้อม : อันนั้นก็เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีนะครับ หมายรวมไปถึงสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเราด้วยน่ะครับ เวลาเราพาลูกไปเที่ยวไหนก็อย่าลืมชี้ชวนให้เขาสังเกตสิ่งต่างๆด้วยนะครับ อย่าลืมว่า การเรียนรู้น่ะเกิดขึ้นได้ทุกที่นะคร้าบ
ส่วนที่เป็น"สื่อ"ต่างๆ ก็มีหลากหลายเลยครับ
เริ่มจากbasicๆก่อน คือ หนังสือ
หนังสือนี้มีทั้งให้พ่อแม่อ่านเพื่อเป็นแหล่งข้อมูลความรู้ในการดูแล อบรมสั่งสอนลูก และ หนังสือนิทานที่ให้พ่อแม่อ่านให้ลูกฟัง รวมไปถึงหนังสือนิทานที่ให้เด็กฝึกดูรูปประกอบ และ ฝึกอ่านเองก็มี
ฉิก : ลองแนะนำหนังสือน่าอ่านซัก 2-3 เล่มหน่อยสิครับ
ป้อม : ได้ครับ เริ่มจากคู่มือให้พ่อแม่อ่านก่อนนะครับ
คุณคือครูคนแรกของลูก
ผู้เขียน Rahima Baldwin Dancy (ราหิมา บาลด์วิน แดนซี)
ผู้แปล สุวรรณา โชคประจักษ์ชัด อุชุคตานนท์
อยากบอกว่า หนังสือเล่มนี้อาจจะเปลี่ยนชีวิตคุณและคนที่คุณรักเท่าชีวิตได้เลยนะครับ
ฉิก : ฮ้า!!! ขนาดนั้นเลยเหรอครับ เว่อร์ไปมั้ง
ป้อม : จริงครับ ปกติผมจะเป็นคนที่อ่านหนังสือได้เร็วมากๆๆๆ เล่มหนาๆแบบนั้นเนี่ยปกติผมอ่านชั่วโมงเดียวก็จบแล้ว
แต่ขอโทษเหอะ เล่มนี้ผมต้องอ่านกันเป็นเดือนๆเลย
ฉิก : อ่านไปหลับสัปหงกไปเหรอครับ
ป้อม : ครับ เอ้ย!ไม่ใช่ๆๆ คือ เล่มนี้มันต่างจากหนังสือHowtoทั่วๆไปมากครับ คือ เล่มนี้ผมต้องค่อยๆละเลียดอ่านน่ะครับ อธิบายไม่ค่อยถูก แต่ผมรู้สึกได้ถึงความละเมียดละไม และ ความอ่อนโยนที่สัมผัสได้จากทั้งผู้แต่งและผู้แปล
เพราะ ทั้งคู่ต่างก็เป็นคุณแม่ที่ให้ความรัก ความอบอุ่นในการสอนลูกด้วยประสบการณ์ความเป็นแม่จริงๆ อ่านแล้วนอกจากได้ความรู้ดีๆในการดูแลลูกแล้ว ผมยังรู้สึกว่าตัวเองได้ยกระดับจิตใจขึ้นมาอีกขั้น มันลงลึกลงไปถึงระดับจิตวิญญาณเลยนะครับ
ฉิก : โอ้โห!
ป้อม : โดยรวมเนื้อหาจะเป็นการดูแลเด็กตามพัฒนาการของเขาจริงๆ ไม่ไปแทรกแซงเขา และ ไม่ยัดเยียดสิ่งต่างๆให้เด็ก แต่ให้ความเคารพเขาในฐานะเด็กคนนึง ที่มีขั้นตอนการเรียนรู้ที่แตกต่างกันตาม"ตารางเวลาภายใน" ตัวเขา โดยรวมจะมีการพูดถึงการศึกษาแบบ"วอลดอร์ฟ" ของรูดอล์ฟ สไตเนอร์ ค่อนข้างมากน่ะครับ
ฉิก : อืมม์ น่าสนใจมากครับ ลองไปหามาอ่านมั่งดีกว่า วันนี้แค่นี้ก่อน แล้วค่อยมาต่อกันใหม่นะครับ
pomjom.bloggang.com
Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2552
You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!
Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้