เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย
ห่างหายจากการเขียนบล็อคไปนานเลยค่ะ เพราะมัวแต่สาละวนกับการเลี้ยงลูกและเรียนภาษาที่สามด้วยตัวเองอยู่หลายเดือน ได้แวะเข้ามาเยี่ยมหมู่บ้านฯ อีกทีมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเยอะเลย เป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆ กับคุณพ่อคุณแม่ที่ให้ความสำคัญกับเจ้าตัวน้อย
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า ภูมิใจมาก ที่ได้เป็นสมาชิกเป็นอีกหนึ่งครอบครัวใน หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ เหมี่ยวใช้เวลาบ่มเพาะการสอนภาษาให้ลูกมา 2 ปีแล้ว เดือนนี้ครบ 2 ปีเต็มพอดี จากที่ได้เป็นสมาชิกและเดินตามแนวความคิดเด็กสองภาษามาอย่างต่อเนื่อง มีบ้างที่เจออุปสรรค ปัญหา แต่ไม่เคยท้อเลยซักครั้งเดียว เชื่อมาตลอดว่า 'เราต้องทำได้'
การพูดภาษาที่สองนอกบ้านอย่างไม่เคอะเขินของเจ้าลูกชาย ทำให้มีหลายคนเข้ามาทักค่ะ 'น้องเค้าพูดภาษาอังกฤษกับแม่เหรอ น้องเรียนอินเตอร์ใช่มั้ย พ่อเค้าเป็นต่างชาติรึเปล่า' 555 แอบปลื้มใจค่ะ ด้วยเหตุนี้ทำให้มีเพื่อน (นอกหมู่บ้านฯ) เพิ่มขึ้นอีก บางคนที่รู้จักหมู่บ้านเด็กสองภาษาฯ ก็ถามว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกของหมู่บ้านนี้รึเปล่า รีบตอบทันทีว่า 'ใช่ค่ะ' บางคนก็ไม่รู้จักหมู่บ้านนี้ เลยแนะนำให้เข้ามาดูในเวปฯ พอได้ดูคลิปน้องๆ ตัวน้อยพูดภาษาที่สองกันแล้ว ถึงกับอึ้งไปเลย แล้วถามว่า 'เค้าทำกันได้ไงเนี่ย' (เหมือนตัวเองที่เข้ามาตอนแรก นอกจากฟังไม่ทันแล้ว ยังแปลไม่ออกอีกต่างหาก)
คำถามที่เจอบ่อยที่สุดคือ หากเริ่มสอนแล้วจะเห็นผลตอนไหน? (อันนี้ตอบยากมากเลย) บางครอบครัวอาจจะเริ่มตอนที่น้องยังเล็กๆ ไม่ถึงขวบ หรือบางครอบครัวเริ่มตอนที่น้อง 3-4 ขวบแล้ว เลยอยากแชร์ประสบการณ์ตัวเองผ่านบล็อค เผื่อว่ามีบางครอบครัวที่กำลังเริ่มหรือเริ่มมาสักพักแต่ยังไม่เห็นผล หรือกำลังจะถอดใจ เพราะคิดว่า ฉันทำไม่สำเร็จแน่เลย (อาจจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม)
เหมี่ยวเริ่มพูดกับลูกชายคนโตตอน 4.1 ขวบ (จัดว่าเป็นเด็กโต) คนเล็ก 5 เดือน ตอนนั้นมุ่งที่คนโตอย่างเดียว เพราะคนเล็กยังไม่รู้เรื่องอะไร กำลังหัดนั่งอยู่เลย ทำตามแนวความคิดเด็กสองภาษามาเรื่อยๆ ค่ะ เข้ามาหาเทคนิค วิธีการ แรงกระตุ้นจากคลิป บล็อคคุณแม่ท่านอื่นๆ ที่เขียนเล่าเรื่องโน้นนี้กันไว้ โชคดีหน่อยที่ลูกไม่ต่อต้าน (มีอยู่ครั้งเดียวที่วิ่งหนี เพราะแม่พูดเยอะเกิน ลูกฟังไม่เข้าใจ โกรธแม่แล้วก็วิ่งไปเลย) ผ่านไป 11 เดือน อิ่ม ลูกชายคนโตอายุได้ 5 ขวบ ก็สามารถถาม ตอบ เล่าเรื่องราวได้ ถึงแม้ไวยากรณ์จะไม่ถูกต้องนัก แต่ก็รู้สึกภูมิใจว่าเราสามารถทำให้ลูกพูดได้แล้ว ในขณะที่ลูกชายคนเล็ก 1.4 ปี ก็ยังพูดได้ไม่มาก แค่เป็นคำๆ แค่นั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว(เอง)เลยคือ สอนลูกพูดได้ แต่ออกเสียงไม่ถูก ไม่ชัด (อย่างว่าต้นฉบับไม่ชัด สำเนาจะชัดได้ยังไง) มาเริ่มรู้ตัว จากการดูคลิปสมาชิกบ้านอื่นๆ ทำไมเค้าพูดกันสำเนียงดีมาก ออกเสียงชัดเจน คือแบบว่าถ้าไม่เห็นหน้าก็คิดว่าเด็กต่างชาติเลยหล่ะ หนักใจเลยทีนี้ ทำไมเรากับลูกพูดไม่ได้อย่างนั้นบ้าง ทำไงดีล่ะ ในที่สุดก็ตัดสินใจเข้ามาร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อปโฟนิกส์และการออกเสียง (รุ่นที่ 13) การออกเสียงที่เราไม่เคยได้เรียนในหลักสูตรของโรงเรียน โฟนิกส์คืออะไร ยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ หลังจากจบเวิร์คช็อป ปรากฎว่า ที่สอนมาต้องรื้อกันใหม่ งานช้างล่ะทีนี้ ลูกชายพูดได้เยอะแล้วด้วย ความถี่เท่านั้นที่จะลบล้างออกไปได้ ในขณะที่คนเล็กกำลังเริ่มเรียนรู้ และเดาว่ากำลังฝึกเลียนเสียงตามวัย
เริ่มใหม่กับการออกเสียงให้ชัด เคลียร์ (ยากอ่ะ) ต้องฝึกเท่านั้น ฝึกพูดตามเจ้าของภาษาบ่อยๆ แล้วก็จะชิน(ปาก)ไปเอง โดยการให้ลูกดูปาก พูดตามให้ชัด ทั้งเสียงต้นและเสียงท้าย หากไม่ชัดก็ต้องพูดใหม่ ไม่รู้แม่โหดไปรึเปล่า แต่ก็ต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น การฝึกฟังก็ช่วยได้มากเหมือนกัน เวลาผ่านไป 6 เดือน พัฒนาขึ้นทั้งแม่และลูก แต่ผลลัพธ์ที่ได้มากกว่านั้น คนที่ทำได้ดีกว่าใครในบ้านคือ เอม ลูกชายคนเล็ก ซึ่งเข้าสู่วัย 2 ขวบกว่า ที่ผ่านมาเจ้าตัวน้อยของเราได้แอบซุ่ม เก็บเล็กผสมน้อยจากที่แม่สอนพี่ชายนี่เอง 555 เอมพูดมีเสียงท้ายชัดเจน เริ่มเห็นผลจากคนเล็กแล้วซิ ถึงแม้จะพูดได้เป็นคำๆ ยังไม่เป็นประโยคก็ตาม ในขณะเดียวกันโครงการภาษาที่สามกับลูกก็ยังไม่คืบไปไหนไกลนัก เพราะกลับมาเน้นการออกเสียงเป็นหลัก
ตอนนี้อิ่ม 6.1 ปีแล้ว พัฒนาการไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก นอกจากการออกเสียงที่ชัดเจนขึ้น บวกกับสำเนียงที่ยังเป็นไทยอยู่ (ประเมินจากความรู้สึกของตัวเอง) ส่วนเอม 2.5 ปี พูดได้หลายประโยคแล้ว แถมสำเนียงดีกว่าพี่อิ่ม เค้าได้จากการพูดเลียนแบบการ์ตูน เป็นสิ่งที่ได้นอกเหนือจากแม่กับพี่ หลายคำเอมพูดชัดกว่าอิ่ม เอมพูดภาษาอังกฤษเป็นส่วนมากเวลาอยู่ที่บ้าน ต้องขอย้อนกลับไปนิดนึง ตอนที่เอมเข้าเนอสเซอรี่ด้วยวัย 1.9 ขวบ วันที่ไปสมัครวันแรก กลัวลูกเข้ากับเพื่อนไม่ได้ กลัวลูกสื่อสารไม่เข้าใจ เพราะเอมพูดไทยได้น้อยมาก (พูดได้ไม่ถึง 5 คำด้วยซ้ำ ก็ไม่เคยสอนภาษาไทย ลูกจะพูดไทยได้ยังไง) เลยบอกคุณครูว่า 'น้องพูดไทยได้น้อยมากนะคะ พูดได้ไม่กี่คำ เค้าอาจจะไม่เข้าใจเวลาคุณครูพูดนะคะ' โชคดี คุณครู (เจ้าของเนอสฯ) ใจดีมาก เค้าถามว่า 'เด็กสองภาษาใช่มั้ย ไม่ต้องกังวล ที่นี่ก็มี 2-3 คน' (ค่อยโล่งหน่อย ลูกมีเพื่อนเด็กสองภาษาด้วยกันละ) จากนั้น คุณครูก็หันไปพูดโหมดอังกฤษกับเอม แล้วจูงมือกันไปเล่นของเล่น เท่านี้เราก็อุ่นใจแล้ว พัฒนาการที่เนอสฯ หลังจากผ่านไป 4-5 เดือน คุณครูบอกว่า 'เอมไม่มีปัญหาในการเข้ากลุ่มกับเพื่อน แต่เวลาที่คุณครูบอกให้ทำอะไรเป็นภาษาไทย น้องจะยังนิ่งอยู่ เหมือนยังไม่เข้าใจคำสั่ง พอคุณครูเปลี่ยนโหมดเป็นอังกฤษ น้องก็ทำได้ เรื่องการตอบคำถามภาพสัตว์ น้องตอบได้แต่จะตอบด้วยภาษาอังกฤษ คุณครูต้องพยุงการพูดภาษาไทยให้' เหมี่ยวคิดว่า นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาที่น่ากังวล ที่เอมเป็นอย่างนี้เพราะอยู่ที่บ้านเราใช้ภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาไทยเท่านั้นเอง เอมเรียนที่เนอสฯ ได้ 8 เดือนแล้ว ภาษาไทยก็ได้มาจากโรงเรียนไม่น้อยเหมือนกัน
ประสบการณ์ที่ผ่านมากับลูกชายสองคน (วัยห่างกัน 3.8 ปี) ทำให้รู้ว่า การสร้างเด็กสองภาษานั้น ต้องใช้เวลา เก็บเล็กผสมน้อย จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ทำไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ส่วนตัวคิดว่าทางลัดหรือหลักสูตรเร่งรัดนั้นคงไม่มี ยิ่งเริ่มตอนเล็กเท่าไหร่ยิ่งดี เรื่องที่จะพูดยังไม่มาก คนสอนก็ไม่เครียด ไม่ต้องหาแรงบันดาลใจ ไม่ต้องสร้างเงื่อนไข เด็กเค้ารับรู้แค่ว่า เกิดมาแม่ก็พูดกับเค้าแบบนี้ และเค้าก็พูดกับแม่แบบนี้ ไม่มีข้อสงสัยหรือคำถามใดๆ จากลูกคนเล็กเลย ทุกอย่างจะค่อยๆ ซึมซับไปเอง เริ่มเห็นผลชัดเจนก็ 2 ขวบไปแล้ว ต่างจากเด็กโตที่มีข้อต่อรองเยอะ ต้องใช้ความพยายามมากหน่อยในช่วงแรก ต้องสร้างเงื่อนไขและหาแรงบันดาลใจ(ที่ดึงดูด) แต่ครอบครัวไหนที่เริ่มสอนเด็กโตแล้วก็อย่าเพิ่งท้อนะคะ มีหลายครอบครัวทำสำเร็จมาแล้ว ทุกอย่างอยู่ที่ความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงค่ะ ส่วนครอบครัวที่มีเด็กเล็ก อย่ารอเวลาเลยค่ะ เริ่มได้ทันที ไม่สูญเปล่าหรอกค่ะ เค้ารับรู้แน่นอน แต่ด้วยพัฒนาการในการสื่อสารตามวัย ความพร้อมในการพูด อาจจะต้องใจเย็นรอเวลาซักหน่อย เด็กจะพูดทันทีเมื่อเค้าพร้อมค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
อย่างไรแล้วก็ต้องขอขอบคุณหนังสือเด็กสองภาษาฯ หมู่บ้านเด็กสองภาษาฯ ที่ทำให้ชีวิต(การเลี้ยงลูก)เปลี่ยนไป ได้พัฒนาภาษา(ที่สองและสาม)ให้ตัวเองเพื่อลูก ได้อ่านบล็อคดีๆ ที่คอยเป็นกำลังใจ และกระทู้อีกมากมายที่แนะนำแหล่งความรู้ เป็นแรงกระตุ้นให้ไปค้นคว้าและต่อยอดเพิ่มได้เรื่อยๆ ขอบคุณจากใจจริงค่ะ
Comment
เป็นข้อคิดที่ดีครับ... อย่าหวังผลมาก ขอเป็นเพียงแนวทางให้เขาพัฒนาตัวเองต่อไป น่าจะชื่นใจมากกว่า...
thank u.
มีลูกต่างวัยเหมือนกันค่ะ และกำลังจะเริ่มสอนสองภาษาให้ลูก(อึกครั้ง) คราวนี้ต้องเข้ามาอ่านบล๊อคบ่อยๆ เพื่อเติมพลังใจให้กับตัวเอง และคอยกระตุ้นตัวเองไม่ให้ท้อ ขอบคุณนะคะสำหรับข้อความดีๆนี้
ขอบคุณเช่นกันค่ะ อ่านแล้วไฟในใจลุกพร่านเลยค่ะได้แต่รอโอกาสนี้มาถึง แต่ตอนนี้ก็ไม่หยุดนิ่งค่ะพยายามพัฒนาทักษะตัวเองอยู่ค่ะ
ขอบคุณจริงๆๆค่ะ
ขอบคุณค่ะ รอวันที่ลูกๆเก่งอย่างนี้ค่ะ
ไปย้อนดู คลิปต่างๆที่คุณแม่สอนน้องอิ่ม น้ำตาไหลเลย เพราะรู้สึกได้ถึงความรักและหวังดีที่มีต่อลูก และความพยายามของคุณแม่ที่มีเยอะมาก โดยเฉพาะตอนศึกษาเพิ่มภาษาจีน น่าทึ่งมาก เป็นแรงบันดาลใจให้คนที่ได้เข้ามาอ่านมาชม จริงๆค่ะ
ขอให้คุณแม่แชร์ประสบการณ์ดีๆอย่างนี้ไปอีกนานๆค่ะ
ขอบคุณจริงๆ
กำลังใจมาเพียบ ขอบคุณที่ช่วยแชร์ประสบการณ์ค่ะ
บอกได้เลยว่า คุณคือต้นแบบที่ดีของลูกและแม่ๆหลายๆคน ขอเก็บวรรคนี้ไว้เพื่อเตือนตัวเองหน่อยนะค่ะ "การสร้างเด็กสองภาษานั้น ต้องใช้เวลา เก็บเล็กผสมน้อย จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ทำไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง " แบบว่าบ้างนึกท้อกับตัวเองเพราะเกิดจากใจร้อนไปเองนะค่ะ
© 2024 Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก. Powered by
You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!
Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้