เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

เก่งมากจำได้ด้วย/เคยเรียนที่นี่/on in ยังสับสน

1. เก่งมากหนูจำได้ด้วย Good remember.

2. พรุ่งนี้อย่าลืมเอาตัวปั้มรูปดาวมาด้วยนะ  Tomorow you not forget star stamp.

3. หนูจำได้ไหมตอนเราไปเที่ยวกระบี่กันเรานั่งรถตู้และนั่งเครื่องบินด้วยกันไง We're sit on a van / We're sit on an airplane.

4. เฮียพี(ลูกพี่ลูกน้อง)เคยเรียนที่โรงเรียนนี้นะ (คือนั่งรถผ่านโรงเรียนเก่าของหลานชาย)

5. เราจะไปวัดกัน จะได้ไปให้อาหารปลาที่ท่าน้ำและไปไหว้พระ(ต้องจุดธูปและถวายดอกไม้ด้วยค่ะ) ปิดทองคำเปลวที่องค์พระ(สำคัญมากต้องปิดทองทุกครั้งไม่งั้นไม่ยอมกลับบ้าน) และเสี่ยงเซียมซีกันนะ

**ข้อ 5 นี่อาจจะยาวหน่อยค่ะแต่ลูกสาวเป็นอย่างนี้จริงๆ ปัจจุบันก็บอกเค้าว่า stick the golden sheel ค่ะ(เถไถไปก่อน ไม่ดีเลย เดี๋ยวแก้ยากนะเนี่ย เรา ขอความกรุณาทุกคนด้วยค่ะ**

6. เงยหน้าหน่อยค่ะ มี้มองไม่เห็นฟันหนูเลยแปลงให้ไม่ถูกเดี๋ยวไม่สะอาดนะ  look up I can't see your teeth. It's not clean.

 

Views: 1210

Replies to This Discussion

1. Fabulous! you can remember.
2. Tomorrow, you should not forget to get your star stamp.
3. Can you remember? While we was going to กระบี่, we was getting on airplan and van.
4. Your coursin had ever been studing at this school.
5. We are going to go to the temple and feed the fishes in the dock and worship the Buddhas Image, so gild the buddha with gold leaf and เซียมซีนี่อะไรหละตายตอนจบซะแล้ว
6. Lift your chin up and open your mouth widely. I can't see your teeth, so I can't make all your teeth clean up. ผิดอย่างไรก็อภัยให้ด้วยนะครับ
1. You have a good memory. คุณแพทเคยตอบไว้ค่ะ
2. พรุ่งนี้อย่าลืมเอาตัวปั้มรูปดาวมาด้วยนะ
tomorrow don't forget to bring the stamp of star shape ที่ปั้มรูปดาวนี่ไม่รู้คะ มั่ว อิอิ

3. หนูจำได้ไหมตอนเราไปเที่ยวกระบี่กันเรานั่งรถตู้และนั่งเครื่องบินด้วยกันไง We're sit on a van / We're sit on an airplane.
do you remember? we went to grabi together by van and airplane.

4. เฮียพี(ลูกพี่ลูกน้อง)เคยเรียนที่โรงเรียนนี้นะ (คือนั่งรถผ่านโรงเรียนเก่าของหลานชาย)
our cousin had ever studied at this school.
ขอลองน่ะครับ

Wow! you remember it. Good job, man.
Bring the star stamp tomorrow, won't you?
Remember? we took a van and then a plane on Krabi trip.
You counsin (has) studied at this school before.
We're gonna go to the temple, praying to the Buddha, feeding the fish, sticking gold leaves on a Buddha image and shaking for a chinese fortune stick.
Look up/Tilt up/Chin's up! Say ah...ah...ah....ah.....
สวัสดีคะคุณ pathiwat ติดตามการตอบคำถามของคุณpathiwatมาตลอดเลยคะ พอดีตอนนี้กำลังศึกษาเรื่องpresent perfect and past perfect เลยอยากขอคำแนะนำหน่อยคะ ที่อ้อมลองตอบไปข้อสี่นะคะ ผิดหรือเปล่าคะ
4. เฮียพี(ลูกพี่ลูกน้อง)เคยเรียนที่โรงเรียนนี้นะ (คือนั่งรถผ่านโรงเรียนเก่าของหลานชาย)
our cousin had ever studied at this school.
รูปนี้ใช้past perfect เพราะคิดว่ามันเป็นเหตูการณ์ที่เกิดขึ้นช่วง่ระยะเวลาหนึ่งในอดิตและได้สิ้นสุดลงไปแล้วเลยลองใช้รูปนี้ ผิดไหมคะ

อันนี้ที่คุณpathiwatตอบไว้
You counsin studied at this school before ญาติคุณเคยเรียนที่นี่มาก่อน อันนี้เป็นรูป past tense แค่จะบอกว่าเคยเรียนแต่ตอนนี้ไม่ได้เรียนที่นี่แล้ว
You counsin (has) studied at this school before อันนี้เป้นรุป present perfect มันจะหมายถึงว่าเคยเรียนแล้วทุกวันนี้ก็ยังเรียนอยู่หรือเปล่าคะ

อันนี้ที่คุณrushตอบไว้
4. Your coursin had ever been studing at this schoolหมายถึงว่า เน้นว่าเขาเคยเรียนที่นี่อยู่ช่วงหนึ่งและช่วงนั้นไม่เคยย้ายไปเรียนที่ไหนเลยเรียนที่นี่ที่เดียวมาตลอด หมายความอย่างนี้หรือเปล่าคะ
ยัง งง รบกวนขอคำชี้แนะด้วยคะ พอดีกำลังศึกษาอยู่คะ อยากใช้ให้ถูกคะ ขอบคุณมากคะ
ลองศึกษาเพิ่มเติมรูปประโยคและตัวอย่างด้านล่างดูนะครับ
ส่วนที่เป็นตารางผมใส่แล้วมันเพี้ยนครับแก้ไขไม่เป็น


The Present Perfect Tense

โครงสร้าง :    S + have, has + V3

He , She , The girl has finished the report.

I have written a letter.
We , They , You
sung many songs.
The girls had a drink.


Present Perfect Tense ใช้กับ Adverbs of time ต่อไปนี้ since (ตั้งแต่) , for (เป็นเวลา) , just
(เพิ่งจะ), already (เรียบร้อยแล้ว) , yet (ยัง) , recently (เมื่อเร็วๆ นี้ ช่วงนี้) , lately (เมื่อเร็วๆ นี้ ช่วงนี้) , never (ไม่เคย) ,
ever (เคย) , so far (จากบัดนั้นจนบัดนี้) , up to now (จากบัดนั้นจนบัดนี้) , up to the present time (จนถึงปัจจุบัน) ,
many times (หลายครั้ง) , several times (หลายครั้ง) , over and over (ครั้งแล้วครั้งเล่า) ,at last (ในที่สุด)

   หลักการใช้
    1. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และยังดำเนินหรือมีผลต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน มักมีคำว่า since และ for อยู่ด้วย
        since (ตั้งแต่) ใช้กับจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นั้นๆ ในอดีต (a point of time in the past)
            เช่น        since then (ตั้งแต่นั้น) , since yesterday (ตั้งแต่เมื่อวาน) , since six o'clock (ตั้งแต่ 6 โมง)
                          since last month (ตั้งแต่เดือนที่แล้ว) , since Christmas , since World War II ,
                          since the beginning of the year  , since I was born , since I was young.
          (หลัง since จะตามด้วย คำ หรือวลี ที่บอกอดีต หรือ จะตามด้วย ประโยคที่มีกริยาเป็นอดีต main clause)
            - We have lived in this house since our father died.
            - Since he has changed his job , he has been much happier.
            - That child has grown very much since I last seen him.
            - I have known him since 1990.
            - I have never seen him since last year.
            - My father has smoked since he was young.

        for (เป็นเวลา) ใช้กับจำนวนเวลานับตั้งแต่เหตุการณ์จนถึงขณะที่พูด (a period of time)
            เช่น        for twenty minutes (เป็นเวลา 20 นาที) , for four hours (เป็นเวลา 4 ชั่วโมง) ,
                          for   years (เป็นปีๆ) , for ages (เป็นเวลานาน) , for the last month (เป็นเวลาตลอดเดือนที่แล้ว),
                          for a long time (เป็นเวลานาน) , for the last two years (เป็นเวลาตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมา)
            - Billy hasn't written to me for three days.
            - I haven't seen John for many weks.
            - They have lived in this district for a long time.
            - Mary hasn't eaten any meat for over a year.

       (หมายเหตุ - แต่ถ้าข้อความใน main clause เกี่ยวกับระยะเวลาให้ใช้ present simple และ clause หลัง since
                          ให้ใช้ past simple เช่น
                           - It is (seems) a long time since our last holiday.
                           - It is eight years since I left university.
                           - It seems a long time since he left me.
                           - It is two weeks since I wrote to my boyfriend.
                           - How long is it since you moved into your new house?

      2. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งกระทำเสร็จสิ้นใหม่ๆ จะมีคำว่า just , recently (=lately ) = (not long ago) และ
           lately ใช้กับประโยคคำถามและปฏิเสธ
          - Have you finished your assignment?
          - Yes, I have just finished it.
         - The results have just been announced.
         - He has recently got married.
         - Have you been there lately?

     3. ใช้กับคำว่า yet และ already
          yet (ยัง) ใช้กับ Question , Negative Answer และ Negative Statement
          already (เรียบร้อยแล้ว) ใช้กับ Affirmative Statement และ Affirmative Answer
           - We have not yet read that book. (Neg. St.)
           - Has he come back yet ? (Question)
           - No, he has not come back yet. (Neg. Ans.)
           - Yes, he has already come back.
           - Yes, he has come back already.
      ****    already เมื่อเป็นการแสดงความประหลาดใจของผู้พูดจะใช้ในประโยคคำถาม
           - Have you finished your report already?

Question(คำถาม) Affirmative(บอกเล่า) Negative(ปฏิเสธ)
- just -
yet - yet
already already -

       4. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ในอดีตและยังไม่จบในขณะที่พูด จะมีคำว่า ever , never
          ever ใช้กับ Question
          never ใช้กับ Negative Statement และ Negative Answer
          - Have you ever been to America?       (Question)
          - No, I have never been there.       (Neg. Ans.)
          - Yes, I have been there .    
          - I have never palyed ice-skating. (Neg, St.)

      5.   ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ไม่ได้บ่งเวลาที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน จะมีคำว่า up to the present time ,
             until now , so far , so far this month , at last,
            - Up to the present time we have had no news from John.
            - I have received no answer from him so far.
            - He has finished his report at last.
     
       6. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดซ้ำซากหลาย ๆ ครั้ง จะมีคำว่า many times, several times , over and over
          - I have been to Hua-Hib many times.
          - She has seen "Jurassic Park" several times.
          - We have studied Tenses over and over.
        
       7. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ในอดีตที่สิ้นสุดลงแล้ว แต่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์หนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในปัจจุบันหรืออนาคต
           - Janet has bought a car so that she will have transportation to work.
           - He has studied all day so that he can go to the dance tonight.

       8. ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งยังไม่สิ้นสุด จะมีคำว่า this month , this year
          - Have you had a holiday this year?
          - You have done a lot of work this morning.
          - I have read two books this week.

      9. ใช้ในบทสนทนา จดหมาย รายงาน หนังสือพิมพ์
         Conversation --- I have lost my keys. Have you seen them? Yes, I have seen them.
                                          Yes, I saw them yesterday. (ถ้ามีเวลาบอก ใช้ past simple)
         Letters - -- Dear James,
                             I'm sorry that I haven't written to you for such a long time but I have been
                            very busy working for an examination.




The Past Perfect Tense

โครงสร้าง :    S + had + V3

I , He , She, Jim gone out before John came.
You , We , They, had finished reading when Bill came in.
Tom and Mary left when Helen reached home.


หลักการใช้

      1. ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงแล้วในอดีต เหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นก่อนอีกเหตุการณ์หนึ่ง
              เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน ใช้ Past Perfect
              เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลัง ใช้ Past Simple
              และมักจะเชื่อมด้วยคำว่า when , before , after , until , as soon as , เช่น
                 - He had written to her four times when he got her reply.
                        (ใช้ past perfect เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาเขียนถึงเธอ 4 ครั้ง ก่อนที่เขาได้รับคำตอบจากเธอ)

       2. ใช้กับคำว่า by the time
            By the time + Past simple , Past Perfect
                 - By the time the sun set , we had left school.
                 - By the time the children went to bed , they had already finished their homework.

      3. ใช้หลังคำว่า that ในประโยค Indirect Speech ซึ่งเปลี่ยนมาจากประโยค Direct Speech เช่น
                 - He told me that they had left about an hour before.
                 - They said that they had done the report.

       4. ใช้กับ no sooner ................than... (ทันทีที่..........ก็....)
                     Hardly ....................when ....(ทันทีที่..........ก็....)
                     Scarcely ............when .......(ทันทีที่..........ก็....)
            
             Subject had no sooner V3 than Subject Past Simple
             hardly when
             scarcely when
                   
                     - They had no sooner finished their work than they went out.
                     - They had scarcely left the house when the letter came.
   
ข้อ 4 ของคุณอ้อมนั้น ตามความรู้สึกผมน่ะครับ ยังฟังแปลกๆ อยู่นิดหนึ่งครับ คำอธิบายดังต่อไปนี้ครับ

อ้างอิงจากหลักไวยกรณ์ที่ตอบโดยคุณหนึ่ง ทางด้านล่างข้อที่ 4 ซึ่งกล่าวถึง การใช้ ever และ never
ได้กล่าวไว้ว่า ever โดยปกติแล้วมักจะใช้กับประโยคคำถาม ส่วน never นั้นมีให้เห็นและฟังได้ทั้งในประโยคคำถามและบอกเล่าครับ ขออธิบาย ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในการใช้คำสองคำนี้ผ่านเหตุการณ์สมมุติน่ะครับ

A: Hey man, I went to a new fun park last Saturday and it was so much fun. Have you ever been there?
(เฮ้ย! เมื่อวันเสาร์เราไปสวนสนุกมา อย่างมันส์เลยว่ะ นายเคยไปอ่ะป่าว)
B: Nope. I have never thought of going to a thing like that.
(ไม่เคยอ่ะ เราไม่เคยคิดจะไปเที่ยวอย่างนั้นหรอก)
A: C'mon man, give yourself a break.
(เฮ้ย ไม่เอาน่า ใช้ชีวิตให้สนุกหน่อยเด๊ะ)
B: Listen! I have seen it so many times on TV and I did feel like shouting, yelling, or putting myself on a thread.
(นายฟังเราน่ะ เราเคยเห็นในทีวีตั้งหลายครั้งแล้ว ไม่เห็นชอบเลย เห็นแต่คนร้องกรี๊ดๆ กัน อีกอย่างน่ะ เสี่ยงจะตาย)
A: All....right dude. BTW, have you had lunch, yet?
(เออๆ ไม่พูดแหละ ว่าแต่ว่า กินข้างเที่ยงรึยังเนี้ยะ)
เพิ่มเติมน่ะครับ
โดยปกติเรามักได้ยินกันว่า Present Perfect Tense นั้นใช้สำหรับอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและยังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เรายังสามารถใช้เทนส์นี้กับประสบการณ์ต่างๆ ที่เราเคยทำ เคยผ่านหรือได้รับมา ตามคำตอบที่ผมตอบไปนั้น ประโยคที่ว่าเคยเรียนที่นี่ นั้น ผมใช้ Past Simple เพื่อแสดงว่า สิ่งนี้เคยเกิดขึ้น ณ จุดใดจุดหนึ่งในอดีต และผมให้ทางเลือก ในการใช้ Present Perfect Tense นั้นเพื่อแสดงว่า คนๆหนึ่งมีประสบการณ์ในการเรียนที่นี่ (อย่าเพิ่งงงน่ะครับ ลองอ่านต่อไป น่าจะดีขึ้น) ทั้งนี้ทั้งนั้นเนื่องจาก การใช้ Past simple ไม่ค่อยจะสร้างปัญหาเท่าไร เราลองมาพิจารณา การใช้ Present Perfect โดยยังใช้นิยามการใช้ตามที่เคยได้ยินทั่วๆ ไป (คือ ใช้เมื่อพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตและยังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน) ถามว่าถ้าผมเคยไปเมืองนอกเมื่อสองปีที่แล้ว เหตุการณ์นี้เป็นอดีตใช่หรือไม่ (ใช่) แล้วประสบการณ์ที่ผมเคยไปยังอยู่หรือไม่ในขณะนี้ (อยู่) อ้าว (ถ้ายังนั้นผมก็ใช้ Present Perfect เพือแสดงถึงประสบการณ์ที่ผมไปเมืองนอกเมื่อสองปีก่อน และประสบการณ์นั้นก็ยังอยู่ ได้ใช่ไม่) ถูกต้องแล้วครับ ใช้ได้ครับ ลองดู ประโยคข้างล่างน่ะครับ

I went to Laos 2 years ago.
I have been to Laos before.

ไม่ทราบว่าจะเข้าใจหรือจะงงมากขึ้น ถามต่อได้เพื่อความกระจ่างน่ะครับ
ขอบคุณคุณpathiwat มากเลยคะ แต่ยังงง อยู่เลย ขอ ผากตัวเป็นศิษย์ด้วยนะค ขอถามต่อนะคะ
4. ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ในอดีตและยังไม่จบในขณะที่พูด จะมีคำว่า ever , never
ever ใช้กับ Question
never ใช้กับ Negative Statement และ Negative Answer
- Have you ever been to America? (Question)
- No, I have never been there. (Neg. Ans.)
- Yes, I have been there .
- I have never palyed ice-skating. (Neg, St.)
ขอเพิ่มเติมจากที่เคยอ่านมานะคะ
ใช้กับเหตุการณ์ในความหมายว่า เคย หรือไม่เคย โดยไม่มีการบ่งบอกเวลาที่แน่นอนของเหตุการณ์ในอดึตว่าเกิดขึ้นเมือไหร่ เพียงแต่บอกช่วงเวลาที่ผ่านมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เราเคยหรือไม่เคยทำอะไรบ้าง หรือ เหตุการณ์ต่างต่างเคยเกิดขึ้นหรือไม่ เคยเกิดขึ้นอย่างไร และถ้าเคยทำหรือเคยเกิดขึ้นมาแล้วก็อาจะเกิดขึ้นอึกในอนาคตหรือปัจจุบันก็ได้ และในทำนองเดียวกันถ้าไม่เคยทำหรือไม่เคยเกิดขึ้นในอดีตก็อาจจะเกิดขึ้นในปัจจุบันหรืออนาคต ก็ได้

Have you ever been there? คุณเคยไปที่นั่นมาไหม ตอนนี้อาจจะไม่เคย แต่ในวันข้างหน้าอาจจะมีโอกาศไปก็ได้ถ้ายังไม่ตายเสียก่อน หรืออาจจะเคยไปแล้วครั้งหนึ่งเป็นประสบการณ์ แต่ก็สามารถไปอีกได้ในอนาคต จีงใช้ precent perfect

I have never thought of going to a thing like that ไม่เคยคิดว่าจะไปที่นั่นเลย และในอนาคตก็ยังจะคิดแบบเดียยกันนี้ต่อไปอีก ซึ่งหมายความว่าความคิดที่ไม่อยากไปนี้ก็ยังคงอยู่ต่อไปจึงใช้ present perfect

I have seen it so many times on TV and I did feel like shouting, yelling, or putting myself on a thread.I เคยเห้นมาหลายครังแล้ว ในอดีต แต่ถ้ายังไม่ตายเสียก่อน ก็ยังมีโอกาสได้เห็นอีก ในอนาคต เหตุการ์ณนี้สามรถุเกิดขึ้นได้อีกจึงใช้ present perfect

I have been to Laos before
เคยไปลาวมาแล้ว ในอดีต อาจจะไป ครังเดียวสองครั้งหรือสามครั้งก็แล้วแต่ ก็ถือว่าเคยไป และก็อาจมีโอกาสไปอีกในอนาคต จึงใช้present perfect

แต่ข้อสี่
4. เฮียพี(ลูกพี่ลูกน้อง)เคยเรียนที่โรงเรียนนี้นะ (คือนั่งรถผ่านโรงเรียนเก่าของหลานชาย)

ในความหมายของข้อนี้ อ้อมเข้าใจว่า เฮียเคยเรียนอยู่ที่นี่ ตอนเป็นเด็ก เช่น ประถมหนึงถึงหก แล้วก็ย้ายไปเรียนที่อื่นแล้ว มันเป็นประสบการณ์ก๊จริงแต่เป้นประสบการณ์ที่จบไปแล้ว แล้วเฮียถึงแม้ว่าจะยังมีชีวิตอยู่ก็คงไม่ได้กลับมาเรียนที่นี่อีกแล้วเพราะโตแล้ว เพราะฉะนันไม่ว่าในอนาคตหรือปัจจุบัน ประสบการ์ณนี้ก็จะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก ดังนันน่าจะใช้ past perfect
your coursin studied at this school. เฮียเรียนที่นี่
your cousin had studied at this school เฮียเคยเรียนที่นี่
your cousin had been studying at this school เฮียเคยเรียนที่นี่มาตลอด

'คือว่าเข้าใจประมาณนี้คะ ผิดหรือเปล่าคะ
ไม่อยากให้เป็นครูเป็นศิษย์ครับ เพราะผมเองก็ยังต้องเรียนรู้อยู่เช่นกัน ขอให้เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง แล้วก็แนะนำกันไปตามสมควรน่ะครับ

ที่คุณอ้อมอธิบายมาก็ถือว่าถูกตามหลักไวยกรณ์ครับ แต่การพิจารณาว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นในอนาคตนั้น ดูจะทำให้เรื่องที่ยุ่งอยู่แล้วกลับยุ่งยากมากขึ้นไปอีก โดยส่วนตัวแล้วผมไม่เคยคิดหรอกครับว่าสิ่งที่เคยเกิดแล้วในอดีตจะเกิดอีกหรือไม่ แต่ผมพิจารณาอย่างนี้น่ะครับ

ถ้ามองที่ตัวเหตุการณ์ แน่นอนว่า เหตุการณ์ที่จบในอดีตไปแล้วก็จบกันไป แต่
ถ้ามองที่ประสบการณ์แล้วล่ะก็จะเห็นได้ว่า ประสบการณ์ที่ได้จากอดีตยังอยู่กับเราเสมอ ดังนั้น นี่เป็นเหตุผลว่า ทำไม เราจึงสามารถใช้ Present Perfect อธิบายถึงสิ่งที่เคยหรือไม่เคยได้ เพราะ การเคยทำหรือไม่เคยทำสิ่งใดนั้นเราสามารถเน้นที่ประสบการณ์แต่ ไม่ได้เน้นที่เหตุการณ์ครับ

ส่วนการ Past Perfect นั้น เท่าที่ผมเห็นผ่านๆ ตามา (ซึ่งก็ไม่มากนัก) จะเห็นใช้คู่กับ Past Simple เพื่อแสดงเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องกัน ในขณะที่ Present Perfect นั้นสามารถใช้เดี่ยวๆ ได้

เหตุการณ์ด้านล่างนี้เป็นตัวอย่างการใช้ Past Perfect น่ะครับ

This happened years ago when I was only about 9. My parents and me left the house early in the morning. I had been reading a comic book until my dad called me to get in the car. Then bla...bla...bla....This city was my first home and I had lived there many years before my parents moved to another city to get a new job.

ไม่ทราบว่าละครขาดๆ เกินๆ เรื่องนี้ พอจะช่วยได้บ้างหรือเปล่าครับ ;)
ขอบคุณคุณมากเลยคะ ได้ความรู้มากมายเลยคะ ช่วยได้เยอะเลยคะ ทำให้เข้าใจมากขึ้น แล้วจะเข้ามาทำให้ปวดหัว เอ๊ย ไม่ใช่เข้ามาขอความรุ้อีกนะคะ อิอิ
เรื่องคำอธิบายเกี่ยวกับ ประโยคที่คุณ rush ตอบเอาไว้นั้น คงต้องออกตัวก่อนว่าผมเองก็ยังต้องศึกษาอีกเยอะ ถ้าตอบออกไปแล้วไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นไปตามความตั้งใจของคุณ rush แล้ว เห็นทีจะไม่เหมาะครับ ยังงัยลองขอความคิดเห็นจากคุณ rush ก่อนน่ะครับ ต้องขอโทษจริงๆ ครับ

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service