เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

ไม่เห็น/ไม่มี/แม่เมื่อย/เบาๆหน่อย/เข้าไปข้างใน/อย่าอยู่ข้างนอก/บอกแม่ซิ/ไปบอกพ่อนะคะ
หมดแล้วใช้All gone ถ้าเป็น เต็มแล้ว/พอแล้ว/ล้นแล้ว ต้องใชอะไรคะ
หาง(ของสัตว์น่ะค่ะ)/สายยางหลุด
อันนี้ตัวอะไร/สีอะไร/อันนี้มีกี่ชิ้น
เท่านี้ก่อนนะคะ ถ้านึกอะไรไม่ออกอีกตะมาถามใหม่นะคะ(คงจะอีกเยอะค่ะ)
แมวร้อง เหมียว เหมียว

Views: 1896

Replies to This Discussion

ไม่เห็น/ I see nothing.

ไม่มี/ I have nothing

แม่เมื่อย/  I am exhausted.

เบาๆหน่อย/  Gently

เข้าไปข้างใน/ Go inside

อย่าอยู่ข้างนอก/  Don't go outside

บอกแม่ซิ/  Tell me

ไปบอกพ่อนะคะ  Tell daddy
หมดแล้วใช้All gone

ถ้าเป็น เต็มแล้ว/  It is full.

พอแล้ว/  Enough

ล้นแล้ว  It is overfull
หาง(ของสัตว์น่ะค่ะ)/  Tail

สายยางหลุด The hose come off
อันนี้ตัวอะไร/  What is it?

สีอะไร/ What colour is it?

อันนี้มีกี่ชิ้น  How many pieces are there?

ขอบคุณนะคะคุณรัชนี ถามเมื่อไรได้คำตอบจากคุณรัชนีทุกครั้งเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
I don't see ไม่เห็น(ในตอนที่พูด) I didn't see ไม่เห็นแล้ว(คือว่าสิ่งที่เราจะดูมันไปเสียแล้ว)
I don't have.... ไม่มี(US) I haven't got ......ไม่มี(UK)
แม่เมื่อยนี้ถ้าใช้ I am exhausted มันประมาณว่า เหนื่อยมากๆ ถ้าเหนื่อยแบบทั้วๆไปก็ I am tired
แต่ถ้าเมื่อย ประมาณว่าปวด น่าจะใช้ I have a sore ....... (back/legs/feet/shoulders/knees)
Quiet please เบาๆหน่อย
Come in please/ come inside please เข้าข้างใน
Don't go out อย่าออกไป(ไม่ว่าจะออกไปไหน) / Don't go outside อย่าออกไปข้างนอก
Can you tell me please บอกแม่ซิ(จะฟังดูน่าฟังและสุภาพกว่าครับ)หรือจะ Could you tell me please.ก็ได้ครับ
Could/Can you tell (to) anybody=dad/mon/he/she/it
หมดแล้วควรใช้แบบนี้ครับ run out of something ถ้าจะบอกว่าน้ำแข็งหมดก็ ran out of ice/snack/rice/.....เพราะถ้าใช้ all gone แล้วจะบอกว่า ขนมหมดแล้วจะพูดแต่ all gone ก็ยังไงอยู่ ก็เหมือนกับคำว่า รถติดเรามักจะพูดว่า traffic jam มันก็ใช้ได้ครับ
แล้วถ้าจะพูดว่า รถไม่ติดล่ะ? Traffic no jam หรือ traffic not jam ฮิต
มาเล่นประโยคแบบนี้ดีกว่าครับ the traffic is bad/the traffic is not bad/the traffic is really bad.
พอแล้ว จะใช้ enough ก็ได้แต่มันจะดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่ครับเอาแบบเท่ๆก็
This will do / this will suffice อันนี้ดีกว่าครับ ประมาณว่าพอแล้วละเพียงพอแล้ว
คำว่าล้นนี้พูดไม่ถูกเลยแต่ถ้า เวลาเทล้นจนหกผมมักพูด it drains ประมาณว่ามันล้นจนไหลบ่าออกมาแล้วอะครับ
ถ้าเติมเกินหรือเกินที่ขีดจำกัดไปแต่ไม่ได้ล้นก็ it overs หรือ overfull อันนี้รอท่านอื่นมาเสริมนะครับ
หางคำนี้ใช้ให้ดีนะครับ เพราะถ้าออกเสียงผิดมันจะได้หลายความหมายเลยทีเดียว
Tail คือ หาง แต่ถ้าออกเสียงเป็น (เทรล) trail มันจะกลายเป็น ทางไปครับ
ถ้าออกเสียง (เทลล์) tale มันจะกลายเป็น นิทาน ต้องระวังการออกเสียงครับ
อันนี้ตัวอะไร ตรงๆก็ what is this? อยากรู้อะไรก็เปลี่ยนแค่คำหลังครับ
What is that? นั่นอะไร/นั้นคืออะไร
What is it? มันเป็นอะไร/มันคืออะไร
What is he/she/.... คือเปลี่ยนประธานที่เราอยากจะทราบไปได้หมดครับ
พอมีรูปประโยค เราก็จะสามารถเล่นคำหรทอสร้างประโยคได้โดยอัตโนมัติ
เช่น What is that? เล่นคำเข้าไปหน่อยก็ what colour is that?
อยากรู้อีกว่ามันคือสีอะไรก็เปลี่ยนตัวประธาน What colour is it?
อยากรู้ว่ารถคันนั้นสีอะไร(เริ่มเอาคำมาใช้เล่น) what colour is that car?
อยากรู้อีกแมวอยู่ไหน(เหมือนเดิม คุณมีหัวรูปแบบประโยคคุณแค่เปลี่บนไส้ไป)
Where is that cat?
เอาอีกเล่นประโยคอีก แมวสีดำอยู่ที่ไหน Where is the black cat?
คุณก็จะได้ประโยคคำถามเพิ่มมาอีกเยอะแยะ
อีกสักตัวอย่าง คุณเป็นใคร who are you? อันนี้ง่าย
ใครคือลุงของคุณ ก็ไม่ยาก who is your uncle?
อันนี้มีกี่อัน
How many (สิ่งที่อยากรู้ นามนับได้) are there?
มี นักเรียนกี่คนในชั้นนี้ก็
How many students are there in this room?
เราจะได้สร้างประโยคได้ครับตอนนี้คุณว่ามันยากเพราะมันยังใหม่อยู่แต่ถ้าคุณใช้บ่อยๆเดี๋ยวก็คล่องตัว
อะเพิ่มเติม จะบอกมีเค้กกี่ชิ้นบนโต๊ะ
How many cakes are there on the table?
ทีลูกชิ้นเนื้อกี่ลูกในก๋วยเตี๋ยวของคุณ
How many meat balls are there in my noodles?
ทำให้คุณแทบไม่ต้องจำอะไรเลยแค่คุณเปลี่ยนคำศัพท์ใส่ไปครับ
เช่น เค้กวันเกิดมีกี่ชิ้น
How many pieces are there that birthday's cake?
ส่วนแมวร้องเหมียวก็ the cats go เหมียว
ถ้าแมวตัวเดียวร้องก็ a cat goes เหมียวๆๆๆๆๆๆๆๆอะไรก็ว่าไปครับ
มาเสริมครับพิมพ์ตกไป
สายยางหลุด คำว่าหลุด come off แต่ถ้าสายบางมันหลุดหรือหลุดไปแล้ว
ต้องพูดว่า the hose came off (v2) ครับ
เหมือนกับเวลาเรามีคนถามว่ากินข้าวยังเราตอบว่ากินแล้ว
แต่ในภาษาอังกฤษมันได้ทำไปแล้วผ่านไปแล้วก็ต้องใช้ V2 ง่ายๆก็
I ate breakfast (ผมกินอาหารเช้าแล้ว)
I took a bath(ผมอาบน้ำแล้ว)
หรือจะพูดแบบ ว่าเพิ่งทำไปก็ I have taken a bath ก็ได้ครับ
การพูดมันอยู่ที่ผู้พูดจะสื่อให้อีกคนเข้าใจโดยมี v เปรียบเสมือนการบอกเวลา
สมมุติคุณจับแมลงได้ เวลาคุณจะสอนลูกพูดคุณจะพูดว่า I catch that bug หรือจะพูดว่า
I caught that bug. เพราะถ้าคุณพูด I catch that bug ฝรั่งจะเข้าใจว่าคุณชอบจับแมลงเป็นกิจวัตรประจำวัน(routines)อะครับ
ตัวอย่างเพิ่ม ผมได้ลูกบอกสีแดง คุณจะพูดไงระหว่าง I get a red ball กับ I got a red ball.
ในเมื่อคุณได้คุณมีมันอยู่แล้วมันต้องพูดโดยใช้กริยาหรือ v2 ครับผม
เพราะถ้าคุณไปพูดแต่ช่องหนึาง(V1) รับรองว่าเด็กจะแยกไม่ออกเวลาที่เขามีหรือได้ทำอะไรไปแล้ว
ลองดูครับ
ขอเสริมครับให้คุณแม่ศึกษาเรื่อง phrase verbs ครับแล้วคุณแม่จะพูดได้ง่ายขึ้นและกลุ่มค่ำพวกนี้ two word verbs หรือ phase verbs
มันคือภาษาอังกฤษที่ฝรั่งจริงๆเขาใช้พูดกับ
คำว่า ask คือ ถาม แต่เมื่อไหรมีคำว่า for ลงไปมันจะกลายเป็น ask for แปลว่า ขอ ครับแปลตามตัวคงต้องแปลว่า ถามเพื่อ?? ใช่ไหมครับ
และนี้ละครับเรื่องนี้คุณแม่จะสามารถสนทนากับลูกได้คล่องขึ้นอะตัวอย่างเพิ่มละกัน
คำว่า break คือ พังหรือทำพัง แต่เมื่อมีคำว่า up จะกลายเป็น break up แปลว่า เลิกกัน หรือ เลิกกับคนรัก
เวลาพูดจะบอกว่า เราเลิกกันแล้วอย่างที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้เลิกกันไปแล้วมันเป็นอดีต
ต้องใช้ V2 จะพูดได้ว่า we broke up คือเราได้เลิกคบไปแล้ว แต่เหมือนเดิมถ้าฝรั้งถามคุณว่า
Where is your girlfriend? แล้วคุณไปตอบว่า we break up ฝรั่งที่มาจากตาน้ำข้าว
เขาจะเข้าใจว่า คุณกับแฟนชอบบอกเลิกกันเป็นกิจวัตรประจำวันเดี๋ยวดีเดี๋ยวเลิกครับ
ในเมื่อเราเตรียมที่จะสอนลูกแล้วก็สอนการพูดที่ถูกต้องไปด้วยเลยครับเด็กๆเขาจะ
ใช้ประสาทสัมผัสแยกเองครับ เหมือนถ้ามีเด็กๆกำลังเล่นฟุตบอล คุณก็พูดบอกไปว่า look! They are playing football.
เด็กไม่รู้ครับว่า playing คืออะไรครับแต่ทุกครั้งที่คุณพาเขาไปดูคนเล่นฟุตบอลเขาจะรู้ว่าอ่อ
ตอนนี้มันกำลัง playing นะแล้วต่อไปเขาก็จะพูด playing ออกมาเองโดยอัตโนมัติเมื่อเขาเห็นอะไรหรือเหตุการณ์กำลังเกิด
ทีนี้เราจะสอนเด็กให้รู้จักเอกพจน์ พหูพจน์ยังไงละตะบอกลูก this is pural อย่างนั้นหรือ
เด็กๆไม่รู้จักครับแต่เราสอนเขาได้ เช่น สุนัขตัวนั้นวิ่งไปในป่า the dog runs into the jungle.
หมาหนึ่งตัว กริยา เติม s คุณแม่ก็แค่ออกเสียง runs ลากเสียงs ไปครับ
จะบอกว่า แม่ทำกับข้าว หรือ หล่อน คนโน่นนั่นนี้ทำกับข้าว ก็ he/she/Mom/Dad cooks for dinner. อะ เห็นไหมครับกริยา(v)เติมs อย่าลืมเน้นออกเสียงให้ชัดครับรับรองว่าเด็กจะเข้าใจโดยธรรมชาติ
จะบอกว่า พวกเราทำอาหาร we cooked for dinner. เห็นไหมครับว่ามันต่างยังไง
ไม่ยากครับรับรองว่าลูกคุณแม่จะพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติและไม่ติดขัด
ตัวอย่าง อีกสักตัวอย่าง break down คือ พังทำพัง จะบอกว่า โทรศัพท์ผมพังก์แค่
My phone broke down.เห็นไหมครับภาษาอังกฤษง่ายจะตายแค่คุณมีคำศัพท์ใส่ๆเข้าไป
My phone broke down last night. / my phone was broken down by my sister/
My phone had broken down since last year. /i have broken down my phone before you will come.
สู้ๆนะครับเป็นกำลังใจให้ภาษาอังกฤษมันยากตอนเริ่ม
แต่มันจะง่ายตอนที่เราฝึกใช้มันทุกวันครับ
อยากฝากบอกนะครับส่วนมากเวลาจะให้กำลังใจเนี่ยอย่าไปพูดแบบนี้นะครับ
Fighting fighting ซึ่งมันจะหมายความว่า การสู้รบการต่อสู้ เอ่อจะให้เขาไปทำสงครามกันเหรอ
ใช้คำนี้ครับ keep walking/keep going/never give up/don't give up
ส่วนพวกคำสแลงนี่ไม่ต้องใช้มันมากครับฝรั่งเขาไม่เอามาพูดสื่อสารกับคนทั่วไปครับ
เขาใช้กันในกลุ่มคนสนิทครับบางคนพ่อแม่สอนแต่คำศัพท์ยากๆผมถามว่าเพื่อ??
ปรกติเราใช้คำนี้บ่อยไหมครับ พุทธศักราช ในชีวิตจริงเราสื่อสารกับคนในครอบครัวบอกวันเดือนปีแล้วตามด้วัยปีนี้พุทธศักราช ไหมครับ
ฝรั่งเองยังใช้คำง่ายๆในการพูดคุยกันเลยครับเราพ่อแม่ไม่จำเป็นต้องมช้คำศัพท์ HI so หรอกครับเอาพื้นที่ละครับ
แค่แยกให้ออกว่าคำไหนเป็นแบบ อเมริกา หรือ อังกฤษ ดีกว่าครับ center/centre หรือ closet/drawer หรือ taxi/cab หรือ got/gotten ดีกว่าครับ
เด็กๆเวลาเขาโตเดี๋ยวเขาดูหนังเขาก็จะเรียนรู้จากหนังเองครับไม่ต้องกลัว
คุณแม่แค่คิดประโยคง่ายๆก็พอแล้วครับไม่ต้องหรูเลิศอลังการครับ
อ่อเน้นการออกเสียงที่ถูกต้องและเคลียด้วยครับ ยกตัวอย่าง water เมกาจะออกเสียงทีเป็นดี วอเดอร์ แต่อังกฤษจะออก โวเตอร์
นี่ละครับสิ่งสำคัญในการสอนที่สำคัญกว่าการสอนศัพท์ยากๆครับ จะมีกี่คนออกเสียงคำว่า diamond ที่แปลว่าเพชรถูก ผมเห็นหลายๆคนออก ไดม่อน ซึ้งมันผิดนะครับ มันต้องออก ไดเมิน อีกสักตัวอย่างละกัน ผมกล้าบอกเลยคนไทยสอนลูกผิดเรื่อง
คำถามเรื่องน้ำหนัก how weight are you? ไม่ได้นะครับ มันต้อง How heavy are you? ครับ
อีกสักคำไหมครับ คำว่า air hostess
Air hostess พนักงานบนเครื่อง แต่พอเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินเราใช้ air ground ถ้าไปบอกว่า
I am air ground. ฝรั่งเขาจะคิดว่าคุณเป็นพวกยิ่งใหญ่ประมาณว่าฟ้าดินควบคุมลมฟ้าอากาศได้หมด
มันต้อง ground staff ครับ เจ้าหน้าที่ภาาคพื้นดิน
พอละครับสงสัยจะมีบางท่านอาจจะเริ่มเบื่อละ
กระผมหวังว่าแนวทางของกระผมจะเป็นประโยชน์ให้กับคุณแม่ได้นะครับ
เพราะบางครั้งผมเข้าใจดีอยากพูดปรัโยคนั่นแต่มันติดขัดมันพูดไม่ออกเพราะเรามันแต่คิดเรียงศัพท์ทุกตัวในภาษาไทยให้เป็นภาษาอังกฤษ
วิํง่ายๆครับศึกษาตามแนวที่ผมว่าแล้วคุณแม่จะร้องอ๋อทำไมง่ายแบบนี้
ขอบคุณนะคะคุณยอดณรงค์ ก้อยจะนำสิ่งที่คุณบอกไปฝึกฝนค่ะจะได้พาทั้งตัวเองและลูกให้เก่งอังกฤษให้ได้ค่ะ

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service