เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย
สวัสดีค่ะ สมาชิกกลุ่มชลบุรีทุกท่าน
มาเขียนกระทู้ให้ความรู้ตามสัญญาค่ะ ขอโทษด้งยที่ล่าช้าไปกว่าสองเดือน เนื่องจากงานที่มากมายและโปรเจคใหม่ที่ยกระดับคุณภาพตัวเองจากแม่ธรรมดาๆ มาเป็น Teacher ที่ต้องเป้นที่ปรึกษาคุณแม่แม่ของสมาชิกใหม่ตัวน้อยๆที่คิดสนุก ฝึกลูกพูดสื่อสารภาษาอังกฤษแบบธรรมชาติ และ ร่วมกับครอบครัวเพื่อวางแผนกับทีมครูมือปราบที่คิดสนุกปราบพยศเจ้าตัวแสบทั้งหลาย ไปด้วย เหนื่อยค่ะ แต่สนุกและรู้สึกท้าทาย
คิดถึงเพื่อนๆที่นี่ แต่จัดเวลาไม่ได้ซักที วันนี้นอนไม่หลับ เลยได้โอกาสแย่งปันความรู้ที่ไปอบรมมาค่ะ
ก่อนอื่นเรามารู้จักแต่ละยุคกันก่อนเอาใกล้ๆตัวนี่แหละค่ะ
ยุคเรา คนที่ทันฟังลิฟท์กับออย ทาทายัง โอ๊ะโอ้ย รุ่นนั้นเราเรียก เจนเนอเรชั่น x ค่ะ
ตอนเด็กๆ เราก็จะทันได้เล่นมาริโอในนินเทนโดกันใช่มั้ยคะ คอมพิวเตอร์ก็เป็น DOS หรือ ไมโครซอฟท์รุ่นต้นๆ
ยุคโฟนลิงค์ แพคลิ๊งค์ นี่อย่างเท่ห์ มือถือหนัก 5 กิโล และไม่รวยจริงซื้อไม่ได้เพราะเครื่องเป็นแสน
การเรียนรู้สมัยนั้น คงไม่พ้น การ์ตูนช่องเก้า อาราเร่ เซเลอร์มูน
การพัฒนาเด็กสมัยนั้นเพ็งตรงไปที่หนังสือนิทาน เทคโนโลยีสมัยนั้นก็คงไม่พ้น รายการเด็กในทีวี เช่นผึ้งน้อย อะไรงี้
ยุคต่อมา ยุควันเดอร์เกิรล์ หรือเด็กมอ สมัยนี้ เราเรียกว่า เจนเนอเรชั่น Y ค่ะ
ยุคนี้เด็กๆเริ่มคลั่งไคล้เกมPlay Station เกมออนไลน์ในคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในการติดต่อสื่อสารข้ามแดนกันกว้างขวางมากขึ้น นี่เองทำให้กระแสการให้ความสำคัญกับการพูดสื่อสารภาษาอังกฤษ โดยจะเห็นธุรกิจการสอนภาษาผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด อีกทั้ง ธุรกิจโทรศัพท์มือถือเจริญรุ่งเรือง
เริ่มมีการพัฒนาสื่อการสอนต่างๆเป็นแบบภาพร้อมเสียง เกมคอมพิวเตอร์ที่สามารถสอนภาษาและมีแบบฝึกหัดพัฒนาทักษะต่างๆมากมายในคอมพิวเตอร์
ยุคนี้ เครื่องมือพัมนาเด็กเล็กเน้นไปที่เกมการศึกษาในคอมพิวเตอร์ Talking Dictionaries
และเด็กยุคใหม่ที่เรากำลังเร่งพัฒนาความเป็นอัจริยะกันอยู่นี่ คือ เจนเนอเรชั่น Z
ยุค สังคมก้มหน้า ยุคอัพเดทแบบReal Time ยุคที่ข่าวสารรวมเร็วอัพเดทกัน นาทีต่อนาที
เด็กๆสนุกสนานกับ ไอแพด ไอโฟน ยุกที่มือถือกลายเป้นปัจจัยที่ 5 ที่ 6 ไปแล้ว คือขาดไม่ได้
ยุคนี้มีหนังสือพูดได้ แอพลิเคชั่นมากมายในมือถือ ยุคที่มือถือทำได้ทุกอย่าง
ยุคที่ผู้คน ความจำและสมองทำงานน้อยมากเพราะ สมาร์ทโฟนแสนฉลาด เป็นเครื่องมือของคนความจำสั้นเพราะ
เราจำไม่ได้แม้แต่เบอร์บ้าน เพราะบันทึกในมือถือไว้หมด เครื่องตกน้ำ หาย ชำรุด หรือ แบตหมด จบ ติดต่อใครไม่ได้เพราะมันจำเบอร์ไม่ได้
ลูกๆเจอหน้าแม่ไม่คุยอะไรกัน นอกจากขอยืมมือถือเพื่อการเล่นเกม
ยุคนี้ มีเคเบิ้ล ฉายการ์ตูนให้ดูทั้งวัน ไม่ต้องรอวันเสาร์หรืออาทิตย์ เปิดปุ๊บ ดูปั๊บ
สิ่งอำนวยความสะดวกที่มาจากการพัฒนาทางเทคโนโลยี ถูกนำใช้อย่างผิดจุดประสงค์ เนื่องจาก เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ทำลายศักยภาพการคิดวิเคราะห์ของสมองมนุษย์ ผู้เสพเทคโนโลยีติดกับดักวัตถุนิยม จะดีกว่ามั้ยถ้าเราจะช่วยกันสอนเด็กยุคนี้ให้ใช้วิจารณญาณในการเลือกเสพเทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาตนเองให้สูงสุด
เริ่มจากทัศนคติค่ะ การคิดอย่างใช้เหตุและผล การควบคุมตนเอง และการมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นในสังคม
เริ่มจากแนวคิดง่ายๆ โดยฝังจิตสำนึกและแนวคิดที่ถูกต้องให้เด็กๆ ได้สังเกต เรียนรู้ที่จะใช้เครื่องมือต่างๆให้เกิดประโยชนต่อการเรียนรู้ และ รับรู้ อะไรคือโทษและประโยชน์จากเทคโนโลยี
เช่น
1. มือถือ มีไว้ทำประโยชน์อะไรได้บ้าง ( นอกจากใช้เล่นเกม อิอิ)
2. การใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม
3. Ipad Tablet มีประโยชน์อย่างไร
4. โทษของการเสพติดเทคโนโลยี
5. การใช้กล้องดิจิตอลในการกระตุ้นการทำงานของสมองทั้งสองซีก ทำอย่างไร
วันนี้เอาหัวข้อคุณพ่อคุรแม่หาคำตอบของตัวเองไว้ แล้วลองถามเด็กๆดูว่า เค้ามีความคิดอย่างไร
แล้วคุณจะรู้ว่าเค้ามีภูมิต้านทานต่อกระแสเทคโนโยีติดเทอร์โบนี้แค่ไหน
ไว้ว่างจะมาอธิบายเพิ่มเติมค่ะ
Tags:
คุณป้อมอย่างทิ้งไปนานนะคะ มาพูดเกริ่นให้เป็นน้ำจิ้ม แล้วก็จากไป อยากรู้ตอนต่อไปแล้วค่ะ
ขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่นำมาแบ่งปันนะคะ
ขอบคุณครูป้อม ที่นำความรู้มาถ่ายทอดให้นะค่ะ จะติดตามตอนต่อไปค่ะ
กลับมาแล้วค่า
สัปดาห์ที่แล้วต้องเตรียมเอกสารให้ผู้ปกครองน้องGroup Homeschool คือเทอมนี้เรามีน้องใหม่ที่เป็นแฟนคลับ เวบเด็กสองภาษา เข้าร่วมกิจกรรมที่ศูนย์การเรียน เป็นน้องเล็ก 2 - 3 ปี เลยต้องนัดพูดคุยเพื่อให้สอดประสานในการร่วมมือระหว่างบ้านและโรงเรียน เพื่อเสริมพัฒนาการทางสมอง บุคลิกภาพ ระเบียบวินัย ปรับกิจกวัตรต่างๆให้เข้าที่เข้าทาง หนึ่งในนั้นมีน้องแมมอธ ที่เคยเข้าร่วมประชุมเมื่อครั้งที่เรานัดกันที่ตึกของป้อมหลังเซ็นทรัล ตอนนี้งานเยอะมาก ต้องจัดทำหลักสูตรเฉพาะของเรา ยื่นขอใบอนุญาติให้ถูกต้อง ซึ่งก็ไม่ง่ายเลย
นอกจากความซับซ้อน ยุ่งยากของเอกสารที่ต้องเตรียมแถมมันช่างมากมาย สงสัยเหมือนกันว่าเค้าจะอ่านของเรามั้ย อิอิ
และก็ยังมีเรื่องของความยากเย็นในการปรับหลักสูตรที่ีแสนล้าสมัย ให้มันมาเป็นทางสายกลางที่สมดุลย์กับหลักสูตรแคนาดาซึ่งทันสมัยและเหมาะกับเด็กยุคดิจิตอลจริงๆ ซึ่งสิ่งที่เราเลือกเป็นต้นแบบแตกต่างจากแกนกลางแบบมากๆๆๆๆ ซึ่งก็ต้องเขียนขึ้นมาใหม่ เสร็จแล้ว แต่ก็ยังต้องแก้นั่น แก้นี่ เหนื่อยแต่สู้ค่ะ นึกถึงหน้าเด็กๆแล้วมันฮึด พลังมาล้นหลาม คิดว่าถ้าเราถอดใจซักคน ครอบครัวที่เค้าเชื่อใจ ฝากลูกไว้ในมือเรา พวกเค้าคงผิดหวัง เพราะเรารับปากกับพ่อแม่เค้าแล้ว ว่าเราไม่ได้รับฝากเลี้ยงให้โตไปวันๆ แต่ทุกองค์ประกอบที่จะพัฒนาเด็กๆให้สมบูรณ์พร้อม เราใส่ใจทุกรายละเอียด บางครั้งถามซอกแซกจนเราอีก ก็กลัวพ่อแม่เค้าจะรำคาญ แต่มันจำเป็นมาก สำหรับการพัฒนาเด็กที่อยู่ในวัยปฐมวัย ไม่ใช่อนุบาลอย่างเดียวนะคะ แต่หมายถึง 10 ปีแรกของชีวิตที่ต้องต่อเนื่องและต้องสมดุลย์ค่ะ
งั้นมาเข้าเรื่องกันเลยค่ะ
การอบรมเลี้ยงดูลูกในยุคดิจิติอลนั้น ความจริงก็ไม่แตกต่างกันหรอกค่ะ จากยุคอื่นๆ การเปิดโอกาสให้ลูกลองอะไรใหม่ๆ ยังเป็นเรื่องที่จำเป็นต่อการพัฒนาสมอง แต่การกำหนดเงื่อนไขไว้ก่อนนั้น สำคัญมากเช่นกัน เรียกว่าเป็นเทคนิคไม้ตาย ในการแก้ปัญหาเมื่อเราต้องการให้เค้าหยุด เพราะฉนั้น ก่อนการให้เค้าเริ่มเล่น
ต่อพรุ่งนี้นะคะ งานเข้าอีกแระ
ต่อนะคะ
ก่อนให้ลูกได้เริ่มเล่นอุปกรณืไฮเทคทุกอย่าง ควรทำข้อตกลงกันซะก่อน อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละครอบครัวว่ามีข้อกำหนดอย่างไร
เริ่มจากอุปกรณ์ง่ายๆก่อนค่ะ เช่น
1. TV. , DVD , CD แนะวิธีเปิดปิด อันนี้ง่าย เพราะเป็นอุปกรณ์พื้นฐานในครอบครัว แต่ต้องกำหนด อย่างบ้านป้อม เด็กๆเปิดทุกอย่างเป็น แต่ก่อนจะเปิดก็ต้องบอกแม่หรือบอกพ่อก่อน เหมือนการขออนุญาตกลายๆค่ะ คือ ต้องบอกให้ทราบก่อนว่า จะดูอะไร จะทำอะไร และหากแม่ไม่อนุญาตก็ต้องไม่ร้องไห้คร่ำครวญ ต่อต้าน เพราะนั่นคือการบอกเพื่อสั่งให้แม่อนุญาต ไม่ใช่การขอ จริงมั้ยคะ ความสำคัญของตัวเราในสายตาเด็กๆ อยู่ที่เราสร้างให้เป็นค่ะ จะเป็นคนรับใช้ จะเป็นนางฟ้า จะเป็นนางยักษ์ หรือจะเป็น กระจก ส่วนป้อม ภาพพจน์ที่สร้างใส่สมองลูกไว้ตั้งแต่เด็ก คือกระจกค่ะ ถ้าเค้าทำตัวดี เราก็ดีด้วย ถ้าเค้าเกเร เราก็เกเรด้วย ถ้าเค้าร้าย เราก็มึนตึงใส่ แสดงให้เห็นแบบตรงไปตรงมาไปเลย ว่าเรารู้สึกอย่างไรในสิ่งที่เค้ากระทำกับเรา แต่สิ่งที่พยายามคุมไว้คือความก้าวร้าวรุนแรงของตัวเอง คือแค่ทำท่าส่งสัญญาณให้เค้ารู้ว่าเราไม่พอใจก็พอแล้วค่ะ ไม่ต้อง ถึงกับ ต้องตีกันทุกครั้งที่อยากให้เค้าหยุดดู จำไว้ค่ะ ถ้าเราทำให้ลูกทำตามกฎไม่ได้ ไม่ใช่โทษลูก แต่ต้องแก้ที่ตัวเรา ว่าที่ผ่านมาเราเองเคารพกฎหรือไม่ แล้วแก้ที่ตัวเองค่ะ เด็กๆเค้าก็แค่ ทำตามที่เราทำ เท่านั้นเอง
2. ,Smart Phone การใช้โทรศัพท์ของเด็กๆ ส่วนใหญ่เล่นเกมค่ะ คุณควรเล่นด้วยกับลูก ไม่ใช่เล่นเกมนะคะ เล่นโทรศัพท์ค่ะ มือถือสมัยนี้ ออฟชั่นเยอะมาก มีแอพมากมาย เราควรเล่นสนุกไปกับลูกเช่น โปรแกรมแต่งภาพต่างๆ เป็นการสอนให้เค้ารู้ว่าภาพๆเดียวเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบเช่น โปรแกรม 360 องศา หรือ โปรแกรมที่ให้เราตกแต่งกรอบรูป คือมันคือการฝึกจินตนาการให้เด็กๆ สร้างสรรค์อะไรที่ตลกๆ เค้าจะตื่นเต้นและสมองเปิดกว้างค่ะ
การสอนให้เค้าใช้มือถือ ถ่ายรูปต่างๆ แล้วเอามานั่งดูด้วยกัน กระตุ้นเค้าให้เล่าว่าทำไมถ่ายภาพนี้ เพื่อกระตุ้นให้เค้าช่างสังเกต รู้จักตนเอง เปิดจินตนาการค่ะ
** สำหรับการเล่นเกมของเด็กนั้น ควรกำหนดเวลาอย่างยิ่ง เพราะว่า ทักษะที่เค้าได้จากการเล่นเกมนั้น เป้น sensory skill คือทักษะของนกพิราบ การใช้สายตากวาดไปมาเพื่อเล่นให้ชนะ อันนี้หมายถึงเกมส่วนใหญ่นะคะ บางเกมก็เหมาะให้เด็กๆเล่น ความหมายคือเล่นได้ ไม่ใช่เอามาไว้ให้เล่นเพื่อเรียนรู้หลัก ถึงเค้าจะมีหลักวิชาการมานำเสนอก็เถอะ ระยะเวลาที่เค้าจ้องโทรศัพท์ส่งผลเสียมากกว่า แล้วเราจะให้เค้าเล่นเพื่อพัฒนาความรู้ จากแต่เครื่องมือพวกนี้มากมายทำไมในเมื่อยังมีกิจกรรมอื่นที่ทำให้เค้าได้ฝึกประสบการณ์ ยกตัวอย่างนะคะ
เกมทำขนมเค้ก ลูกป้อมชอบเล่นมาก เราเลยชวนเค้ามาทำจริงๆด้วยกัน ฝึกชั่ง ตวง วัด แรกๆก็บ่น ทำไมไม่ง่ายเหมือนเกม เราก็ได้โอกาสสอนว่า ชีวิตจริงมันก็ต้องไม่เหมือนเกม คนที่เอาแต่เล่นจากเกม ก็จะคิดว่าทุกอย่างมันง่ายไปหมด ไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆให้มันเหนื่อย อีกอย่าง ปลายนิ้วมื้อ นิ้วเท้า ยิ่งมีการเคลื่อนไหวมากเท่าไหร่ ปลายประสาทในสมองก็สปาร์คไฟ กันปรู๊ดปร๊าด การเล่นมือถือ แค่ใช้นิ้วจิ้มๆ เต็มที่ก็ปลายนิ้วชี้ที่ได้กระตุ้น คิดดูสิคะ ว่าน้อยไปมั้ยเอ่ย
คราวหน้ามาต่อด้วย ipad และกล้องดิจดตอลกันค่ะ ว่าเราจะใช้มันเสริมพัฒนาการเด็กๆกันอย่างไร ไว้เจอกันค่ะ
ขอตัวไปทำงานก่อน เด็กๆนักเรียนรออยู่ เช้านี้เรามีนัดทำ Circle Time " กอดกัน เช้าวันจันทร์ เพราะว่าฉัน คิดถึงเธอ"
สวัสดีค่ะทุกคน
ขอบคุณค่ะครูป้อม มีประโยชน์มากๆ ค่ะ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นจริงๆ จะนำไปปรับใช้กับลิงน้อยที่บ้านค่ะ
คุณครูป้อมทำงานทุ่มเทให้กับเด็ก ๆ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเข้าใจความรู้สึกของเด็ก ๆ ของแต่ละคนว่าแต่วันสภาพจิตใจเขาเป็นอย่างไร
ทำให้เด็ก ๆ สามารถรับรู้อะไรได้ดีและเร็วยิ่งขึ้น ต้องขอบคุณมาก ๆๆๆๆๆ เลยค่ะสำหรับการเสียสละและเอื้อเฟื้อ ๆ หลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่งทำให้ผู้ปกครองมีความสุขและสบายใจมาก
แนวคิดเด็กสองภาษากับระบบโฮมสคูลสอดคล้องกันมากค่ะ อยากชวนเพื่อน ๆ ในกลุ่มสองภาษามาเป็นเพื่อนกับน้องแมมมอธกันเยอะ ๆ ค่ะ
แต่ว่าครูป้อมกับทีมครูจะรับไหวมั้ยเนี่ย สู้ ๆ นะคะคุณครูป้อมปราบของเด็กๆ
ขอบคุณมัมขาวของน้องแมมมอธ มากๆค่ะ
© 2024 Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก. Powered by