เว็บเด็กสองภาษาทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย ตอนนี้มีอะไรใหม่ๆเพิ่มครับ
กลุ้มใจมากค่ะว่าจะตัดสินใจเลือกอย่างไหนดี ใครพอจะมีคำแนะนำ หรือประสบการณ์บางค่ะ
ตอนนี้น้องสองเดือนค่ะ ถ้าจะกลับไปทำงานก็ต้องกลับไปสิ้นเดือนนี้แล้วค่ะ
Tags:
อันนี้ต้องขึ้นอยู่กับอะไรหลายๆอย่างไม่สามารถตัดสินใจให้ได้คะ
ส่วนตัวแล้วถ้าสามารถทำได้ก็อยากให้เลี้ยงเองคะเพราะเวลาที่ผ่านไปแล้วไม่สามารถย้อนกลับได้
ดิฉันมีลูก 2 คนคนโตส่งไปให้ยายเลี้ยงนิสัยใจคอจะเป็นอย่างคนเลี้ยงตากับยายเลี้ยงตามใจจนเด็กไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลยคะ
ตั้งแต่หาข้าวกินเอง จัดตารางเรียนไม่ได้ เปิดดิกที่เป็นเล่มไม่เป็นผูกเชือกรองเท้าก็ไม่ได้ ตอนนี้ 12 ปีผ่านไป
พอมีคนที่ 2 ก็เลยตัดสินใจลาออกจากงานแล้วเลี้ยงเองคะ ตอนแรกก็คิดนานเหมือนกันหลายอย่าง
หลายเรื่องให้กังวลแต่เมื่อตัดสินใจแล้วอะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด เมื่อถึงเวลามันก็จะเป็นไปได้เองคะ
เมื่อแรกคลอดน้องแอนก็อยากลาออกเหมือนกันค่ะ แต่เลือกที่จะทำงานค่ะ่ เสียดายรายได้ ปล่อยเวลาผ่านไปปีครึ่ง สุดท้ายก็ต้องตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อมาเลี้ยงลูกเอง
คนเลี้ยงเป็นญาติสามี ดูแลดีค่ะ อยากนอนก็นอน อยากกินก็กิน อยากดูหนังการตูน ก็ดูเลยลูก ดูแล้วน่าจะดีนะค่ะ แต่...ผลที่ตามมาคือ จะ 2 ขวบแล้วเธอไม่พูด พูดช้าค่ะ นอนตามคนเลี้ยงคือ เช้ามาตื่น10-11โมง นอนกลางวัน 5 โมงเย็น ตื่น 1- 2 ทุ่ม ตี 1-2 ยังไม่ยอมนอน พอกลับจากทำงาน นีกับสามีเลี้ยงต่อ เช้าก็ต้องไปทำงาน โอ๊ย เพลียสุดๆ เคยบอกให้นอนตื่นเช้ากว่านี้ คนเลี้ยงทำไม่ได้ค่ะ กินแต่ขนม ลูกอม ซูกัส คนเลี้ยงให้ทาน ไม่ห้าม
แต่สุดท้ายสามีทนไม่ไหว ขอให้เราออกจากงาน สามีบอกว่า"ทำงานหาเงินมากๆ แต่สมองลูกไม่พัฒนา เอาป่ะ"
ถ้ายังไม่อยากออกจากงานตอนนี้ แล้วมีคนเลี้ยงน้องไหมค่ะ ถ้ามีก็ลองให้เลี้ยงดูซักระยะ จะได้ไม่ต้องกดดันตัวเองด้วย แต่ละคนเจอปัญหาไม่เหมือนกันค่ะ
Permalink Reply by คุณแม่น้องอิ่ม & เอม on February 16, 2011 at 4:57pm แต่ละครอบครัวมีเงื่อนไขแตกต่างกันค่ะ หลักๆ ก็จะเป็นเรื่องเวลา สภาพคล่องของการเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย คนในครอบครัวน่าจะให้คำตอบได้ดีที่สุดค่ะ แต่ไม่ว่าจะทางไหน เมื่อถึงเวลาเราก็จะผ่านมันไปได้เองค่ะ ส่วนตัวก็เคยมีความคิดแบบนี้เหมือนกัน เพราะรู้สึกว่ามันเหนื่อยมากกกกก อดนอน กินข้าวไม่เป็นเวลา ไหนจะเรื่องที่บ้าน ที่ทำงาน สารพัดเรื่อง แต่เราก็ผ่านมาได้ จนตอนนี้ลูกคนเล็กจะเข้าโรงเรียนแล้ว ก็ได้กำลังใจจากคนในครอบครัวค่ะ สุดท้ายมันก็ต้องผ่านไปจนได้.... ค่อยๆ คิดค่ะ ลองชั่งน้ำหนักดู
แล้วตอนนั้นตัดสินใจอย่างไรไปค่ะ ตอนนี้ยังกลุ้มใจอยู่เลยค่ะ
Permalink Reply by คุณแม่น้องอิ่ม & เอม on February 17, 2011 at 11:30am ตัดสินทำงานต่อค่ะ ไม่ได้ออกจากงาน (ยอมรับค่ะว่าคิดอยู่เป็นเดือน) ทำงานมา 9 ปีแล้ว จะออกก็เสียดายโอกาส (เพื่อนร่วมงานก็ดี คอยให้กำลังใจกัน) อีกอย่างแม่เราเองก็ช่วยดูแลลูกให้ด้วยช่วงที่เราไปทำงาน ก็เลยลดความกังวลเรื่องลูกไปได้เยอะ พอกลับมาเรากับสามีก็ช่วยกันเลี้ยงต่อ ถึงวันนี้ พอมองย้อนกลับไปก็รู้สึกว่า เออ...เราก็ผ่านมาด้วยดีได้แฮะ ทั้งเรื่องที่ทำงานและที่บ้าน ตอนนี้ลูกคนเล็กขวบกว่าแล้ว ไม่เหนื่อยเหมือนช่วงแรกๆ ค่ะ ครอบครัวและลูกที่น่ารักนี่แหละค่ะที่เป็นกำลังใจให้เรา
หากเลือกทำงานต่อก็ต้องสู้ ต้องอดทนค่ะ จัดเวลาให้ดี ปรับตัวให้ได้ และต้องพร้อมรับมือกับปัญหา อย่าท้อ ปัญหาทุกอย่างมีทางออก ค่อยๆ คิดค่ะ อาจจะลองกลับไปทำงานดูก่อนสักเดือน สองเดือน หากลองแล้วไม่ไหวจริงๆ ก็ออกมาเลี้ยงลูกก็ยังไม่สายค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
แต่ละครอบครัวมีปัจจัยและเงื่อนไขแตกต่างกันไปนะคะ อยากให้คุณแม่ปรึกษาสมาชิกในครอบครัวก่อนแล้วลองเอากระดาษมาจดดูว่าแต่ละหนทางที่เลือกมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันอย่างไรบ้าง แล้วชั่งน้ำหนักเอา เลือกในทางที่เราตัดสินใจไปแล้วเกิดความรู้สึกที่ดีมากที่สุด...
ไม่ว่าจะเลือกทางไหน อย่าเสียใจกับทางที่เลือกหรือเสียดายกับทางที่ไม่ได้เลือก ทำตามทางที่เลือกอย่างมีความสุข เป็นกำลังใจให้นะคะ
Permalink Reply by พลอยชมพู on February 16, 2011 at 8:01pm หากคิดว่าสามีทำงานคนเดียวแล้วเพียงพอกับค่าใช้จ่ายในบ้าน ก็น่าจะออกงานมาเลี้ยงลูกสักพักนะคะ
ช่วงวัยทารกจนถึงเข้าอนุบาลนี้ เป็นช่วงที่น่าจดจำสำหรับพ่อแม่มากๆ ลูกจะโตเร็วและมีพัฒนาการเร็วมาก
หากไม่ได้เลี้ยงลูกเองก็น่าเสียดายเหมือนกันค่ะ
หากเศรษฐกิจในบ้านติดขัดเล็กๆ น้อยๆ หากสามีทำงานคนเดียว คุณแม่ก็อาจจะหาอาชีพเสริม
ค้าขายบนอินเตอร์เน็ตเวลาว่างๆ
หรือหากมีความสามารถพิเศษ เช่น การแปล การพิมพ์ รับจ้างทำงานอยู่บ้านเลี้ยงลูกไปด้วยสบายเลยค่ะ
พอลูกโตเข้าอนุบาล แล้วค่อยมาคิดอีกที ว่าจะกลับไปทำงาน หรือทำอะไรต่อไปค่ะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ เข้าใจค่ะว่าตอนนี้กำลังสับสนวุ่นวาย
แต่ ส่วนตัวตอนนั้นก็ทำงานค่ะ แล้วก็ตัดสินใจลาออก มาเลี้ยงลูกนะค่ะ
เพราะช่วงเวลาสำคัญของลูกไม่สามารถย้อนกลับมาได้อีกนะค่ะ
รื่องสำคัญพื้นฐานที่คุณพ่อคุณแม่แต่ละครอบครัวน่าจะต้องทำความเข้าใจก่อนในการเลี้ยงลูกในความเห็นผมคืออย่างนี้นะครับ
1.พ่อกับแม่หรือคนใดคนหนึ่งถ้าจะดูแลลูกได้อย่าง(เกือบ)สมบูรณ์ในศตวรรษที่ 21 นี้จะต้องมีเรื่องที่เกี่ยวพันกันอยู่สี่ห้าข้อ.
1.1 ความรักที่มีต่อลูก ข้อนี้ขาดไม่ได้เลย.
1.2 เงิน ( อันนี้ฟังดูรุนแรงหน่อยแต่ขอไม่ใช้คำว่ารายได้หรือสินทรัพย์อะไรประมาณนั้นนะครับเพราะเงินหรือสตางค์ค่อนข้างชัดเจนกว่า และ มักเป็นพี่เป็นน้องกับความรักที่มีต่อลูกเสมอ)
1.3 เวลา นี่ก็ไม่ค่อยลงรอยกับข้อ 2 สักเท่าไหร่แต่มีความสำคัญอย่างมาก ส่วนใหญ่จะยุ่งยากในการจัดความสำคัญให้กับข้อ 2 คือ เงินกับข้อ 3 เวลา นี่ละครับไม่รู้ว่าอะไรมาก่อนกัน.
1.4 ความรู้เรื่องเด็ก และพัฒนาการเด็กรวมทั้งเรื่องของนวัตกรรมทางการศึกษาศตวรรษที่ 21นี้ สมัยก่อนไม่ค่อยแน่ใจนะครับแต่ สำหรับสมัยนี้เรื่องนี้จัดว่าสำคัญเอามากๆแบบว่าไม่แพ้ข้อ 1 ข้อ 2 ข้อ 3 เลยทีเดียว.
1.5 ความเสียสละ หมายความว่าคุณแม่ต้องยอมทิ้งความต้องการในชีวิตส่วนตัวของคุณแม่บางอย่างบางเวลาหรืออาจจะหลายอย่างหลายเวลาเพื่อชีวิตลูก (เพื่อชีวิตลูกนะครับไม่ใช่เพื่อความต้องการของเราที่มีต่อลูก)
2.ต้องรู้ว่าสมองเด็กจะทำงานเจริญเติบโตถึงขีดสุดคือ 7ขวบหลังจากนั้นการเชื่อมต่อปลายประสาทจะทำงานช้าลงช้าลงเรื่อยๆตามอายุที่ มากขึ้นและการหล่อแบบบุคลิคภาพก็จะเสร็จสมบูรณ์ประมาณเมื่อเด็กอายุ 13 ปี(เด็กผู้ชายจะได้แบบอย่างจากคุณพ่อโดยมีอิทธิพลมาก ที่สุดคือช่วง 6 ถึง 13 ปี:ขอโทษที่ไม่ได้เขียนข้อมูลอ้างอิงเพราะตอนนี้ตี 3 แล้ว)และที่พลาดไม่ได้เลยคือเป็นเรื่องจริงที่ว่า 0 ถึง 3 ขวบ เป็นช่วงที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ในการเรียนรู้ที่จะอยู่ในโลกใบนี้.
หลังจากตรวจสอบดูแลทุกข้มูลแล้วคุณแม่ลองคำนวณด้วยการที่เอาคำว่าได้อย่างเสียอย่างมาคูณก็จะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการครับ ส่วนตัวผมขอให้กำลังใจคุณแม่ด้วยอีกคนนะครับ.
© 2025 Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.
Powered by