เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

พอดีน้องซีเคอายุ 6 เดือนแล้ว คุณย่าบอกว่าให้ไปหารถหัดเดินมาให้ลูกซะ ลูกจะได้เดินได้เร็วขึ้น และจะได้ไม่ต้องเหนื่อยอุ้มด้วย เลยมีความคิดที่จะซื้อรถหัดเดินให้น้อง เข้าไป search ใน google หาคำว่า "รถหัดเดิน" เลยได้ข้อมูลมาเพียบเลยว่า มันอันตรายมากนะ ที่สำคัญ รถหัดเดินไม่ได้ช่วยให้ลูกคุณเดินได้เร็วขึ้น แต่กลับช้าลง เลยตัดสินใจเด็ดขาดเลยค่ะ ว่าไม่ซื้อเด็ดขาด คุณย่าจะว่าอย่างไรก็ช่าง ไม่สนค่ะ เลยเก็บข้อมูลมาฝากเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มีลูกวัยหัดเดินเหมือนกัน ลองอ่านดูนะคะ


กุมารแพทย์สหรัฐฯ แนะเลิกใช้รถหัดเดินสำหรับเด็ก

สมาคมกุมารแพทย์สหรัฐฯ ประกาศเตือนบรรดาผู้ปกครองให้เลิกใช้รถหัดเดินสำหรับเด็กเป็นการถาวร

โดยระบุว่า รถหัดเดิน (Baby walker) ก่อให้เกิดความเสี่ยงในอันที่เด็กจะได้รับ บาดเจ็บ จนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ถึงแม้ว่าบริษัทผู้ผลิตได้พยายามออกแบบรถหัดเดินใหม่ เพื่อป้องกันรถหัด เดินล้มคว่ำหรือเด็กไถรถหัดเดินจนตกบันได ยิ่งไปกว่านั้น ทางสมาคมกุมารแพทย์สหรัฐฯ ระบุว่า ยังไม่มีหลักฐานประกอบแน่ชัดที่รับรองว่า รถหัดเดินมีประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กอย่างแท้จริง

ดร.แกรี่ สมิทธิ์ หนึ่งในสมาชิกสมาคมกุมารแพทย์เปิดเผยว่า ขณะนี้กุมาร แพทย์ทุกคนยังคงเดินหน้าเตือนพ่อแม่ผู้ปกครองถึงอันตรายจากรถหัดเดิน เพราะเป็นเวลาหลายปีแล้วที่เห็น เด็กได้รับบาดเจ็บสาเหตุเนื่องมาจากรถหัดเดินดังกล่าว จากการศึกษาพบว่า พ่อแม่ร้อยละ 55 - 92ให้ลูกใช้ รถหัดเดิน และส่วนมากเด็กจะอยู่ในวัยระหว่าง 5 - 15 เดือน

ปี 1996 ทางองค์กรตรวจสอบประสิทธิภาพเครื่องอุปโภคต่างๆของสหรัฐฯ ได้ออกหนังสือทบทวนมาตรฐาน ของรถหัดเดินสำหรับเด็ก โดยหลังเดือนกค. 1997เป็นต้นไป บริษัทผู้ผลิตรถหัดเดินต้องประกอบรถหัดเดิน ทุกคันให้มีฐานล้อกว้างอย่างน้อย 36 นิ้ว กว้างพอที่จะป้องกันเด็กไถรถหัดเดินลอดผ่านประตูทั่วไปออกไปได้ หรือมิฉะนั้นต้องมีระบบเบรคอัตโนมัติให้รถหัดเดินหยุดกระทันหัน ถ้าล้อหนึ่งหรือสองข้างอยู่ริมขอบขั้นบันได

ช่วงปี 1995 เป็นต้นมา มีของเล่นเด็กอีกชนิดหนึ่ง เรียกว่า Activity Centre เป็นอุปกรณ์ที่คล้ายรถหัดเดิน แต่ว่าเคลื่อนที่ไม่ได้ ต้องตั้งอยู่กับที่ เด็กสามารถเล่นอยู่ในนั้นได้ ไม่ว่าจะหมุนตัว กระโดด ไขว่คว้าของเล่นกรุ๋งกริ๋งที่ติดตั้งอยู่ในนั้น โยกหน้าโยกหลังได้ อุปกรณ์นี้สร้างความสนุกสนานให้เด็ก และทำให้เด็กแอคทีฟโดยไม่ต้องเสี่ยงกับการเคลื่อนที่โดยเด็กไม่สามารถควบคุมความเร็วได้

ดร.สมิทธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการบาดเจ็บแห่งรพ.เด็กในเมืองโคลัมบัส อเมริกา เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าจำนวนตัวเลขที่เด็กบาดเจ็บโดยสาเหตุเนื่องจากรถหัดเดินจะลดน้อยลงแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจ วางใจได้ในการให้เด็กใช้รถหัดเดินต่อไป

ในปี 1995 ตัวเลขของเด็กอายุต่ำกว่า 15 เดือนได้รับอุบัติเหตุจากรถหัดเดินมีจำนวน 20,100 ราย ในปี 1999 มีเด็กบาดเจ็บจำนวน 8,800 ราย ซึ่งลดลงถึงร้อยละ 56 แต่การลดจำนวนลงนี้อาจมีสาเหตุมาจากพ่อแม่หันมาใช้ Activity Centre มากขึ้นก็ได้และรถหัดเดินเองได้รับการออกแบบใหม่ให้ปลอดภัยขึ้น

อย่างไรก็ตามในปี 1999 มีรายงานจากวารสารกุมารแพทย์สาขาพัฒนาการและ พฤติกรรมของเด็กยืนยันถึงการที่กุมารแพทย์หลายรายมีข้อสงสัยว่ารถหัดเดินมีผลดีต่อพัฒนาการเด็กจริงหรือไม่ คณะนักวิจัยพบว่า รถหัดเดินไม่ได้ช่วยเด็กหัดเดินหรือเดินได้เร็วขึ้น แต่กลับทำให้พัฒนาการโดยทั่วไปของเด็ก ช้าลงเสียด้วยซ้ำ นอกจากนั้นมีหลักฐานแน่ชัดยืนยันว่า อุปกรณ์ชิ้นนี้ทำให้เด็กเคลื่อนที่เร็วเกินกว่าที่เด็กจะควบคุม ได้ทัน โดยพบว่าเด็กไถรถหัดเดินได้เร็วถึง 4 ฟุตต่อ 1วินาทีทีเดียว

คุณหมอแกรี่ สมิทธิ์ เปิดเผยต่อไปว่า เมื่อพ่อแม่พาลูกที่ได้รับบาดเจ็บมาหาหมอมัก จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่น่าเชื่อว่าลูกจะได้รับบาดเจ็บ ทั้งๆ ที่นั่งดูลูกเล่นไถรถหัดเดินอยู่ตรงหน้าแท้ๆ และ ไม่สามารถช่วยลูกได้ทันท่วงทีเมื่อรถหัดเดินล้มคว่ำหรือพลิกตกบันได ทางรพ.ดังกล่าวได้สำรวจอุบัติเหตุจากรถ หัดเดินจำนวน 271 ราย ระหว่างปี 1993 - 1996 พบว่า ร้อยละ 78 ของอุบัติเหตุเหล่านี้ เกิดขึ้นขณะอยู่ในสาย ตาของผู้ใหญ่ตลอดเวลา

ดังนั้น จึงมีข้อพึงตระหนักเกี่ยวกับปัญหาของการใช้รถหัดเดินเหล่านี้ว่า:-

การที่เด็กนั่งรถหัดเดินทำให้ยกตัวเด็กสูงขึ้นจากพื้น ดังนั้นโอกาสที่เด็กจะคว้า หรือหยิบฉวยข้าวของ ให้หล่นจากโต๊ะโดยไม่ตั้งใจจึงเป็นไปได้ง่ายและอาจเกิดอันตรายด้วย เช่น ถ้วยกาแฟร้อน, สายไฟจากปลั๊กกา ต้มน้ำฯ ซึ่งรถหัดเดินรุ่นใหม่ ยังไม่มีการออกแบบเพื่อป้องกันอุบัติเหตุเหล่านี้ไม่ให้เกิดขึ้นได้
ประตูห้อง หรือประตูบ้านบางแห่งยังกว้างเกิน 36 นิ้ว ซึ่งไม่อาจป้องกันไม่ให้เด็กไถรถหัดเดินออกนอก ประตูไปโดยไม่ตั้งใจ
บางรายอาจได้รับรถหัดเดินมาจากญาติพี่น้อง หรือเพื่อนฝูงที่เก็บไว้นานแล้ว และนำมาให้ลูกนั่งโดย ไม่คำนึงว่า รถหัดเดินรุ่นเก่าๆ นั้นไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยเหมือนรุ่นปัจจุบัน


คำแนะนำบางประการที่อาจเป็นประโยชน์แก่พ่อแม่ผู้ปกครองทั่วไป

กำจัดรถหัดเดินไปเสีย อย่าเสียดายเลยถ้าเทียบกับความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุแก่ลูกน้อย ไม่ต้องยกให้คน อื่น หรือเอาไปขายต่อ เพราะคนอื่นอาจนำไปให้เด็กนั่ง และเกิดอุบัติเหตุแก่เด็กได้
แต่ถ้ายังยืนยันที่จะให้ลูกเล่นรถหัดเดินต่อไป ก็เลือกซื้อรถหัดเดินรุ่นล่าสุด และศึกษาอุปกรณ์ของรถหัด เดินว่าออกแบบมาได้มาตรฐานความปลอดภัย เหมาะแก่การใช้ในบ้านของเราหรือไม่
หันมาให้ลูกเล่น อุปกรณ์ที่คล้ายรถหัดเดิน แต่เคลื่อนที่ไม่ได้จะดีกว่า เช่น Activity centre จะ ปลอดภัยกว่า เพราะไม่มีล้อ
ถ้าปล่อยลูกไว้ให้คนอื่นดูแล เช่นพี่เลี้ยง หรือญาติพี่น้อง ควรบอกให้ทราบว่า ไม่ให้ลูกนั่งรถหัดเดิน

http://www.thaiparents.com/news094.html

http://www.thaihealth.or.th/node/9474

Views: 200

Reply to This

Replies to This Discussion

จากประสบการณ์ตัวเอง จากการใช้รถหัดเดินให้ลูก
แรกๆก็ไม่คิดจะซื้อมาให้ลูกนั่ง เพราะมีความคิด และอ่านจากอินเตอร์เน็ตมามากต่อมากแล้ว
หลายท่านบอกว่าอันตราย ไม่สมควรซื้อให้ลูกได้เล่น หรือคล้ายกับข้อมูลข้างต้นด้านบน
แต่ในที่สุดก็ต้องซื้อมาเนื่องจากเราต้องทำงานบ้านด้วย ลูกอยู่ในวัยคลานอยากรู้อยากลอง
ตอนนั้นน่าจะหกเดือนได้ที่ให้ใช้
แต่ก็ระมัดระวัง ทำตามคำแนะนำที่ฉลากติดไว้ข้างรถหัดเดินว่าอาจก่อให้เกิดอันตรายได้
ต้องดูอยู่ใกล้ชิด และไม่แนะนำสำหรับบ้านที่เป็นบ้านต่างระดับ หรือพื้นขรุขระ เพราะนั้นหมายถึงลูกต้องได้รับอันตรายเป็นแน่
ตอนให้ลูกสาวใช้ ก็ตรวจดูว่ามีสายไฟ ปลั๊กไฟ ของเล่นเกลื่อนกลาดหรือไม่ โชคดีบ้านเป็นพื้นกระเบื้อง ไม่ต่างระดับ
ให้ลูกนั่งเล่นวันละไม่เกินสองชั่วโมง ตอนเค้าหัดเดินหัดตั้งไข่ราวๆเจ็ดก็ให้เขาได้ออกไปเล่นถนนหน้าบ้านกับเด็กๆแระแวกนั้นที่ใช้เหมือนกัน ลูกสาวตั้งไข่เจ็ดเดือน เดินปร๋อคล่องแคล่วตอนเก้าเดือน.....
ไม่ถึงขวบก็วิ่ง กระโดดได้แล้ว ไม่เดินผิดรูป ทั้งที่ใช้รถหัดเดินตลอด ก่อนตั้งไข่ด้วยซ้ำ

จากความคิดเห็น
ไม่ว่าจะเป็นของเล่น อุปกรณ์เสริมพัฒนาการเด็ก
ล้วนแต่อาจทำให้เกิดอันตรายแก่เด็กที่ยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ทุกทาง
ยกเว้น ผู้ปกครองต้องอยู่ดูแลตลอดเวลา อันตรายจะได้ไม่เกิดขึ้น
ลองพิจารณาดูแล้วกันนะคะ
ยกตัวอย่างรองเท้่า Crocs ที่เคยลงข่าวว่าอันตรายนั้น
ลูกสาวก็ใส่ไม่เห็นจะเป็นอย่างไรอย่างข่าวโด่งดัง
ใส่ขึ้นบรรไดเลื่อน หรือใส่วิ่งเล่น เดินหาด ไม่เคยเกิดอันตรายเลย
เราต้องดูแลเค้าอย่างใกล้ชิด และระมัดระวังสิ่งแวดล้อมด้วยค่ะ

อย่างเด็กเล็ก ที่บ้านพื้นสะอาดนี่สำคัญเป็นอันดับแรก
ถึงเราจะอยู่ดูอย่างใกล้ชิด แต่เด็กเค้าไว แค่วินาทีเดียว เค้าจับของเข้าปากเราก็อาจไม่รู้ได้
ดังนั้นเด็กเล็กๆ ควรเก็บสายไฟ ปลั๊กไฟให้ห่าง พื้นหากมีของเล่นเกลื่อนกลาดมากเกินไปควรเก็บบ้าง

คิดว่าแม่ๆหลายคนก็ใช้รถหัดเดินมาแล้วมากพอสมควร ไม่งั้นตลาดรถหัดเดินต้องจบลงไม่มีขายอีกแน่ค่ะ...
โดยส่วนตัว คิดว่า ถ้าจะใช้รถหัดเดินเป็นที่ขังเด็กไว้ ไม่ให้ไปไหนไกล ก็ไม่ควรค่ะ (เคยได้ยินพ่อแม่หลายคนใช้วิธีนี้ ผูกเชือกไว้ที่รถหัดเดิน แล้วเด็ก ก็เดินไปมา วนอยุ่อย่างนั้น ตัวเองก็ทำงานเพลิน ปรากฎว่า ปล่อยลูกอยู่ในรถตั้งหลายชั่วโมง) อย่างที่คุณแม่น้องแองเจิ้ลบอก ถ้าให้นั่งวันละไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง ก็น่าจะได้อยู่ และต้องมีผู้ใหญ่อยู่ใกล้ชิด ของเม่ยไม่ได้ซื้อให้น้องอชิเลย เพราะอ่านถึงความไม่ปลอดภัยแล้ว ก็ไม่อยากเสี่ยง เราเองมีเวลาให้ลูกเต็มที่ก็ดูแลลูกไป พอเค้าคลานได้ ตั้งไข่ เดี๋ยวเค้าก็จะเดินได้เอง น้องอชิเดินได้โดยไม่ใช้รถหัดเดิน ตอนประมาณ 1 ขวบค่ะ สำหรับเราแล้วคิดว่า ก็ไม่ได้ช้าเกินไปค่ะ (เดินได้เร็วเกินไปเดี๋ยวจะเหนื่อยวิ่งตามนะคะ อิอิ อันนี้แซวเล่นค่ะ)

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service