เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

ว่าด้วยโฟนิคส์ vs sight-reading (อีกครั้ง)

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีโอกาสได้พบคุณครูคนไทยซึ่งเป็น UK Certified Jolly Phonics Teacher ซึ่งเดินทางกลับมาเมืองไทยช่วงปิดเทอม...เลยถือโอกาสขอให้ครูช่วยประเมินผลความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษของลูกชาย (๕ ขวบเต็ม) ซึ่งแม่ ได้พยายามสอนอ่านด้วย Jolly โฟนิคส์ด้วยตัวเองในช่วง ๑ ปีที่ผ่านมา (แม่ศึกษา Phonics จากครูท่านนี้ และอาศัยพื้นฐานที่เคยเรียน Phonetic สมัยอยู่อักษร จุฬาฯ)

คอมเมนท์ของคุณครูโฟนิคส์ มีหลายข้อที่น่าสนใจไม่น้อย ดิฉันจึงอยากนำมาแชร์กับท่านที่สนใจการสอสนลูกอ่านหนังสือภาษาอังกฤษโดยวิธีนี้...เทียบกับการอ่านแบบ sight reading ที่บางท่านใช้อยู่....ขอออกตัวก่อนนะคะว่า ไม่ได้จบมาทางครู หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญการสอนเด็กอนุบาล ดังนั้นคอมเมนท์ที่ให้ มาจากปสก.ล้วนๆ อาศัยการพูดคุยกับครูและพ่อแม่ท่านอื่นๆบ้าง

Views: 522

Comment

You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!

Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

Comment by BeeV on August 17, 2009 at 12:45pm
สวัสดีค่ะ คุณ mom jenita

ถ้าน้องได้ letter sound บางส่วนแล้ว อาจเป็นสัก ๕ เสียง ให้เริ่มการ blend (ผสมคำ) ได้เลยค่ะ ถ้ารอให้รู้จักเสียงทั้งหมดก่อนแล้วค่อยฝึกผสมคำ คงไม่ไหว อาจมีการได้หน้าลืมหลัง หรืออาการเบื่อตามมาค่ะ

ดิฉันคิดว่า การอ่านนิทานกับเด็กวัยแค่ ๒-๓ ขวบ ยังไม่ต้องไป strict เรื่องโฟนิคส์มากค่ะ ยกเว้น ถ้าอ่านเจอคำง่ายๆที่น้องเขาเคยฝึก blend มาบ้างแล้ว อาทิ d-u-ck = duck, c-a-t = cat เป็นต้น ลองเว้นไว้ให้เขาเติมดู...แนะนำหนังสือนิทานชุดของ Oxford Reading Tree ซึ่งจะมีการแบ่งออกเป็น level ต่างๆจากง่ายไปถึงยาก จำนวนคำน้อยไปหามาก แถมเนื้อเรื่องสนุกถูกใจเด็กวัย ๒-๔ ปี ให้น้องฝึกอ่านค่ะ...เท่าที่เคยใช้แล้วได้ผลดี

ข้อผิดพลาดที่ดิฉันเคยทำคือ พอเห็นลูกเริ่มผสมและแจกคำได้เองบ้างแล้ว...พอเวลาอ่านนิทานกับลูก ดิฉันมักจะหยุดเว้นให้เขาแจก-ผสมคำเองบ่อยเกินจนเขารำคาญ (แม่ชอบเป็นเจ๊ดัน)...ก็คงน่าเบื่อจริงๆ เพราะแทนที่จะได้ฟังไป ใช้จินตนาการไปแบบออกอรรถรส...ดันมาสะดุดตรงที่แม่พยายามเอาแต่สอนอ่านซะนี่...หลังๆมานี่ เขาหันไปชอบอ่านพวกหนังสือแนวซุปเปอร์ฮีโร่ หรือแนวต่อสู้ผจญภัย ซึ่งคำศัพท์ยากเกินความสามารถในการ apply วิธีของ Phonics....เลยต้องอาศัย sight reading มาช่วยเยอะพอสมควรค่ะ
Comment by mom_jenita on August 17, 2009 at 11:37am
"ถ้าจะเริ่มโฟนิคส์ ควรจะเริ่มให้เร็ว (สามารถเริ่มได้ตั้งแต่ก่อนเด็กรู้จัก alphabet A, B, C เพราะเป็นการเน้นเรื่องเสียง หรือ letter sound)"

คุณบีคะแล้วถ้าเด็กได้ letter sound แล้ว ต่อจากนั้น ทำยังไงต่อดีคะ ฝึกผสมคำง่ายๆ ได้เลยเหรอคะ ต้องรอให้เค้าโตหน่อยมั้ยคะ รึว่าสอนได้เลย(ตอนนี้น้อง 2.10 ปีค่ะ) แล้วแยกกันใช่มั้ยคะ ตอนอ่านนิทานกับตอนสอนแจกแจงเสียง สนใจมากเลยค่ะ คุณบีช่วยแชร์การสอนของคุณบีให้ฟังด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
Comment by BeeV on August 17, 2009 at 6:54am
สวัสดีค่ะ คุณแม่น้องภูมิ คุณอรนัย คุณแม่น้องเนย

ขอโทษที่เข้ามาช้า เพราะลูกเอาเวลาช่วงเสร์-อาทิตย์ไปซะหมด...ขอต่อความเห็นข้อ ๓ ของครูนะคะ

3. การอ่านแบบ Sight reading เหมาะกับเด็กที่มีความจำดี แต่ถ้าเสริมด้วยโฟนิคส์ด้วย จะยิ่งทำให้อ่านได้ถูกต้องและชัดเจนขึ้น ขณะเดียวกัน เด็กที่ความจำไม่ค่อยดี ควรฝึกอ่านโดยใช้โฟนิคส์เป็นหลัก เพราะถ้าอ่านจากความจำเป็นหลัก เด็กจะ suffer มาก

การอ่านแบบ sight reading คือเห็นคำนั้นๆแล้ว อ่านออกมาได้เลย เช่น เห็นคำว่า bedroom ก็อ่านออกเสียงได้เลยจากการเห็นบ่อยๆ แต่ถ้าใช้โฟนิคส์ เขาจะต้องมานั่งผสมคำ (หรือแจกแจงเสียงก่อน) เช่น b-e-d-r-oo-m แล้วค่อยอ่านว่า bedroom
ลูกชายเป็นเด็กความจำดี แต่ติดขี้เกียจ โดยเฉพาะถ้าต้องผสมคำหลายพยางค์ เด็กแบบนี้ ครูบอกว่า ต้องใช้สองวิธีควบคู่กันไป เพราะถ้าให้อ่านจากความจำอย่างเดียว อีกหน่อยพอไปเจอศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย อาจจะไม่ยอมอ่านเอาดื้อๆ หรือไม่ก็มั่วไปเลย (ซึ่งน่าเป็นห่วง) การมีโฟนิคส์ไว้เป็น tools จะช่วยให้เขายอมอ่านคำที่ไม่รู้จักได้เองมากขึ้น...ตอนนี้ก็พอมีแววตรงนี้บ้างค่ะ แต่ยังต้องกระตุ้นให้พยายามใช้โฟนิคส์มา apply อยู่....เพราะช่วงหลัง พอหันมาใช้ sight reading แล้ว อ่านได้คล่อง ก็จะเริ่มขี้เกียจใช้โฟนิคส์อยู่เนืองๆ นอกจากผสมคำที่ไม่ยุ่งยากนัก

ส่วนตัวแล้วยังคิดว่า โฟนิคส์มีความจำเป็นในการเขียนคำศัพท์ เช่น การทำ dictation เพราะถ้าเด็กคล่องโฟนิคส์ ฟังเสียงแล้ว จะถอดเสียง (decode) มาเขียนได้เอง ถ้าต้องแปลศัพท์เป็นไทยตามหลัง (เช่นเวลาสอบ) แน่นอนว่า ต้องเขียนภาษาไทยคล่องด้วย...

หรือในชั้นโตขึ้นไป หากเขามีคลังคำศัพท์ในสมองเยอะอยู่แล้วจากการใช้ภาษาพูด (เช่น เด็กที่เรียนอินเตอร์ หรือสองภาษา) จะช่วยให้เขาเขียนออกมาได้ถูกต้องขึ้น และตีความหมายในการสื่อสารได้แม่นยำมากขึ้น

ท่านไหนมีความเห็นหรือปสก.น่าสนใจเกี่ยวกับการสอนใหลูกอ่าน...อย่าลืมมาแชร์กันนะคะ...ไว้มาต่อค่ะ
Comment by Bhoom (and papa) on August 16, 2009 at 11:19pm
มาปูเสื่อรอด้วยคนนะคะ
//แม่น้องภูมิ
Comment by อรนัย รักในหลวง on August 15, 2009 at 3:56pm
ติดตามด้วยคนค่ะ สนใจมากๆ
Comment by แม่น้องเนย on August 15, 2009 at 7:31am
คุณบี มาทีไรมีเรื่องน่าสนใจมาฝากทุกที ต้องขอบคุณมากค่ะ ติดตามน้องแดนมาตลอด
เห็นได้ว่าคุณบีเนี่ยสนใจเรื่องการศึกษาในทุกๆทางของลูกจริงๆค่ะ
เพราะเด็กยิ่งโต ก็มีเรื่องให้แม่ต้องศึกษามากขึ้นจริงๆ
ขอบคุณที่เอามาแชร์จะได้รู้ว่า phonic เนี่ยสำคัญจริงๆ
Comment by BeeV on August 15, 2009 at 5:43am
2. “เด็กที่ทักษะด้านภาษาฟัง-พูดในภาษานั้นๆดีมากๆแล้ว พอมาเริ่มสอนด้วยโฟนิคส์ ต้องอาศัยเวลาและการฝึกฝนด้วยโฟนิคส์ มากกว่าเด็กที่เริ่มพัฒนาด้านฟัง-พูด และอ่าน-เขียนไปพร้อมๆกัน เพราะเขาจะมีแนวโน้มที่จะเล่าเรื่องจากภาพ และ”เดา”คำพูดมากกว่าการอ่าน (ซึ่งมักจะถูกเสียด้วย)”

ตรงนี้ ตีความว่า...ถ้าจะเริ่มโฟนิคส์ ควรจะเริ่มให้เร็ว (สามารถเริ่มได้ตั้งแต่ก่อนเด็กรู้จัก alphabet A, B, C เพราะเป็นการเน้นเรื่องเสียง หรือ letter sound) ของลูกชาย เป็นเหมือนเคสด้านบนเปี๊ยบค่ะ...เช่น ครูลองให้อ่านประโยค

- A bird in the house (มีรูปภาพประกอบ)

ลูกอ่าน...The bird is in the house…..แบบเห็นภาพ ชำเลืองมอง แล้วแต่งปย.เองเลย ครูต้องดึงให้กลับมามองอีกครั้ง แล้วอ่านไปทีละคำ

ความจริง ดูๆไปเหมือนไม่น่าจะมีอะไรเสียหาย เพราะออกมาความหมายก็เหมือนกัน แถมเต็มรูปประโยคอีกต่างหาก....ดิฉันเลยถามครูว่า...แล้วในเคสแบบนี้จะแก้ไขอย่างไร...ครูบอกว่า ต้องฝึกเรื่องการผสมคำให้มากขึ้น โดยอาศัยแฟลชการ์ด หรือเวลาอ่านหนังสือที่เขาชอบแล้วพอเจอคำที่เขาสามารถ blend (ผสมคำ)ได้เอง ให้เว้นไว้ให้เขาอ่าน เพราะหากติดนิสัยนี้ไปจนโต อาจทำให้เขาพลาดเรื่องการจับใจความที่ถูกต้อง

ไว้มาต่อค่ะ
Comment by BeeV on August 15, 2009 at 5:42am
คอมเมนท์จากปสก.ของคุณครูค่ะ (ปัจจุบัน สอนอยู่ที่รร.นานาชาติมาเลเซีย และบินไปมาระหว่างมาเลย์-สิงคโปร์)

1."เด็กที่อ่าน-เขียนภาษาแรกได้ดีแบบเต็มร้อย จะช่วยให้เรียนอ่าน-เขียนภาษาที่สอง สาม ฯลฯ ได้ดีกว่าเด็กที่เรียนหลายๆภาษาไปพร้อมกัน แต่ไม่มีภาษาใดโดดเด่น ภาษาฟัง-พูดเด็กๆจะเรียนให้เก่งกี่ภาษาก็ได้ในเวลาเดียวกัน แต่เรื่องการอ่าน-เขียน (ซึ่งต้องอาศัยหลักวิชามาช่วยนั้น) ภาษาแรก ควรทำให้ดีและแม่นยำก่อน จะนำไปสู่การอ่าน-เขียนภาษาที่สองได้ดีพอๆกัน”

ฟังตรงนี้ครั้งแรก ดิฉันเหมือนมีก้อนมาจุกในลำคอ เพราะที่ผ่านมา ก็พยายามผลักดันลูกให้ได้ทังภาษาอังกฤษและไทย ในเวลาเดียวกัน จนหลายครั้งลูกต่อต้าน โดยเฉพาะภาษาไทย ซึ่งยากกว่าภาษาอังกฤษ และเขาไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น ๑๐๐ เปอร์เซนต์มาตั้งแต่ต้น

เลยต้องกลับมานั่งคิดว่า ในขณะที่ยังไม่สายเกินไป ภาษาอ่าน-เขียน”แรก”ของลูกเรา น่าจะเป็นภาษาไหน...ถ้าให้เลือกแบบไม่กดดันลูก แน่นอน คงเป็นภาษาอังกฤษ...แต่ภาษาไทยเอง ก็สำคัญมากถึงมากที่สุดเพราะเขาต้องเติบโต และใช้ชีวีตส่วนใหญ่ในประเทศไทย อย่างน้อยก็ช่วงที่อาศัยอยู่กับพ่อแม่

ในที่สุด ดิฉันเลือกวิธีการที่ไม่กดดัน...คือเลือกภาษาอังกฤษ เพราะตั้งใจมาแนวนี้ตั้งแต่ต้น....อย่างไรก็ตาม ภาษาไทยก็ไม่ได้ทิ้ง ตั้งเป้าไว้ว่า เรื่องการอ่าน-เขียน อย่างน้อยควรจะคล่องพอที่จะอ่านหนังสือยากๆที่เขาสนใจได้ด้วยตัวเอง เช่น รามเกียรติ์ องคุลีมาล...ซึ่งคงต้องศึกษาเทคนิคต่างๆเพิ่มเติม ให้ลูกสนใจอ่านภาษาไทยด้วยตนเองให้มากขึ้น
Comment by BeeV on August 15, 2009 at 5:41am
ส่วนตัวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการอ่านโดยวิธีไหน จุดประสงค์หลักก็คือ ให้ลูกสามารถอ่านได้คล่อง เข้าใจ และจับใจความได้ในที่สุด (ซึ่งตอนนี้ ก็ยังไปไม่ถึงตรงนั้น แต่เป็นเป้าหมายใน ๑ ปีข้างหน้าเมื่อลูกจบอ.๓)...เพราะฉะนั้น ไม่มีวิธีใดดีที่สุด ขึ้นอยู่กับสไตล์พ่อแม่ และจริตของเด็กแต่ละคน.
Comment by BeeV on August 15, 2009 at 5:40am
แบคกราวด์คร่าวๆของลูก....เรียนนานาชาติมาตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาล จนปัจจุบันอยู่อ.๓ แล้วค่ะ ฟัง-พูดภาษาอังกฤษได้ดีเท่าภาษาไทย ส่วนอ่าน-เขียน ภาษาอังกฤษจะดีกว่า เวลาเล่นคนเดียวจะใช้ภาษาอังกฤษ (นานๆทีจึงจะพูดเป็นภาษาไทย) เลยเดาว่า เขาคิดเป็นภาษาอังกฤษด้วย...เริ่มอ่านหนังสือ โดยแม่อ่านให้ฟังมาตั้งแต่อายุ ๒ เดือน เริ่มจากนิทานแบบเบบี๋ จนปัจจุบัน ชอบอ่านหนังสือพวกเบ็นเท็น สไปเดอร์แมน แบทแมน และนิทานแนวตื่นเต้น ปนตลกขบขัน (ภาษาอังกฤษ) ซึ่งเนื้อหาโดนใจ แต่ content และศัพท์แสงต่างๆมักเกินวัยไปมาก...อาศัยที่อ่านกับแม่บ่อย เลยจำได้ และบางเล่ม อ่านได้คล่องจนพ่อแม่อ้าปากค้าง...น่าจะเป็นจากการ sight reading มากกว่า (อ่านโดยจำตัวหนังสือเป็นภาพ)

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2025   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service