ช่วยแนะนำเรื่องการจัดการศึกษาแนวมนุษย์นิยม วอลดอร์ฟ (Waldorf)

[แม่น้องวาเม]

พอดีว่าจะย้ายลูกสาวไปเรียน แต่อยากได้มุมมองหลาย ๆ ด้านค่ะ โดยส่วนตัวชอบแนวการเรียนรู้อย่างมีความสุขแบบนี้ค่ะ รบกวนคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเรียนหรือมีญาติเรียนโรงเรียนแนววอลดอร์ฟ หรือท่านที่มีความรู้แนวการศึกษาแบบนี้ โดยเฉพาะผู้ใหญ่บ้านคุณบิ๊ก ช่วยให้ความคิดเห็น และทุกท่านที่ต้องการเสนอความคิดเห็น

[แม่น้องวาเม]

ขอบพระคุณมากค่ะ คุณเกษม เป็นข้อมูลที่ดีมากเลยสำหรับคุณแม่ เพราะยังไงก็ตัดสินใจให้น้องเรียนอยู่แล้วแต่อยากได้ความสบายใจมากขึ้นเท่านั้นเอง ไว้มีเรื่องข้องใจขอรบกวนสอบถามอีกนะค่ะ (สงสัยคงมีเรื่องถามเรื่อย ๆ จนกว่าลูกจะเรียนจบแน่เลย)

[เกษม สิริภัทรคุณ]

ตอบตามที่ถามนะครับน้องบุ้งเรียนตั้งแต่โรงเรียนเิ่ริ่มเปิดคืออนุบาล ๑ เลขประจำตัว 007 ครับ 2ขวบ 8 เดือนครับโรงเรียนขอยังไม่บอกเอาเป็นว่าเป็นแนวคิดของอาจารย์หมอประเวศ วสี ครับ เด็กสามารถเรียนต่อระดับอุดมศึกษาได้ครับเพราะค้นหาตัวตนพบและที่สำคัญคิดเป็นและกล้าแสดงออกอย่างถูกต้องและปรับตัวเข้ากับคนอื่นๆได้ดีและมีจิตอาสาทำงานเพื่อส่วนรวมได้เรื่องวิชาการต้องทำความเข้าใจว่าเอาแบบจำหรือแบบคิด ถ้าแบบจำอยู่ได้ไม่นานแบบคิดมีหลักติดตัวตลอดชีวิต ตัวอย่างน้องบุ้งปัจจุบันเรียนอยู่วิทยาลัยดุริยางคศิลป ม. มหิดลเรียนเอกเปียโน จุดสำคัญอยู่ที่กระบวนการ และบุคลากรของโรงเรียนและพ่อแม่ต้องร่วมมือกัน เด็กจบไปประมาณ 5 รุ่นแล้วสามารถต่อระดับอุดมศึกษาได้อย่างมีความสุขและกลับมาเป็นคุณครูสอนน้องแล้วครับ

[แม่น้องวาเม]

ขอบคุณค่ะ คุณเกษม ขอถามว่าน้องเรียนที่ รร. อะไรค่ะ เริ่มเรียนตั้งแต่อายุกี่ขวบ อยากทราบว่าพอจบ ม.6 แล้วมีวางแผนว่าจะเรียนต่อที่ไหน เพราะว่าเด็กที่เรียนแนวนี้มาจะมีปัญหาในการจะไปเรียนต่อระดับอุดมศึกษาหรือเปล่า (พอดีอยู่ระยองค่ะ และเป็นอะไรที่ใหม่มาก ๆ สำหรับระยองเลย) มีความกังวลมากว่าระบบนี้เด็กมีความสุขแน่นอน แต่เรื่องวิชาการเด็กจะได้หรือเปล่า รบกวนหน่อยนะค่ะ

[เกษม สิริภัทรคุณ]

ขอเล่าประสบการณ์ของลูกที่เรียนระบบผสมผสานระหว่าง Waldorfและแนวพุทธบวกกับวิถีไทยนะครับ ก่อนอื่นพ่อแม่ต้องมีเวลาในการเข้าร่วมกิจกรรมกับลูกและเข้าใจธรรมชาติของการเรียนรู้อย่างชัดเจนเพราะจะมีกิจกรรมมากเพราะต้องเรียนรู้จากของจริงเช่น ทำนา ปลูกผัก ทำกับข้าว คือทำนาก็จะทำทั้งขบวนการตั้งแต่เตรียมแปลงนา ว่านกล้า ถอนกล้า ปลักดำ จนถึงเกี่ยวข้าว เพื่อให้รู้คุณค่าของข้าวเมื่อลูกได้ทำนา ข้าวที่เหลือติดก้นจานก็จะไม่มีอีกต่อไปเพราะรู้ความยากลำบากของการที่จะได้ข้าวแต่ละเมล็ดต้องเสียเหงื่อไปมาก การแสดงก็มีโขนตอนอยู่ป.6 ต้องฝึก 1ปีเต็มกับการแสดง 2ชั่วโมงชุดการแสดงต้องใช้เวลาในการไส่อย่างน้อยที่สุด ครึ่ง ชั่วโมงเมื่อไส่แล้วไม่สามารถไปเข้าห้องนํ้าได้รวมเวลาต้องอยู่ได้ 4 ชั่วโมงเพื่อฝึกความอดทนและสำรวมในการกินและเข้าใจถึงคุณค่าของวัฒนธรรม และต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างยาวถึงจะเห็นผลเหมือนเรียนดนตรีอย่างน้อย 5 ปีขึ้นไปและสามารถค้นหาศักยภาพในตัวเองพบตัวอย่างคือน้องบุ้งลูกชายตอนนี้ขึ้นม.5 ค้นพบศักยภาพตัวเองตอนอยู่ ป.5 เรียนดนตรีแล้วมีความสุขแต่ข้อควรระวังคือต้องคอยกระตุ้นอย่าให้ติดสุขนะครับจะแก้ไขยากมากเด็กแต่ละคนมีความต่างขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างเช่นสภาพแวดล้อม ครอบครัว ฯลฯระยะเวลาในการค้นหาแตกต่างกัน ข้อสำคัญถ้าพ่อแม่พร้อมในการเรียนรู้และทำได้ต่อเนื่องสามารถเรียนรู้ได้ทุกระบบครับและปรับเข้าหา ระบบที่ถูกต้องและดีงามได้เหมือนกันครับ