เสียงของตัวอักษรจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ - Consonant sounds เป็นเสียงพยัญชนะ เช่น Bออกเสียง เบอะ, C ออกเสียง เขอะ - Vowel sounds เป็นเสียงสระ ซึ่งจะแยกย่อยออกเป็น o Long Sound จะมีเสียงเหมือนชื่อ (คือ A /เอ/, E /อี/, I /ไอ/, O /โอ/, U /ยู/) เช่น snail, eat, tile, domino, costume o Short Sound ออกเสียงสั้น (คือ A /แอะ/, E /เอะ/, I /อิ/, O /เอาะ/, U /อะ/) เช่น at, dentist, gift, hop, up (เราควรให้เด็กรู้จักและคุ้นเคยกับเสียงแบบนี้ก่อน) o Schwa เป็นเสียงพิเศษ จะออกเสียง /เออะ/ เช่น about, circus, item
โดยมีข้อสังเกตว่า ถ้าสระเหล่านี้อยู่ตรงกลางพยางค์ มักจะออกเสียงสั้น เช่น got ตัว o ออกเสียงเอาะ, bed ตัว e ออกเสียงเอะ แต่ถ้าอยู่ท้ายพยางค์ ก็จะออกเสียงยาว เช่น go ตัว o ออกเสียงโอ, be ตัว e ออกเสียงอี และถ้ามีสระสองตัว ในคำเดียวกัน สระตัวแรกจะออกเสียงยาว ส่วนตัวหลังจะออกเสียงสั้น เช่น silent ตัว I ออกเสียงไอ ตัว E ออกเสียงเอะ (ไซเลนท์)
R Control vowels ถ้าสระตามด้วย ตัว r จะออกเสียงพิเศษ เช่น car, guitar, care, bear, spider ปกติ ar จะออกเสียง /ar/ เหมือนกับคำว่า car และ or จะออกเสียง /or/ เหมือนคำว่า for แต่ ir, er, ur จะออกเสียง เออร เช่น bird, fur
Irregular vowels บางครั้ง คำบางคำ ก็ไม่สามารถใช้หลักการสะกดแบบปกติได้ คำพวกนี้ จึงต้องจำอย่างเดียวค่ะ เช่น • IGH เช่น "high" or "sight" • -NG เช่น "sing," "song," "sung" • OST เช่น "most" จะใช้เสียง long sound แทนเสียง short sound (เช่น "lost" or "cost") • OW มี 2 เสียงต่างกัน เช่น "low" and "cow." • ED ออกเสียงได้ 3 แบบ เช่น "lifted," "played," and "walked" • OI จะไม่เข้ากฎของ สระสองตัวติดกัน เช่น "moist" or "boil." • Double O จะออกเสียงได้สองแบบ เช่น "book" and "loose." • OUS เช่น "nervous." • AU เช่น "fault" or "haul." • -SION, -TION, and -CION จะออกเสียง "shun." • OUGH เป็นคำที่ออกเสียงได้หลายแบบมาก (อย่างน้อย7 เสียง) เช่น "bough," "cough," "hough," "tough," "thorough," "thought," and "through."
You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!
Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้