""น่าจะดูและสังเกตุการเปิดใจของลูก""

[บุณณดา]

จากที่คุณแม่น้องพิมบุณณดาได้อ่านคำแนะนำและเอามาประยุกต์ใช้   ผลการตอบรับจากลูกไปได้ด้วยดีเพราะว่าน้องโตแล้วเขามีคลังคำศัพท์เยอะเขาเข้าใจ  แต่เราต้องใจเย็น(ที่ผ่านมาแม่ใจร้อนและอยากมากเกินไป)  จึงกดดันทั้งสองฝ่ายทำให้ลูกต่อต้าน  ทุกวันคุณแม่หลังจากส่งลูกไปโรงเรียนคุณแม่ก็เข้าเรียนเหมือนกัน   อ่านหนังสือคุณบิ๊กนั่งหน้าคอมอ่านนิทานเพื่อหาเกมส์และทักษะมาเล่นกับลูกเปลี่ยนทุกวัน(ถ้าซำ้ลูกจะบ่นอีกแล้วเหรอ)  จะทำให้น่าเบื่อนานๆกลับมาก็โอเคน้องอ่านหนังสือเรียนนิทานเองแต่ถ้ามีคำศัพท์Engก็จะถามMeMi  What is this ?/ ถ้าเป็นภาษาไทยลูกก็จะถาม  He  call  this  English ?   จะเป็นช่องทางเพิ่มคำศัพท์ใ้ห้ลูกนี้คือประตูของเราแม่กับลูก  สมาชิกท่านอื่นเชื่อว่าน่าจะเจอแบบเรานะ่ค่ะ  (ที่เล่ามาทั้หมดเพราะดีใจน่ะ)

[แพรวาฏ์ว เกิดศักดิ์]

ภาษาใดก่อนก็ได้ครับ สำคัญว่าเขาสนุกกับการเล่าเรื่องไหม ตอบสนอง มีส่วนร่วมเพียงใด แต่อย่าลืมว่าจุดมุ่งของเราคือต้องการสร้างภาษาที่สองให้กับเขา ฉะนั้นต้องรู้จักสอดแทรกให้เป็นไปตามสิ่งที่เราตั้งใจ ค่อย ๆ สะสม เก็บเล็กเก็น้อย ให้ซึมซับไปเรื่อย ๆ คงจะเคยได้ยินหลาย ๆ คนบอกว่าการเล่านิทานเป็นการต่อเติมจินตนาการของเด็ก ๆ เป็นความจริงนะครับ หากเรายังไม่มีหนังสือนิทาน ก็พยายามสร้างด้วยตนเองก็ได้ครับ หรือให้ลูกมีส่วนร่วมในการต่อเติมกัน ก็สนุกดี หยิบเรื่องใกล้ตัวมาก็ได้ จริง ๆ แล้วนิทานมันก็คือเรื่องราวทีมีสีสรร ของเด็ก ๆ หรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่เอง ทุกวันนี้ผมจะอ่านหนังสือนิทานบ้างเพื่อเก็บไว้เป็นฐานในการสร้างเรื่องราวขึ้นใหม่ ๆ ลูกสาว(น้องแพรวาฏ์ว) ชอบพูดว่า "พ่อ I want a fable,give me please. เอาแบบโม้โม้นะ" แล้วเล่าก็จะเริ่มหัวเราะกัน.......... สนุกเข้าไว้ครับ.......... มีความสุขดี

[Da Larr]

ขอคำชี้แนะคะ  จะเริ่มเล่านิทานให้ลูกฟัง เริ่มเป็นภาษาใหนก่อนดีคะ ปัญหาคือเค้าใม่นอนหรือนั่งนิ่งเพื่อฟังหรือแสดงอาการสนใจ

คุณแม่ท่านใหนเจอเหตุการณ์แบบนี้บ้างช่วยแนะนำหน่อยคะ