หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

พัฒนาการไม่ดี...ถ้าเบบี้เครียด (รักลูก)

พัฒนาการไม่ดี...ถ้าเบบี้เครียด (รักลูก)
โดย: เพียงขวัญ

ความเครียด...ไม่เพียงทำร้ายสุขภาพกายและใจพ่อแม่อย่างเราๆ เท่านั้นนะคะ
แต่ยังส่งผลร้ายต่อพัฒนาการของเจ้าตัวน้อยได้อีกด้วย

เบบี้ก็เครียดเป็นนะ

เบ บี้เกิดความเครียดได้ตั้งแต่ยังอยู่ในท้องของคุณแม่
เพราะช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์อาจรู้สึกหงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน
เพราะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เมื่อแม่เครียด
ลูกก็จะได้รับความเครียดไปด้วยค่ะ

หลังจากลืมตาดูโลก ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เป็นสาเหตุให้เจ้าตัวเล็กวัยขวบแรก เกิดอาการเครียดได้ เช่น

ปรับตัวไม่ทัน จากที่เคยอยู่ในท้องอันอบอุ่นของแม่ เจ้าตัวเล็กต้องปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ที่ไม่คุ้นเคย

เจ็บป่วย ลูกวัยเบบี้ยังมีภูมิต้านทานน้อยและเจ็บป่วยได้ง่าย และความไม่สบายเนื้อตัวนี่เองค่ะที่ลูทำให้ลูกเครียดได้

ได้รับการตอบสนองไม่ตรงตามความต้องการ เช่น ลูกร้องไห้เพราะหิว แต่พ่อแม่ไม่รู้ว่าลูกหิว หรือบางครั้งร้องเพราะว่าเปียกแฉะแต่แม่ให้ลูกกินนม

ไม่ได้ได้รับการตอบสนอง หรือได้รับการตอบสนองน้อยเกินไป เช่น ปล่อยให้ลูกหิว ปล่อยให้นอนอยู่ทั้งวันโดยไม่มีใครสนใจ หรือไม่ได้รับการกระตุ้นเลย

ได้รับการกระตุ้นมากเกินไป หรือมีสิ่งเร้ารอบๆ ตัวลูกมากเกินไป เช่น บางครอบครัวต้องการให้ลูกเก่ง
อยากให้ลูกมีพัฒนาการดีก็กระตุ้นลูกมากเกินไป
หรืออาจเกิดจากการที่มีญาติและคนอื่นๆ มารุมเล่น อุ้ม กอดลูกมากเกินไป

เครียดเพราะพ่อแม่เครียด เด็กในขวบปีแรกต้องพึ่งพาผู้ใหญ่ในทุก ๆ เรื่อง
ทำให้บางครั้งพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงเกิดความเครียด
หรือพ่อแม่อาจเครียดจากเรื่องอื่น แม้จะเป็นเพียงเด็กแบเบาะ
แต่ลูกก็สามารถรับรู้ถึงความเครียดของพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดู
ผ่านทางการสัมผัสเวลาที่ถูกอุ้ม รวมทั้งสีหน้าท่าทาง น้ำเสียง
การเต้นของชีพจร ซึ่งจะแตกต่างไปจากเวลาที่ไม่เครียดค่ะ

อาการนี้...เบบี้กำลังเครียด

ดูดนมน้อยลง เมื่อลูกเครียด ลูกจะดูดนมได้น้อยลงกว่าปกติ แหวะนม และน้ำหนักลด

ส่งเสียงร้อง เสียงร้องของลูกเป็นสิ่งที่พ่อแม่ต้องสังเกตให้ดี เช่น ลูกร้องเพราะหิว ร้องเพราะเปียกแฉะ ร้องเพราะปวดท้อง ซึ่งจะมีความแตกต่างกันค่ะ

พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูจึงต้องมีความไวต่อสัญญาณที่เด็กสื่อสาร เนื่องจากเขาไม่สามารถบอกได้เลยว่าต้องการอะไร

แสดงท่าทางปฏิเสธ เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกรู้สึกเหนื่อย ไม่พร้อม หรือรู้สึกล้า เขาจะเกิดความเครียด โดยแสดงท่าทางปฏิเสธ เช่น เมินหน้าหนี ไม่สนใจ
ไม่เล่นด้วย ร้องงอแง หรือแสดงท่าทางให้รู้ว่าไม่ต้องการแล้ว ขยับไปทางอื่น
เพื่อจะบอกพ่อแม่เป็นนัยๆ ว่าหนูเริ่มไม่ต้องการแล้ว
หนูเริ่มเครียดเกินไปแล้ว

เครียด...ทำร้ายพัฒนาการลูก

ความ เครียดสามารถส่งผลต่อสุขภาพและพัฒนาการของลูกน้อยได้ค่ะ โดยมีการศึกษาจาก Erasmus Medical Center ประเทศเนเธอร์แลนด์
พบว่าทารกที่ได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ที่เครียด
อาจมีความเกี่ยวข้องกับอาการโคลิก มากกว่าเด็กที่พ่อแม่ไม่เครียดมากกว่าถึง
1 เท่าตัว

นอก จากนั้น ยังมีการศึกษาอื่น ๆ พบว่
าเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ที่เครียด มีแนวโน้มที่จะเครียดในอนาคต
ซึ่งจะส่งผลต่อพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกาย การเรียนรู้
และการเข้าสังคมต่อไปในอนาคตอีกด้วยค่ะ

เพราะ เด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ที่เครียด
จะได้รับการหล่อหลอมพฤติกรรมและความคิด ความรู้สึกต่อเรื่องต่าง ๆ
รวมทั้งความรู้สึกเครียด ซึ่งจะมีผลต่อตัวเขาเองในระยะยาว
ทำให้มีโอกาสจะเติบโตขึ้นมาเป็นคนที่เครียด
และผลของการเรียนรู้ก็จะน้อยกว่าเด็กที่ไม่เครียดค่ะ

ใน ช่วงขวบปีแรกซึ่งพ่อแม่จะอยู่ใกล้ชิดลูกมากที่สุด
ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่ต้องสร้างความผูกพันต่อกันและกัน
ซึ่งความผูกพันที่เหมาะสมและมั่นคงในขวบปีแรก
จะเป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์กับผู้อื่น และการเข้าสังคมต่อไปในอนาคต
ไม่ว่าจะเป็นสังคมที่โรงเรียน หรือสังคมในที่ทำงาน

เลี้ยงอย่างไรไม่ให้เบบี้เครียด

ก่อน อื่นคุณพ่อคุณแม่ต้องสังเกตดูว่าลูกเครียดจากสาเหตุอะไร แล้วแก้ไขตามสาเหตุนั้น
คือตอบสนองให้เหมาะสมและมีความพอดีต่อความต้องการของลูก ไม่มากไป ไม่น้อยไป
ทั้งทางด้านร่างกาย ความสัมพันธ์ รวมทั้งการส่งเสริมพัฒนาการทางด้านต่าง ๆ

พ่อ แม่ต้องเดินทางสายกลางค่ะ ถ้าสิ่งที่ทำมากไปจนลูกเครียดก็ต้องถอยออกมา
ถ้าน้อยไปก็ต้องเพิ่มให้เหมาะสม
ซึ่งวิธีสังเกตว่าตรงไหนถึงจะเหมาะสมก็ต้องดูที่ตัวลูกเป็นหลัก
รวมทั้งดูบริบทของครอบครัวด้วย

โดย เกณฑ์ที่เหมาะสมที่สามารถสังเกตได้ คือลูกมีความสุขดี
มีการเจริญเติบโตที่เหมาะสม มีพัฒนาการที่สมวัย
มีความสุขกับทุกวินาทีของเขา
ซึ่งเป็นสิ่งที่พอจะบอกได้ว่าเด็กไม่เครียดและมีความสุขค่ะ

อย่าปล่อยให้ความเครียดมาทำร้ายอารมณ์อันสดใส ร่างกายที่แข็งแรง พัฒนาการที่ดีและสมวัยของลูกน้อยนะคะ