เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย
อุปสรรค !! เป็นสิ่งที่ทำลายความตั้งใจ ทำลายกำลังใจ ฯลฯ เริ่มรู้สึกท้อกับการต่อสู้ กับหนทางที่สับสน ...
คือว่า ครอบครัวเราเพิ่งเริ่มต้นสอนภาษาที่สองตามแนวทางของคุณบิ๊กเมื่อเดือน มีนาคม 2555 ที่ผ่านมา โดยเราก็พบเจอกับปัญหา ต่าง ๆ นานา ที่คล้าย ๆ กับหลายหลายครอบครัวเจอ เช่นลูกเดินหนีเมื่อเริ่มในช่วงแรก (เพราะแม่กระหน่ำ) หรือ หลาย ๆ ปัญหาที่พบ ครอบครัวเรา ก็ค่อยค่อยปรับแก้โดยใช้แนวทางที่คุณบิ๊กได้ให้ไว้ในหนังสือ และ จากในเวปนี้
ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ประมาณปลายเมษา-ต้นพฤษภา เรามีสัญญาณตอบรับที่ดีจากเด็ก เด็ก คือ ลูกชายคนโตอายุ 3.8 สามารถทำตามคำสั่ง ฟังภาษาอังกฤษที่เราต้องการได้ เช่น การไปอาบน้ำ ถอดเสื้อผ้า วางของบนโต๊ะ ฯลฯ และสามารถตอบคำถามของเราเป็นภาษาอังกฤษได้ ในประโยคที่ง่าย ๆ ที่เราใช้ซ้ำ ซ้ำ ส่วนคนเล็ก อายุ 1.8 สามารถฟังและทำตามคำสั่งง่าย ๆ ได้ และ พูดคำสั้น ๆ เช่น กิน(eat) นม(milk) ดาว(star) แมว ปลา ได้ ซึ่งเราถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ที่เราเพิ่งเริ่มมาได้ประมาณ 2 เดือนก็มีผลตอบรับที่ดี
แต่ ตอนนี้เราพบปัญหาที่ทำให้เราเหนื่อยใจเหลือเกิน คือ เมื่อคนโตเปิดเทอม เริ่มเรียนอนุบาล 2 ก็พบปัญหา ที่คุณบิ๊ก บอกกับเราเมื่อตอนเราไป workshop เมื่อเดือน พ.ค. คือ การท่องศัพท์และแปล ให้ท่องแบบ 1. ant แอ้น มด 2. arm อาม แขน 3..4..5..6..7 ซึ่งเราก็ทำใจไว้แล้ว ก็ให้ลูกทำตามนโยบายของโรงเรียนไป แต่เราก็ยังคงรักษาแนวทางของเรา (ต่อสู้กันแบบสันติ) แต่สิ่งที่ทำให้เราเศร้าใจมาก คือ ครู มาบอกเราว่า ลูกท่องศัพท์ ไม่ได้นะคะ "คุณแม่ ลูกท่องศัพท์ไม่ได้นะคะ ท่องได้คำที่ 1 กับคำที่ 2 หลังจากนั้นเด็กจำไม่ได้ว่าต้องท่องอะไรก่อน ??????" คือ ครู ต้องให้ท่องแบบเรียงคำที่ 1 2 3 4 !!!!???????? (มันน่าเศร้าใจม๊ากกกกกก) เราก็แปลกใจ ในเมื่อ เราทดสอบและสอนลูกแล้ว ลูกเราทำได้ เพราะเราให้เค้าเรียงตัวอักษรเป็นคำตามภาพและออกเสียงแนวโฟนิกส์ แต่ที่โรงเรียนจะให้ท่องตามลำดับ!!!???? เพื่ออะไร!!!????? ในเมื่อเด็กเห็นรูปแล้วบอกเราได้ว่า cat และ เอาตัวอักษร เรียงตามเสียงของคำได้ เคอะ แอะ เทอะ แคท ก็พอ แล้ว(ในความคิดของแม่นะ) แต่ ที่โรงเรียนบอกกลับมาว่า ลูกเราท่องศัพท์ไม่ได้ มันช้ำใจ จริงจริงค่ะ
นี่เป็นอุปสรรคหนึ่งที่ครอบครัวเราเจอ และกำลังต่อสู้กับอุปสรรคที่เข้ามาทดสอบความตั้งใจของเรา ขอขอบคุณ คุณบิ๊ก เมื่อครอบครัวเราได้โพสข้อความปรึกษาไว้ คุณบิ๊กได้โทรมาพูดคุยสอบถามปัญหา และให้ข้อแนะนำดีดี เรากำลังต่อสู้เท่าที่เราจะทำได้ ยอมรับว่าสับสนมาก และวิธีที่เราใช้อันดับแรกเลยก็คือ บอกคุณครูไปตรงตรง ว่า "คุณแม่ไม่ซีเรียสเรื่องลูกท่องศัพท์ตามลำดับไม่ได้" "คุณแม่ไม่ซีเรียสว่าลูกเขียนหนังสือไม่ได้ แต่ คุณแม่ซีเรียสเรื่องพัฒนาการความพร้อมของลูกมากกว่า" และ "คุณแม่ซีเรียสกับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษอย่างมีความสุขกับลูกมากกว่า"
ตอนนี้ยอมรับว่า ท้อ เหนื่อย ถอยเล็กน้อย ได้แต่รักษาสภาพให้ยังคงไว้อยู่ พยายามพยุงความถี่ไว้ และต่อสู้กับการติดลบจากโรงเรียน และเชื่อว่าพ่อแม่หลายครอบครัวคงจะพบปัญหาเหล่านี้ อยากให้ช่วยแนะนำแนวทางก้าวเดินต่อไปให้ครอบครัวเราด้วยค่ะ
Comment
เข้ามาอ่านและเตรียมใจไว้เหมือนกัน ลูกชายเกิดเดือนกุมภา 52 ต่างจังหวัดเด็กที่เกิดก่อน 15 พฤษภา สามารถเข้าเรียนได้ก่อน แต่รอให้เข้าปีหน้าอย่างน้อยได้สัมผัส Eng กับแม่ได้อีกปี เป็นการยืดเวลา ปีหน้าคงต้องไปเจอ A ant มด ค่ะ ต่างจังหวัดเป็นเหมือนกันทุกโรงเรียนไม่มีสอนแบบสองภาษา เราคงต้องเพิ่มความถี่เพื่อต่อสู้กับโรงเรียน ที่สอนแบบแปล สู้ๆๆๆๆ กันนะค่ะ
ค่ะ เจอ เหมือนกันกับคุณ nuch ค่ะ เหมือนกันทุกประการ 5555 ตอนแรกก็เครียดเหมือนคุณ nuch แต่ แม่ทำใจ และปล่อยวาง ไม่สนใจคำที่ครูบอก ลูกอยู่อนุบาล 2 เหมือนกันค่ะ เรื่อง ภาษาไทย แม่ก็สอนแบบ ก อา กา แต่ พอสักระยะ เด็กเค้าเข้าใจระบบการผสมคำ แม่ก็จะบอกว่า ให้พยายามสะกดในใจ แล้วออกเสียงคำออกมาเลย และที่โรงเรียนก็จะเน้นอ่านคำไม่กี่คำ ซ้ำไป ซ้ำมาในบทเรียน (เมื่อเด็กอ่านได้แล้ว เค้าก็เบื่อ ไม่อยากอ่าน ก็ไม่ยอมอ่าน..แม่แก้ปัญหาด้วยการหาคำใหม่ ๆ นอกบทเรียน มาเล่นทายคำกับลูก ก็เป็นการฝึกอ่านไปในตัวสนุกสนานกันไป แต่ครูก็ยังคงเน้นการอ่านคำเดิม เดิม ที่กำหนดมาให้ในบทเรียน..น่าเบื่อมาก ค่ะ 55555 แต่ก็ต้องทำเพราะมันเป็นหน้าที่ของเค้า) ส่วนภาษาอังกฤษ อย่างที่บอกค่ะ เราสอนตามวิถีทาง และความเชื่อของเรา เราเป็นแม่เราดูแลลูกและสอนลูกเราเองย่อมจะรู้ดีว่า ลูกเราศักยภาพได้แค่ไหน แต่ครูที่โรงเรีน นักเรียนหลายคน บางทีลูกเราทำไม่ได้เร็ว ว่องไว หรือถูกต้องเมื่อเทียบกับเด็กคนอื่น ครูก็มาบอกว่าลูกเราไม่ได้ ซึ่งแม่คิดว่าไม่ถูก ไม่ควรเอาลูกไปเทียบกับคนอื่น เพราะเด็กแต่ละคนความพร้อมไม่เท่ากัน ควรดูพัฒนาการของลูกมากกว่าและเน้นการเรียนรู้ที่มีความสุข สนุกกับการเรียนรู้ค่ะ สู้สู้นะคะ เพราะ ครอบครัวเราก็สู้อยู่ สู้อย่างสันติ สู้แบบเงียบ เงียบ และมีความเครียดแอบสะสมอยู่เหมือนกันค่ะ
มาตอบ อีกครั้งด้วยความช้ำใจ(อีกรอบ)ค่ะ ถือว่าช่วยๆกันให้ได้ระบายแล้วกันน้ะค้ะ 555 ครูเขึยนในใบรายงาน (อาทิตย์ละ 1 ครั้ง) ว่าลูกเรา อ่าน eng ไม่ได้ จำ a-z ไม่ได้ (เราเล่นกับลูกที่บ้าน เค้าออก phonice sound ได้ดีกว่าเราคนสอนอีก) เมื่อเช้าสดๆ พยายามจะพูด eng เค้าตอบมาว่า "ลูกไม่พูด อังกิด เพราะลูกเป็นคนไทย" เด็ก อ.2 เนี่ย เอาประโยคนี้มาจากไหนนน ???
ตอนนี้เริ่มถอยลงค่ะ กลัวตัวเองเหมือนกัน T_T" อย่าว่าแต่ english เลย เห็นภาษาไทย เค้าให้เด็กท่อง แบบย้ำคิดย้ำทำประมาณว่า หลายชั้น เ่ช่น กา ก็ต้องอ่านว่า กา ก่อนแล้วตามด้วย กอ อา กา นา ก็ นา นอ อา นา
เมื่อเดือนที่แล้วลองไปดูโรงเรียนอินเตอร์แถวที่ทำงานรู้สึกว่าเขาสอนเหมือนแนวคิดเด็ก2ภาษาเลย ชอบมากแต่ปีนึงประมาณ300,000 บาทก็หนักเอาเรื่องเหมือนกัน
ขณะที่พ่อแม่ปั้นลูกมาอย่างดี ก็มาถูกทุบๆขยำๆใหม่ด้วยการศึกษาในโรงเรียน
เหนื่อยเนาะ.. ของเราก็ยืดเวลาการเข้าร.ร.ของลูกไปเรื่อยๆก่อน
แต่ก็มักจะมีคำถามว่าสามขวบแล้วทำไมยังไม่ไปร.ร. เราก็ตอบไปว่าสี่ขวบค่อยเข้าอนุบาลเลย
ยิ่งตา(พ่อเรา)ถามตลอก บ่นตลอด กลัวหลานเรียนไม่ทันคนอื่น เข้ากะเพื่อนไม่ได้
เราก็อ้างว่าตอนเราเด็กๆกว่าจะเข้าเรียนอนุบาลก็หกขวบ เจ็ดขวบเข้าป.1 ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลย
ทำไมต้องผลักไสลูกที่ยังอยากอยู่กับแม่ไปให้คนอื่นเลี้ยง ถ้าเราเป็นแม่บ้านเฉยๆ
แถมเลี้ยงลูกเอง เราก็สอนลูกได้มากกว่าครูเสียอีก ที่บ้าน แม่:ลูก = 1:1 แต่ที่ร.ร. ครู:นร.= 1:20(นี่ขั้นต่ำนะ)
ใครจะมีประสิทธิภาพในการสอนมากกว่ากัน
เอาเป็นว่า ถ้ามั่นใจแนวทางของเรา เราก็สู้กันต่อไปค่ะ เป็นกำลังใจให้
เศร้าแทน และเตรียมพร้อมที่เศร้าเมื่อวันของลูกเรามาถึง นิดก็กำลังหาโรงเรียนให้ลูก สิ่งแรกที่เวลาไปดูโรงเรียนจะถามว่าภาษาต่างชาติครูคนไทยไหม เท่าที่หาได้สะดวกที่สุดตอนนี้มี 3 โรงเรียน แต่!! แนวทางการสอนภาษาเป็นแบบนี้เลยค่ะ ant แอ้น มด
เจอเหมือนกันค่ะ คุณครูบอกว่าลูกเราไม่ค่อยได้หนังสือค่ะ เราก็เครียดถึงกับคิดจะเปลี่ยน รร. ให้ลูกเหมือนกันแต่พอปรึกษากับพ่อเขาเขาบอกว่าถ้าเปลี่ยนแล้วไปเจอแบบนี้อีกล่ะไม่ต้องเปลี่ยนให้ลูกอีกเหรอ? เราก็เลยต้องยอมรับหลักการสอนของครูไป ส่วนกับมาบ้านเราสอนลูกเราตามแนวเด็กสองภาษาคุณแม่เองก็งงๆ กับ รร. อยู่เหมือนกันแรกๆ ก็ดูเหมือนจะดี อนุบาล 2 สอนโฟนิกส์แต่ cat - เคอะ-แอะ-เทอะ แต่ตอนนี้ลูกอยู่อนุบาล 3 ครูกับมาก็สอน cat แคท= แมว เหมือนเดิม ไม่ทราบว่าแบบโฟนิกส์แล้วไม่ดีหรืออย่างไรแล้วก็เลยกับไปสอนแบบเดิม เป็นกำลังใจให้นะคะปล่อยวางค่ะอย่าไปเครียดแค่เรารู้ว่าลูกเราอ่านออกเขียนได้ตามวัยของเขาก็พอแล้วบางทีมาตรฐานของ รร. เขาอาจจะสูงเกินไปโดยเฉพาะ รร. เอกชนการแข่งขันสูงเลยต้องเข้มงวดกับเด็กๆ ก็เลยมองข้ามไปว่าวัยนี้เขาต้องการอะไรบ้าง
เจอเหมือนกันค่ะ แรก ๆ โรงเรียนมีการสอนให้อ่านแบบโฟนิกส์ค่ะ เราดีใจมาก แต่ไป ๆ มา ๆ คุณครูประจำชั้นเล่าให้ฟังค่ะว่า ทาง เขตการศึกษาที่จะเข้ามาตรวจและประเมินโรงเรียนแจ้งว่า ภาษาอังกฤษ จะต้องอ่านว่า c a t แคท แมว ... แง ๆ ไม่งั้นโรงเรียนจะไม่ผ่านการตรวจสอบ อารายกันเนี่ยะะะ ทันใดนั้นแล้ว โรงเรียนและครูก้อกลับมาย้อนกลับมาสอน c a t แคท แมว ให้เด็กเหมือนเดิม เขตการศึกษาของจังหวัด สั่งปุ๊ปเปลี่ยนปั๊ป แง ๆ พอลูกกลับมาบ้าน บอกว่า แม่อ่านผิดแล้ว ไม่ใช่ เค้าเปลี่ยนแล้ว ต้อง แบบนี้ แล้วลูกก้อ c a t แคท แมว T_T ... เข้ามาร่วมเศร้า และให้กำลังใจค่ะ เพราะตัวเองก้อต้องฝ่าฟันอุปสรรค แบบนี้อยู่เช่นกัน
เหมือนกัน แทบจะเป้ะเลยค่ะ ตอนนี้เริ่มมีปัญหาและทำให้ระบบ สองภาษาของเรา หยุดนิ่ง พยายามเข้ามาหา แรงจุงใจแถวนี้ค่ะ ดูแม่ๆท่านอื่น เป็นกำลังใจให้ค่ะ ต้องยอมรับด้วยว่า นี่คือเมืองไทย ระบบการศึกษาแบบไทย ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเท่าไรนัก ครูสอนภาษาอังกฤษ คือ "ครูคนไทย" :)
© 2024 Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก. Powered by
You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!
Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้