เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

ตอนนี้ลูกอายุขวบครึ่งคะ  ลูกๆ ของเพื่อนที่อายุไล่ๆกันก็มีรร.อนุบาลกันแล้ว  เพราะเห็นว่าบางที่ต้องจองล่วงหน้า 1 ปีบ้าง 2 ปีบ้าง  เพื่อนๆแนะนำว่าควรรีบหาแต่เนิ่นๆ จะได้เลือกให้รอบคอบดีกว่ารีบๆ ตอนใกล้เข้า  ตอนนี้ก็ดูๆ ไว้2-3 ที่คะ  กะให้เข้าปีหน้าประมาณ 2 ขวบกว่าๆ แต่ถูกพ่อแม่แฟนสะกัดเอาไว้แล้วต่อว่าอย่างแรง  เลยไม่มั่นใจในสิ่งที่ตนเองกำลังทำอยู่ 

เหตุผลของตนเองที่อยากให้เข้าอนุบาล

1. socialize กับเพื่อนๆ

2. ได้พัฒนาทั้งสมองและร่างกายอย่างเต็มที่

3. เตรียมความพร้อมเข้าอนุบาล

เหตุผลที่พ่อแม่สามีไม่อยากให้เข้าเตรียมอนุบาล

1. ทรมานเด็ก

2. เป็นที่สำหรับพ่อแม่ที่ไม่มีเวลา

3. ไม่ได้รับความรักความอบอุ่น

4. ติดโรคง่าย

5. เสียเวลาเพราะเค้าไม่ได้สอนอะไร (เป็นที่เฉพาะเด็กจำพวกพ่อแมไม่มีเวลาให้)

และพ่อแม่แฟนอยากให้เริ่มเรียนตอน 4 ขวบ เข้าอ.1 เลย  ซึ่งตัวเองไม่ค่อยเห็นด้วย  เค้าว่าเราเวอร์  แต่เมื่อดิฉันมองคนรอบตัว  ดิฉันว่าดิฉันไม่ได้เวอร์แถมป็นพวกกะตือรือร้นช้ากว่าคนอื่นด้วนซ้ำ  เพราะลูกคนอื่นมีรร.กันไปหมดแล้ว  เรื่องนี้ทำให้ดิฉันขาดความมั่นใจในตัวเองมาก  เค้าบอกเสมอว่าเค้าเลี้ยงลูกมาได้ดี  เรามันไม่มีประสบการณ์  เลยอยากมาขอความเห็นจากเพื่อนๆสมาชิกนะคะ  ตอนนี้รู้สึกโดดเดี่ยวจิงๆ

 

Views: 11199

Replies to This Discussion

เมื่อก่อนก็เคยมีความเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับเรื่องโรงเรียนของน้องแพงค่ะ คุณตาคุณยายเค้ายังไม่อยากให้เข้าเรียนเหมือนกัน ตอนนั้นน้องแพงอายุได้สองขวบค่ะ เริ่มพาไปเรียนเตรียมอนุบาล ตอนแรกๆ น้องเค้าก็ดูไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไหร่ อาจจะเพราะต้องปรับตัวในหลายๆ อย่างค่ะ แต่หลังจากนั้นประมาณเดือนนึง น้องแพงชอบที่จะไปโรงเรียน ไปเจอเพื่อนๆ ไปเจอคุณครู ซึ่งดูแล้วเค้าจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้น มีทักษะต่างๆ ดีขึ้น รู้จักปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้ง่ายขึ้น เวลาไปเจอคนแปลกหน้าเค้าก็จะกล้าที่จะพูดคุยด้วย ซึ่งถ้าถามความเห็นคุณแม่แล้ว คุณแม่คิดว่าเราควรหาโรงเรียนที่เหมาะกับลูกเรานะคะ ดูวิธีการสอน ดูครูผู้สอน ดูสิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียน ฯลฯ ตอนนี้น้องแพงย้ายจากโรงเรียนเดิมที่เรียนเตรียมอนุบาลไปเรียนอนุบาลอีกที่หนึ่ง เค้าไม่มีการต่อต้านเลยค่ะ ถึงแม้ว่าจะต้องไปเจอกับเพื่อนใหม่ เจอคุณครูคนใหม่ และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป คุณแม่คิดว่าหากเราฝึกเด็กตั้งแต่ยังเล็กเค้าก็จะเกิดความเคยชินค่ะ ลองหาเหตุผลหลายๆ ด้านอธิบายให้คุณปู่คุณย่าฟังสิคะ หรือไม่เราอาจจะบอกท่านว่าลองให้ลูกเข้าเรียนก่อน หากน้องเค้าไม่ชอบหรือต่อต้านเราค่อยว่ากันอีกที (แล้วหลังจากนั้นเราก็เนียนๆ ให้เค้าเรียนต่อไปเรื่อยๆ น่ะค่ะ....555 ไม่แน่ใจว่าที่แนะนำเนี่ยจะเข้าท่ารึเปล่าน๊าาาาาาาา) เป็นประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ เผือจะช่วยได้บ้างค่ะ

 

จากประสบการณ์ของตัวเองนะคะ ตอนแรกไม่คิดจะพาลูกเข้าเตรียมอนุบาลค่ะ แต่พอลูกเริ่มอายุ 2 ขวบ เริ่มพูดไม่ฟัง ไม่ยอมอาบน้ำ-แปรงฟัน เอาแต่ใจตัวเอง ไม่แบ่งของใคร หวงทุกอย่าง อยู่ที่บ้านช่วงกลางวันไม่มีเพื่อนเล่น (คุณยายดูแลให้ จ.-ศ. เพราะพ่อและแม่ทำงาน) ก็ดูทีวีเยอะ (เกินไป) พอไม่ให้ดูก็ไม่ยอม คุณยายเลยพาไปโรงเรียนเตรียมอนุบาลเองเลยค่ะ

พอลูกเข้าเตรียมอนุบาล สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ช่วยเหลือตัวเองได้ตามวัยของเค้า รู้หน้าที่ของตัวเอง มีระเบียบขึ้น เช่น ตื่นเช้ามาต้องอาบน้ำ แปรงฟัน กินข้าว แล้วไปโรงเรียน, มีเรื่องเล่าจากโรงเรียนมากมาย หลายๆ กิจกรรม แบบที่บ้านไม่มี, เล่นกับเพื่อน รู้จักแบ่งของ รู้จักขอโทษและให้อภัย เปลี่ยนไปจริงๆ ค่ะ แล้วเค้าเองก็อยากไปโรงเรียน เพราะมีเพื่อน มีของเล่นหลากหลาย

จริงๆ แล้วเด็กวัยประมาณ 2 ขวบ คุณครูก็จะสอนการฝึกขับถ่าย เล่านิทาน มีกิจกรรมเข้าจังหวะ และปล่อยให้เด็กๆ ได้เล่นของเล่นที่เหมาะกับวัยเพื่อฝึกพัฒนาการกล้ามเนื้อให้แข็งแรงน่ะค่ะ แต่พอใกล้ช่วงที่ต้องเข้าโรงเรียนอนุบาลจริงๆ คุณครูก็จะสอนนับ 1-10, ให้เด็กๆ รู้จัก A-Z, ก-ฮ เรื่องสัตว์ สี ผัก ผลไม้ ประมาณนี้ค่ะ

ถ้าถามว่าน้องไปโรงเรียนจะติดหวัดหรือโรคติดต่อกลับมามั้ย อันนี้ก็ต้องทำใจไว้ด้วยค่ะ แต่ทางโรงเรียนก็พยายามป้องกันโดยให้เด็กที่ป่วยหยุดเรียนน่ะค่ะ แต่ก็ไม่สามารถป้องกันได้ 100%

จริงๆ แล้วส่วนตัวคิดว่าการพาลูกไปโรงเรียนเตรียมอนุบาลเป็นการเตรียมความพร้อมให้เค้าได้สัมผัสและใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคมมากกว่าค่ะ และให้เค้าได้ปรับตัวก่อนที่จะเข้าโรงเรียนอนุบาลจริงๆ เพราะเราและคนที่บ้านก็ใช่ว่าจะสอนเค้าได้ทุกเรื่องน่ะค่ะ 

ค่อยๆ คิดค่ะ หาข้อมูลจากหลายๆ ที่นะคะ

ลุยเดินหน้าพาลูกเข้าเตรียมเลยค่ะ คุณแม่น้องซูกัส ไม่เวอร์หรอกค่ะ ที่จะให้ลูกเข้าเรียนตอน ขวบกว่าๆ เพราะมดเองก็พาลูกให้เข้าเรียนตอน 1.9 ปี เหมือนกันค่ะ ดูซิตอนนี้เวลาจะเอาอะไร บอกแม่เป็นภาษาอังกฤษแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงที่เด็กกำลังจดจำนะค่ะ เค้าจะเก่งได้ก็ต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้แหละค่ะ แล้วที่มดให้น้องเพลงไปเรียนหน่ะเป็นเนอสเซอรี่ค่ะ สอน 2ภาษา วันๆ ก็จะเล่านิทาน (เป็นภาษาอังกฤษ) , ปั้นแป้งโดร์ , ร้องเพลง (เป็นภาษาอังกฤษ) วิ่งเล่นออกกำลังกาย , รู้จักใช้สังคมตามวัยของเค้า การแบ่งปัน การเล่นร่วมกัน  ทานข้าวพร้อมๆ กัน , ทุกวันนี้น้องเพลงร่าเริงมาก แข็งแรง ทานข้าวได้เยอะ นอนเยอะ หลังจากที่ใช้พลังมากมายในช่วงบ่าย หลังตื่นนอนกลางวัน ดูลูกมีความสุข เราก็มีความสุขตามไปด้วยนะค่ะ  และมดเองก็ได้วิธีการพูด การสอนภาษาอังกฤษจากครู เพื่อสำหรับนำมาฝึกตัวเองให้พูดกับลูกด้วยค่ะ (แบบเป็นคนที่ไม่เก่งภาษาหน่ะคะ)  จะแนะนำเลยค่ะ มดให้น้องเพลงเรียนที่ ลูกส้ม kid club ค่ะ อยู่ลาดพร้าว 71 ค่ะ คุณครูส้มใจดีมาก เด็กติดคุณครูทุกคนเลยค่ะ ที่นี่เด็กไม่เยอะค่ะ ดูแลทั่วถึงแน่นอนค่ะ และที่สำคัญค่าใช้จ่ายไม่แพงด้วย ยังแอบดีใจเล็กๆว่า "

"นี้เราสามารถส่งลูกให้ได้เรียนภาษาได้จริงๆ หรือนี้ "  เอาเลยค่ะ ลุยเลยนะคะ อย่ามัวแต่เดี๋ยวรออีกซัก 1-2 เดือนก่อนแล้วค่ะคิดใหม่  อย่าลืมนะค่ะ สมองของลูกพัฒนาได้ทุกนาที ยอมทนอาการงอนของคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย ไปก่อนแต่เดี๋ยวพอเห็นลูกเราทำได้ พูดได้ คราวนี้ละ พวกท่านๆ จะยิ้มจนแก้มปริ ว่าหลานเราเก่งจัง  เรื่องป่วยของเด็กหน่ะ ถ้าเด็กแข็งแรง อาการป่วยก็จะไม่มาใกล้ได้ค่ะ อย่างน้องเพลงมาเรียนที่นี่ เป็นเดือนแล้วก็ปกตินะคะ ไม่มีเจ็บไข้ได้ป่วยอะไร มีแต่เวลาไปรับกลับบ้าน เหงื่อแตก วิ่งๆ หรือไม่ก็ระบายสีอย่างสบายใจ ไม่ยอมกลับบ้านอีกต่างหาก .... สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้คะ เพื่อลูก

ตอนนี้ก็ประสบปัญหานี้อยู่ค่ะ  ส่งลูกเข้าเนิร์สได้ประมาณ 4 เดือนแล้วค่ะ

ก็ป่วยบ่อยๆ   แต่มาเดือนนี้ (กย.)  คงเป็นเดือนที่ฝนตกบ่อยๆ  เลยได้ไปรร.อยู่ไม่กี่วันค่ะ

แล้วตากับยาย  ก็บ่นอยากให้หลานลาออก  เพื่อมาเลี้ยงเอง  เพราะเห็นหลานต้องกินยา

และหยุดเรียนอยู่่่บ่อยๆ แต่เราก็ยืนยันและยืนหยัดที่จะให้ลูกเรียนเนิร์สต่อ (ตอนนี้ 2.9 ขวบค่ะ)

ทะเลาะกันแทบทุกวันเรื่องให้ลาออกจากรร. ล่าสุด มีแบบไ่ม่ยอมไปส่งหลานที่รร. เพราะเห็นว่า

ยังมีน้ำมูก  แต่กระนั้นหลานก็ป่วยอยู่ดี  ก็เลยบอกว่า  อากาศช่วงนี้เป็นแบบนี้  ยากที่จะไม่ป่วย

แต่เราก็พร้อมที่จะรับมือกับปัญหาการเจ็บป่วย  ด้วยการสอบถามจากเพื่อนๆ ที่มีประสบการณ์

คือ ซื้อพวกอาหารบำรุง  โปรตีนจากพืช  วิตามินซี  และฝึกทำวิธีการล้างจมูกให้ลูก  พร้อมกับพ่นจมูก

กินยาแำก้แพ้  เพียงแค่ให้ลูกมีภูมิคุ้มกันเพิ่ม  กับพัฒนาการที่ได้มาก็ค่อนข้างคุ้มค่านะคะ

โดยเฉพาะเวลาที่คิดว่า  เวลาทองของเราเหลือน้อยลงแล้ว  ก็ต้องรีบไปส่งให้เรียนโรงเรียน ที่เป็นโรงเรียนจริงๆ

ไม่ใช่แค่ที่รับเลี้ยงเด็กเฉยๆ ค่ะ  พัฒนาการลูก  เป็นพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดเล็ก มัดใหญ่ค่ะ  

ซึ่งลูกเราด้อยด้านนี้ค่ะ แล้วก็พัฒนาการด้านการเข้าสังคม เป๊ะมากๆ ฮีกลัวคนน้อยลงค่ะ ปลื้มเลยค่ะ

ยังไงก็ขึ้นกับการตัดสินใจนะคะ  สมัยนี้กับสมัยก่อนไม่เหมือนกันค่ะ สู้ๆ นะคะ

น่าเห็นใจคุณแม่ๆ จังเลยค่ะ ที่ต้องมานั่งเครียด ไหนจะเรื่องผู้ใหญ่ และไหนจะอาการป่วยของลูก น่าสงสารน้องด้วยคะคงไม่สบายตัว

อย่างเพื่อนของมด นะคะก็บอกเหมือนกันว่า ลูกป่วยไม่สบายเป็นเดือน แบบ 3วันป่วย 2 วันหาย เด่วๆ อีก2 วัน มีน้ำมูกอีกแล้ว เพื่อนบอกเป็นทั้งเดือนเลย เพราะเด็กๆ คนอื่นๆ เป็นหวัดไม่พร้อมกัน คนโน้นหาย คนนี้เอามาติดอยู่อย่างนี้ ตลอดเพราะภูมิของเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ถ้าผ่านพ้นไปได้ก็ยาวเลยค่ะ มีภูมิสู้กับไวรัสแล้ว  แต่มดคิดว่าเป็นคนที่โชคดีมาก น้องเพลงไปเรียนที่เนอสเซอรี่นี้ ครึ่งเดือนแล้ว ไม่มีอาการอะไรเลย ปกติ แข็งแรง กินเก่ง นอนเยอะ ร่าเริง ตอนนี้เริ่มร้องเพลงภาษาอังกฤษแล้ว แต่แม่แค่ฟังออกนิดหน่อยคะ ตอบ yes, no, ok ได้แล้ว ลูกร่าเริ่งมีความสุข ทุกคนในบ้านก็มีความสุขตามไปด้วยค่ะ  คงเป็นเพระที่เนอสฯนี้ มีเด็กน้อยด้วยละมั๊งค่ะ  และที่นี่เค้าให้เด็กได้วิ่งเล่น มีกิจกรรมต่างๆ ให้เด็กได้ทำเยอะ เด่วๆก็วิ่ง เตะบอล ชูส์บาส  ได้ออกกำลังกายอยู่ตลอด ต้องดูด้วยอะคะ คุณ Permalink  หรือไม่คุณก็อาจจะลองเปลี่ยนสถานที่ให้น้องเผื่อจะดีขึ้นหน่ะคะ อย่างของมด น้องเพลงอยู่เนอสฯ 2 ภาษา ที่ลาดพร้าว 71 ค่ะ  อย่าท้อนะคะ  

ขอบคุณทุกความเห็นคะ  คงต้องซักพักใหญ่ถึงจะพาเข้าโรงเรียนได้นะคะ  ไม่อยากทะเลาะกับพ่อแม่สามี  เค้าจะคิดว่าเราเป็นสะใภ้ (คนจีน) ต้องเชื่อฟังเค้า  ทำตามที่เค้าพูดทุกอย่าง  แต่บังเอิญเราถูกเลี้ยงมาแบบต้องคิดเอง ตัดสินใจเอง และรับผลการตัดสินใจเอง 555 ก็เลยแอบเป็นสะใภ้กบฏ  แต่คิดว่าเมื่อถึงเวลาซัก 2ขวบปลายๆ เกือบ 3 ขวบ จะลองพาไปเตรียมอนุบาลดูคะ  คงทะเลาะกันบ้านแตกอีกรอบ  ตอนนี้เลยต้องประนีประนอมไปก่อนคะ (เฮ้อ)

เข้ามาอ่านหาความรู้ด้วยคนค่ะ ก่ะลังมีความคิดเหมือนคุณแ่ม่ ๆหลายคนค่ะ

ความคิดเราคิดว่า อยากให้ลูกเข้าเรียนตอน 3 ขวบนะคะ น่าจะพรอมกว่า

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service