เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย
คือตอนนี้เริ่มเครียดแล้วคะน้อง 1.3 จะ 1.4 น้องพูดแต่แม้มๆๆ กับภาษาของเค้า พอดีพาน้องไปฉีดวัคซีน คุณหมอถามว่าตอนนี้น้องชี้ อวัยวะ ได้รึยัง ชี้ หน้า ตา จมูกได้รึยัง เริ่มพูด คำๆ รึยัง ก็บอกหมอว่ายังเลย หมอก็ถามว่าทำมัย ก็บอกไม่ได้สอนเลยคะ คือน้องก็ไม่บ๊ายบาย หรือธุจ้านะคะ ย่าเค้าก็มีสอน(ย่าเลี้ยง) แต่น้องเค้ายังไม่ได้ทำตาม ตอนนี้เริ่มเครียด กลัวพัฒนาการเค้าช้า เพราะจากที่ฟังคนอื่น ลูกๆๆเค้าไปถึงไหนต่อไหนแล้ว พอจะให้เค้าไปเข้า เนอสเซอรี่ แฟนก็ไม่ค่อยเห็นด้วย บอกว่าน้องยังไม่พูดเลย ยังบอกเราไม่ได้เลย เรียก พ่อแม่ ปู่ย่า ยังไม่ได้เลย คือแฟนบอกรอน้องพร้อมกว่านี้ก่อน ค่อยพาไป อีกอย่างแฟนเป็นห่วงกลัวเค้าดูแลไม่ทั่วถึง แต่น้องเค้าจะเข้าใจนะคะเวลาบอกเค้าว่าอย่า! เค้าก็จะหยุด หรือเวลาน้อยใจก็จะร้องไห้
ในใจคิดว่าเพราะเค้าไม่ค่อยมีสังคมรึป่าว คืออยู่บ้านไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน (หมู่บ้านจะประมาณ ต่างคนต่างอยู่ กว่า พ่อแม่ ปู่ ป้าจะกลับก็ ทุ่ม 2ทุ่ม) ย่าก็อุ้มไม่ค่อยจะไหว เพราะย่าก็แก่แล้ว แล้วส่วนมากจะอยู่กับ TV ค่ะ คือTV ช่วยเลี้ยงแม่ออกจากบ้าน 6.00เพราะทำงานไกล ก็อุ้มน้องไว้ในเปล ย่าก็บอกให้เปิด TV เอาไว้ น้องจะได้ไม่ร้อง ไม่อย่างนั้นจะร้องตามแม่ คือตอนนี้รู้นะคะว่าน้องติด TV เวลากลับมาบ้านก็พยายามอยู่กับเค้าเล่นกับเค้าถ้าพาไปเดินเล่น วันอาทิตย์ เจอคนอื่นก็จะเหมือน อายๆไม่กล้าสบตา ไม่กล้าเล่นด้วยหรือ อาจจะมีการเหมือนเอาแต่ใจ ร้องกรี้ด ตบหน้าคนอื่น จะพาลูกไปหาหมอดีค่ะ เพื่อจะได้ไปทำกิจกรรม ต่างๆๆ กับลูก วันอาทิตย์ ช่วยแนะนำด้วยนะคะ กลัวลูกเป็นเด็กสมาธิสั้นค่ะ
Tags:
อืม ความเห็นส่วนตัวนะคะ
คนบางคนมีลูกแล้วไม่ต้องเลี้ยง มีคนเลี้ยงให้ และโชคดีอีกต่อที่มีคนเลี้ยงที่น่าไว้ใจ และมีความสามารถอบรมสั่งสอนลูก
สามารถช่วยให้พัฒนาการของลูกดีขึ้น ไม่ได้เลี้ยงลูกเองแต่ลูกก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรในการเจริญเติบโต
ก็น่าเห็นใจคุณนะคะ ดูคุณเองก็ห่วงลูกมาก ช่วงนี้ในวัยเด็กสำคัญมาก หากสามีทำงานคนเดียวแล้วพอใช้ ออกงานมาเลี้ยงลูกเถอะ
หรือหางานที่ใกล้บ้าน มีเวลาให้ลูกมากยิ่งขึ้น ย่าก็แก่แล้วท่านก็คงดูแลหรือสอนหลานได้ไม่มาก ไม่แอททีฟเหมือนแม่สอน
กำไรชีวิตมันได้ในระยะยาว ได้เห็นลูกเติบโต และได้อย่างที่เราสอน แป๊ปเดียวลูกก็โตแล้ว ไม่ได้เลี้ยงลูกเองเสียดายแย่เลยค่ะ
หน้าที่การงานสำคัญก็จริง หากไม่ยึดติดทำที่ไหนก็ได้ โลกออกจะกว้าง คนเราหากขยัน รักการทำงาน ยังไงก็ไม่อดตาย
แต่ลูกสิ หากเขาเติบโตแล้วไม่ได้ดังใจ พัฒนาการไม่ดี สมองไม่ดี สุดท้ายเขาไม่สามารถช่วยตัวเองได้เท่าที่ควร หรือเป็น
ภาระของแม่ ภาระสังคม หรืออะไรก็ตามแต่ เราคนเป็นแม่ทุกข์ใจจนตายเลย พลาดช่วงเวลาสำคัญในการดูแลลูก
มันก็จะมีผลกระทบระยะยาวเลยนะ
ก่อนจะพาลูกไปหาหมอ ลองปรับพฤติกรรมของลูกดูก่อน แต่อย่าลืมปรับพฤติกรรมของคนเลี้ยงด้วย
การแก้ไขพื้นฐานก็คือการเอาใจใส่ดูแลลูก คอยสังเกตลูก และต้องสำรวจตัวเองว่าอะไรที่มันขาดไป
อะไรที่ให้ลูกน้อย หรืออะไรที่ลูกรับน้อย ก็ต้องปรับไปให้เหมาะ หากปรับแล้วไม่มีอะไรดีขึ้น
ถึงตอนนั้นค่อยพบแพทย์ค่ะ
ขอบคุณ พี่หน่อยนะคะ เรื่องออกมาเลี้ยงลูกเคยคุยกับแฟนแล้ว แต่ด้วยภาระตอนนี้ก็ เยอะอยู่เลยต้องช่วยกันหา เลยขอเค้าถ้าคนที่ 2 ขอออกมาเลี้ยงเอง เค้าก็ OK ค่ะ ส่วนเรื่องหาที่ทำงานใกล้บ้าน ตอนนี้ก็มีหาอยู่เหมือนกันคะ เอาแบบเงินเดือนน้อยกว่าปัจจุบันก็ได้ แต่มีเวลาให้ลูกเยอะขึ้น ได้หยุดวันเสาร์ ได้มีเวลาอยู่กับเค้ามากขึ้น เมื่อวานก็มีคุยกับแฟนค่ะ คือวันเสาร์วันอาทิตย์ อาจจะพาเค้าออกไปข้างนอก ไปเล่นไปเดินไปทำกิจกรรมบ่อยขึ้น ให้เค้าเจอสังคมเยอะขึ้น มีเวลาให้เค้าเล่นกับเค้าพูดคุยกับเค้า ย่า เค้าจะได้พักผ่อนด้วย ส่วนตัวจิ๊บเองก็รีบกลับมาบ้าน ถึงบ้านเร็วสุดก็2ทุ่ม กลับมาเล่นกับน้อง ถ้าน้องยังไม่นอน หรือบางครั้งกลับมาน้องก็หลับแล้ว ยังไม่ได้อาบน้ำด้วยซ้ำ เพราะจิ๊บกลับมาอาบน้ำให้เค้าไม่ทัน (แต่ดีอย่างบางวันน้องตื่นมาตี5 จิ๊บกำลังปั๊มนม เค้าตืนเห็นเราเค้าก็จะเข้ามานอนซบ แต่ถ้าไม่เห็นก็จะร้อง เนื่องจากลงไปเก็บของข้างล่างก็ต้องรีบขึ้นไปหาลูก ให้เค้าเห็นเราอยู่ในสายตา)
ขอบคุณพี่หน่อย คิดอะไรได้เยอะเลย ช่วงวัยเด็ก เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆๆ ของเค้าที่สำคัญ ถ้ามันผ่านไปแล้วเราก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับมาได้
เป็นพ่อแม่ที่ทำงานมีเวลาให้ลูกแค่ช่วงเย็นกับเช้าของวันจันทร์ถึงศุกร์นิดหน๋อย และวันเสาร์เต็มวันกับวันอาทิตย์ครึ่งวัน ส่วนมากอยู่กับพี่เลี้ยงซึ่งก็เป็นคนไม่ค่อยพูด ลูกเราเริ่มพูดเป็นคำตอน18เดือน ปัจจุบัน2ขวบ4เดือนพูดเก่งมากๆ พูดเป็นประโยคโต้ตอบผ้ใหญ่รู้รื่องเข้าใจสิ่งรอบตัวเยอะ ดังนั้นคุณแม่ไม่ต้องกังวลคะ มีเวลาเท่าไหนก็พูดกับลูกเท่านั้นแต่เวลาอยู่กับเขาก็พูดให้มากที่สุด พูดในสิ่งรอบตัวเรานี่แหละคะ ตอนแรกก็เป็นกังวลเหมือนกันที่เขายังไม่พูดแต่ฟังรู้เรื่องหมด รู้จักอวัยวะ รู้คำสั่ง แต่สุดท้ายเมื่อเขาพูดแล้วเรานี่แหละจะเหนื่อย ต้องคอยตอบคำถามลูกตลอด เป็นกำลังใจให้นะคะ และที่สำคัญอย่าให้เด็กดูทีวีคะเพิ่งเริ่มให้ลูกดูทีวีตอน2ขวบ3เดือน และไม่ได้ให้ดูทุกวัน ดูวันหนึ่งไม่เกินครึ่งชั่วโมง
คุณหมอ แนะนำดิฉัน อยู่ 2 อย่างค่ะ ห้ามให้เด็กดูโทรทัศน์และกินขนมจนกว่า 2 ขวบค่ะ ดิฉันและสามีเอาโทรทัศน์ออกจากบ้านเรียบร้อยแล้ว ลองดูนะค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ส่วนลูกดิฉันตอนอายุเท่านั้นก็ยังทำอะไรไม่ได้ค่ะ ดิฉันก็รู้เฉยๆ เพราะเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดิฉัยเชื่อมั่นในตัวลูก ถ้าเค้าพร้อม เค้าจะทำเอง ถ้าลูกคุณตรวจแล้วไม่พบว่ามีอาการผิดปกติใดๆ ก็ไม่น่ามีปัญหาค่ะ หลานดิฉันสองขวบกว่าถึงพูด และก็พูดแยะเลยค่ะ
ส่วนเรื่องขนม ไม่กินขนม กังวลเรื่องฟันผุจะลดลงไป และทำให้ทานข้าวและลไม้ง่ายค่ะ
ที่บ้านค่ะ มี 2 คน จะให้เขาดูทีวี พอสมควร แต่ดูแต่ช่องเด็กค่ะ จินแจม เป็นการ์ตูน รายการ เด็ก เล็กๆ และที่สำคัญก็ เป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ ค่ะ และส่วนเรื่องเวลาค่ะ คือ ครอบครัวของเราก็มีปัญหาเรื่องภาระเหมือนกันค่ะ ตอนท้องนี้ทำงานอยู่ เงินเดือนดี มีตำแหน่งพอสมควร แต่พอใกล้คลอดก็ลาคลอด และก็ลาออก มาพ่อเขาก็จะหนักเรื่องรับภาระเดิม+ ค่าใช้จ่าย แม่และลูกเพิ่ม แต่มั่นใจค่ะ ว่าเวลาเขาเหนื่อยๆ กลับบ้านมา เห็นบ้านเรียบร้อย ลูกก็มีความสุข พ่อก็มีความสุขมันจะเป็นกำลังใจให้เขาได้เป็นอย่างดีค่ะ สู้ๆ นะค่ะ เอาใจช่วยค่ะ
© 2024 Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก. Powered by