เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

สวัสดีคะมีเรื่องอยากรบกวนอีกแล้วคะ อยากขอคำปรึกษาคะ ขอเล่าเลยนะคะเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา คือว่าลูกชายดิฉันคะตอนนี้อายุได้สองขวบกับอีกหนึ่งเดือนแล้วคะ ตั้งแต่เล็กจนโตก็จะสอนลูกตลอดว่าไม่ให้ไปหยิบของของคนอื่น ซึ่งมันก็ได้ผลแทบไม่น่าเชื่อเพราะลูกดิฉันไม่เคยหยิบของเล่นของคนอื่นเลยหากเด็กคนนั้นยังเล่นอยู่ แม้กระทั่งของบางอย่างที่ไม่มีคนเล่นถ้าบริเวณนั้นมีคนนั่งอยู่ก็จะไม่หยิบจะเดินมาบอกแม่ให้ไปเอาให้ ซึ่งดูแล้วเหมือนลูกไม่กล้าไปเลยคะ ดิฉันจะพาลูกไปเล่นที่ศูนยืเด็กเล่นบ่อยมาก เพราะอยากให้ลูกคุ้นเคยกับคน ที่ศูนย์เด็กเล่นนี้ก็จะมีเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึงประมาณสามขวบมาเล่นแล้วก็มีพ่อแม่มาเผ้าดู บ่อยครั้งที่ลูกของดิฉันจะโดนเด็กอื่นแย่งของเล่นเสมอ แล้วลูกก็เกิดอาการเอ๋อคะ คือพอโดนแย่งก็ไม่รู้จะทำไง ตอนแรกก็ไม่เข้าไปยุ่งเพราะอ่านหนังสือมาเขาบอกว่าให้เด็กได้เรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาเอง แต่ปล่อยไว้นานไทคิก็เอ๋อขึ้นทุกวัน ดิฉันเลยสอนลูกว่าถ้ามีคนมาแย่งก็ให้ไปแย่งคืนนะ พอหลังหลังนี้ เวลาโดยแย่งเขาก็จะร้องให้แบบโกรธมากจะต้องเอาคืนให้ได้แต่ก็ไม่ไปแย่งเขา แบบว่าเอาแต่ร้องอะคะ ส่วนพ่อแม่ที่นี่ก็ดูเหมือนจะปล่อยให้ลูกไปแย่งคนอื่นแบบว่าแย่งได้แย่งเลย แต่ถ้าลูกตัวเองโดนแย่งก็จะปรี่เข้ามาทันที ทุกครั้งที่ลูกโดนแย่งของไปดิฉันก็จะบอกลูกว่าไม่เป็นไรลูกเล่นอย่างอื่นก็ได้นะ แต่ก็สงสารเขาเพราะเหมือนเขาเสียใจที่ตัวเองไม่เคยแย่งของใคร แต่กลับโดนคนแย่ง พอโดนแย่งจะร้องให้ไม่ยอมหยุด นำ้หูนำ้ตาไหลหยึ่งกับสายนำ้ทีเดียว ไม่ทราบว่าพอจะมีท่านได้ให้คำแนะนำได้บ้างไหมคะ จะขอบพระคุณมากคะ สงสารลูกมาก

Views: 2592

Replies to This Discussion

แล้วผู้ปกครองน้องที่แย่งของลูกเรา เขาไปไหนล่ะค่ะ? เขามีปฏิกริยาต่อการกระทำของบุตรหลานเขาอย่างไรเอ่ย?
พ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กที่มาแย่งของก็นั่งคุยกันคะ แบบว่านั่งเฉย ประมาณว่าหันมามองแล้วก็ดูว่าลูกใครร้อง พอเห็นว่าลูกตัวเองได้เปรียบก็ทำเป็นนั่งคุยต่อไม่รู้ไม่ชี้คะ ลืมบอกไปคะว่าดิฉันอยู่ที่ญี่ปุ่นคะ ดิฉันพาลูกมาเล่นที่นี่ แต่ดิฉันไม่มีเพื่อนเลยทั้งทั้งที่อยู่เมืองไทยมีเพื่อนมากแต่มาอยู่ที่นี่แถวบ้านไ่มีเพื่อนญี่ปุ่นเลยคะ คนไทยก็ไม่เคยเห็น พาลูกไปเล่นที่ศุนย์เด็กตอนแรกก็พยายามเป็นมิตรกับทุกคน แต่ดูเหมือนเขาไม่อยากคุยกับเรา เดียวนี้ก็เลยไม่คุยกับใครเลยมองลูกเล่นอย่างเดียว เลยรู้ตลอดว่าลูกส่วนใหญ่จะโดนแย่ง พ่อแม่ของเด็กที่มาแย่งก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ลางครั้งพ่อแม่เขาเห้นลูกเขาแย่งของลูกเราไปต่อหน้าต่อตา ก็ทำเป็นพูดบอกว่าให้ลูกเอาของมาคืน แต่เด็กก็ไม่ยอมปล่อย พ่อแม่เขาก็บอกกับเราว่า ขอโทษนะคะที่ลูกแย่งของไปแค่นั่นคะ แต่ไม่พยายามบอกให้ลูกเอาของมาคืนเลยขอโทษแล้วก็จบ แต่ไม่พยายามสอนหรือบอกว่าไม่ให้แย่งของของคนอื่น เป็นแบบนี้กันเป็นส่วนใหญ่เลยคะ คนที่นี่
ลูกดิฉันก็แบบนี้ล่ะค่ะ เราสอนไม่ให้แย่งของจากมือเพื่อนหรือหยิบของๆคนอื่น ลูกก็จะเอ๋อเหมือนกันเวลาโดนคนอื่นแย่งไปต่อหน้า ดิฉันไม่เคยสอนให้ลูกไปแย่งคืนนะคะ แต่จะบอกเค้าทุกครั้งว่าให้เล่นของอย่างอื่นแทน เรามีทางเลือกเยอะ ไม่ต้องไปแย่งคืนมา แล้วคนที่มาแย่งของลูกไปเค้าจะไม่มีเพื่อนเล่นเพราะไม่มีใครอยากเล่นกับคนที่ชอบแย่งของคนอื่น พูดอย่างนี้ทุกครั้งค่ะ ลูกร้องก็ปลอบแล้วก็เบนความสนใจไปให้เล่นอย่างอื่น หรือไปทำกิจกรรมอื่นซะ แล้วบอกเค้าเสมอว่าคนที่แย่งของจากคนอื่นจะไม่มีเพื่อน แล้วเพื่อนจะรู้เองว่าถ้าอยากมีคนเล่นเด้วยเค้าจะต้องแบ่งของให้เพื่อนด้วย ตอนนี้ลูก 4 ขวบแล้วค่ะ เค้าแยกเพื่อนได้ ใครชอบแย่งของเค้าไม่เล่นด้วย (ยังมีโดนแย่งของจากมือไปบ้าง แต่ก็รู้จักเอาของในมือหลบเองได้แต่ไม่ทุกครั้ง) จะมาเล่าให้แม่ฟัง แล้วพอเพื่อนคนเดิมนิสัยดีขึ้นแบ่งของให้เล่นกันบ้างเค้าก็จะมาเล่าว่าเพื่อนนิสัยดีขึ้นแล้ว
ขอบคุณมากเลยคะคุณศศรสสำหรับความคิดเห็น แต่ก็รู้สึกกังวลมากอะคะว่า ถ้าเราไม่สอนให้เขาไปแย่งของคืนแล้วเขาจะกลายเป็นคนขี้กลัวไหมคะ แบบว่า อ้าวเพื่อนแย่งของไป แล้วก็ปล่อยให้เขาเอาไป อีกหน่อยเด็กพวกนี้ก็ได้ใจ แล้วลูกเราเคยแต่โดนแย่งพอโตขึ้นก็ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้อะคะ กลัีวมากเลยคะ
คิดว่าไม่นะคะ ดิฉันเคยคิดแบบคุณเหมือนกัน บางทีก็โกรธที่ลูกเราโดนกระทำทุกทีเลย แต่ก็ใจเย็นทันซะก่อนเลยไม่เคยสอนลูกให้แย่งของคืนจากคนอื่น ตอนนี้น้องตั่งตั๋งก็ไม่ได้เป็นเด็กขี้กลัวเลยนะคะ เค้ากลับรู้ด้วยซ้ำว่าถ้าเพื่อนมาแบบนี้เค้าจะทำอย่างไร ดิฉันคิดว่าถ้าแม่เห็นว่าการแย่งของจากคนอื่นไม่ใช่เรื่องดีเราก็อย่าไปสอนลูกให้แย่งของคืน เพราะไม่งั้นจะกลายเป็นสอนลูกให้ยึดติดกับสิ่งของนะคะ เด็กๆ เรียนรู้จากการกระทำค่ะ แล้วแม่คอยให้เหตุผลว่าอะไรดี อะไรไม่ดี ลูกคนอื่นทำไม่ดีก็บอกลูกว่าการกระทำนั้นไม่ดี (ไม่ใช่เด็กคนนั้นไม่ดีนะคะ) เพื่อนทำเพราะเพื่อนยังไม่รู้ว่าไอ้ที่ดีน่ะมันทำยังไง (ที่ดีก็ทำอย่างที่แม่สอนลูกอยู่นี่ไง) ปลูกฝังความคิดบวกให้เค้าดีกว่าค่ะ เด็กจะค่อยๆ เรียนรู้และปรับตัว แล้วคุณเชื่อเถออะค่ะว่าพ่อแม่ที่ไม่สนใจว่าลูกไปแย่งของเพื่อนแล้วก็ไม่สอนไม่บอกอะไร (เห็นว่าลูกเป็นฝ่ายได้เปรียบก็เลยเฉย) เค้าได้บ่มเพราะนิสัยที่ไม่ดีให้ลูกไปโดยไม่รู้ตัว แล้วก็คงทำอย่างนั้นไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นลูกเราจะเจอเพื่อนแบบนี้เพิ่มขึ้นๆ นะคะ ต้องสอนให้เค้าอยู่ให้ได้โดยที่เค้าไม่เดือดร้อน ในระยะสั้นเด็กที่ชอบแย่งของคนอื่นจะรู้จักการแบ่งให้คนอื่นเพิ่มมากขึ้นเมื่อเขาไม่มีเพื่อนคนไหนอยากเล่นด้วย เด็กพวกนี้เมื่อเข้าโรงเรียนจะใช้เวลาปรับตัวมากหน่อย กว่าจะเรียนรู้ว่านิสัยแบบนี้มันไม่ดี และนิสันที่ดีทำอย่างไร ถ้าเราอยากปลูกฝังนิสัยดีให้ลูกก็ทำให้ลูกเห็น สอนลูกค่ะ แต่อย่าให้ลูกทำนิสัยที่เราไม่ชอบและเห็นว่ามันแย่ อย่าลืมว่าเด็กดูดซับทุกอย่างจากเราค่ะ เราบอกเราให้อะไรเค้าไปเค้าจะสะท้อนออกมาให้เห็นไม่ช้าก็เร็ว อยากเห็นผลสะท้อนด้านดีก็ใส่สิ่งดีๆ ให้เค้าค่ะ แต่ก็สอนสิ่งไม่ดีโดยให้ดูตัวอย่างจากคนอื่นจะดีกว่า
ขอบคุณอึกครั้งคะ เป็นคำแนะนำที่มีค่ามากมากเลยคะ
เรื่องลูกโดนเพื่อนเล่นแรงๆ ตีบ้าง ผลักบ้าง หรือเจอเพื่อนเกเรชอบมาตีแบบไม่มีเหตุผลน่ะค่ะ ก็สอนลูกแบบเดียวกันคือ ให้ออกมาห่างจากเพื่อนคนนั้นเลย มาหาแม่ ถ้าลูกอยู่โรงเรียนแล้วก็บอกว่าให้ไปหาคุณครู เล่นกับเพื่อนคนอื่นได้เพราะเรามีเพื่อนเยอะ เพื่อนที่เล่นแรงหรือชอบตะโกนเสียงดังใส่เค้าอารมณ์ไม่ดีหงุดหงิด ต้องให้เค้าสงบสติอารมณ์ก่อน พอเค้านิสัยดีแล้วก็ค่อยกลับไปเล่นกัน ดิฉันมักจะบอกลูกอย่างนี้ตั้งแต่ลูกเล็กๆ ค่ะ เพราะลูกจะเป็นเด็กที่มักจะโดนเพื่อนเล่นแรง แล้วก็โดนแย่งของ (คือบางครั้งมีของเอาไปแบ่งให้เพื่อนแล้วเหลือของตัวเอง แต่เพื่อนก็ยังจะมาเอาไปอีก) ตอนนี้ลูก 4 ขวบ เค้ารู้จักหลีกเลี่ยงเพื่อนที่เล่นแรงได้เองค่ะ เหมือนเค้าประเมินเพื่อนได้เองว่าคนไหนเล่นด้วยได้คนไหนไม่ควรไปเล่นเด้วย ตอนนี้ดิฉันสอนให้ลูกรู้จักการบอกความรู้สึกของตัวเองกับเพื่อนไปเลย คือ ให้บอกเพื่อนว่าทำแบบนี้เราไม่ชอบ อย่าตีมันเจ็บ แล้วก็ไม่ต้องเล่นกับเพื่อนคนนั้น เพราะการให้ลูกบอกความรู้สึกของตัวเองนอกจากจะทำให้ลูกเป็นคนเรียนรู้ความรู้สึกนึกคิดของตัวเองแล้ว ยังสอนเพื่อนได้ด้วย เนื่องจากเพื่อนที่เล่นแรงนั้นโดยธรรมชาติตัวเค้าเองคงไม่รู้ว่ามันแรง แต่ถ้าเค้ารู้ว่าเล่นแบบนี้แล้วเพื่อนเจ็บ เพื่อนไม่ชอบ (เพราะเพื่อนบอก) เค้าก็จะเรียนรู้ที่จะไม่ทำหรือระวังมากขึ้น ไม่งั้นก็ไม่มีเพื่อนเล่น เป้นการเรียนรู้การปรับตัวอยู่ร่วมกันของเด็กๆ ในโรงเรียนค่ะ
ชอบมากเลยคะ เป็นความคิดที่ดีเหมือนกันที่ควรจะสอนให้ลูกรู้จักบอกความรู้สึกของตนเองจะได้ไม่เก็บกด แล้วจะเอาไปลองใช้ดูนะ
ถ้าบังเอิญเผลอสอนลูกหรือบอกลูกไปแล้ว (เรื่องแย่งของคืน) ลูกจะเก็บความทรงจำนี้ไว้นะคะ มีโอกาสเค้าจะลองทำ ถ้าคุณต้นไม้ของแม่ ไม่ได้พูดย้ำๆ เรื่องแย่งของคืน ความทรงจำนี้ก็จะไม่ถูกนำมาใช้ค่ะ คุณแม่ก็ใช้การสอนเชิงบวกเข้าไปแทนทีได้เลยทุกวัน ปฏิกิริยาเชิงบวกจะมีปริมาณมากกว่าเชิงลบเพราะแม่ใส่บวกมากกว่าลบ ลูกก็จะแสดงปฏิกิริยาเชิงบวกมากกว่าค่ะ ตอนนี้น้องสองขวบกว่าๆ เค้าเก็บทุกอย่างที่เราบอกค่ะ พอเค้าโตขึ้น (ไม่นานหรอกค่ะช่วงวัย 3-6 ปีนี่แหละ) เค้าจะเอาสิ่งที่เราสอนมาใช้ ลองสังเกตลูกไปเรื่อยๆ นะคะ เรื่องโดนแย่งของก็น่าจะเจออยู่เรื่อยๆ คุณแม่ใช้โอกาสนั้นล่ะสอนทันสถานการณ์เลย ลูกจะจำขึ้นใจ แล้วก็รู้ว่าการแย่งของจากคนอื่นเป็นนิสัยไม่ดี ต้องไม่ทำ แล้วจะได้เรียนรู้การเล่นของอย่างอื่น การไม่ยึดติดว่านี่ของฉัน เค้าจะได้ลดการเสียใจ ร้องไห้ลงไปได้ค่ะ
ส่วนเด็กที่ชอบแย่งของคนอื่นมันเป็นธรรมชาติของเด็กด้วยค่ะ เค้าไม่รู้หรอกว่าทำอย่างนั้นไม่ดี แต่เค้าอยากเล่นน่ะ ของมันไปอยู่ในมือเด็กคนอื่นเค้าก็เพียงไปหยิบเอามาเหมือนที่กับหยิบของจากชั้น ก็เป็นหน้าที่ของแม่ล่ะค่ะที่ต้องสอน มีเพื่อนลูกสาวก็มีนิสัยแย่งของไปจากมือเพื่อน แล้วทำทุกครั้งไม่ว่าเพื่อนจะถืออะไรไว้ แม่เค้าใช้เวลาสอนเรื่องนี้เป็นปีค่ะ คือแม่ต้องไม่เบื่อที่จะบอกลูกซ้ำๆ อธิบายซ้ำๆ กับสถานการณืที่ลูกทำตรงหน้าว่าไม่ดีอย่างไร ต้องไม่ทำเพราะอะไร ตอนนี้เพื่อนลูก 4 ขวบนิสัยนี้แทบจะหายไปเลยค่ะ มีบ้างเหมือนกันที่จะเข้าไปหยิบของจากมือเพื่อนแล้วเหมือนเค้านึกได้ว่ามันไม่ดี เค้าก็ชะงัก แถมยังเป้นเด็กที่ไม่หวงของของตัวเองอีก ยอมแบ่งให้เพื่อนเล่นมากขึ้น นานขึ้น ทั้งที่ถ้าเป็นเมื่อตอนเล็กสมัยที่ชอบแย่งของจากเพื่อนเค้าก็จะไม่ให้เพื่อนเล่นของตัวเองด้วย นิสัยดีๆ ปลูกฝังได้ค่ะ ด้วยเวลา และความอดทนของแม่นี่แหละ
ลูกของดิฉันเป็นอีกแบบค่ะ คือประมาณว่าเห็นเด็กขี่รถมา ก็จะเข้าไปขอแจมด้วย บางครั้งร้องอยากจะเอาเลย ก็เลยต้องรีบเข้าไปห้าม และสอนลูกว่าทำแบบนี้ไม่ได้ไม่ใช่ของของเรา ทำแบบนี้ไม่น่ารัก เดี๋ยวไม่มีใครมาเล่นด้วย สังเกตุว่าลูกจะมีพฤติกรรมแบบนี้ประมาณ 4-5 ครั้งหลังจากนั้นไม่ค่อยเจอ เพราะจะคอยจับตามองลูกตลอด และคอยรู้เท่าทันเค้าว่าเค้าจะทำอะไร พอหลังๆก็จะไม่ค่อยมีแล้ว มีอยู่ครั้งนึงลูกอยากได้ลูกโป่งมาก เค้าไปขอกับเด็กคนที่ถือลูกโป่ง ทางแม่เด็กคนนั้นก็ใจดีบอกลูกเค้าให้แบ่งให้น้อง พอลูกได้มาเค้าได้ชื่นชมไม่นานก็มีเด็กผู้หญิงที่โตกว่าลูกชายมาเอาไป พอดีเราเห็นว่าเด็กเค้ากำลังยื่นมือมาจับลูกโป่งเราก็เลยชิงบอกลูกเราว่าให้พี่เค้าเล่นบ้างนะ ส่วนแม่ของเด็กผ้หญิงเค้าก็เกรงใจพยายามเอามาคืน แต่ลูกเค้าไม่ยอม เราเลยบอกว่าไม่เป็นไร และก็ไปพูดกับลูกว่าเราต้องแบ่งปัน แล้วเราก็รีบเบี่ยงเบนความสนใจลูกเราไปอย่างอื่นเลยคะ
ชอบวิธีการสอนลูกของ คุณJongkolporn จังนะคะ และชื่นขมคุณแม่เด็กคนนั้นก็ใจดีบอกลูกเค้าให้แบ่งให้น้อง น่าจะนำมาเป็นตัวอย่างได้เลยนะคะ

ขอบคุณค่ะ
คนไทยเราใจดีมีนำ้ใจ มีความโอบอ้อมอารี ตัวดิฉันเองก็อยากให้ลูกเป็นแบบนั้น จึงได้สอนลูกตั้งแต่เล็กไม่ให้แย่งของของคนอื่น แต่ทุกวันนี้บางครั้งก็อดคิดไม่ได้คะว่าสอนถูกแล้วหรือเปล่า หรือว่าเราควรจะเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามก็ไม่รู้ เพราะคนญี่ปุ่นที่นี่ดูเหมือนเขาไม่มีนำ้ใจกันเลย และก็มักจะสอนให้ลูกเห็นแก่ตัว ก็ไม่ได้เหมารวมว่าคนญี่ปุ่นทุกคนไม่ดีหรอกนะคะ เพราะสามีดิฉัีนเองก็เป็นคนญี่ปุ่น แต่เท่าที่สัมผัสมันรู้สึกอย่างนั้นอะคะ คนญี่ปุ่นจะเน้นให้ลูกเข้มแข็งมากกว่ามีจิตใจโอบอ้อมอารี เคยถามสามีว่าสมัยเรียนที่โรงเรียนมีชั่วโมงสอนจริยะธรรมไหม เขาบอกว่าไม่มี ไม่มีการสอนให้รู้จักโอบอ้อมอารีเผื่อแผ่ผู้อื่น แต่จะสอนให้เด็กเข้มเเข็งและรู้จักการอยู่ร่วมกันในสังคมมากกว่า คือประมาณว่าอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนอะคะ ก็เลยเหมือนคนญี่ปุ่นจำใจที่จะต้องทำตามกฎกติกาเฟื่อไม่ให้แตกต่างจากคนอื่น แต่พื้นจิตใจต้องเข้มแข็็งอะไรประมาณเนี่ยคะ เท่าที่เห็นก็เลยไม่เห็นพ่อแม่ญี่ปุ่นคนไหนสอนให้ลูกแบ่งของให้เพือนเล่นเหมือนคนไทย ในสมัยตอนไทคิอายุได้แปดเดือน เวลาไทคิจะไปหยิบของคนอื่น ดิฉันก็จะบอกไม่ให้หยิบและไม่เคยปล่อยให้เขาหยิบของที่คนอื่นเล่นอยู่เลย บอกแต่ให้เขาไปเล่นอย่างอื่น แต่ในทางกลับกัน เมือสองวันก่อนไทคิเล่นปาลูกโบลิ่งอยู่ ก็จะมีขวดพลาสติดอยู่สามอัน แล้วก็มีเด้กคนหนึ่งปรมาณหนึ่งขวบมาพังขวดพลาสติดล้มลง ไทคิก็บอกว่าอย่าแล้วก็หยิบตั้งขึ้นใหม่ เด็กคนนั้นก็ล้มขวดอีกทำอย่างนี้อยู่สองสามครั้งแม่เขาก็นั่งอยู่ข้างข้าง ถ้าเป็นเมือก่อนดิฉัันก็จะบอกลูกว่าแบ่งให้น้องเล่นด้วยนะ แต่เนื่องจากไทคิโดนรังแกบ่อยบ่อย แล้วดิฉัันเองก็เห็นว่าลูกไม่ผิดจึงไม่พูดอะไร จะลองดูว่าไทคิจะทำอย่างไร สักพักแม่ของเด็กคนนั้นก็บอกว่าขอให้น้องเล่นอันหนึ่งนะ แล้วเขาก็หยิบขวดพลาสติดไปหนึ่งขวด ทั้งทั้งที่ลูกดิฉันเล่นอยู่แท้แท้ ไทคิก็ทำท่าจะร้องดิฉันเลยทำเป็นโยนลูกบอลเล่นกับลูกเบี่ยงเบนความสนใจ ถ้าเป็นดิฉันเป็นแม่ของเด็กคนนั้น ดิฉันก็จะบอกลูกว่าพี่เขาเล่นอยู่ไปเล่นอย่างอื่นกันดีกว่านะ รอให้เขาเล่นเสร็จค่อยเล่นนะลุก และคิดว่าถ้าเป็นคนไทย เราก็คงจะสอนลูกอย่างนั้น แต่คนญี่ปุ่นไม่เป็นอย่างนั้นคะ ด่ิฉันเองก็อยากสอนให้ลูกเป็นคนอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ มันช่างทำยากจริงจริงในสังคมนี้

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service