ขอคำแนะนำซื้อหนังสือสอนลูก ม.1

[[e-mail]]

สวัสดีค่ะ คุณครู คุณแม่ที่เก่งภาษาอังกฤษ ดิฉันอยากซื้อหนังสือคู่มือภาษาอังกฤษซักเล่มค่ะเอาไว้สอนลูกชายคนโตค่ะ คือเด็กโต ม. 1 แล้วค่ะเค้าก็เรียนแกรมม่าแล้วดิฉันไม่เก่งเรื่องแกรมม่าด้วยบอกกับลูกชายไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษก็ไม่ไป เค้าอยากให้แม่สอนให้ดิฉันก็ดูหนังสือเรียนอังกฤษของเค้า เรื่องศัพท์แม่พอสอนได้แต่เรื่องแกรมม่าซิค่ะแม่ก็ไม่มั่นใจและไม่รู้จะสอนอย่างไร ขอคำแนะนะจากคุณครูด้วยค่ะ หนังสือก็เห็นหลากหลายมากในร้านดิฉันเลือกไม่ถูกค่ะ

[น้องมีนา]

เอาจากประสบการณ์ตรง ของพี่ชายน้องมีนานะคะ ไม่ใช่คุณแม่ที่เก่งอังกฤษ ออกจะโง่เรื่องภาษาด้วยซ้ำ

 

พี่ธันว์อยู่ ม. 1 เหมือนกัน เมื่อก่อน แม่ก็ไม่ได้สนใจที่จะติวหรือขวนขวายให้ลูกเท่าไหร่ ให้ลูกไปเรียนที่สถาบันภาษาชื่อดัง ตั้งแต่ อนุบาล 3 โรงเรียนก็เป็นโรงเรียนใหญ่ในเมืองเชียงใหม่ ป.1 -ป.3 เห็นผลการเรียนของลูก ก็ 4  หมดเลยยิ่งนิ่งนอนใจ

 

ป.4 แม่ให้ลองอ่านหนังสือ คำง่ายๆ อ่านไม่ได้เลยคะ เลยให้น้องเรียนพิเศษกับครูตัวต่อตัว ก็ไม่ได้ผลคะ เนื่องจากเค้าค่อยข้างไฮเปอร์ วันนี้ทำพรุ่งนี้ลืม

 

แม่ก็ตระเวนหาซื้อหนังสือ เมื่อก่อนไม่ค่อยมีหนังสือมือสองมาขายมากมายอย่างนี้  ลงทุนไปเยอะคะ ให้อ่านวันละครึ่งชั่วโมง มีทั้งขู่ อ่านทั้งน้ำตานองหน้า เรื่องไหนสนุกๆ ก็อ่านแบบมีความสุข มีหลายอารมณ์  ที่คุณแม่เคยถามเรื่องหนังสือ ORT นั่นก็ส่วนหนึ่งคะที่ลูกชายชอบมาก อ่านแบบมีความสุข  แล้วก็หาแบบฝึกหัดมาเพิ่มให้ทำบาง ตามร้านหนังสือซีเอ็ด แต่ไม่ค่อยต่อเนื่องเท่าไหร่ คุณชายก็เป็นแบบเดิม วันนี้ทำได้พรุ่งนี้ลืมละ

 

3 ปีมานี้ เห็นผลแล้วคะ เกรดจากตอน ป.4 ป.5 ได้ 2 มาวันนี้ 3.5 เพื่อนๆเค้า  0 บาง 1 บาง  เรื่องแกรมม่าที่พยายามให้เค้าทำแบบฝึกหัด ไม่ค่อยได้ผลคะ สำหรับลูกชายนะคะ  ตอนนี้ที่ให้เรียนก็กะครูฝรั่งอาทิตย์ละครั้งเองคะ ส่วนตัวเชื่อมั่นเรื่องการอ่านหนังสือมากเลยคะ ถ้าเราทำทุกวัน สม่ำเสมอ หลังการอ่านมีแบบฝึกหัดให้เค้าทำบาง หรือสนทนาในเรื่อง

 

อีกอย่างถ้ามีน้องเล็กด้วย ถ้าน้องไม่กวนหรือเค้าไม่หงุดหงิดกับน้องก็โชคดีไปคะ ของเราสองคนที่บ้านเวลาอ่านหนังสือทำด้วยกันไม่ได้จริงๆ ต้องแยกกันคะ น้องอ่านกับแม่ พี่ชายอ่านกับพ่อ (พ่อเค้าภาษาอังกฤษค่อยข้างดี แต่สอนไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่ แม่ต้องหาหนังสือ แล้วขอร้องให้พ่อสอนให้) ตอนนี้คิดว่าเรื่องภาษาเค้าแซงหน้าแม่ไปแล้วคะ

 

เด็กโตแล้ว ม.1 เริ่มวัยรุ่น พูดยากมาก  เคยแนะนำคุณแม่เพื่อนไป แต่เค้าก็บอกว่า ลูกเค้าไม่อ่าน ไม่รู้ทำอย่างไร พอไปเรียนกวดวิชา ผลที่ได้มาก็ไม่เป็นที่พอใจสำหรับบางคน

 

แชร์ประสบการณ์ให้นะคะ

[[e-mail]]

ลูกชายคนโตของดิฉันพูดยากจริงนะค่ะ บางทีดิฉันก็เหนื่อย ๆใจมาก ดิฉันถามว่าโตมาจะเป็นอะไรถ้าเราไม่ตั้งใจเรียน หรืออยากออกมาเก็บขยะขาย ขายของช่วยป้าที่ตลาด เค้าบอกว่าไม่เอา ดิฉันได้แนะแนวอาชีพแต่ละอาชีพให้ฟัง เค้าก็เข้าใจค่ะ และเค้าสนใจมากคือ อยากเป็นตำรวจ  วันหนึ่งมีคนไปแจกใบปลิวเกี่ยวกับสถาบันกวดวิชาเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร เค้าก็เอามาให้แม่อ่านแม่ค่ะ และแม่ก็เปิดคลิปโรงเรียนเตรียมทหารให้ดูตั้งแต่การสอบแข่งขันจนถึงการจบการศึกษา เค้าก็ยิ่งอยากเป็น แม่หาข้อมูลสถาบันกวดวิชาหลายสถาบันและถามคนรู้จักเพื่อเราจะทำยังไงกับลูกชาย เราต้องเตรียมพร้อมกับการสอบให้เนิ่น ๆ มีโอกาสสอบตั้งแต่ จบ ม.3-ม.6 ถ้าอายุไม่เกิน 17ปี คนสอบ สามหมื่นเอาแค่ร้อยกว่าคน แต่เมื่อเข้าเป็นตำรวจแล้วก็คุ้มค่าทั้งระยะสั้นและยาว ดิฉันก็คิดหนักมากว่าลูกเราจะสอบได้รึเปล่านะ บางวันนอนไม่หลับ ดิฉันก็บอกลูกว่าลูกต้องเตรียมพร้อมทั้งร่างกายและสมอง ทุกวันนี้ดิฉันจะให้วิ่งรอบสนาม 400 เมตร 3 รอบ เค้าก็ทำแม่บอกว่าต้องตั้งใจเรียนนะ การเรียนเทอมที่ผ่านมาก็ได้แค่ 2.65 เอง เค้าตกศิลปะ แต่ได้เกรดคณิตศาตร์ 3.5 อีกสองคะแนก็ได้ 4 แม่ก็บอกว่าไม่เป็นไรเทอมหน้าเอาใหม่และอย่าให้แม่เห็น 0 อีกนะ ถ้าเค้าไม่ตกศิลปะเค้าก็คงได้ เกือบ 3  ลูกบอกว่าศิลปะยากมากแม่ ครูให้วาดรูปเหมือน รูปแลเงา แกะสลักบาง ดิฉันเห็นเค้าทำงานศิลปะส่งครูไม่ผ่านตั้งหลายงาน งานแรกก็หมดสมุดศิลปะไปหนึ่งเล่มกว่าจะผ่าน นักเรียน ม.1 ตกศิลปะ ประมาณ 40 คนได้ซึ่งถามกับคนที่เรียนศิลปะด้วยกันดิฉันจึงให้อภัยลูกและบอกเค้าว่าตั้งใจทำให้ดีที่สุด ตอนนี้ให้เค้าเรียนพิเศษวิชาคณิตศาตร์และดิฉันก็ช่วยสอนอังกฤษไปด้วย คือดูหนังสือเรียนและสอนเค้าไปพร้อมกับครูเลย ให้ทำแบบฝึกหัดท้ายบทเพื่อเค้าจะจำได้  วางแผนว่าช่วงเดือนเมษาจะให้เค้าไปเข้าค่ายสถาบันกวดวิชาเตรียมทหาร ที่กรุงเทพฯ 15 วัน สถาบันกวดวิชาจะปูพื้นฐานให้และพาไปทัศนศึกษาที่ โรงเรียนทหาร หลายเล่าด้วยกัน และ ม.2 ก็กวดวิชาที่อุดรฯ ม.3 ติวเข้มเข้ากรุงเทพฯเลย เราเป็นแม่ก็วางแผนให้ลูกเพื่ออนาคตเค้า แม่จะเปรยกับเค้าว่า แม่ไม่ได้อยู่กับลูกตลอดไปนะ   คุณแม่คนไหนมีประสบการณ์ก็ขอแชร์ด้วยนะค่ะ