เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

take for grant หมายความว่าอย่างไรคะ?

ข้อความเหล่านี้ หมายความว่าอย่างไรคะ?
1.take for grant
2. rest in pieces

ขอบคุณมากค้า....

Views: 2827

Replies to This Discussion

1. Take for granted: ความหมายหลากหลายขึ้นอยู่กับสถาณะการณ์

ที่แพทใช้บ่อยจะเป็น

Don't take it for granted that I will always do things for you. อย่าไปคิดว่า(เชื่อว่า)ฉันจะทำอะไรให้่เธอตลอด(เสมอ)ไป

So many of us take clean water for granted. พวกเราใช้น้ำอย่างสิ้นเปลืองไม่เห็นคุณค่าของมัน

อธิบายลำบาก ขออนุญาติยกคำอธิบายของคุณผู้ชาย 2 ท่านที่ไปหาเจอมาเอามาแปะลงไว้ให้นะค่ะ

เอาความหมายที่ง่าย ๆ มาอธิบายก่อน

to take for granted แปลว่า ทึกทัก ครับ คล้าย ๆ กับ assume (สันนิษฐาน) เพียงแต่ว่าเป็นการสันนิษฐานที่มักจะผิด อาจจะให้ความหมายว่า wrongfully assume ก็ได้เช่น

I took for granted the fact that Somcheng and Somchai were lovers.(ผมทึกทักว่าส้มเช้งกับสมชายเป็นคู่รักกัน)

ในตัวอย่างนี้มีความหมายเป็นนัยที่ว่า ที่จริงแล้วส้มเช้งกับสมชายไม่ได้เป็นคู่รัก ขออีกตัวอย่างครับ

I took it for granted that Bucknut would arrive on time ... but he was two hours late. (ผมทึกทักว่าบักนัดจะมาตรงเวลา ... แต่เขามาสายสองชั่วโมง)

ในตัวอย่างนี้สมมติว่าเราเพียงพูดว่า I took it for granted that Bucknut would arrive on time. เรายังเข้าใจว่า บักนัดไม่ได้มาตรงเวลา 

บางครั้งเราใช้ to take for granted กับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำจนทำให้เราเข้าใจว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นไปเรื่อย ๆ หรือเป็นเรื่องธรรมดา ขอยกตัวอย่างสามประโยคครับคือ

We take it for granted that the sun will rise every morning. (เราคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่พระอาทิตย์ขึ้นทุกวัน)

If we work, we take for granted that we must get paid. (ถ้าเราทำงาน เราก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เราต้องได้รับค่าตอบแทน)

Foreign journalists take for granted that the Thai political system is corrupt. (นักข่าวต่างประเทศถือว่าการทุจริตในระบบการเมืองไทยเป็นเรื่องธรรมดา)

ส่วนความหมายที่สามเป็นความหมายที่คุณแพรว ผู้อ่านคอลัมน์นี้เป็นประจำ ได้ถามถึงเมื่อสองวันที่แล้วคือ ตอนนั้นคุณแพรวถามว่า I didn’t take them for granted. ให้ความหมายว่าอะไร ในประโยคนี้ to take for granted หมายถึง ไม่เห็นคุณค่าของใครบางคน ในความหมายนี้มักจะใช้กับบุคคลอื่น เช่น

I took him for granted.

ความหมายที่แท้จริง ของประโยคนี้คือทำนองว่า ผมไม่ได้เห็นคุณค่าของเขา ความหมายนี้น่าจะเกี่ยวโยงกับความหมายที่สองคือ เราเชื่อว่า เขา ในประโยคเมื่อกี้ จะอยู่กับเราเป็นประจำจึงไม่ต้องเอาใจเขา ไม่ต้องขอบคุณเขา ไม่ต้องนึกถึงความรู้สึกของเขา

ในความหมายนี้ to take for granted ให้ความหมายในเชิงลบครับ You take me for granted! กลายเป็นประโยคที่คู่รักมักจะต่อว่ากันเวลามีการทะเลาะ ความหมายคือ เธอไม่เห็นคุณค่าของผม หรือว่า พี่ไม่เคยเอาใจหนูเสียที ประมาณนี้ครับ

อีกตัวอย่างหนึ่งครับ

Somchai took Somcheng for granted ... until she found herself a new boyfriend.(สมชายไม่ค่อยได้เอาใจส้มเช้ง เธอจึงหาแฟนใหม่สำหรับตัวเอง)

จะเห็นชัดเจนว่าความหมายของ to take for granted ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ นี่คือเสน่ห์ของภาษาอังกฤษครับ

 

อีกอันค่ะ

  Don't take it for granted  หลายคนคงอาจจะเคยได้ยินคำนี้ และหลายคนก็คงอาจจะไม่เคยได้ยินคำนี้ ผมเริ่มได้ยินคำนี้บ่อยมากๆๆในการ Present Sales Meeting จากที่ทำงานเก่าของผม IBM Thailand ผู้ใหญ่หลายๆๆคนชอบพูดคำนี้ โดยไม่มีการขยายความ แล้วคิดว่าคนฟังจะเข้าใจ ก็บอกตรงๆเลยอ่ะ ไม่เข้าใจจริงๆๆในช่วงแรก แต่พอมีพี่คนที่เป็น Memtor มาอธิบายให้ฟังเริ่มรู้สึกว่าเจ๋งดีแฮะ พอเป็นคติประจำใจได้เลย

           ผมเริ่มลองหาจากใน google ก่อนเจอแบบนี้
         Well if someone takes you for granted, it means that they assume that you will always do things for them whether or not they tell/show you that they appreciate you. For example, if you always gave me a ride wherever I needed to go and I never said thank you or gave you any money, you would feel like I was taking you for granted which is not nice. I hope I explained it well enough for you to understand.

      ลองแปลแบบในความเข้าใจของผมบ้างนะ  อย่าทำสิ่งที่คุณทำได้หรือสิ่งที่คุณได้รับอนุญาติ(เพราะคุณเป็นหัวหน้า, เป็นรุ่นพี่, เป็นพ่อแม่)    ขอขยายความอีกนิดหนึ่งนะครับผมจะยกตัวอย่างสิ่งที่คุณทำได้หรือว่าได้รับอนุญาติให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
        1) หัวหน้ามีสิทธิ์และทำได้ สำหรับกลับบ้านก่อนลูกน้อง, มาสายกว่าลูกน้อง, ใช้งานนอกเหนือภาระหน้าที่ [เพราะลูกน้องเกรงใจ เลยไม่กล้าพูดบางอย่าง ผลคือ เก็บไว้ในใจก่อน]

        2) รุ่นพี่มีสิทธิ์ที่และทำได้ที่จะให้รุ่นน้องไปซื้อของที่อยากได้ส่วนตัวเช่นซื้อน้ำ ซื้อขนม ให้ [เพราะรุ่นน้องเกรงใจ เลยต้องทำตาม ผลคือ เก็บไว้ในใจก่อน]

        คือต้องขยายให้มากๆๆก่อนว่าคำว่าสิทธิ์หรือสิ่งที่ทำได้นั้น ในที่นี้คือมันเป็นเพราะว่า บางอย่างของเรา ที่ทำให้มีสิทธิ์ในการกระทำครั้งนั้นๆ  แต่มันไม่ได้มาจากตัวเราที่เป็นตัวเรา

        บางอย่างของเราคือ นามธรรม ที่อยู่ในสังคมนั้นเอง พ่อ แม่ พี่ น้อง รุ่นพี่ รุ่นน้อง หนัวหน้า ลูกน้อง ตำรวจ พลเอก พลตรี ครู อาจารย์ ผู้มีบุญคุณ

       จะเห็นว่าพอ ตัวเรานั้นมีโอกาสเข้าไปอยู่ใน นามธรรม ชื่อเรียกข้างบนที่ผมยกตัวอย่างมานั้นมันทำให้คุณมีสิทธิ์เพิ่มขึ้นโดยทันที กระทำบางอย่างเพิ่มขึ้นได้ทันที

       คนทั่วไปอาจจะดีใจนะที่มีสิทธิ์เพิ่ม

       แต่ผมจะบอกว่าสิทธิ์พวกนี้มี quota นะหรือว่าจำนวนครั้งจำกัดในการใช้ ถ้าใช้เกินเมื่อไหร ผลกระทบที่ไม่ดีจะตามมาแน่ ( ที่ผมบอกว่ามีจำนวนจำกัดก็คือว่า คุณมีสิทธิ์ที่จะใช้มัน แต่ไม่ได้ unlimit นะ ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นไม่ควรใช้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ) ---> และนี่ก็คือ quota เดียวกันกับแฟน ด้วยนะเนี่ย มันก็จะทำได้แค่ตอนแรกๆๆแหละ เช่นบอกว่าให้ไปส่งให้หน่อย แรกๆๆก็ ok หลังๆๆ เริ่มไม่ว่าง แล้ว

       มาลองดูว่ามันทำไมมีจำกัดว่ะเนี่ยอุสาได้มาแล้ว

                    ง่ายที่สุดเลยโดยการดูที่ความรู้สึกของตัวเอง เช่น หัวหน้าเคยของร้องให้ทำนู้นทำนี่ แรกๆๆนะก็ทำได้อย่างเต็มใจ ไม่วาจะไปส่ง ก็ไปส่งได้อย่างเต็มใจ หรือ จะยกเก้าอี้มาให้นั่งก็ทำอย่างเต็มใจ หรือ ไปกินข้าวก็ตักให้อย่างเต็มใจ  ลองเวลาผ่านไปซัก ปี หรือ สองปี(มีข้อแม้นะหัวหน้าแม้งใช้บ่อยจังวู้ย , และไม่มีการผลัดกันคือเราต้องเป้นคนทำอยู่ฝ่ายเดียว โดยการทำครั้งนี้เป็นการทำให้กับนามธรรมที่เรียกว่าหัวหน้า) นั่นแหละ เราจะเริ่มรู้สึกว่า ทำไมกูต้องมาทำให้ฟ่ะ แม้งทำเองไม่เป็นหรอ
                    หรือหัวหน้ากลับก่อนได้เสมอๆเลย[กลับก่อนก็มี quota ], มาสายได้เสมอๆ[มาสายก็มี quota ], เพราะว่ากูเป็นลูกน้องเลยต้องมาเช้า ทำให้เกิดความรู้สึกที่ไม่เท่าเทียมกันเกิดขึ้น 

 

 ซึ่งจะเห็นว่าเป็นนิสัยที่ไม่ดีดังนั้นเราควรตระหนักถึงทุกๆๆการกระทำของเราว่าการกระทำครั้งๆ นั้นๆ เป็นการกระทำที่เกิดจากนามธรรมของเราหรือป่าวถึงทำได้   เพราะการกระทำอะไรก็แล้วแต่ที่มันไม่ได้มาจากเพราะว่าตัวเราเองจริงๆ มันจะก่อให้เกิดความ ไม่พึ่งพอใจเล็กๆ อยู่ในคนอื่น ซึ่ง เราไม่มีโอกาสรู้เลยว่าไอ้เล็กๆ แบบนี้ จริงๆๆแล้วตอนนี้มันใหญ่ขนาดไหน พอกกันเหมือนดินพอกหางหมูอยู่ หรือว่าสำหรับบางคน มันไม่เคยเล็กเลยมันใหญ่ตลอด ดังนั้น ถ้าพวกเราตระหนักแบบนี้กันแล้ว ก็ไม่ควร take it for granted กันนะครับ

 

อันนี้จะอยู่ใน seven habit ที่พวก manager ใน IBM ต่างๆๆไปเรียนกันมา พวกคุณสามารถสังเกตได้ โดยการเรียนรู้จากของจริง เรียนรู้จากความรู้สึกของเราเอง มีไปเรียนความรู้สึกของผู้อื่นบ้างบางครั้ง เท่านี้คุณก็จะได้มีโอกาสพัฒนาจิตใจแล้วครับ

 

rest in pieces พักผ่อน/หลับอย่างเป็นสุข

แปลเป็นไทยอีกที หลับให้สบาย(เถอะนะ อย่าได้ห่วงหรือกังวลกับอะไรอีกเลย)

แปลการพูดแบบนี้อีกชั้นก็ ไปสู่สุคติเถิด

 

ตัวย่อ RIP

ขอบคุณนะคะ คุณPat ษาพลอยได้ความรู้ไปด้วย^^

ชอบมากเลยค่ะความหมายของ take for grant ที่คุณ Pat อธิบาย...

ษามีข้อสงสัยนิดหน่อยค่ะ คือษาเข้าใจว่า RIP ย่อมาจาก "Rest in peace" ใช่รึป่าวคะ

PAT ขืน rest in pieces อย่างที่คุณว่า ใครตายทีคงต้องเอาไปสับก่อนลงหลุม ก็จะให้พักผ่อนแบบเป็นชิ้นๆ

Rest in Peace คือให้พักอย่างสงบ หรือตายตาหลับ ไม่ใช่เอะอะแม่จะสับท่าเดียว

 

ท่าน่าแปลกใจคือมีคนเห็นดวย ช่วยตามไปสับกันเพียบเลย :)

Sorry นะค่ะ ไม่ทันได้เช็คตัวสะกดค่ะ
5555+++ บ้านนี้แอบมีแซว ^^
ปรบมือให้ครูแพทค่ะ
Credit ยกให้คนอื่นค่ะ

เข้ามาอ่านด้วยคนคะ

 

"ที่แพทใช้บ่อยจะเป็น

Don't take it for granted that I will always do things for you. อย่าไปคิดว่า(เชื่อว่า)ฉันจะทำอะไรให้่เธอตลอด(เสมอ)ไป

So many of us take clean water for granted. พวกเราใช้น้ำอย่างสิ้นเปลืองไม่เห็นคุณค่าของมัน"

 

คงเป็นความหมายที่เข้าใจง่ายที่สุด และพอที่ตัวเองจะเอาไปใช้ได้

ส่วนความหมายอื่น ค่อนข้างยากนะคะที่จะเอาไปใช้แบบเข้าใจถูกต้อง ...ไม่งั้น คนพูดงงซะเอง ..^^ ขอบคุณ จขกท และครูแพทอีกทีค่ะ

Rest in pieces เป็นชื่อเพลงนะค้า

 

คิดว่า น่าจะเป็น Rest in peace มากกว่าค่า

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service