เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

เก่ง ดี มีสุข อะไรควรมาก่อนกันนะนี่.

กำลัง สงสัยว่า 3สิ่งนี้ถ้าเรียงตามลำดับความสำคัญแล้วอะไรน่าจะมาก่อนกัน เพราะกำลังจะเลือกมาใช้กับลูกๆครับ
a. 1.เป็นคนเก่ง   2.คนดี         3.มีความสุข
b. 1.เป็นคนเก่ง   2.มีความสุข  3.เป็นคนดี
c .1.เป็นคนดี     2.มีความสุข   3.เป็นคนเก่ง
d. 1.เป็นคนดี     2.เป็นคนเก่ง  3.มีความสุข
e. 1.มีความสุข   2.เป็นคนเก่ง  3.เป็นคนดี
f.  1.มีความสุข   2.เป็นคนดี     3.เป็นคนเก่ง
ถ้าต้องเป็นคนออกข้อสอบและมีข้อถูกต้องเพียงข้อเดียวผมก็คงงงงงนะครับว่าข้อไหนน่าจะเป็นคำตอบที่ถูกต้อง ถึงแม้คำถามเป็นแบบมีสักษณะเฉพาะของแต่ละครอบครัวที่ไม่มีข้อผิดหรือข้อถูก หรืออาจจะถูกทุกข้อ แต่เวลาใช้จริงก็ต้องเลือกมาหนึ่งข้ออยู่ดี...Hmmm..เลือกข้อไหนดี

Views: 1561

Reply to This

Replies to This Discussion

ตอนนี้ไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่มอบทุกอย่างที่หวังไว้กับครูค่ะ เพราะมองว่าครูก็ทำหน้าที่ของครู (ปัจจุบันกับอดีต ต่างกันค่ะ) ปัจจุบันภาระหน้าที่ของครูมีมากกว่าการทุ่มเทงานสอน งานเอกสาร ธุรการ สารพัดค่ะ ถ้าในระดับอุดมศึกษาผู้บริหารมุ่งเห็นความสำคัญของงานวิจัยมาก บางทีลืมพื้นฐานงานสอนไป พูดยากค่ะ ยิ่งถ้ามีครอบครัวแล้วด้วย (นึกถึงตัวเราเองพอมีลูกมีครอบครัวค่ะ ) อีกอย่างค่ะ ในห้องเรียนเดียวกันครูหนึ่งคน สอนเด็ก 20-40 บางที 50 คน มีเด็กทั้งเก่งและไม่เก่ง ปานกลาง ถามว่าครูสอนเหมือนกันมั้ย ครูสอนทุกคนเหมือนกัน แต่บางทีความสามารถในการเรียนรู้ต่างกันพ่อกับแม่ก็คงต้องเข้าใจจุดนี้ด้วยว่า ธรรมชาติมีความแตกต่าง แต่สมดุล

เพราะฉะนั้นทุกคนในสังคมนี้ ทำหน้าที่ของตนให้สมบรูณ์ ด้วยจิตใจที่ดีงาม บ้านเราก็จะเต็มไปด้วยคนดีและคนเก่งๆ เต็มไปหมดค่ะ (เหมือนเวปหมู่บ้านแห่งนี้)
ขอบคุณคุณฆนวันต์ กับกระทู้ดีๆนี้มากนะคะ
ตำราคงมีเยอะนะครับสงสัยต้องไปหาความรู้เพ่ิมเติมจากคุณฆนวันต์บ้างแล้ว ไหนๆวิชาการแล้วต่อยอดอีกนิดเรื่องสิ่งแวดล้อม ศิษย์เอกของฟรอยด์ นามเอลิคสัน (จิตวิทยการศึกษา)พูดถึงบุคคลิกของคนๆหนึ่ง ถูกหล่อหลอมมากจากสิ่งรอบข้างพูดง่ายก็คือ สิ่งแวดล้อม เด็กคนไหนเป็นยังไงดูกันได้ไม่ยากครับ ดูจากสิ่งแวดล้อมเขาว่าถูกฟูกฟักมาจากส่ิงแวดล้อมแบบไหน ถ้าลูกโตมาอยากรู้ว่าขี้เหล้าเมายาหรือเปล่าก็ดูที่กล่มเพื่อนง่ายที่สุด แต่ใช่ว่าสิ่งแวดล้อมจะกำหนดชะตาซะทั้งหมด เขาพูดถึงเรื่องจิตสำนักใฝ่ดี เช่น เพื่อนในกลุ่มกินเหล้ากันเกือบหมดแต่บางคนในกลุ่มก็ไม่ได้กินเหล้าแต่ก็เป็นเพื่อนกันได้ แต่จิตสำนึกใฝ่ดีที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ของแต่ละคนซึ่งคนส่วนใหญ่มีแต่ไม่เท่ากัน แนะนำหนังสือเพ่ิมเติมของ EDWARD DE BONO และ Tony Buzan ส่วนตัวชอบสองคนนี้มากๆครับพูดถึงเรื่องการใช้ศักยภาพสมองของมนุษย์ ในแง่ความคิดสร้างสรรค์ ครับ
ตำราในโลกนี้มีเยอะมากครับ ที่สำคัญอยากให้คนส่วนใหญ่เป็นอย่างที่คุณจ๊อบคิดไว้นะ่ดีมากๆอยู่แล้วคือเป็นคนดี ก่อนอื่นเลย อันนี้พูดในระดับสังคมนะครับเป็นเรื่องใหญ่กว่าเรื่องครอบครัว คือการอยู่ร่วมกันอย่างมีสันติและความสุขในสังคมนี่ละครับ พอดีเห็นคุณจ๊อบพูดถึงฟรอยด์ เจ้าของทฤษฏี psychoanalytic หรือ psychoanalytic theory ทฤษฏีจิตวิเคราะห์อันโด่งดัง (เรื่องพระเอกทางวิชาการนี่ต้องยกให้ยิวเรื่อยเลยเมื่อไหร่จะเป็นคนไทยบ้างก็ไม่รู้) ผมก็ชอบอยู่นะครับเพียงแต่งานวิชาการเขาระบุว่า"ปม"หรือComplex ที่เกิดขึ้นในวัยเด็กของแต่ละคนนั้นจะถูกผูกเป็นปมปัญหาไปตลอดชีวิต อยู่ในจิตใต้สำนึก เก็บกด(depression)รอวันประทุ แต่สามารถบรรเทาได้ด้วยกลวิธานป้องกันตัวเอง( Defense Mechanisms)ในหลายรูปแบบ และฟรอยเชื่อว่าไม่มีวันเปลี่ยนแปลงจะต้องคงอยู่อย่างนั้นตลอดชีวิต ที่พูดนี่คืออย่างนี้ครับ ฟรอยมีเพื่อนร่วมงานที่เป็นลูกศิษย์ด้วยชื่อ คาร์ล จุง เขาเชื่อว่าปมเหล่านั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หมายถึงคนเราสามารถกำจัดปัญหาทางจิตที่เกิดขึ้นจากความเจ็บปวดในวัยเด็กให้พ้นไปได้ ถึงแม้ว่าตอนหลังสองคนนี้อาจจะมีขัอแย้งกัน แต่ทฤษฏีจิตวิเคราะห์ของทั้งสองท่านนี้ก็ยังเป็นสมบัติของโลกวิชาการทางด้านจิตวิเคระห์ที่ได้รับความเชื่อถือเป็นอย่างสูงอยู่ดี ปัญหาก็คือผมเลือกเชื่อของคาร์ล จุง ครับผมเชื่อว่ามนุษย์ถึงแม้ว่าจะเกิดปมปัญหาที่ฝังรากลึกเข้าไปในจิตใต้สำนึกเพียงใด ถ้าคิดจะแก้ปมนั้น แท้จริงแล้วย่อมทำได้ ดังนั้นไม่ว่าเกิดปัญหาใดๆขึ้นในชีวิต อาจจะเคยถูกทำร้ายในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งจนฝังใจ หรือเกิดความไม่พึงพอใจหรือพึงพอใจในสถานการณ์หรือสิ่งแวดล้อมที่เลวร้ายใดๆก็ตาม ผมเชื่อว่าแก้ได้ครับ
ดีใจที่ได้คุณจ๊อบเป็นหัวหน้าห้องเชียงใหม่อย่างมากนะครับเสียดายที่ไม่เคยมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมด้วยเลย คิดว่าต้องดีแน่ๆเห็นคุณจ๊อบชื่นชอบTony Buzan เจ้าพ่อMind Map กิจกรรมที่คุณจ๊อบคิดขึ้นต้องดีมากแน่ๆ เลย ส่วนที่ว่าอาจจะได้มีโอกาสพูดคุยกันเรื่องตำหรับตำรานั้น ผมไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจมากหรอกครับ ของจริงต้องผู้ใหญ่บิ๊กโน่น พูดจากใจจริงนะครับเพราะเห็นสัมภาษณ์ทางทีวีแค่ครั้งเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นผู้ใหญ่ที่อ่านหนังสือเยอะมากๆครับ.
คุณพ่อทั้งสองไม่ใช่พ่อธีร์ปลอมตัวมาแน่นะคะ
ประโยคที่ว่า เธอดีเกินไปยังอยู่ในความทรงจำของผมตลอดเวลาครับ (โชคดีที่ชีวิตนี้ไม่เคยมีใครพูดกับผมอย่างนี้เลย Hmmm...)
อันนี้ก็โพสจริงไม่ได้ป่วน คนบางคนพยายามเป็นคนดีของสังคมมากเกินไปจนลืมดูแลคนข้างๆ และหัวใจของตัวเองว่านั้นคือความสุขของเราจริงหรือ จนเมื่อมันสายไป
อันนี้ใช่เลยครับ
การศึกษาไม่มีวันจบ... ผมได้ยินมานานตั้งแต่ผมคิดได้ว่าการศึกษาจะทำให้เราดีขึ้นทุกๆมิติไม่เว้นแม้แต่การขัดเกลาจิตใจในทุกเรื่องถ้ายอมรับและเข้าใจ แต่นั้นแหละคับที่พระพุทธเจ้าสั่งสอนเราเรื่องความเข้าใจ มนุษย์เราเกือบหมดโลกเข้าใจตัวเองแต่ไม่เคยเข้าใจอะไรเลยที่เป็นตัวเอง ผมดีใจมากๆครับที่เรามีเพื่อนบ้านอย่างคุณฆนวันต์ และดีใจกับครอบครัวสองภาษาที่ได้รู้จักกับคุณฆนวันต์ มีน้อยคนนักที่จะเอาทฤษฎีมาปฎิบัติ แล้วน้อยคนนักที่จะเห็นคุณของการปฎิบัติ บ้านไหนสนใจส่งลูกหลานไปเรียนดนตรีกับครูคนนี้ละก็ไม่ได้แค่การท่องตัวโน้ตแน่ๆครับ มีโอกาสจะพาน้องญิ๋ง ญิ๋งไปเยี่ยมครับผม
f. 1.มีความสุข 2.เป็นคนดี 3.เป็นคนเก่ง
ที่จริงแล้วเราปิดโหวตกันแล้วนะครับ แต่รู้สึกทราบซึ้งใจที่คุณ thomas trentmann ให้ความสนใจในเรื่องที่เหมือนเล็กๆแต่ใหญ่นี่นะครับ ข้อf.เป็นครอบครัวที่อบอุ่นนะครับ ในทางมนุษย์นิยมเขาเชื่อว่าทุกคนเกิดมาล้วนเป็นคนดีอยู่แล้ว ดังนั้น การที่ครอบครัวที่อบอุ่นจะเลือกจะให้ลูกมีความสุขก่อนก็ถูกต้องนะครับ เพราะว่าการเป็นคนดีนั้นเป็นวิถีของครอบครัวที่ดีอยู่แล้ว ..ส่วนเรื่องเก่งนั้นเท่าที่มีการพูดคุยผ่านกระทู้นี้รู้สึกว่าส่วนใหญ่จะบอกว่าเป็นสิ่งที่สร้างได้ง่ายที่สุดในสามข้อนี้เลยครับ..ยินดีที่ได้พูดคุยกันนะครับ
ไม่ได้มาโหวตนะคะ แต่ขอคำปรึกษาค่ะ คือพ่อแม่ทุกคนต้องการให้ลูกเป็นคนดีและจะสอนลูกให้เป็นคนดีแน่นอนค่ะ อยากทราบส่วนใหญ่จะเริ่มสอนกันตั้งแต่ลูกอายุเท่าไหร่คะ ที่เป็นกิจลักษณะนะคะ คือพออ่านหัวข้อนี้แล้วย้อนกลับมาดูตัวเองว่าเราเริ่มสอนลูกให้เป็นคนดีหรือยังและเรื่องอะไรบ้าง
เหมือนว่าแทบจะยังไม่มีเลยค่ะ เพราะมัวแต่สอนให้เค้าเล่น อ่านหนังสือ และพูดให้เค้าเข้าใจในคำพูดของเราตามกิจกรรมประจำวันค่ะ พอเค้าทำอะไรได้เราก็จะชมเค้าว่าเก่งจังเลย เก่งมาก ๆ ไม่ค่อยมีคำว่าหนูเป็นเด็กดีจังเลย หนูต้องเป็นคนดีนะ แบบนี้จะทำให้เด็กรู้สึกว่าการที่เค้าเป็นคนเก่งจะทำให้พ่อแม่รักและดีใจหรือเปล่า หรือเวลาพูดอังกฤษกับเค้าก็มีพูด good boy เวลาเค้าทำอะไรได้ มันก็คือความหมายว่าเก่งค่ะ
รู้สึกว่าตัวเองจะเน้นให้เค้าเก่งมากไปหรือเปล่า มันก็ไม่น่าใช่เพราะเราต้องการให้เค้าเข้าใจสิ่งที่เราสื่อสารกิจกรรมประจำวันก่อน ซึ่งเรื่องความดียังไม่ค่อยมีเข้ามาเกี่ยว หรือเหตุการณ์จากหนังสือหรือการ์ตูนเราก็ยังคงเน้นให้เค้าเข้าใจว่าคำนี้นะเหมือนกับกิจกรรมประจำวันของเค้านะ ให้เค้าเข้าใจความหมายของคำมากกว่า
แต่มีคนหลายคนพูดในเวลาเดียวกันว่าต้องสอนให้เค้ารู้จักขนบธรรมเนียมประเพณีไทยนะ พูดด้วยความหวังดีนะ คือเราเลี้ยงลูกในอเมริกาค่ะ ก็เลี้ยงเองมีกัน3 คนพ่อ แม่ ลูกค่ะ ตอนนี้ลูก 1ขวบ 6 เดือนค่ะ คือเราเองก็ไม่ใช่จะไม่สอนแต่พอย้อนกลับมามองตัวเองเราแทบจะยังไม่เริ่มเลยค่ะ พออ่านหัวข้อนี้ก็คิดว่าจะต้องเน้นสอนเค้าให้เป็นเด็กดีแล้วเพราะเค้าก็เริ่มพูดเป็นและเข้าใจมากขึ้น อยากทราบว่าเริ่มกันตอนลูกอายุเท่าไหร่คะ ของเราถือว่าช้าหรือเปล่า

ที่เขียนมานี้ไม่ทราบว่าเข้าใจประเด็นหรือเปล่า แต่ก็อยากได้คำแนะนำค่ะ
สอนแบบไม่ได้สอนอ่ะค่ะ ทำให้ดูเป็นตัวอย่างเลย เอาแบบง่ายๆ แบบบ้านๆ นะคะ เพราะลูกตัวเองก็ 1 ขวบ 8 เดือน ลูกเอาไม้ตีหมาเล่น ก็ห้าม แล้วแสดงให้ดูว่าต้องลูบตัวมันเบาๆ เล่นเบาๆ, ไปซื้อของ ก็ต้องยืนต่อคิว, ซื้อของกิน ก็อย่าเอานิ้วไปจิ้มเล่น, เก็บเศษตังค์เอาไปหยอดตู้บริจาค, มีหมาหลงมา ก็เอาอาหารให้หมากิน, มีขนมก็แบ่งให้เพื่อน แบ่งให้หมา, เล่นที่สนามเด็กเล่น ก็ให้คนอื่นเล่นบ้าง, พ่อเหนื่อย ก็เอาน้ำไปให้พ่อ.... ทำไปเรื่อยๆ ทุกวัน ไม่ต้องอธิบายก็ได้ค่ะ แต่ทำให้เค้าเห็น สิ่งเล็กๆน้อยๆ พวกนี้ก็คือการทำดีเหมือนกันค่ะ พอโตขึ้นก็ค่อยๆอธิบาย ค่อยๆยกตัวอย่างให้เค้าฟัง ...ไม่ใช่ไหว้พระสวดมนต์ประจำ แต่กับพ่อแม่ตัวเองยังไม่เหลียวแลเลย....

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service