เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

ความรู้สึกของผู้อ่านหลังอ่านหนังสือ "เด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ เล่ม 1 และ 2"


ส่วนหนึ่งของความรู้สึกผู้อ่านที่ได้อ่านหนังสือ "เด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ เล่ม 1 หรือเล่ม 2"


ตัวอย่างหนังสือเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ เล่ม 1


-----
แก้ไขคำผิดจากขั้นตอนการจัดพิมพ์หนังสือเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ 2
หน้า 15 บรรทัดแรก / น้องจันทร์และเจ้า >> น้องจันทร์เจ้าและ
หน้า 100 บรรทัดที่ 9 / Thefreedicationary.com >>Thefreedictionary.com
หน้า 109 บรรทัดที่ 3 /ประประโยค >> ประโยค
หน้า 111 บรรทัดที่ 3 จากล่าง / "Would better" >> "Had better"
หน้า 127 บรรทัดที่ 3 /When you was a baby.You cried.... >>  When you were a baby,you cried....
หน้า 152 บรรทัดที่ 2 / ความมุ่งมั้น >> ความมุ่งมั่น
หน้า 153 ย่อหน้าที่ 2 / "Practice make Perfect" >> "Practice makes Perfect."

Views: 17597

Reply to This

Replies to This Discussion

ขอบคุณผู้ใหญ่บิ๊กมากๆค่ะ ที่ช่วยจุดประกาย ชี้แจงข้อเท็จจริงและเปลี่ยนความคิดทัศนคติเดิมๆของดิฉันโดยสิ้นเชิง คือสมัยตอนที่เป็นนักศึกษามหาลัยมีคนมาเล่าให้ดิฉันฟังว่า "มีอาจารย์ผู้หญิงฝรั่งท่านหนึ่ง ลูกท่านอายุประมาณ7ขวบแล้วแต่ว่ายังไม่ค่อยพูดเลยอาจเป็นเพราะแม่พูดอังกฤษ สามีท่านก็พูดอีกภาษาหนึ่ง พี่เลี้ยงเด็กก็พูดอีกภาษาหนึ่ง ซึ่งทำให้เด็กงงเพราะเจอทีเดียว3ภาษา เลยกลายเป็นเด็กไม่ค่อยพูด" นั่่นเป็นเพียงคำบอกเล่าของเพื่อนดิฉัน แต่คุณบิ๊กเชื่อไหมค่ะว่า ความคิดนี้กลับฝังอยู่ในหัวดิฉันมาตลอด พอมีลูก ดิฉันจึงพูดไทยกับลูกมาโดยตลอดจนคนโต5ขวบ และคนเล็ก 2ขวบ กะว่าเอาภาษาไทยให้แน่นๆก่อน เพราะภาษาเรามีสระเยอะ ก็จะทำให้เรียนภาษาอื่นได้ง่าย ออกเสียงได้ง่าย ทั้งๆที่ดิฉันเองก็พอพูดได้นิดหน่อยทั้งอังกฤษและญี่ปุ่น จนปีที่แล้วมีเพื่อนมาเล่าให้ฟังว่ามีครอบครัวหนึ่ง พ่อแม่พูดภาษาอังกฤษกับลูกตลอดเพราะพ่อแม่เขาจบนอก เพื่อนก็บอกให้ดิฉันคุยภาษาอังกฤษกับลูกบ้างสิ ดิฉันก็ลังเล เพราะดิฉันไม่ได้จบนอก กลัวสำเนียงจะไม่เหมือนเจ้าของภาษา มีconflict มากมาย ทั้งในทีวีก็รณรงค์ว่า ภาษาคือวัฒนธรรมและสมบัติของชาติ อีกทั้งมีหลานเรียนโรงเรียนอินเตอร์ยังบวกเลขง่ายๆสู้ลูกเราที่เรียนโรงเรียนไทยไม่ค่อยได้ ทั้งๆที่เค้าโตกว่า แต่เอ..เราก็อยากให้ลูกเราแข่งขันกับโลกในอนาคตได้ ภาษาคือเสาเข็ม คนที่เตรียมพร้อมก่อนย่อมมีโอกาสเสมอ คิดมากคะ หลายอย่างเลย และแล้วดิฉันก็เริ่มสอนลูกแบบเล่นๆไม่จริงจังอะไร เช่นพอลูกกินขนมก็แกล้งถามลูกว่าHow is it ? ลูกก็ตอบว่า Oishiidesu เราก็ขำๆกันไปไม่ซีเรียส แถมไม่พอทั้งสามีและดิฉันต้องทำงานทั้งคู่ เจอลูกแค่เช้ากะเย็น สรุปสอนแบบพูดไทย98% พูดอังกฤษ 1.5% และพูดญี่ปุ่นอีก 0.5% จนมาเมื่อเดือนที่แล้วได้อ่านหนังสือของผู้ใหญ่บิ๊ก ต้องขอขอบคุณอีกครั้งที่ได้
ชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆโดยมีหลักฐานจากงานวิจัยว่า จริงๆแล้วเด็กสามารถที่จะเรียนรู้ภาษาหลายๆภาษาโดยไม่สับสน ณ.ตอนนี้ดิฉันรู้สึกเสียดายเวลาที่ผ่านมา มาเริ่มช้าไป แต่มาคิดอีกที เอ๊า!เริ่มวันนี้แหละ Yesterday was a history. Today is a gift. That's why it is called a present. ดิฉันจำมาจากรายการ English Bresfast คะ พูดอะไรประมาณนี้แหละคะแต่ว่า โดนใจดีจริงๆเลย :) ตอนนี้เจอใครที่มีลูกเล็ก แนะนำดะเลยคะ ให้สมัครเข้ามาเป็นครอบครัว2ภาษาด้วยกัน โดยเฉพาะคนแถวบ้านจะได้เป็นเพื่อนร่วมทางเดียวกันค่ะ :)
อ่านทั้งเล่ม 1 และ 2 สองรอบแล้วคะ มีประโยชน์ กระชับ และตรงประเด็นในค๋าแนะนําง่ายๆที่จะคุยกับลูก ทําให้รู้สึกไม่ยากเกินไปที่จะบรรลุเป้าหมายคะ
ถึงผู้ใหญ่บิ๊ก เมื่อวานมัวแต่เขียนเพลินมีแต่น้ำลืมเนื้อ 555 ;) ลืมcommentหนังสือคะ คือดิฉันชอบทั้ง 2 เล่มเลย ทั้งประโยคตัวอย่างการสนทนากับเด็ก กฏเหล็กที่บอกว่าห้ามแปล (เพราะปกติจะแปลตลอดเลย ลูกเลยกลายเป็นเด็กขนมชั้นไปแล้ว คือติดหนึบแก้ยาก), และที่สำคัญคือขั้นตอนบันไดต่างๆ เยี่ยมมากๆเลยคะ

โดยส่วนตัว ขอเสนอความคิดเห็นเล็กๆน้อย ของเล่มที่3 ดังนี้คือ
อยากให้เล่ม3เกี่ยวกับ บทสนทนาในสถานการณ์ต่างๆโดยละเอียดอีกที
1. โดยแบ่งบทต่างๆตามตัวอักษร เช่นบทที่ 1 กิน บทที่2 เล่น

2. หรือจะแบ่งบทตามเวลา เช่นตอนเช้า 6.00 ตื่นนอน อาบน้ำไล่ลำดับมาเลยว่าพูดอะไรมั่ง 6.30 กินข้าว 7.00 ขึ้นรถไปโรงเรียน ตอนเย็นไปรับที่โรงเรียน พูดอะไรบ้าง ไล่ไปเรื่อยๆ จนเข้านอนนั่นแหละคะ คือใครอ่านแล้วก็สามารถ copy บทสนทนาไปพูดได้ทั้งวัน
หรือจะทำการรวบรวมบทสนทนาจาก ท่านผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลาย ก่อนจะนำมาพิมพ์ก็จะเยี่ยมมาก เพราะผ่าน ISO9000 มาหมดแล้ว

3. อยากให้เพิ่ม บท Phonetic มากที่สุดเลยคะ เพราะต่อให้ฟังฝรั่งพูดอย่างไร แต่ถ้าไม่มีวิธีการคร่าวๆ ก็ยากที่จะเข้าใจความหมายได้ชัดเจน
-เริ่มจาก Phonetic A-Z
หรือตัวอย่างประโยคที่พูดบ่อยๆ เช่น
- Have you finished? คำว่าfinished จะต้องออกเสียงท้ายเป็น t
- Call ตัวL จะต้องเอาปลายลิ้นไว้หลังฟันบนอะไรแบบเนี้ยนะคะ

4. อยากให้มีบท อ๊ะ อ๊ะ ระวังนะจ๊ะ! เช่นประโยคที่ห้ามพูดผิดเด็ดขาด เพราะดิฉันเคยปล่อยไก่ไปหมดเล้ามาทีหนึ่ง(จริงๆก็หลายที)แล้วคะ
คือ Give him a blow kissเพราะครูฝรั่งที่ดิฉันรู้จักเขาบอกว่าหมายถึง การที่ผู้หญิงทำให้ผู้ชายโดยใช้ปาก (ไม่ได้ลามกนะคะ)เหมือนกรณีท่านBill Clinton กับคุณLevinski

คือจริงๆอยากจะพูดอันที่ถูกต้องคือ Blow him a kiss อะไรประมาณเนี้ยแหละคะ

5. รวบรวมแนะนำ dictionary และ website ที่ดีๆ
เช่น dictionary ของ OXFORD ทีมีตัวอย่างประโยค

สรุปแล้วเล่ม3 จะเป็นอย่างไรก็สุดแล้วแต่ผู้ใหญ่บิ๊กจะเห็นสมควรคะ กะว่าใครได้อ่านเล่ม3 แล้วคงจะบรรลุเลย 555 อยากเห็นไวๆจังคะ :)
คุณแม่อ่านเล่ม 1 ตั้งแต่ท้อง 4 เดือนจบแล้วคิว่ายังไงต้องทำตามแน่นอนค่ะ พอมาอ่านเล่ม 2 ตอบทุกข็อสงสัยชัดเจนยิ่งตั้งใจแน่วแน่มากขึ้นที่จะทำให้สำเร็จค่ะ เป็นกำลังใจให้ด้วยค่ะ
รู้สึกใจหายแวบว่าเรามาเจออะไรสายไปหรือเปล่า นี่คือสิ่งที่เรามองหาอยู่จริงๆ เพราะได้อ่านหนังสือ รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว เหมือนกัน
ก็พยายามทำตามแนวคิดนั้น แต่ก็ยังตีบตันถึงหนทาง ไม่รู้ว่าเราจะไปถึงจุดหมายนั้นได้ยังงัย ตอนที่ได้อ่านหนังสือ เด็กสองภาษาพ่อแม่สร้างได้ รู้สึกเลยว่าเราเจอแนวทางและวิธีไปแล้ว แต่ก็ยังแอบคิดว่าน่าจะเจอกันมาก่อนหน้านี้ เพราะตอนนี้น้อง 2 ขวบแล้ว และก็พูดไทยเก่งมากไปแล้ว เข้าใจความซับซ้อนของภาษามาก แสดงความรู้สึกได้เกือบทุกอย่าง เลยต้องรีบให้ภาษาที่สองให้ทันกัน และสิ่งที่รู้สึกว่าดีมากก็คือเวป 2pasa เหมือนกับเป็นขุมทรัพย์เลยค่ะ เพราะคิดมาตลอดว่า น่าจะมีที่ให้เราได้ถามคำถามง่ายๆเกี่ยวกับประโยคภาษาอังกฤษ ที่บางครั้งมันก็เป็นประโยคง่ายๆใกล้ๆตัวที่เราน่าจะรู้ แต่ก็ไม่รู้ ทำให้เรามีประโยคที่ใช้จริงในชีวิตประจำวันมาพูดกับลูก และก็พัฒนาตัวเราเองไปด้วยกัน ขอบอกว่า ดีใจที่ได้เจอค่ะ
รู้สึกมีกำลังใจ และคิดว่าเราก็ทำได้
"ถ้าไม่มีหนังสือเด็ก2ภาษา" ก็คงไม่คิดที่จะสอนให้ลูกพูดภาษาไทย!! บรรยายไม่ได้เลยคะว่าดีมากๆทั้ง 2 เล่มเป็นหนังสือที่มีคุณค่าและมีประโยน์มากคะ อ่านแล้วทำให้มีกำลังใจที่จะสอนให้ลูกพูดภาษาไทยคะ และมีประโยน์ทำให้เดินถูกทาง มีหลายครอบครัวคนไทยที่อยู่ต่างแดนบ่นเสียใจคะที่ไม่สอนภาษาไทยให้ลูก พอลูกโตก็พูดได้แต่ภาษาประเทศที่ตัวอาศัยอยู่ ตอนนี้ก็พยายามสอนแต่ภาษาแม่อยู่คะ (อยากให้มีเล่ม 3 เร็วๆจังเลยคะ)
เห็นด้วยกับคุณมาลัย พันธ์พานิช ค่ะ เพราะกว่าจะได้อ่านหนังสือทั้งสองเล่มนี้ ลูกก็โตจะ 8 ขวบแล้วค่ะ ตอนนี้ก็ยังอ่านอยู่ยังไม่ได้เริ่มลงมือปฏิบัิติเลยค่ะ
เพิ่งเริ่มอ่านเล่ม 1 เองคะ ก่อนซื้อก็ดูเนื้อหาคร่าว ๆ แต่โดนใจมากกับคนอ่อนภาษาอย่างคุณแม่
แต่เมื่อซื้อมาและได้อ่านไม่เสียใจเลยจริง ๆ ที่ได้อ่านมันมีประโยชน์และสามารถทำได้จริง
แค่เห็นพลังและความตั้งใจในตัวคุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่าน ทำให้เรามีกำลังใจในการเริ่มต้นให้ลูก
ในครั้งนี้ว่า ไม่ได้มีครอบครัวเราเพียงครอบครัวเดียวที่เป็นอย่างนี้ หากอ่านเล่มแรกจบก็ตั้งใจว่าเล่ม 2
จะต้องติดตามต่อไป แล้วจะต้องพยายามต่อไปเช่นกันคะ ขอบคุณคะสำหรับหนังสือดี
เล่มหนึ่ง
1.รู้สึกว่าผู้เขียนเข้าใจในสิ่งที่เขียนอย่างตระหนักได้เลย
2.เรียบเรียงดีมาก
3.ลำดับขั้นตอนดีมาก
4.อ่านแล้วเห็นภาพและกระบวนการอย่างชัดเจน
5.ตัวอย่างประกอบและข้อมูลความรู้เพียงพอที่จะทำให้เริ่มต้นปฏิบัติได้เลย

เล่มสอง( เกี่ยวโยงกับเล่มหนึ่งตรงที่เล่มหนึ่งทำไว้ดีมากๆ จึงทำให้เล่มสองฉีกตัวออกมาให้โดดเด่นได้ยาก)
1.ถ้าไม่มีเล่มหนึ่ง หนังสือเด็กสองภาษาพ่อแม่สร้างได้ เล่มสองจะเป็นหนังสือที่เยี่ยมยอดมากที่สุดในทุกๆหน้าที่อ่าน
2.เหมือนข้อหนึ่ง

เล่มสาม
1.ยังไงก็รอติดตามซื้อมาอ่านอยู่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบใด เพราะเชื่อมั่นว่ามีคุณค่าอยู่ดี
เป็นน้องใหม่ค่ะ ต้องขอสารภาพว่ามีเพื่อนเค้าอ่านและอินทำสำเร็จอยู่ประมาณสามคน และหนึ่งในนั้นคือเพื่อนสนิทที่เค้าแนะนำอะไรต่ออะไรให้เรามานานแล้ว แต่เราก็ยังอิดๆออดๆ บ่ายเบี่ยงไม่ลุกขึ้นมาทำอะไรซักที จนเวลาผ่านไปอีกครึ่งปี เจอเพื่อนอีกคน ซึ่งจุดประกายให้เราเห็นว่าเออนี่เรื่องจริงนะ ลูกเราพูดได้เห็นไม๊ เธอเก่งภาษาอังกฤษแถมทำงานโดยใช้ภาษาอังกฤษทุกวัน (จริงๆก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้น แถมพูดได้แต่เรื่องไกลตัว -_-') ทำไมเธอไม่เริ่ม ทำไมไม่ทำอะไรเลย นั่นแหละไปหาหนังสือมาอ่านเลย อ่านแล้วรู้สึกว่าทำไมเราไม่เคยพยายามค้นคว้าหรือทำอะไรแบบนี้เพื่อลูกเลย (อึ้งและทึ่งพ่อบิ๊กจริงๆ) ทั้งๆที่น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้ว แต่ก็พยายามบ่ายเบี่ยงไม่ยอมทำ คิดไปเองว่าเราเรียนภาษาอังกฤษตอนโตเรายังพูดได้เลยนี่(หว่า) แต่พออ่านหนังสือของผู้ใหญ่/พ่อใหญ่บิ๊กแล้วถึงรู้ซึ้งว่าเรานี่มันกบในกะลาจริงๆเลย เราสามารถทำให้ภาษาอังกฤษที่เหมือนไกลตัวคนไทยทั่วๆไปมาเป็นภาษาแม่ให้ลูกเราได้แต่ทำไม๊ ทำไมไม่ทำ มานั่งนับนิ้วดู ตายแล้วลูกชั้นอายุจะสามขวบแล้ว เสียโอกาสไปเยอะเลย เสียดายมากๆๆๆ ตอนนี้เจอเพื่อนคนไหนมีลูกนี่จะรีบบอกต่อเลยค่ะ บางทีการเปลี่ยนทัศนคติแค่อย่างเดียวนี่มันพลิกได้ทั้งชีวิตเลยจริงๆค่ะ แต่แหมเพิ่งเริ่มก็ไม่รู้จะเจออีกกี่อุปสรรค ยังไงก็ขอให้เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ จากเจี๊ยบ แม่น้องรีนา(น้องใหม่)ค่ะ
รอเล่ม 3 ค่ะ ^^

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service