เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

อยากรู้เรื่องความเป็นมาของซานตาคลอสน่ะครับ ไม่รู้จะไปตั้งกระทู้ที่ห้องไหนจริง ๆ ก็ขออภัยทุกคนด้วย เข้าใจนะครับว่าไม่ควรมาตั้งกระทู้ที่ห้องนี้ แต่ก็ช่วยตอบหน่อยนะครับ แบบว่า

ซานตาคลอสเป็นใคร

มาจากไหน

มีจริงหรือเป็นนิทานหลอกเด็ก

ทำไมต้องเอาถุงเท้าไปแขวนไว้หน้าบ้านด้วย

ทำไมซานต้าต้องขี่ลากเลื่อน

พอทราบมาว่ากวางเรนเดียร์แต่ละตัวมีชื่อด้วย

ต้นกำเหนิดจริง ๆ ซานต้าสัญชาติอะไร

เกี่ยวอะไรกับคริสเมิซ

แค่นี้ละกันคร๊าบ Thanks a lot.

Views: 3947

Replies to This Discussion

copy มาให้ค่ะ

จาก wikipedia
ซานตาคลอส หรือ นักบุญนิโคลัส (ภาษาอังกฤษ: Santa Claus หรือ Saint Nicholas) เป็นบุคคลที่สร้างขึ้นมาจากจินตนาการของชาวคริสต์ โดยมีแรงบันดาลใจมาจากเซนต์นิโคลัส ซานตาคลอสในความคิดของคนทั่วไปเป็นชายแก่รูปร่างอ้วนและดูใจดี เขามักใส่เสื้อโคทที่ทำจากขนสัตว์สีแดงสดมีคลิบสีขาวที่เอวคาดเข็มขัดหนังและรองเท้าบูทสีดำ ซานตอคลอสอาศัยอยู่ที่ขั้วโลกเหนือโดยมีเอลฟ์ ซึ่งเป็นมนุษย์ตัวเล็กที่ช่วยผลิตของเล่นให้เขานำไปแจกเด็กที่เป็นเด็กดีในคืนวันคริสต์มาส ซานตาคลอสมีพาหนะเป็นเลื่อนหิมะที่ลากโดยกวางเรนเดียร์ซึ่งสามารถบินได้ ในกลางดึกวันคริสต์มาสซานตาคลอสจะแอบเข้าไปในบ้านที่มีเด็กดีทางปล่องไฟ เพื่อนำของขวัญไปใส่ในถุงเท้าที่แขวนรอไว้หน้าเตาผิง

อีกอันจาก http://myfri3nd.myfri3nd.com/blog/2009/12/25/entry-1
วันคริสต์มาส

คำว่า คริสต์มาส ภาษาอังกฤษเขียนว่า Christmas ดังนั้นอย่าลืม "ต์" อยู่ที่คำว่า คริสต์ (Christ) ไม่ใช่คำว่า "มาส" (Mas) Christmas มาจากภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse แปลว่า บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า โดยพบคำนี้ครั้งแรกในเอกสารโบราณในปี ค.ศ.1038 ภายหลังแปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas ประวัติความเป็นมาของวันคริต์มาส ซึ่งเป็นวันเกิดของพระเยซูนั้น ตามหลักฐานในพระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในสมัยที่จักรพรรดิซีซ่าร์ ออกัสตัส แห่งโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยฝ่ายคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรียก็ขานรับนโยบาย อย่างไรก็ตามในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร

ประวัติวันคริสต์มาส

คริสต์มาส คือการฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้า เราเฉลิมฉลองกันในวันที่ 25 ธันวาคม คำว่า คริสต์มาส เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ Christmas ซึ่งมาจากภาษาอังกฤษโบราณว่าChristes Maesse ที่แปลว่า บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า เพราะการร่วมพิธีมิสซา เป็นประเพณี

สำคัญที่สุด ที่ชาวคริสต์ถือปฎิบัติกันในวันคริสต์มาส คำว่า Christes Maesse พบครั้งแรกในเอกสารโบราณ เป็นภาษาอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1038 และคำนี้ก็แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas คำทักทายที่เราได้ฟังบ่อย ๆ ในเทศกาลนี้คือ Merry Christmas คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า สันติสุขและความสงบทางใจ เพราะฉะนั้น คำนี้จึงเป็นคำที่ใช้อวยพร คนอื่น ขอให้เขาได้รับสันติสุข และความสงบทางใจ เนื่องในโอกาสเทศกาลคริสต์มาส

ความเป็นมาของวันคริสต์มาส

วันคริสต์มาสนั้นเป็นวันที่คนคริสเตียนฉลอง วันประสูติ ของพระเยซูคริสต์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งงานรื่นเริง และฉลอง การมอบความรักให้แก่กัน วันแห่งครอบครัว และการร่วมกลุ่มกัน ในงานรื่นเริงนี้ถือว่า เป็นหัวใจสำคัญ ในการฉลองวันคริสต์มาส เรื่องราวที่เกี่ยวกับวันคริสต์มาส นั้นได้มีการกล่าวไว้ในคัมภีร์ไบเบิล โดยคำสอน ของ นักบุญ ลุกซ์ และนักบุญ แมททิว ในขณะที่เกิดพายุขึ้นมา โจเซฟและแมรี่ได้พยายามหาที่กำบังพายุ จนกระทั่งมาถึงเมือง เบตธิวแฮม ได้พบกับเจ้าของโรงแรม ในเมืองนั้นแต่ไม่มีห้องวางเลย เขาจึงได้ให้ทั้งสองนั้น ไปพักอยู่ที่คอกสัตว์ และหลังจากนั้น พระเยซูก็ได้ประสูติ ได้มีดวงดาว ปรากฏขึ้นอยู่เหนือคอกสัตว์ ที่ทั้งสองนั้น ได้พักอยู่ ดวงดาวนี้เองที่เป็นแสงนำ ให้ผู้คนมายังพระเยซูน้อย. หลังจาก 12 วันหลังจากได้ประสูติแล้ว ได้มี พระราชา 3 องค์ประทานของขวัญแก่ทารกนั้น

ลุงซานต้าเป็นใคร?

ซานตาคลอส เป็นจุดเด่นหรือสัญลักษณ์ ที่เด็กและผู้คนนิยมมากที่สุด ในเทศกาลคริสต์มาส แต่แท้ที่จริงแล้ว ซานตาคลอส แทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเทศกาลนี้เลย ชื่อซานตาคลอส มาจากชื่อนักบุญนิโคลาส ซึ่งเป็นนักบุญที่ชาวฮอลแลนด์นับถือ เป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของเด็กๆ

นักบุญองค์นี้ เป็นสังฆราชของไมรา (อยู่ในประเทศตุรกี ปัจจุบัน) มีชีวิตอยู่ราวศตวรรษที่ 4 เมื่อชาวฮอลแลนด์กลุ่มหนึ่ง อพยพไปอยู่ในสหรัฐ ก็ยังรักษาประเพณีนี้ไว้ คือ ฉลองนักบุญนิโคลาส

ในวันที่ 6 ธันวาคม ซึ่งหมายถึง นักบุญนี้จะมาเยี่ยมเด็กๆ และเอาของขวัญมาให้ เด็กอื่นๆ ที่ไม่ใช่ลูกหลานของชาวฮอลแลนด์ ที่อพยพมา ก็รู้สึกอยากมีส่วนร่วมในประเพณีแบบนี้บ้างเพื่อรับของขวัญ ประเพณีนี้ จึงเริ่มเป็นที่รู้จัก และแพร่หลายไปในอเมริกา

ประวัติความเป็นมาของซานตาคลอส

ซานตาครอสอาศัยอยู่ในเขตประเทศ ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้คือ ประเทศตุรกีซึ่งไม่มีใครรู้เรื่อง ที่เกี่ยวกับเขามากนัก มีแต่เรื่องที่เขาได้ทำการ ช่วยเหลือแก่เด็ก ที่ต้องการความช่วยเหลือ หลังจากที่เขาตายได้หลายปีแล้ว ได้ยกย่องให้เป็นนักบุญ ซึ่งในเวลานั้น เขาเป็นนักบุญ ที่ให้ความ อุปถัมภ์ต่อเด็กๆ ในปัจจุบันนี้วันที่ท่านได้เสียชีวิตลงนั้น ถือว่าเป็นวันสำคัญของคนยุโรปบางประเทศ ซึ่งตรงกับวันที่ 6 ธันวาคม ซึ่งก่อนที่จะถึงวันที่ 6 ธันวาคม ของทุกๆปีเด็กๆ จะนำถุงเท้ามาห้อยไว้ และในตอนเช้า พวกเขาจะรีบไปดูว่า นักบุญนิโคลลัดนั้น ให้อะไรแก่เขา

นักบุญนีโคลลัดนั้น จะไปยังเมืองต่างๆ เป็นผู้นำขบวนพาเหรด พูดคุยกับเด็กๆ และให้ของขวัญแก่เด็กๆ เขาจะ แต่งตัวเหมือน บาทหลวง ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่า จะต้องเป็นเสื้อสีแดง มีผ้าผูกเอวสีขาว และใส่หมวกที่ปลายแหลม

ธรรมเนียมคริสต์มาส

ในวัน Christmas Eve จะเป็นอีกวันหนึ่งที่ครอบครัวต่างมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เป็นธรรมดาก็ต้องมีงานเลี้ยงอย่างสนุกสนาม ตามธรรมเนียม (American family tradition) แล้วอาหารที่เลี้ยงในวัน Christmas นั้นจะมีหลักๆ คือ Roasted Ham (ใครชอบสูตรไหนก็ทำสูตรนั้น) แต่ต้องมีเค้กด้วยนะ เค้กนี้ถือเป็นเค้กวันเกิดให้กับพระเยซู (บ้านใครยังมีธรรมเนียมนี้อยู่บ้าง) เค้กในวัน Christmas จะเป็นสีขาวเท่านั้นเพราะถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ของพระบุตร

กุศโลบายของการทำเค้กก็คือ การถ่ายทอดเรื่องราวของพระเยซูแก่ลูกหลานที่มาช่วยกันทำเค้ก (เด็กๆ ชอบ).... Candy Cane ก็จัดว่าเป็นสัญลักษณ์ของ Christmas เหมือนกัน ที่ทำเป็นรูป cane นั้นก็เพื่อระลึกถึงคนเลี้ยงแกะนั่นเองค่ะ แต่กุศโลบายจริงๆ ของ candy cane คือ นักเทศน์ต้องการให้เด็กๆ ที่มาร่วมร้องเพลงในวัน Christmas อยู่ในความสงบ (ไม่งั้นคุยกัน เล่นกัน ตามประสาเด็ก) ก็เลยได้ไอเดียเอา candy cane มาแจก เด็กๆ ก็เลยง่วนอยู่กับการกินมากว่าเล่นน่ะ...ได้ผล... ตั้งแต่นั้นมา candy cane ก็เลยเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของ Christmas

สีของวันคริสต์มาส

มี 3 สีด้วยกัน คือ เขียว, แดง, และทอง ด้วยความเชื่อว่า สีเขียว หมายถึง ชึวิต, สีแดง หมายถึง โลหิต และ สีทอง หมายถึง ชีวิตอันเป็นนิรันดร์ ดังนั้นการตกแต่งต้นคริสต์มาสจึงนิยมประดับประดาด้วยสีสันดังกล่าว



ต้นคริสต์มาส

ในสมัยโบราณ "ต้นคริสต์มาส" หมายถึง ต้นไม้ในสวนสวรรค์ ซึ่งอาดัมและเอวาไปหยิบผลไม้มากิน และทำบาป ไม่เชื่อฟังพระเจ้า (ปฐก.3:1-6) ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ชาวคริสต์แสดงละครที่หน้าวัด ถึงความหมายของคริสต์มาส และเอาต้นไม้ต้นหนึ่งไว้ตรงกลาง เพื่อประดับฉาก แสดงถึงบาปกำเนิดของอาดัมและเอวา ต้นไม้ที่ใช้เป็นต้นสน เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่หาง่ายที่สุดในประเทศเหล่านั้น การแสดงละครคริสต์มาสแบบนี้ มีมาเป็นเวลาช้านานหลายร้อยปี จนถึงศตวรรษที่ 15 พระสังฆราชหลายแห่งได้ห้ามแสดง เนื่องจากการแสดงนั้น กลายเป็นการเล่นเหมือนลิเก ล้อชาวบ้าน ผู้ปกครองบ้านเมือง และศาสนา ซึ่งไม่ตรงกับบรรยากาศของการฉลอง ชาวบ้านรู้สึกเสียดาย ที่ไม่มีโอกาส ดูละครสนุกๆ แบบนั้นอีก จึงไปสนุกกันที่บ้านของตน โดยเอาต้นไม้มาไว้ที่บ้าน หลังจากนั้น ก็เริ่มมีการแขวนลูกแอปเปิ้ล ขนมและของขวัญอย่างที่เห็นอยู่ ทุกวันนี้
เยี่ยมจริงๆ ผมเคยฟังมาแต่ไม่ละเอียดเท่านี้ ขอบคุณสำหรับคำถามและคำตอบ
เข้ามาเก็บความรู้ด้วยคนครับ
เช่นกัน อิอิ
Thank you very much. ขอบคุณมาก ๆ ครับ ได้รับคำตอบแบบ ตอบครั้งเดียวจบเลย เคลียร์สุด ๆ ผมชอบ

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service