เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

ครบรอบ 6 ปีพูดหนึ่งภาษา(อังกฤษ)

เข้ามาอัพเดท ความเป็นไปของการพูดภาษาอังกฤษกับลูกมาครบ 6 ปี ขณะนี้น้องเนยอายุ 8 ปีกว่าๆ

ในวันนี้เมื่อ 6 ปีที่แล้ว บุรุษไปรษณีย์มาส่งหนังสือเล่มส้มๆ

"เด็กสองภาษาพ่อแม่สร้างได้" ให้ที่บ้าน รีบเปิดอ่านและทำเลย

ล้มลุกคลุกคลานกันน่าดู

ถึงวันนี้เราก็ยังรู้สึกขอบคุณคุณบิ๊กและครอบครัว

ที่ทำหนังสือเล่มนี้ออกมา ทำให้ครอบครัวเรารู้สึกว่า

"คนธรรมดาๆอย่างเราก็ทำได้นะ"

แล้วคุณล่ะ ทำหรือยัง?

"ยังพูดภาษาอังกฤษกันอยู่ไหม" คือคำถามที่ได้รับจากพ่อแม่หลายครอบครัว

ที่อาจจะถามเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองว่า ยังมีคนที่สอนลูกพูดภาษาอังกฤษได้จริง

และยังคงพูดอยู่จนปัจจุบัน

ครอบครัวเรายังพูดภาษาอังกฤษกันอยู่เหมือนเดิม โดยใช้ "ความเคยชิน"

ที่เคยสอนกันมาตอนเด็กๆ เล็กสังเกตว่าสิ่งที่พูดหรือสอนลูกไป

ถ้าแม่อย่างเราไม่ขยับเติมให้มากขึ้น มันก็จะเท่าเดิม และคอยลดลงเรื่อยๆ

ช่วงปีที่ผ่านมานี้เล็กอาจจะละเลยการเพิ่ม เติม เสริม ให้ลูกตามที่บอก

ภาษาอังกฤษของลูกก็ ทรงๆ ทรุดๆ สำเนียงหายไปเรื่อยๆเมื่อพูดกับแม่

ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะว่าลูกเลียนแบบตามโรงเรียน

อีกส่วนหนึ่งเค้าก็ไม่ค่อยได้ดูการ์ตูนภาษาอังกฤษมาก

เพราะว่าแต่ละวันการบ้านก็เอาเวลาไปเกือบหมดแล้ว

และส่วนที่สำคัญเลยคือต้นแบบ (แม่) ไม่ได้ฝึกฝนให้มากพอ

แต่เรื่องนี้เล็กคิดว่าเราพื้นฟูได้อยู่แล้ว เรื่องสำเนียงไม่ค่อยเป็นสิ่งสะกิดใจเล็ก

เท่ากับเรื่องที่ลูกพูดๆ หยุดๆ คิดๆ มันไม่ลื่นไหลเหมือนตอน 3-4 ขวบจริงๆ

ซึ่งเล็กเองก็เป็นเหมือนกัน แต่คิดว่าสามารถกู้คืนได้โดยใช้เวลาช่วงปิดเทอมนี้แหละ

อยู่กันตลอดเหมือนตอนเด็กๆเลย

(เพราะตอนนี้เล็กทำงานในร้านหนังสือนิทานภาษาอังกฤษของตัวเอง ไม่ได้ทำงานประจำแล้ว)

ต้องใช้เวลาให้คุ้มค่า พูด พูด พูด กัน

มีหลายครอบครัวเริ่มต้น และพบกับความสำเร็จ

หลายครอบครัวเริ่มต้นแล้วก็เลิกไปในที่สุด

อะไรที่ทำให้ครอบครัวทั้งสองแบบแตกต่างกัน

หลายคนคงคิดว่าเล็กจะบอกว่า "พื้นฐานภาษาอังกฤษ" เป็นสาเหตุล่ะซิ

ไม่ใช่แน่นอน พื้นฐานเรื่องภาษาไม่ได้เป็นสาเหตุให้สอนภาษาลูกไม่ได้

แต่สิ่งที่แตกต่างกันที่เล็กสรุปได้คือ

1.การจัดลำดับความสำคัญ
ถ้าเราจัดความสำคัญในการพูดภาษาอังกฤษกับลูกไว้อันดับต้นๆ

เราก็จะรู้สึกว่ามันเป็นงานอีกชนิดหนึ่งที่ "ต้องทำ"

แล้วสมองจะสั่งให้เราคอยหาความรู้เพิ่มเติมเองและพยายามพูดกับลูกทันทีที่นึกได้



2.การกำหนดเป้าหมาย
เมื่อตั้งใจที่จะทำแล้ว ลองวาดความสำเร็จไว้เลยว่า

"ลูกจะต้องพูดภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติ"

ซึ่งตรงนี้เราสามารถดูตัวอย่างจากหลายๆบ้านที่ทำมาแล้ว

(มันไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม)

3.ความมุ่งมั่น ตั้งใจ
ถึงขั้นตอนลงมือปฏิบัติ ก็ต้องเต็มที่ ทำไม่ถอย แม้ว่าจะ

"ท้อมากกกก" ขอลากยาวหน่อย เพราะว่าเคยผ่านจุดนี้มาแล้ว เข้าใจดีค่ะ

4.ความอดทน
ทำไปอย่างใจเย็น เรื่อยๆ ไม่ต้องหวังผลในระยะสั้น

ไม่กดดันตัวเอง ต้องเตือนตัวเองเสมอว่า มันต้องทำได้อยู่แล้ว

เพียงแต่ว่าต้องพยายามอีกนิด อีกนิด

5.งานระยะยาว
มันไม่เหมือนโครงการหรืองานที่เราเคยทำ

เพราะว่ามันไม่มีระยะเวลากำหนด คือทำพูดไปเรื่อยๆ

อาศัยความถี่เท่านั้นที่จะทำได้สำเร็จ

มีหลายบ้านมาปรึกษาเล็กว่า ตอนนี้ลูกเป็นแบบนี้แล้ว ถูกไหม ใกล้หรือยัง

เล็กก็ให้ข้อแนะนำว่าอีกนิดเดียวลูกก็จะสามารถโต้ตอบได้แล้ว

แต่แล้วก็หายไปเลย คือไม่สามารถผ่านจุดนั้นได้

อยากบอกว่าถ้าเรามุ่งมั่น ต้องอย่าถอยค่ะ "อีกนิดเดียว" ท่องไว้ค่ะ อิอิ



ระหว่างที่สอนลูกพูดภาษาอังกฤษ

เราก็อ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟังทุกวัน

จนเค้าชอบอ่านมาก แต่ไม่อ่านเอง

ให้เราอ่านให้ฟังฝ่ายเดียว (ซึ่งต่างกับภาษาไทย ที่เค้าชอบอ่านเองมากกว่า)

เราก็เฝ้ารอคอยอีกว่า เมื่อไรเค้าจะอ่านเองซักที

ณ วันนี้ วันที่รอคอยมาถึงแล้ว ลูกหยิบหนังสือภาษาอังกฤษมาอ่านเอง

แบบอ่านจริงๆ ไม่ได้ดูรูปอย่างเดียวเหมือนที่เคยเป็น

อ่านโดยไม่ต้องรอเรา บางคำที่อ่านไม่ออกก็จะมาถามว่าอ่านว่าอย่างไร

และหัดเขียนไดอารี่เป็นภาษาอังกฤษ

ความชื่นใจเล็กๆน้อยๆที่เกิดขึ้นทำให้เรามีความสุขจริงๆ

ลูกใช้เวลาอยู่กับหนังสือมากกว่าไอแพด ทีวี 

อยากบอกว่าให้ส่งเสริมเด็กแต่เล็กๆให้รักการอ่านนะคะ

แล้วเมื่อโตขึ้น เราจะเหนื่อยน้อยลงค่ะ

ลองมาให้ของขวัญลูกกัน ด้วยการปลูกฝังการพูดภาษาอังกฤษกับเค้า

ในช่วงตั้งแต่เด็กๆ ยิ่งเริ่มตอนแรกเกิดได้ยิ่งดีค่ะ ขอย้ำว่า สอนตั้งแต่เด็กๆ

ได้ผลมากกว่ามาสอนตอนเด็กเริ่มเข้า รร.ค่ะ

สมมุติว่าของขวัญชิ้นนี้มีคุณค่ามาก

เราต้องพยายามเอามันมาให้ลูกให้ได้

เราก็จะทำสุดความสามารถ

และถือว่ามันมีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ

ถือเป็นงานที่ต้องทำอันดับแรกๆ

แล้วเราก็จะสู้ไม่ถอย สู้ไปด้วยกันค่า

ขอบคุณที่มาอ่านค่ะ

เล็ก

www.facebook.com/farmfunbook
line id : lek-noey


เล็กได้เขียนบล็อกไว้เมื่อปีที่แล้ว และมีข้อสรุปมาฝากกัน (เผื่อยังไม่ได้อ่าน) 

https://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/5-4

Views: 3749

Comment

You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!

Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

Comment by แม่น้องเนย on March 24, 2015 at 7:23pm

โธ่..พี่เล็ก ช่วงหลังๆนี่ถือว่าขี้เกียจแล้วอ่ะ ไม่มุ่งมั่นเหมือนเคย หุหุ

คิดถึงเหมือนกันค่า 

Comment by แม่น้องเรอิ-เลอา-ลูค on March 24, 2015 at 10:19am
ขอบอกว่าเล็กเป็นคนหนึ่งที่พี่ชื่นชมมากๆ อยากเอาเป็นแบบอย่างของความขยัน แต่ก็ยังทำไม่ได้ซักกะที แหะๆ

ปล.คิดถึงนะจ๊ะ
Comment by แม่น้องเนย on March 22, 2015 at 8:59am

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านจ้า เป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะคะ

ดีใจที่ข้อความของเราเป็นกำลังใจให้หลายๆท่านค่ะ

Comment by kasma kuakul on March 20, 2015 at 2:04pm

แนะนำหนังสือนิทานแบบเริ่มต้นหน่อยค่ะ

Comment by ขวัญชัย on March 19, 2015 at 4:13pm

สุดยอดครับ จะทำเอาเป็นแบบอย่าง ^ ^

Comment by ณัฐกาญจน์ พิลุน on March 19, 2015 at 3:15pm

ขอบคุณมากค่ะคุณแล็ก จะพยายามต่อไปค่ะ

Comment by อารีย์ โคตะนันท์ on March 19, 2015 at 9:29am

ขอบคุณเรื่องราวดีดี แม่เล็กกะพี่เนยเก่งมากๆ จะเอาไปใช้กับพี่อั้มบ้าง ^^

Comment by Chariya Laohavich on March 18, 2015 at 12:13pm

จะทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดค่ะ

Comment by แม่ข้าวหอม on March 18, 2015 at 9:05am

ขอบคุณสำหรับการแชร์ประสบการณ์ดีๆนะค่ะ ทั้งคุณลูกคุณแม่เก่งมากๆค่ะ

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service