เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

แรงต้านจากการสอนลูกเป็นเด็กสองภาษา

หลังจากสอนสองภาษากะลูกมาได้ 1 ปี ก็เริ่มถึงเวลาที่แม่เริ่มเจอแรงต้านแล้วค่ะ ก่อนหน้านี้เลี้ยงลูกเอง ลูกยังเล็ก ในบ้านมีแค่ครอบครัวตัวเองกะครอบครัวพี่ชายสามี ซึ่งก็ไม่มีใครแสดงความเห็นอะไร แต่ตอนนี้ลูกเริ่มโต (21 เดือน) เริ่มมีการออกนอกบ้านไปเจอคนอื่น ๆ บ้าง เริ่มอยู่ในช่วงหัดพูด ความคาดหวังจากคนรอบข้าง เสียงวิพากษ์วิจารณ์เริ่มเยอะขึ้น เช่น

- สอนแบบนี้ ลูกไม่สับสนแย่เหรอ

- ป่านนี้แล้ว ยังไม่พูด บอกแล้ว อย่าไปสอนภาษาอังกฤษก่อน

- ทำไมไม่สอนภาษาไทยให้เก่งก่อน แล้วค่อยไปสอนภาษาอื่น

- ลูกไม่พูดเพราะกดดันลูกไปละเปล่า

- ไปโรงเรียนแล้วจะคุยกะคนอื่นรู้เรื่องมั้ยเนี่ย

สารพัดความเห็นค่ะ จากที่จิ๊ไม่เคยกังวลเรื่องสองภาษาของลูกเลย ตอนนี้ชักมีนิด ๆ แล้วค่ะ ข้อที่กังวลที่สุด ไม่ใช่เรื่องทั้งหมดที่ได้รับฟังมาหรอกค่ะ แต่กำลังกังวลว่า แล้วเราจะต้านแรงและแนวคิดของสังคมไหวมั้ยเนี่ย อย่างเมื่อแวะวานไปเนอร์สเซอรี่มา อันที่จริงก็เลี้ยงลูกเองได้ มีพี่เลี้ยงช่วย แต่ใจอยากให้ลูกได้ไปเจอเพื่อน ๆ ข้างนอกบ้าง มีกิจกรรมอย่างอื่นกะคนอื่น ๆ บ้าง อีกทั้งกะลังจะมีน้องอีกคน เลยคิดว่า อยากสร้างอีกสถานที่นึง อีกสถานะนึงให้ลูก ให้มีอีกที่นึงที่เค้ารู้สึกคุ้นเคย ก็ปรากฏว่า ไปเจอครูพี่เลี้ยงที่คอมเมนท์ว่าเราไม่ควรสอนภาษาที่สองให้เด็กจนกว่าภาษาไทยจะแข็งแรง นี่มีเด็กคนนึงสองขวบกว่าแล้ว พูดไทยไม่ได้ซักคำ เพราะแม่สอนแต่ภาษาอังกฤษ คือพูดเหมือนว่าลูกเราจะไม่ปกตินะ อีกอย่าง เห็นเค้าเปิดซีดีให้เด็กดูระหว่างรอชั้นเรียนพร้อม ก็เป็นซีดีสอนภาษาอังกฤษแบบ Egg แปลว่า ไข่ ทำให้จิ๊กังวลว่า เอ... แล้วมันจะทำให้ลูกเกิดการสร้างระบบ ภาษาสองชั้นขึ้นมาในหัวมั้ยเนี่ย เพราะตอนนี้ภาษาอังกฤษของเค้าก็ยังไม่แข็งแรงขนาดที่เราไม่ต้องกังวล

เมื่อเริ่มคิดก็คิดไปไกลอีกว่า พอลูกเข้าอนุบาล เราก็คงไม่ได้ส่งอินเตอร์ แล้วในระบบโรงเรียนเค้าก็คงสอนแบบแปลเหมือนกัน คราวนี้แหละ จะถึงคราวที่ลูกจะสับสนจริง ๆ มั้ย แล้วจะทำให้ลูกเลิกพูดภาษอังกฤษมั้ย

ตอนนี้หลานสาวเริ่มเข้า ป. 1 แล้ว จากที่เรียนอนุบาลไทย ตอนนี้เข้าโปรแกรม EP เค้าจะกลับมาพร้อมศัพท์ใหม่ทุกวัน

Sit down แปลว่า นั่งลง Stand up แปลว่า ยืนขึ้น อะไรทำนองนี้ แต่มีอยู่วันนึง กลับมา แล้วบอกกะเราว่า May I go out แล้วก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปเลย เราก็ถามหลานว่า เมื่อกี้หนูว่าอะไรนะคะ เค้าบอกว่า May I go out แปลว่า หนูจะไปห้องน้ำ เราก็เลยบอกว่า อันที่จริงมันแปลว่า ขอหนูออกไปนอกห้องเรียนนะคะ ส่วนหนูจะไปห้องน้ำ ดื่มน้ำ หรือทำอย่างอื่นก็แล้วแต่ แต่ถ้าหนูขอไปห้องน้ำเลย หนูอาจจะพูดว่า May I go to toilet หลานทำหน้าไม่เชื่อ ก็ครูสอนมาอย่างนี้

แล้วต่อไปน้องกันต์จะสับสนมั้ย

อยากขอแชร์ประสบการณ์กะแม่ ๆ ที่ลูกอยู่ในวัยเดียวกัน หรือเคยผ่านเหตุการณ์ลักษณะนี้มาก่อน ว่าจะมีวิธีรับมือยังงัยค่ะ ขอบคุณทุกความเห็นล่วงหน้านะคะ

Views: 448

Comment

You need to be a member of หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ to add comments!

Join หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

Comment by อรนัย รักในหลวง on April 29, 2010 at 3:33pm
จิ๊...อ๊อบเห็นด้วยกับภาหมดเลยอ่ะ...แล้วอ๊อบจะเขียนไรดี อิอิอิ

น้องกันต์ 21 เดือน เท่ากับ 1.9 ขวบเองนะ อ๊อบจำได้ว่าบล็อกที่แล้วที่จิ๊ทำเป็นตาราง น้องกันต์พูดได้ไม่น้อยนะจิ๊
http://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/2456660:BlogPost:245841

พูดถึงแรงต้าน ครูพี่เลี้ยงคนนั้นบอกมั้ยว่า"ภาษาไทยแข็งแรง"คืออายุเท่าไหร่????? ซึ่งสวนทางกับหลายๆผลการวิจัยที่ว่าสมองเด็กพัฒนาได้ดีในช่วง 3 ขวบแรกรึป่าว....

จิ๊...ทำใจสบายๆนะ...เรารู้นิว่าเรากำลังทำอะไรกับลูก เราไม่ได้ "ตามกระแส"แบบไม่ได้ศึกษา..ถูกมั้ย...
แล้วเนอสฯเค้ารับน้องกันต์เข้าเรียนใช่มั้ย...ถ้าใช่...จิ๊เอายิ้มหวานๆของจิ๊ยิ้มใส่เค้านะแล้วบอกว่า "งั้นพี่ฝากคุณครูดูแลน้องกันต์ด้วยนะค่ะ" แล้วเอาชมพู่เพชรไปฝากเค้าหน่อย....อย่าได้แคร์ๆ...

เรื่องภาษาสองชั้น..อย่ากังวลไปเลย..เจอแน่ๆ เพราะเราเปลี่ยนระบบการศึกษาบ้านเราไม่ได้นิ....แต่เชื่อเถอะว่าการสร้างระบบในความคิด การใช้ภาษาอังกฤษแบบเป็นธรรมชาติของลูกเราไม่ไปไหนหรอก

พูดถึงตัวเองนิดนึง.....ก่อนที่อ๊อบจะสองลูกสองภาษาอ๊อบก็ปรึกษาหมอเด็กมาแล้ว..หมอก็สนับสนุนเต็มที่ เลยทำให้เราเดินหน้า....จนพอมาถึงถนนเส้นนึงจะต้องเลี้ยว(ลูกจะเข้าร.ร.) เราก็ต้องชะลอรถ ดูซ้าย..ขวา..ให้แน่ใจแล้วจึงเลี้ยวใช่ป่ะ....อ๊อบว่ากระแสที่เรากำลังไหลไปด้วยเนี่ย..เราต้องพิจารณาด้วยว่าเราต้องผ่อนหนักผ่อนเบาตรงไหน "ตรงไหนขาดเราก็เติม ตรงไหนล้นเราก็ลด" อ๊อบพบว่าเจเจตอบสนองต่อภาษาไทยช้ากว่าภาษาอังกฤษอ๊อบก็กลัวว่าเดี๋ยวตอนไปสัมภาษณ์ตอนเข้าเรียนจะมีปัญหา เพราะเราต้องง้อร.ร.เนื่องจากเป็นร.ร.รัฐบาล แต่ถ้าใครมี aim ว่าลูกเราจะเข้าเอกชน หรือ สองภาษา หรือ อินเตอร์ ตัดความกังวลตรงนี้ออกไปเลย
ตอนนี้เลยพยายาม "เติม" ไทยให้เจเจ อ๊อบลองทำได้ไม่ถึงเดือน รู้เลยว่าภาษาไทยง่ายกว่ามากๆ เพราะสิ่งแวดล้อมสนับสนุน เราก็มาเพิ่มความถี่ในการพูดขึ้นมาอีกหน่อย ให้ลูกได้มีโอกาสพูดมากขึ้น (ซึ่งน้องกันต์กำลังจะได้โอกาสนี้จากเนอสฯ)....

อ๊อบช่วยไรจิ๊ได้บ้างป่ะเนี่ยยยยยยย
Comment by Tao's mamy รักในหลวง on April 29, 2010 at 3:05pm
ชอบคำพูดพี่เก๋อ่ะ ตกผลึกความคิดในเร็ววัน รัตน์ก็กำลังจัดระเบียบความคิดความมั่นใจของตัวเองอยู่เลยค่ะ ฮือฮือ...
เป็นกำลังใจให้ค่ะพี่จิ๊
Comment by Prim & Poom on April 29, 2010 at 2:55pm
แอบมาแชร์อะไรนิดๆหน่อยๆ เผื่อมีประโยชน์กะจิ๊ บ้างนะจ้ะ

เรื่องแรงต้าน ก็น่าจะมีบ้างเพราะการทำสิ่งที่ต่างก็ย่อมเป็นที่สนใจของคนรอบข้าง นั่นคงเป็นความเห็นของแต่ละคน ซึ่งบางคนอาจจะไม่ได้มาสัมผัส ว่า จริงๆแล้วคนที่สอนลูกสองภาษาสำเร็จก็มีมากมาย (รวมถึงต่างประเทศด้วย) ทั้งๆที่ต้องเป็นสองภาษาแท้ และเป็นสองภาษาเสมือนแบบที่เราๆกำลังพยายามกันอยู่ เคสของคนที่ทำสำเร็จ ก็ใช่ว่าจะไม่พบอุปสรรคระหว่างทางเลย เก๋คิดว่า อุปสรรคของแต่ละบ้านนั้น ก็ต่างกันไปตาม factor ต่างๆ อย่างของจิ๊ น้องกันต์ อาจจะพูดช้าอยู่แล้ว ทั้งๆที่จิ๊ไม่ได้สอนภาษาด้วยซ้ำ (เพราะอย่างพูมเค้าก็เริ่มพูดตั้ง ขวบแปดเดือน ถึงจะเริ่มพูดไทยด้วยซ้ำ) ซึ่งจริงๆ แค่ลูกยังไม่พูดเราก็กังวลแล้ว อย่าว่าแต่จะพูดออกมาเป็นภาษาอะไรเลยน๊ะ.... แต่ตอนนี้น้องกันต์ก็เริ่มพูดแล้วนี่นา ถึงจะพูดว่าน้ำ ไม่ได้พูดว่า water แต่ก็เป็นสัญญาณ ที่ดี นะเราว่า ..

เรื่องภาษาแม่ควรแข็งแรงก่อนนั้น เราก็เห็นด้วยนะ เพราะจริงๆ เราเองก็คิดว่า เด็กอยู่ในเมืองไทย สังคมที่เค้าต้องไปเจอวันข้างหน้าก็ไทย ยิ่งถ้าเป็นรร.ไทย ก็ยิ่งต้องมีพื้นไทยที่แข็งแรงพอที่จะให้เค้ามีความสุขได้ อย่างน้อยก็สื่อสารบอกความต้องการกับคนที่เค้าเจอในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน หรือ ครู... เพราะฉะนั้นเราว่า ไทยก็สำคัญ หรือจริงๆ ถ้าครอบครัวที่ไม่ได้เป็นครอบครัวปิด (อย่างเรา ) ก็จะเห็นว่า พูมได้ภาษาไทย จากคนรอบข้างเร็วมาก จำได้เร็ว ใช้ได้เร็ว กว่าภาษาอังกฤษที่เราสอนเองซะอีก ทั้งๆ อยู่กันทั้งวันนะเนี่ย ... นั่นก็แปลได้อีกว่า ไทยนั้นก็ไม่ได้ยากเท่าอังกฤษนะ บางทีมาโดยไม่ได้สอน ทั้งๆที่อังกฤษนั้นพร่ำสอนกันเข้าไป ก็ยังสปีดช้ากว่าไทยอีก... สรุปเราว่าประเด็นนี้จำเป็นต้องสอน แต่จะสอนโดยใครหรือ มีปัจจัยร่วมยังไง ในบ้าน อันนี้ จิ๊คงต้อง วางแผนเองเนอะ...

แอบยกตัวอย่างน้องพริม ... เค้ามาเรียนกะเราเรื่องสองภาษาตอนโต จะพบว่าไม่มีอาการสับสนเลย โดยเฉพาะเรื่องโหมด ไป รร.. กะครู กะเพื่อน ก็ไทยปกติ กลับมาบ้านเจอญาติๆ ก็ ไทย เจอเราไทย เค้าก็ไทย เจอเราอังกฤษเค้าก็อังกฤษ ... เรื่องโหมดและความสับสนจึงจะเห็นได้ว่าเด็กแยกออกได้ดีทีเดียว ..(หรือจะเป็นเพราะเค้าโตแล้วก้ไม่รู้นะ) ..

ขอเป็นกำลังใจให้จิ๊ ตกผลึกในความคิดโดยเร็ววัน (แต่อย่าไปเครียดมากนะจ้ะ ) และเดินหน้าต่อไป สู้สู้จ้า
Comment by mom_jenita on April 29, 2010 at 2:16pm
คราวนี้มามองเรื่องทำไมไม่สอนภาษาไทยก่อน อันนี้ภาก็ไม่แน่ใจว่าควรสอนอะไรก่อนหลัง แต่ถ้าสอนไปพร้อมกันได้เลย ภาว่ามันก็ดีและคนอื่นๆเค้าก็ทำได้กันนะ (เด็กลูกครึ่ง) แต่ถ้าเราสอนให้มันเติบโตไปไม่พร้อมกัน และถึงเวลาที่เด็กต้องจากเราไปอยู่ในสังคม สภาพแวดล้อมที่ต่างออกไปที่เราสร้างให้เค้า ปัญหาจะเกิดหรือไม่ขึ้นกับสิ่งแวดล้อมที่เราจะส่งให้เค้าไปอยู่ เช่น ถ้าส่งไปอยู่รร.อินเตอร์ ไม่มีปัญหาแน่นอน หรือรร.ที่เค้าพร้อมจะเข้าใจว่าอ้อ..เราทำแบบนี้อยู่นะ พยายามประคองเด็กไปเรื่อยๆ ช่วยเราสอนไทยด้วย สุดท้ายสิ่งแวดล้อมก็จะทำให้เค้าพูดไทยได้แน่นอน แต่ถ้าไม่ เราก็จะโดนว่า รวมถึงลูกเรา(ซึ่งอันนี้ภามองว่าสำคัญ) ก็จะต้องปรับตัวกับสถานที่ใหม่ คนใหม่ๆที่เจอ เพื่อนใหม่ และภาษาใหม่ๆ (ไม่รู้ว่า ในใจเค้าจะรู้สึกยังไงบ้าง) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นกับเด็กอีก เด็กปรับตัวเร็วช้า ต่างกัน บางคนสบายๆ บางคนก็อาจไม่สบายใจเหมือนอยู่กับแม่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นชิน

ถ้าเป็นตัวภา ภาก็คงเตรียมเค้า ให้เค้าสามารถ ไปอยู่ร่วมกับเด็กวัยเดียวกับเค้าได้ คุยกับเพื่อนรู้เรื่อง บอกความต้องการต่างๆกับครูได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ระดับนึง (แบบนี้จะไม่เป็นปัญหาต่อทั้งลูกเรา และครู) ก็ไม่น่ามีแรงต้านอะไรนะคะ เราก็ทำของเราต่อไปได้

ส่วนแรงต้านจากคนใกล้ๆ ที่เค้าต้องเห็นระหว่างทางที่เราทำก่อนที่จะประสบผลสำเร็จ อันนี้ต้องทำใจ แต่คิดเอาไว้ว่า ขนาดนักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลก ก่อนจะมีชื่อเสียงทุกวันนี้ ก็ถูกหาว่าบ้ามาก่อน 555… ตอนที่ประสบความสำเร็จแล้ว พี่จิ๊ ค่อยประกาศชัยชนะทีหลังค่ะ อิอิ ตอนนั้น จะไม่มีใครว่าเราได้แน่นอนค่ะ

ถ้าโตขึ้นกว่านี้อีกล่ะ เช่น เป้าหมายภา คงต้องให้ลูกเรียนในระบบไทย น่าจะถึงปริญญาตรี(เพราะคิดถึงลูก ไม่อยากให้ลูกจากอกไปเร็ว) อยากให้ลูกเรียนอย่างมีความสุข คือคิดเอาเองว่า อยู่ในห้องเรียนรู้เรื่องทุกวิชา สนุกกับมัน แล้วถ้าเค้าต้องเรียนไทย ก็ต้องช่วยให้เค้าแข็งแรงตรงนี้ ด้วย พร้อมกับหาอาวุธช่วยเค้าในการเรียนรู้อย่างครบมือ ถึงตรงนี้ต้องปรับสมดุลในเรื่องภาษาให้เค้า ให้มีภูมิต้านทานเรียนในระบบไทยได้อย่างมีความสุข (เพราะที่รร.ดูแลไม่ได้ตัวต่อตัวแบบเรา และเวลาที่รร.ในแต่ละวิชาก็ไม่ได้มีมาก) และเสริมอังกฤษให้แข็งแรงระหว่างทางไปด้วยพร้อมๆกัน พอถึงตอนได้ใช้งานจริงๆ ก็ทันเวลาพอดีค่ะ ทั้ง 2 ภาษา แต่ถ้าไม่ได้เรียนระบบไทยก็เดินหน้าเต็มขั้นเลยค่า.....

สรุปว่าตั้งเป้าหมายบ้านเรา และมุ่งหน้าสู่เป้าหมาย การคิดต่างย่อมมีแรงเสียดทาน ฝ่ามันไปให้ได้(มีเพื่อนๆเต็มเลยในเวป พี่จิ๊) มองเป้าหมาย และรอวันประกาศชัยชนะจ้า... เป็นกำลังใจให้พี่สาวคนสวยนะจ๊ะ (ภาช่วยอะไรได้บ้างมั้ยเอ่ย)
Comment by mom_jenita on April 29, 2010 at 2:13pm
การทำสิ่งใหม่ๆมักมีแรงต้านเสมอ และยิ่งจากคนที่ไม่ได้มีข้อมูลอื่นๆมากเพียงพอ ก็ย่อมมองไปแบบเดียวกับคนกลุ่มใหญ่หรือสิ่งที่ปฏิบัติกันมาแต่ดั้งเดิม

ส่วนตัวภามองว่า พี่จิ๊ดูเป้าหมายกับลูกที่พี่จิ๊ตั้งไว้ในใจ สำหรับการเลี้ยงลูก และสิ่งที่อยากให้เค้าเติบโตขึ้นเป็นแบบนั้น ในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนิสัยใจคอ กิริยามารยาท ความคิด การอยู่ในสังคม และอย่างหลังคือเรื่องการเรียนและการทำงาน ที่ภาเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคน ก็คงมองเป็นประเด็นสำคัญ จึงได้มีความพยายามมากมายในการฝึกฝนภาษาอังกฤษ กันทุกวันนี้ เพราะอย่างน้อยก็ทำให้ลูกมีแต้มต่อมากขึ้น หลังจากตั้งเป้าหมายไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว ขอให้เดินไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่น เสียงรอบข้างก็ฟังไว้ แต่มองไปที่เป้าหมายของเรา

เรื่องเด็กพูดเร็ว พูดช้า ยากที่จะบอกได้ชัดเจน เพราะเด็กบางคนพูดภาษาเดียว พูดช้าก็มี บางคนพูดหลายภาษาพูดได้เร็วก็มี น่าจะขึ้นกับปัจจัยหลายๆอย่าง ที่ไม่ใช่แค่การฝึก 2 ภาษา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อม บุคลิกภาพของเด็กเอง โอกาส ความถี่ในการรับฟัง เลียนแบบหรือบริบทอื่นๆยิบย่อย แต่จะบอกว่า ไม่ขึ้นกับการพูดภาษาที่ 2 เลย ก็ไม่กล้าฟันธง สรุป ไม่รู้ค่ะ(แล้วจะพูดทำไม อิอิ) คงต้องทำวิจัยกันต่อไปเรื่อยๆ แบบระยะยาว แต่ถ้าภามองแบบบ้านๆ การทำอะไร 2 อย่าง มันก็น่าจะยากกว่าอย่างเดียว ถ้ามันต้องใช้ระยะเวลานานหน่อย หรือต้องทำงานหนักมากๆ มันก็น่าจะคุ้มนะ คือช้าหน่อย หรือแม่เหนื่อยสอนหนักๆหน่อย แต่สุดท้าย พูดได้ 2 ภาษา ภาก็ว่าคุ้มนะคะ

สับสนมั้ย คิดว่า ไม่นะคะ ไม่งั้นคนอื่นๆในโลกเค้าก็ต้องสับสน และจากที่ดูเจ้าขาก็ happy ดี
เรื่องรร.จะสร้างระบบแปล 2 ชั้นให้ลูกมั้ย ภาว่าไม่ เพราะที่รร.สอนน้อยกว่าเรามากๆ เราอยู่กับลูกเยอะกว่า ตอนแรกๆเลย ก็อาจกระทบบ้าง แต่ซักระยะ คิดว่าไม่มีผลนะคะ กว่าเค้าจะท่อง egg ไข่ได้ เค้าอยู่กับเราแค่พูด egg เค้าก็เห็นไข่ในหัวแล้วค่ะ เร็วกว่าเยอะ อันนี้ไม่น่าต้องกังวล
Comment by Nui & Pordee krub on April 29, 2010 at 1:41pm
ขอเข้ามาอ่านประสบการณ์ของคุณแม่ๆด้วยนะคะพี่จิ๊ เพราะตัวเองก็มีความกังวลเรื่องนี้อยู่พอสมควรค่ะ
Comment by Samita Srimachaporm on April 29, 2010 at 1:12pm
น้องเบสท์เข้าอนุบาล 1 ปีนี้แต่แม่เริ่มพูดคุยภาษาอังกฤษกับน้องเบสท์ตอนอายุ 2.6 ปี ตอนนี้น้องเบสท์อายุ 3.3 แล้วเขาก็พูดไทยเก่งแล้วตอนสอนภาษาอังกฤษแต่เขาก็ไม่เคยต่อต้านเขาเข้าใจภาษาอังกฤษได้ดีแต่เวลาตอบก็จะตอบเป็นภาษาไทยแต่คุณแม่ต้องคอยพยุงให้น้องเขาพูดเป็นภาษาอังกฤษทุกครั้งน้องเขาก็ไม่มีปัญหาอะไรแต่ตอนน้องเบสท์อายุ 2.6 ปี แม่ให้เนสเซอรี่เรียน MEP กับอาจารย์ชาวฟิลิปส์ปินน้องเขาก็คุ้ยเคยกับภาษา แต่ตอนพาไป Test เข้า อ.1 แม่ก็กังวลเหมือนกันกลัวลูกสับสนเพราะเป็น รร.ไทย คุณครูทดสอบน้องเบสท์ถามคำถามภาษาไทยน้องเบสท์ตอบเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย คุณครูเขาก็ทำหน้าไม่ค่อย enjoy เท่าไหร่และถามแม่ว่าน้องเขาพูดภาษาไทยได้ไหม แม่ก็บอกว่าพูดได้เก่งแต่คำศัพท์ที่คุณครูถามมันเป็นหมวดผลไม้และเขาก็เรียนรู้ผลไม้เป็นภาษาอังกฤษกับคุณแม่เกือบ 32 ชนิดและผลไม้บางชนิดภาษาไทยเขาก็ยังไม่รู้เลยเพราะคุณแม่ไม่แปลให้เขาฟัง แต่พอไปปรับพื้น 1 เดือนก่อนเรียน อ.1 ตอนนี้กลับมาบ้านร้องเพลง ก.ไก่ , เล่นจ้ำจี้และร้องเพลงไทยได้อีกตั้งหลายเพลง ตอนนี้คุณแม่สบายใจแล้วค่ะเขาไม่สับสนเขาแยกแยะได้เวลาเลาคุยกับคนอื่นเขาก็พูดภาษาไทยเพราะสิ่งแวดล้อมเต็มไปด้วยคนไทยยังไงภาษาไทยก็แข็งแรงแน่นอนค่ะ
Comment by สุภาพร(แม่ปั้น฿แป้ง) on April 29, 2010 at 12:53pm
พี่จิ๊ ใจเย็นนะ ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร เขียนบอก พี่จิ๊ไปเรื่อยเลยนะ
คือ ปัญหา พี่จิ๊ เกรงจะทานกระแสไม่ไหว นั่นเป็นเพราะ ที่นั่น อาจจะยังใหม่กะเรื่องนี้อยู่ หรือเปล่า คือถ้าเป็น โอ อยู่ ที่นั่น หรือสมมติกลับบ้านไปอยู่ ตจว อาจจะทำอยู่2 แบบ
1. ถ้าเป็นการเริ่มสอนลูกเป็นเด็ก2 ภาษา เลย จะยังคงพูด กะเขาเป็นภาษาอังกถษไปตลอดๆ เรื่อยๆ จนกว่าลูกจะซึมซับในโหมด แบบนี้พูดแบบนี้ โดยไม่สนใจ คนรอบข้าง เพราะ ภาษาไทยเรามี อีกคนคือ สามี เมนเทนอยู่ ของพี่จิ๊ ก็เป็นแฟนหรือใครสักคนได้
2. ถ้าพูดมาซักระยะ ลูกเข้าใจ ในความเป็นโหมด 2 ภาษา คือ พูดแบบนี้ จะตอบแบบนี้คือ พูดอังกถษตอบอังกถษ พูดไทยตอบไทยได้ หรือ อาจจะเป็นภาษาอะไรที่เขาถนัดที่สุดเขาก็จะพูดออกมา ( ซึ่งเวลาลูกพูดเองออกจากความรู้สึก ด้วยภาษาใดๆ แปลว่า ลูก น่าจะถนัด ภาษา นั้นก่อน อีกภาษาแน่ๆ ซึ่งเป็นข้อดี ที่ทำให้ เรารู้ว่า เราต้องเสริม ภาษาเน้นภาษาใดให้ลูกได้ก่อน ขึ้นกะเราค่ะ) วกกลับมา หมายความว่า ถ้า เราเจอสิ่งแวดล้อมต้านหนัก และอาจจะอยากลดแรงเสียด หรือ อาจจะถือเป็นข้อดี ในการฝึกหรือใช้ภาษาไทยกะลูกได้มากขึ้น อีกทางนึง อาจจะพูดไทย มากๆขึ้นเวลา ออกนอกบ้าน ก็จะจบในเรื่องของการไม่ต้องอาย555 ไม่ต้องถูกมอง ถ้าที่ ตจว นะหากเราทนกระแสไม่ได้ ก็ฝึกพูดไทยเมื่ออยู่นอกบ้านไปเลย
แต่หากเป็น คนที่เริ่มต้น คิดว่าอย่าบ่อย 5555 เพราะ ลูก ยังไม่ชินความรู้สึกว่าต้องพูดภาษาอังกถษกะแม่
ถ้าลูกชินแล้ว ก็สับได้ ตามแต่อยากค่ะ

ของพี่จิ๊ ลูกชายทั่วๆไปส่วนใหญ่ พูดช้ากว่าเด็กหญิงค่ะ ความมหัศจรรย์ของเด็ก (ที่ค้นพบจากลูก )คือ เขาไม่สับสน แน่นอน พี่จิ๊ เด็กทุกคนโดยเฉพาะ0-7 มีศักยภาพมากมาย เหลือล้น
แต่การเข้าหาเด็กแต่ละคนต่างกัน แต่หลักๆเลย เด็กจะชอบสนุก ตลก อิสระ เป็นหลัก และ แพ้ ความบ่อยความถี่ อย่างที่คุณบิ๊กบอกเด๊ะเลย
ดังนั้น พี่จิ๊ อย่ากังวลมากเลย น้องกัณฑ์ ถ้าเขาได้ยินได้ฟังบ่อยๆและเป็นสิ่งที่ทำให้เขายิ้มได้สนุก เขาจะเลียนแบบและพูดมันออกมาได้ในที่สุดค่ะ
ข้าวปั้นก็พูดช้าค่ะ ปกติเด็กหญิงต้องพูดเร็ว ข้าวปั้น เมื่อปีที่แล้ว 2.6-7 ปี ตอนเริ่มเข้าสู่ 2 ภาษาใหม่ๆ ยังพูดไม่เป็นประโยคเลยค่ะ หมายถึงพูดไทยก็เป็นคำๆเองนะคะ( พูดคำแรกก็14 เดือน) แต่ก็ไม่ได้กังวล เพราะ เขาเข้าใจหมดเลยค่ะ แต่ที่พูดช้าคงเป็นเพราะ อยู่ที่บ้านกะพ่อ ซึ่งปกติวันๆจะพูดน้อยมาก สังคมปิดอย่างว่า555
และแต่ก่อนยังไม่2ภาษา ก็ดูแต่การ์ตูนแปลไทยคำอังกถษคำ แต่พอเริ่ม2ภาษานี่ เข้าปั้นหัดพูดไทยพร้อมๆกะอังกถษเลย แต่ได้ฟังอังกถษมากกว่า ทั้งจากแม่และ vcd พ่อพูดไทยน้อยคำจริงๆ พอ ไป รร ก็มีปัญหานิดหน่อยเพราะ สื่อไทยไม่เก่ง พูดอังกถษเพื่อนไม่รู้เรื่อง 5555 เลยเปลี่ยนที่ ที่พูดอังกถษมากขึ้น ใน รร เลยหมด ปํญหาไป
ส่วนน้องกัณท์ อายุเริ่มไล่เลี่ยแป้งหรือก่อนอยู่ แป้งฟังไทยมากๆจาก สวล มีพี่เลี้ยงตอนนั้น และ พี่ปั้น มากระตุ้นให้ต้องพูดเป็น เด็ก2 คนแตกต่าง อ่ะ พี่จิ๊ เพราะ การกระตุ้นต่างกัน แป้งเลยไทยคล่อง มาสุมอังกถษกะแม่ก็ไม่ต้านเพราะ วัยนี้ 1ขวบกว่า กะลังรับหมด ดังนั้น โอว่า พี่จิ๊ ลองมาคนพูดไทยกะน้องเป็นหลัก แทนพี่จิ๊ หรือ พี่จิ๊ก็ให้พ่อคุยอังกถษเป็นหลัก พี่จิ๊พูดไทย โดยช่วยอังกถษด้วยเป็นบางเวลา หากแฟนพี่จิ๊มีเวลาน้อย ถ้าอยากให้ลูกพูดภาษาไหนได้ก่อน พี่จิ๊ก็พูด ภาษานั้น มากๆๆๆๆ เขาจะตามนั้นเลย
ยาวเลยพี่จิ๊ นี่ความเห็น ส่วนตัวนะคะ อาจแตกต่างจากท่านอื่นได้ แล้วแต่สภาวะครอบครัวค่ะ
เดี๋ยวต่อ นะ พี่จิ๊ ยาวไป พี่จิ๊ อย่ากังวลมากเลย พาน้องกัณทืเที่ยวเล่น เยอะๆ แล้วหยอดๆ ศัพท์ประโยคที่สัมพันธ์ กะสิ่งที่ทำ พูด ซ้ำๆ บ่อยๆ ค่ะ แล้วเด็ก จะอัตโนมัติพูดเองเลย เมื่อเห็นสิ่งนั้นอีกครั้ง

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service