อรดา พงศ์สุธนะ's Posts - หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้
2024-03-28T16:54:15Z
อรดา พงศ์สุธนะ
https://go2pasa.ning.com/profile/3p1mfl2pcyiho
https://storage.ning.com/topology/rest/1.0/file/get/1959240702?profile=RESIZE_48X48&width=48&height=48&crop=1%3A1
https://go2pasa.ning.com/profiles/blog/feed?user=3p1mfl2pcyiho&xn_auth=no
ระยะเวลาที่เปลี่ยนไป แต่ความตั้งใจแม่ยังเหมือนเดิม ตอน1
tag:go2pasa.ning.com,2013-03-13:2456660:BlogPost:1152723
2013-03-13T04:30:00.000Z
อรดา พงศ์สุธนะ
https://go2pasa.ning.com/profile/3p1mfl2pcyiho
<p> </p>
<p><span class="font-size-5">สวัสดีคุณบิก พี่ตุ๊กตา และชาวครอบครัวสองภาษาที่รักทุกๆคน</span></p>
<p> </p>
<p><span class="font-size-4">ห่างหายไปนานกับการได้เข้ามาในเวปสองภาษา แต่ในใจยังระลึกและคิดถึงเสมอ เหมือนเป็นอีกบ้านหนึ่งในหัวใจเรา มาวันนี้อยากจะเล่าพัฒนาการที่ผ่านมาเกือบ4ปี สำหรับการสร้างเด็กสองภาษาของลูกสาววัย 6 ขวบ และ 3 ขวบ น้องเคทและน้องแคลร์</span></p>
<p> </p>
<p><span style="text-decoration: underline;"><span class="font-size-6"><strong>น้องเคทวัย 6…</strong></span></span></p>
<p> </p>
<p><span class="font-size-5">สวัสดีคุณบิก พี่ตุ๊กตา และชาวครอบครัวสองภาษาที่รักทุกๆคน</span></p>
<p> </p>
<p><span class="font-size-4">ห่างหายไปนานกับการได้เข้ามาในเวปสองภาษา แต่ในใจยังระลึกและคิดถึงเสมอ เหมือนเป็นอีกบ้านหนึ่งในหัวใจเรา มาวันนี้อยากจะเล่าพัฒนาการที่ผ่านมาเกือบ4ปี สำหรับการสร้างเด็กสองภาษาของลูกสาววัย 6 ขวบ และ 3 ขวบ น้องเคทและน้องแคลร์</span></p>
<p> </p>
<p><span style="text-decoration: underline;"><span class="font-size-6"><strong>น้องเคทวัย 6 ขวบ</strong></span></span></p>
<p></p>
<p><span class="font-size-4">แรกเริ่มเลยได้สอนน้องเคทวัย2.8 ปี ให้พูดภาษาอังกฤษ ขณะนั้น แม่และเขายังไม่คล่องในการพูดภาษาอังกฤษเลย แต่ต้องยอมรับเลยค่ะว่ายิ่งเล็กยิ่งสอนง้ายๆๆๆๆ</span></p>
<p><span class="font-size-4">ตั้งแต่เคทเริ่มเข้ารร.ไทย-จีน ภาษาอังกฤษที่ได้ใช้ก็น้อยลง เจอกับระบบการแปลที่เที่ยงแท้และยั่งยืนของการศึกษาไทย ( ซึ่งชาตินี้ก็คงจะเปลี่ยนได้ยาก) ลูกคุยไทยกับครูกับเพื่อนตลอดเวลา กลับมาบ้านแม่พูดอังกฤษด้วย ลูกตอบเป็นไทย ได้แต่ขอให้ลูกพูดอังกฤษด้วย เพราะไม่งั้นน้องก็จะไม่ได้ด้วย มาวิเคราะห์เป็นข้อๆกันเลยค่ะ</span></p>
<p></p>
<p> </p>
<p><span class="font-size-4">(ปกติแม่พูดอังกฤษด้วยสัก60-70 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือใช้ภาษาไทยอบรมมารยาท สอนการบ้าน)</span></p>
<p> </p>
<p><span class="font-size-4">1. ทักษะการฟังอังกฤษ</span></p>
<p><span class="font-size-4"> เคทฟังภาษาอังกฤษได้ดีมาก เวลาเปิดการ์ตูนให้ดูก็จะขอดูซาวแทรค์เพียงอย่างเดียว ประมาณว่าฟังภาษาไทยแล้ว ไม่ได้อรรถรส ฉนั้นเรื่องเปิดเสียงอังกฤษให้ดูไม่มีปัญหาเลยค่ะ</span></p>
<p><span class="font-size-4">เขาจะเปิดดูรายการโปรดในยูทูปและฟังเสียงภาษาอังกฤษเข้าใจได้ในระดับหนึ่งเลยค่ะ</span></p>
<p></p>
<p><span class="font-size-4">2. ทักษะการพูด</span></p>
<p><span class="font-size-4"> อันนี้คิดว่าเขาน่าจะพูดอังกฤษได้ดี เพราะสังเกตเวลาบอกลูกเสียงดังๆว่า (อันนี้ไม่ได้มาในเวอชั่นโหดนะคะ แต่เราอยากให้ลูกได้อ่ะค่ะ) Kate, Can you speak English เขากลับตอบและประติดประต่อประโยคได้ดีกว่าที่แม่คิดไว้เสียอีก แต่เขาไม่ค่อยยอมพูด เนื่องจากตอนนี้เขาเรียนรรไทยเพื่อนไทย พูดไทยกันคล่องปาก นึกออกไว พูดไทยกันมันส์หยด แหมๆ ถ้าลูกพูดอังกฤษฟุตฟิตมันส์หยด แม่ก็คงจะสบายเฉิบทีเดียว </span></p>
<p></p>
<p><span class="font-size-4">3. ทักษะการอ่าน</span></p>
<p><span class="font-size-4"> ไม่น่าเชื่อเลยว่าการอ่านของเคทจะดีขึ้นมาก และเริ่มอ่านภาษาอังกฤษออก พร้อมกับภาษาไทยเลย เป็นเพราะทุกวันแม่พยายามอ่านนิทานก่อนนอนให้ฟังทุกๆคืน มันมีผลดีอย่างนี้นี่เอง เขาสามารถอ่านประโยคยากๆ รู้โครงสร้างประโยค แบบที่ไม่ต้องสอนแกรมม่ากันให้ปวดสมอง พอเอาเนื่อหาไปให้ครูดู เขาว่าความรู้น่าจะป.2-3 แล้ว ทั้งทีเขาอยู่อนุบาล 3</span></p>
<p><span class="font-size-4">และก็แปลกมากๆที่เวลาครูให้เขาแปลประโยคบนกระดาน เขาสามารถแปลผ่านเป็นภาษาไทยโดยอัตโนมัติโดยที่แม่อย่างเราไม่เคยสอนแปลเลยสมองเขาเชื่อมโยงกันเองได้เลย ซึ่งน่าอเมสซิ่งมากๆเลย</span></p>
<p></p>
<p><span class="font-size-4">4. ทักษะการเขียน</span></p>
<p><span class="font-size-4"> ทักษะการเขียนในวัยนี้จะยังไม่ชัดเจน แต่สิ่งที่สามารถวัดได้คือการเอาภาพมาแล้วให้ลูกเล่าจากจิตนาการเขา ซึ่งดิฉันคิดว่าน่าจะนำไปสู่การเขียนที่ดีในอนาคตได้</span></p>
<p></p>
<p><span class="font-size-4"> ที่เล่ามาก็เป็นพัฒการที่ผ่านไปและเปลี่ยนไป เชื่อว่าพ่อแม่หลายๆคนก็คงได้พบเจอกับปัญหาต่างๆ และไม่ยอมจำนนท์ต่อสิ่งแวดล้อมที่รายล้อมไปด้วยภาษาไทย</span></p>
<p></p>
<p><span class="font-size-4">.มีคนรอบข้างดิฉันหลายๆคนบอกกับดิฉันว่า ดิฉันเก่งภาษาอังกฤษ บอกเลยค่ะว่าไม่จริงเลย</span></p>
<p> </p>
<p><span class="font-size-4">เพราะตอนที่ดิฉันอ่านหนังสือคุณบิก ประโยคง่ายๆในหนังสือคุณบิกเล่ม 1 ดิฉันไม่รู้สะเป็นส่วนใหญ่เลย แต่ดิฉันก็ไม่กลัว คิดบวกกับตัวเอง ทำให้การที่ดิฉันอยากจะพัฒนาตนเองให้เก่งภาษาอังกฤษขึ้นมานั่้น มันส่งผลต่อพัฒนาการภาษาอังกฤษที่ดีในอนาคตของลูกสาวดิฉันสองคนด้วย ซึ่งมันทำให้เราไม่อยากท้อแท้และยอมแพ้เลยค่ะ</span></p>
<p> </p>
<p><span class="font-size-4">ฉบับหน้าดิฉันจะขอเล่าพัฒนาการเรื่องลูกสาวคนเล็ก ซึ่งดิฉันสอนตั้งแต่แรกเกิดเลยทีเดียว น่าติดตามมากๆค่ะ</span></p>
<p></p>
<p><span class="font-size-4">ขอบคุณที่แวะมาอ่านบล็อกดิฉันนะคะ</span></p>
<p></p>
สองภาษาำพาให้ฮาได้...นะจ้ะ
tag:go2pasa.ning.com,2011-03-22:2456660:BlogPost:616629
2011-03-22T06:30:00.000Z
อรดา พงศ์สุธนะ
https://go2pasa.ning.com/profile/3p1mfl2pcyiho
<p>ฝึกลูกเป็นเด็กสองภาษาได้เกือบ 24 เดือนแล้ว ความเปลี่ยนแปลงมีไม่มากสำหรับเรา เพราะเรายังพูดอังกฤษกับลูกเหมือนเดิม เล่านิทานอังกฤษให้ลูกฟังอย่างสม่ำเสมอ (ยังมุ่งมั่นอยู่ค่ะ)</p>
<p>ยกเว้นเวลาสั่งสอนหรืออบรมก็ต้องใช้ภาษาไทยเพราะมันถึงใจกว่ากันเยอะ แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากสำหรับเคทคือ ภาษาไทยแข็งแรงมากขึ้นทุกๆวัน ยิ่งกว่าติดเทอร์โบ เพราะเรียนโรงเรียนไทย เจอเพื่อนและครูคนไทย และทุกคนที่บ้านพูดไทย จนมีวันหนึ่งเคทกลับมาบ้านบอกแม่ว่า หม่าม๊าพูดไทยกับหนูได้ไหมคะ โห...ท่านผู้ชมคะ ฟังแล้วเข่าอ่อนจริงๆ…</p>
<p>ฝึกลูกเป็นเด็กสองภาษาได้เกือบ 24 เดือนแล้ว ความเปลี่ยนแปลงมีไม่มากสำหรับเรา เพราะเรายังพูดอังกฤษกับลูกเหมือนเดิม เล่านิทานอังกฤษให้ลูกฟังอย่างสม่ำเสมอ (ยังมุ่งมั่นอยู่ค่ะ)</p>
<p>ยกเว้นเวลาสั่งสอนหรืออบรมก็ต้องใช้ภาษาไทยเพราะมันถึงใจกว่ากันเยอะ แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากสำหรับเคทคือ ภาษาไทยแข็งแรงมากขึ้นทุกๆวัน ยิ่งกว่าติดเทอร์โบ เพราะเรียนโรงเรียนไทย เจอเพื่อนและครูคนไทย และทุกคนที่บ้านพูดไทย จนมีวันหนึ่งเคทกลับมาบ้านบอกแม่ว่า หม่าม๊าพูดไทยกับหนูได้ไหมคะ โห...ท่านผู้ชมคะ ฟังแล้วเข่าอ่อนจริงๆ ขยันพูดอังกฤษกับลูกอย่างต่อเนื่องเกือบ 2 ปีไม่ได้หยุด เหตุใดมาวันนี้เคทหักอกแม่แบบนี้...แม่ก็เลยเ่ออๆ ออๆไปก่อน...ได้ค่ะ ได้ค่ะลูก</p>
<p> </p>
<p>แต่ด้วยความเคยชินทำให้ได้เปรียบมาก คือตามคุณบิ๊กบอกว่า เด็กยิ่งเล็กยิ่งสอนง่าย ทำให้เคทเคยชินกับการพูดอังกฤษกับแม่เป็นหลัก คุยๆกันสักพัก ทุกครั้งเวลาเขาก็เริ่มต้นพูดจะใช้อังกฤษกับแม่ก่อนทุกครั้งไม่ว่าจะถาม ชวนคุยหรือเล่าเรื่องอะไร (ยกเว้นบางเรื่องเขาอยากเล่ามาก แต่เขาไม่ทราบศัพท์อังกฤษอันนี้่จะเล่าไทยทั้งประโยค)</p>
<p>จนแม่อดแซวกลับไม่ได้ค่ะว่า</p>
<p>Mom :You've told me that you wanted to speak English to me!! ฺีBut you don't!</p>
<p>Kate :..LOL!!</p>
<p> </p>
<p>การสอนลูกเป็นเด็กสองภาษาก็ทำให้มีเรื่องฮามากมาย เริ่มต้นเล่าเลยแล้วกันค่ะ</p>
<p>1. <span style="text-decoration: underline;">มีไช่น่าหรือเปล่า</span></p>
<p>Kate : Mother, why everyone has China?</p>
<p>Mom : What? What's China?</p>
<p>Kate : < point to her crotch> This ..China.</p>
<p>Mom : I see...that' s vagina. 55+</p>
<p>ขออภัยไม่สุภาพค่ะ แต่ลูกพูดแบบนี้จริงๆ เป็นคำสับสน 555</p>
<p> </p>
<p><span style="text-decoration: underline;">2.Echo sound</span></p>
<p>คือเราำกำลังเล่นทำเสียงเอคโค่กันอยู่ค่ะ</p>
<p>Kate : Wa...wa ..aaaaaaaa</p>
<p>Mom : Can you ask Dady to do an echo sound?</p>
<p>Kate : ป่า ป๊า ทำเสียงตุ๊กแกสาวได้ไหม</p>
<p>Mom : คือตอนแรกงงค่ะ แต่พอได้ยินแล้วคิดตามก็ขำจริงๆค่ะ echo เขาไปแปลให้พ่อเป็น gecko แทนค่ะ ซาวด์ ก็เป็นคำว่าสาวแทนค่ะ ..เคทคิดได้ไงเนี่ย...</p>
<p> </p>
<p><span style="text-decoration: underline;">3. จั๊ก- กา - เยอร์ร</span> เคยได้ยินไหม</p>
<p>เรื่องนี้เล่าแล้วมันเป็นความผิดของแม่เองค่ะ ยังไม่ได้ไปหาคำศัพท์ชักเย่อ เคทเลยพูดทับสำเนียงอังกฤษเลยค่ะ</p>
<p>Kate : Mother, I want to play จั๊ก -ก ะ - เยอร์รร</p>
<p>Mom : What is it?</p>
<p>Kate : ยังพยายามต่ออีกค่ะ ชั๊ก - คะ - เยอร์รร</p>
<br/>
<p>ตอนนี้เริ่มเอียงมาเป็นภาษาไทยแล้วค่ะแต่สำเนียงทีได้เนี่ย ฝรั่งมาก โดยเฉพาะตัวท้าย เย่อร์ ออกเสียงอาร์ชัดมากค่ะ ฟังแล้วก็ต้องรีบมาทำบันทึกให้ลูกอ่านเวลาเขาโต เป็นเรื่องขำเล็กๆ ที่ถูกใจแม่เลยค่ะ</p>
<p> </p>
<p><span style="text-decoration: underline;">4.Six packs</span></p>
<p>จากที่ได้ศัพท์คำนี้จากห้องอังกฤษก็พยายามเอามาใช้บ่อย และใช้ประโยคให้หลากหลายทั้งที่เป็นความหมายเดียวกัน วันนั้นเคทถือหนังสือมา หน้าปกมีดาราถ่ายภาพโชว์ซิกซ์แพ็คเต็มที่</p>
<p>Mother : What have you got?</p>
<p>Kate : Mother..look! He has 6 packs..he has big biceps.</p>
<p>Mother : Do you want Daddy to be like that?</p>
<p>Kate : Yes.</p>
<p>Mother : Why? Because he' ll look good and...</p>
<p>Kate : He'll look ....PERFECT!!</p>
<p> แม่ฟังแล้วขำจริงๆค่ะ คิดได้ไงเนี่ยว่ามีซิกแพ็คแล้วมันจะเพอเฟ็คเนี่ย</p>
<p> </p>
<p><span class="font-size-4"><strong>ถึงคุณบิ๊กและพี่ตุ๊กตาคะ</strong></span></p>
<p>ขอบคุณมากมายสำหรับเส้นทางสายนี้และกำลัีงใจทีมีให้เสมอมาค่ะ ดาเป็นคนเอาใจใส่เรื่องการเลี้ยงลูกมากกว่าเดิมเยอะเลยค่ะ หลังจากได้พบกับหนังสือเด็กสองภาษาเล่มแรก (เล่มออริจินอล) ขอให้หนังสือเล่มใหม่ต่อๆไป มีเนื้อหายอดเยี่ยมได้ออกมาเรื่อยๆและขายดีตลอดไปค่ะ</p>
<p> </p>
ปล . ภาษาอังกฤษที่เขียนด้านบน อาจไม่ค่อยแข็งแรง ผิดถูกตรงไหน ช่วยให้แสงสว่างด้วยค่ะ ขอบคุณมากที่แวะมาอ่านบล็อคค่ะ<br/>
<p> </p>
ใครเคยลูกหายบ้างคะ
tag:go2pasa.ning.com,2010-08-17:2456660:BlogPost:372344
2010-08-17T03:06:30.000Z
อรดา พงศ์สุธนะ
https://go2pasa.ning.com/profile/3p1mfl2pcyiho
ขอเล่าประสบการณ์หวาดเสียว ที่ทำให้คนเป็นแม่หัวใจแทบสลายเลยค่ะ<br></br>
<br></br>
เมื่อวานตอนค่ำครอบครัวเราดา สามีและเคท แคลร์พากันไปทานไอติมสเวนเซนค่ะ <br></br>
ด้วยความที่เคทอยากได้ช้อนอีกคันหนึ่งก็เลยให้เขาเดินไปขอพนักงานเอง <br></br>
<br></br>
แต่ตรงกันข้าม เคทกลับวิ่งเข้าไปในห้างฯคนเดียว พอถามแฟน <br></br>
แฟนบอกว่าให้รีบไปดู แต่ก็ไม่เห็นเงาลูกเลยค่ะ เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเอง <br></br>
ตอนที่ออกไปยืนหาลูก หัวใจแทบจะสลายเลยค่ะ ตัวเย็นมือชาไปหมดเลย <br></br>
คิดว่าจะเจอเขาอีกไหมในชีวิตนี้ <br></br>
<br></br>
สัก 3-4…
ขอเล่าประสบการณ์หวาดเสียว ที่ทำให้คนเป็นแม่หัวใจแทบสลายเลยค่ะ<br/>
<br/>
เมื่อวานตอนค่ำครอบครัวเราดา สามีและเคท แคลร์พากันไปทานไอติมสเวนเซนค่ะ <br/>
ด้วยความที่เคทอยากได้ช้อนอีกคันหนึ่งก็เลยให้เขาเดินไปขอพนักงานเอง <br/>
<br/>
แต่ตรงกันข้าม เคทกลับวิ่งเข้าไปในห้างฯคนเดียว พอถามแฟน <br/>
แฟนบอกว่าให้รีบไปดู แต่ก็ไม่เห็นเงาลูกเลยค่ะ เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเอง <br/>
ตอนที่ออกไปยืนหาลูก หัวใจแทบจะสลายเลยค่ะ ตัวเย็นมือชาไปหมดเลย <br/>
คิดว่าจะเจอเขาอีกไหมในชีวิตนี้ <br/>
<br/>
สัก 3-4 นาทีเคทก็วิ่งกลับมาคืน <br/>
พอถามว่าไปไหนเขาก็บอกว่าไปเอาช้อน..คงจะด้วยความเป็นเด็กที่วิ่งไปทางไหนก็ไม่รู้ และเราเองที่ประมาทไว้ใจลูกมากเิกินไป หากเกิดอะไรขึ้นให้อภัยตัวเองไม่ได้เลยค่ะ<br/>
<br/>
กลับมาบ้านกอดลูก ร้องไห้และบอกกับเคทว่า เคทจ๋า เคทอย่าทำแบบนี้อีกนะ <br/>
หนูห้ามวิ่งไปไหนคนเดียว ม๊าเกือบจะไม่มีหนูมาอยู่ข้างๆม๊าอีกแล้ว <br/>
แล้วเคทเองก็ร้องไห้เสียใจอย่างมาก ซึ่งเขาเองคงไม่ได้รับรู้มากเท่าไรว่าเขาทำอะไรลงไปด้วยวัยที่เขายังเด็กมาก<br/><br/>เรื่องนี้เป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับเราเลย ไม่ว่าเคทจะโตขนาดไหน ม๊าก็จะไม่ไว้ใจหนูเด็ดขาดเลย<br/>
<br/>
ขอให้เป็นประสบการณ์แต่พ่อแม่ทุกๆท่านนะีคะ
ภาษาจีนก้าวต่อไปของแม่และเคท
tag:go2pasa.ning.com,2010-04-22:2456660:BlogPost:244115
2010-04-22T07:30:00.000Z
อรดา พงศ์สุธนะ
https://go2pasa.ning.com/profile/3p1mfl2pcyiho
สิ่งที่อยากจะเล่าต่อไปนี้ มิได้มองว่าการสอนภาษาอังกฤษของเราดีเต็มที่แล้ว ขนาดที่จะก้าวไปสู่ภาษาที่ 3 แต่คิดว่าหากเราไม่ได้มีวันที่เริ่มภาษาจีนกับเคทแล้ว ก็เหมือนกับที่เราไม่กล้าตัดสินใจสอนภาษาอังกฤษกับลูก เรื่องราวดีๆสนุกๆ ระหว่างแม่กับเคทก็คงจะไม่เกิดขึ้นอีก มันเป็นความรู้สึกดีๆที่ลูกสามารถตอบรับภาษาที่3 ได้ดีขึ้น และก็เป็นเชื้อเพลิงอย่างดีที่เติมไฟให้แม่ต้องมานั่งอ่านภาษาจีนเพื่อลูก<br></br><br></br>จากที่ผ่านมา ก็พยายามเปิดเพลงจีนเด็กให้เคทฟังมาเรื่อยๆ และเริ่มพูดคำศัพท์รอบๆตัว…
สิ่งที่อยากจะเล่าต่อไปนี้ มิได้มองว่าการสอนภาษาอังกฤษของเราดีเต็มที่แล้ว ขนาดที่จะก้าวไปสู่ภาษาที่ 3 แต่คิดว่าหากเราไม่ได้มีวันที่เริ่มภาษาจีนกับเคทแล้ว ก็เหมือนกับที่เราไม่กล้าตัดสินใจสอนภาษาอังกฤษกับลูก เรื่องราวดีๆสนุกๆ ระหว่างแม่กับเคทก็คงจะไม่เกิดขึ้นอีก มันเป็นความรู้สึกดีๆที่ลูกสามารถตอบรับภาษาที่3 ได้ดีขึ้น และก็เป็นเชื้อเพลิงอย่างดีที่เติมไฟให้แม่ต้องมานั่งอ่านภาษาจีนเพื่อลูก<br/><br/>จากที่ผ่านมา ก็พยายามเปิดเพลงจีนเด็กให้เคทฟังมาเรื่อยๆ และเริ่มพูดคำศัพท์รอบๆตัว (ซึ่งแม่เองก็ต้องเรียนใหม่เพื่อเคท) และเริ่มพูดประโยคง่ายๆ การสอนภาษาจีนของเราไม่ได้เป็นระบบOPOL หรือ OTOL เลย เพียงจะเน้นว่าอันไหนหรือประโยคไหนเรารู้ให้พูดไปก่อน หากมีเวลาก็ค่อยถามผู้รู้เพิ่มเติมที่ห้องจีนค่ะ <br/><br/><br/>ปัจจุบันการสอนภาษาเคทคือ<br/>1. <span style="font-weight: bold; text-decoration: underline;">ภาษาไทย</span> หากได้ยินเคทพูดภาษาไทยผิดจะแก้ไขให้เขา พูดไม่มีหางเสียง หรือบางทีุดุและสั่งสอนก็ยังใช้ภาษาไทยบ้าง <br/>2. <span style="font-weight: bold; text-decoration: underline;">ภาษาอังกฤษ</span> ก็ยังพูดประโยคเดิมๆ ตอนนี้กลับมาท่องศัพท์ในเล่มที่เราจดไว้จะท่องได้เร็วขึ้น เพราะเราเิริ่มจับทางภาษาอังกฤษได้แล้้ว แต่ไม่ได้แปลว่าเก่งนะคะ แปลว่า <span style="font-weight: bold;">พอ</span>เ<span style="font-weight: bold;">อาตัวรอดได้</span> แต่เมื่อใดมีำคำถาม ก็ยังต้องไปโพสที่ห้องอังกฤษรอครูและนางฟ้าใจดีช่วยหาคำตอบให้ ซึ่งต้องขอบคุณครูทุกคนที่ห้องอังกฤษมากเลยค่ะ (ปล คงเอ่ยชื่อไม่หมดนะคะ แต่น่ารักและมีน้ำใจทุกท่านเลยค่ะ)<br/>3. <span style="font-weight: bold; text-decoration: underline;">ภาษาจีน</span> ตอนนี้พูดประโยคง่ายๆด้วย เคทเริ่มตอบกลับมาเยอะขึ้น <span style="font-weight: bold;">ทำให้ดีใจมาก</span> อยากจะค้นคว้าต่อ ท่องต่อเพื่อลูกค่ะ<br/><br/><span style="font-weight: bold; text-decoration: underline;">ลองมาฟังพัฒนาการด้านภาษาจีนของน้องเคทนะคะ</span><br/><br/>1. เวลาเคทเจอหมา แมว นก เคทจะตอบได้ 这是狗/ 猫/鸟/ zhè shì gŏu /māo /niăo (เจร้อ ซื่อ โก่ว/เมา/เหนี่ยว แปลว่า อันนี้คือหมา/แมว/นก)<br/><br/>2. เริ่มเรียกอากงได้ ว่า 爷爷 yé yé (แหย๋ แหย แปลว่าปู่)<br/><br/>3. เริ่มพูดประโยคบอกเล่าง่ายๆได้เช่น 这是平果。zhè shì píng guŏ (เจร้อ ซื่อ ผิง กั่ว แปลว่า อันนี้คือแอปเปิ้ล)<br/><br/>4. เริ่มถามคำถามง่ายๆออกมา 妈妈!这是狗吗?mā mā !zhè shì gŏu ma ? (มามา เจร้อ ซื่อ โก่ว มา แปลว่า แม่คะ อันนี้เรียกว่าหมาใช่ไหม)<br/><br/>5. เริ่มตอบกลับประโยคที่พูดให้ฟังทุกวันได้<br/>แม่ :你叫什么名字?nĭ jiào shén mo míng zì ?(หนี่ เจี่ยว เสริน เมอ หมิง จื่้อ แปลว่า หนูชื่ออะไร)<br/>เคท : 我叫香蕉。wŏ jiào xiāng jiāo (หว่อ เจี้ยว เซียงเจียว แปลว่า หนูชื่อกล้วยหอมค่ะ)<br/><br/>อันนี้ ขำๆนะคะ พอดีเขามองไปเห็นกล้วยบนโต๊ะ เขาเลยบอกว่า หนูชื่อกล้วยหอมค่ะ (เคทปล่อยมุกค่ะ 55)<br/><br/>6. เคทเริ่มพูด 3 ภาษาในประโยคเดียว มีวันหนึ่งเขาดูบัตรคำศัพท์แล้วก็พูดว่า 帽子...mao4zi เม้าจื่อ คือ Hat โอ...เริ่มเลียนแบบพี่เพ่ยเพ่ยได้แล้ว อีกไม่นาน ตามพี่เพ่ยเพ่ยไปค่ะ<br/><br/><font size="3"><span style="font-weight: bold; text-decoration: underline;">ถึงห้องภาษาจีน</span></font><br/><br/>ต้องขอบ<font size="3"><span style="font-weight: bold;">คุณเหล่าซือหน่อย</span></font>ที่คอยตอบทุกคำถาม ตอบละเอียดและแถมความรู้เกร็ดเล็กน้อยตลอดเลย ช่างมีน้ำใจงามจริงๆ จะนานแค่ไหนดาก็รอคำตอบนะคะพี่หน่อย น้องเคทจะเก่งภาษาจีนก็เพราะมีพี่หน่อยล่ะค่ะเป็นกุนซือใหญ่<br/><br/><span style="font-weight: bold;">พี่ธี คุณตี๋พ่่อน้องชิงชิง น้องโอ๋แม่น้องดราก้อน เหล่าซือหนึ่ง</span> ผู้ช่วยตอบทุกคำถามค่ะ และยังมี<span style="font-weight: bold;">พี่ตังโอ</span>ผู้เป็นแนวร่วมที่อยากเรียนภาษาจีนโดยที่ไม่มีพื้นมาก่อนเลย เป็นแม่ที่ขยันตั้งใจและขยันมาก <span style="font-weight: bold;">พี่อ๋อ</span> ผู้ช่วยจุดประกายภาษาจีนกับดา ไม่งั้นดายังงงอยู่เลยจะ จะเริ่มเมื่อไรดีเนี่ย ทั้งพี่อ๋อและพี่ตังโอ ข้าน้อยต้องขอคำนับจริงๆ เพราะพี่ทั้งสองตั้งใจมากเลย และยังมีสมาชิกอีกหลายคนกำลังจดๆจ้องๆห้องจีนนะคะ เช่น พี่อี๊ด หมอนุ้ย พี่ตุ๊ก พี่เม่ย เจน หญิงแม่น้องการ์ต้า พี่อ๊อบ พี่เล็ก มาช่วยกันรวมกันให้คึกคักนะคะ เพราะอนาคต ภาษาจีนเป็นภาษาที่ดีไม่แพ้ภาษาอังกฤษเลยค่ะ<br/><br/>ที่เล่ามาทั้งหมด <span style="font-weight: bold; text-decoration: underline;">ก็ต้องขอบคุณความรักที่คุณบิ๊กมีให้พี่เพ่ยเพ่ยนะคะ</span> ที่เผื่อแผ่มาให้แ่ก่พวกเราหลายครอบครัวในนี้ ก็ไม่นึกเลยว่าทั้งความรู้ที่ครูพร่ำสอนมาตอนเราเป็นเด็กจะได้นำมาสอนกับลูก ช่างเกิดประโยชน์จริงๆค่ะ<br/><br/><span style="font-weight: bold; text-decoration: underline;">อย่างไรแล้่วก็จะพยายามต่อไปคะ ทำด้วยความสนุกแล้วจะไม่เบื่อและไม่ท้อค่ะ</span><br/><br/><font size="7"><span style="font-weight: bold;">There's a will.</span><br style="font-weight: bold;"/><span style="font-weight: bold;">There's a way.</span></font><br/>
สอนมารยาท Listen to me!
tag:go2pasa.ning.com,2010-02-08:2456660:BlogPost:185253
2010-02-08T07:30:00.000Z
อรดา พงศ์สุธนะ
https://go2pasa.ning.com/profile/3p1mfl2pcyiho
เคยมีคำถามแบบนี้ไหมคะว่า <span style="font-weight: bold; text-decoration: underline;">การสอนแบบระบบโอพอลจะช่วยเรื่องการสั่งสอนมารยาทกับลูกได้ไหม</span> ซึ่งตอนนี้ก็เหมือนกับเป็นการทดลองกับตัวเองว่า เราจะทำได้โดยใช้ภาษาอังกฤษได้หรือเปล่า ภาษาจะเป็นอุปสรรคไหม เพราะใจเราก็อยากให้ลูกเ่ก่ง ดี มีมรรยาท ยิ่งเป็นเด็กผู้หญิงด้วยล่ะ คงต้องสอนมากทีเดียว<br></br><br></br><br></br>จากหนังสือหลายๆเล่ม ครูหลายๆคนก็หล่อหลอมความคิดและทำให้เราเชื่อว่า การสอนแบบธรรมชาตินี่ดีที่สุด ซึ่งฝรั่งเอง คนจีนเอง…
เคยมีคำถามแบบนี้ไหมคะว่า <span style="font-weight: bold; text-decoration: underline;">การสอนแบบระบบโอพอลจะช่วยเรื่องการสั่งสอนมารยาทกับลูกได้ไหม</span> ซึ่งตอนนี้ก็เหมือนกับเป็นการทดลองกับตัวเองว่า เราจะทำได้โดยใช้ภาษาอังกฤษได้หรือเปล่า ภาษาจะเป็นอุปสรรคไหม เพราะใจเราก็อยากให้ลูกเ่ก่ง ดี มีมรรยาท ยิ่งเป็นเด็กผู้หญิงด้วยล่ะ คงต้องสอนมากทีเดียว<br/><br/><br/>จากหนังสือหลายๆเล่ม ครูหลายๆคนก็หล่อหลอมความคิดและทำให้เราเชื่อว่า การสอนแบบธรรมชาตินี่ดีที่สุด ซึ่งฝรั่งเอง คนจีนเอง ต่างก็ใช้ภาษาตัวเองในการอบรมมารยาท เอ่อ....แล้วทำไมเราจะใช้ภาษาอังกฤษสอนลูกบ้างไม่ได้น้า ในเมื่อเราตั้งใจจะสร้างครอบครัวเสมือนขึ้นมา<br/><br/>เรื่องมารยาทเป็นเรื่องที่ต้องสอนลูกทุกวันๆๆ มันไม่ง่ายเลย เอ้หรือว่าเราประหลาดเกินไป ใช้ภาษาอังกฤษสอนลูกและทุกวันนี้ก็ยังโดนตำหนิจากแม่และพี่ๆว่า เคทยังต้องปรับปรุงเรื่องมารยาทอีก ทำให้เราลำบากใจไม่น้อยเลย ว่าเราเพี้ยนหรือเปล่า ทำไมไม่ใช้ภาษาไทยสอนลูก<br/><br/>จากการลองสอนเขาเรืื่องมารยาทอย่างจริงจังมาได้เดือนสองเดือน
ประกอบกับ<span style="font-weight: bold;">วัยเขาด้วยที่ชอบลองของ</span> บอกว่าให้ทำก็ไม่ทำ บอกว่าอย่าก็อยากทำ<br />
ทำให้แม่เหนื่อยๆกับการใช้ภาษาอังกฤษสอนมารยาทลูกเช่นกัน<br/><br/>ขอเล่าบางเหตุการณ์ที่พอจะยืนยันได้ว่า เราใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อสอนมารยาทลูกแบบเป็นธรรมชาติได้นะคะ<br/><br/><span style="font-weight: bold; text-decoration: underline;">1. สอนมารยาทพ่อบ้างค่ะ</span><br/><br/>ปกติสอนเคทว่าเคทอย่าขว้างของ แต่มีวันหนึ่งคุณพ่อเผลอขว้างค่ะ ส่วนเคทก็ตอบกลับทันทีทันใด<br/><br/>Mother : What 's happened?<br/>Kate : Look mother! Dad throw a thing.<br/>Mother : So...<br/>Kate : <span style="font-weight: bold;">He 's impolite</span>.<br/><br/>โห....คุณเคทขา แม่สอนหนูทุกวันว่าอย่าขว้างของ It's impolite .มาวันนี้ คุณพ่อเจอเคทสวนกลับ เป็นไงคะ หงายหลังไปเลยค่ะ<br/><br/><span style="font-weight: bold; text-decoration: underline;">2. I listen to you</span> <br/>สอนลูกบ่อยเหลือเกิน Don't play with the door. The door gonna slam on your finger. Please listen to me. และแล้ว...วันนั้นนิ้้วโดนหนีบ วันนั้นเคทร้องไห้อย่างหนักเลย โชคดีเหลือเกิน ที่นิ้วยังไม่ขาดค่ะ แต่มาวันนี้สิ่ิงที่เราท่องสอนทุกๆวัน มันเริ่มเห็นผลบ้างแล้วค่ะ<br/><br/>Mother : Don't go out and don't play with the door.The door gonna slam on your finger.<br/> เรียกว่าเป็นประโยคหากินค่ะ พูดทุกวันๆๆ ทำไมมันไม่เข้าหยั่งรากสมองลูกเราบ้างเน้อ<br/><br/> (เรื่องการพูดแนวบวก คงไม่ทันกับพฤติกรรมเคทค่ะ เพราะเขาไวมาก)<br/><br/>Kate : (กำลังจะเปิดประตูห้อง และก็หยุดทันทัน เิดินกลับมามาแม่)<br/> ...see <span style="font-weight: bold; text-decoration: underline;">I listen to you.</span><br/><br/>โอ้แม่เจ้า สอนคำนี้มาแทบจะทั้งชีวิตของระบบโอพอล เขาเข้าใจความหมายด้วย ทั้งที่ประโยคนี้เป็นนามธรรมมากๆเลย<br/>และเคทบอกว่าเชื่อฟังแม่ด้วยค่ะ ซึ้งจริงๆๆๆ<br/><br/>อยากให้ทุกคนคิดว่า ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไปนะคะ จากเรื่องที่เล่าเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการสอนมารยาท ซึ่งก็ไม่อยากเชื่อว่าใช้ภาษาอังกฤษจะเป็นสื่อสอนลูกได้ และก็จะพยายามต่อไปค่ะ<br/><br/>
ปลื๊ม ปลื้ม
tag:go2pasa.ning.com,2009-12-27:2456660:BlogPost:157919
2009-12-27T02:30:00.000Z
อรดา พงศ์สุธนะ
https://go2pasa.ning.com/profile/3p1mfl2pcyiho
เมื่อวานได้ออกไปกินขนมปังร้านในเมืองแถวนี้ มีดาและเคทไป ซึ่งปกติช่วงนี้เก็บตัวแล้วค่ะ เนื่องจากท้องใหญ่โย้เย้ จะไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวกเอาเสียเลย ปกติจำศีลอยู่ที่บ้านแบบไม่ออกไปไหนเลยราวๆเดือนได้ค่ะ ซึ่งตรงนี้ก็ทำให้เราไม่เห็นโลกภายนอกเลย<br></br>
<br></br>
เราเลือกโต๊ะนั่งในร้านขายขนมปังแบบไกลคนอื่นนิดหนึ่ง เพราะในใจเราคิดว่า ไม่ได้ต้องการจะอวดใครว่าเรากับลูกคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ เพราะการที่เราอยู่ต่างจังหวัดแบบนี้ พูดภาษาัอังกฤษกับลูก (อาจมีคนว่าได้ว่า ทำไมเธอ...ดั๊ช ชา ริท…
เมื่อวานได้ออกไปกินขนมปังร้านในเมืองแถวนี้ มีดาและเคทไป ซึ่งปกติช่วงนี้เก็บตัวแล้วค่ะ เนื่องจากท้องใหญ่โย้เย้ จะไปไหนมาไหนก็ไม่สะดวกเอาเสียเลย ปกติจำศีลอยู่ที่บ้านแบบไม่ออกไปไหนเลยราวๆเดือนได้ค่ะ ซึ่งตรงนี้ก็ทำให้เราไม่เห็นโลกภายนอกเลย<br/>
<br/>
เราเลือกโต๊ะนั่งในร้านขายขนมปังแบบไกลคนอื่นนิดหนึ่ง เพราะในใจเราคิดว่า ไม่ได้ต้องการจะอวดใครว่าเรากับลูกคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ เพราะการที่เราอยู่ต่างจังหวัดแบบนี้ พูดภาษาัอังกฤษกับลูก (อาจมีคนว่าได้ว่า ทำไมเธอ...ดั๊ช ชา ริท จังเลย)<br/>
<br/>
จากนั้นเราก็สั่งอาหาร เครื่องดื่ม และดาก็เล่นและพูดคุยกับเคทเรื่องทั่วไป พยายามชวนเขาดูโน่นนี่ (เพื่อที่เขาจะไม่ลุกเดินออกจากโต๊ะ ..แหะๆ ซึ่งเป็นปกติค่ะ เคทไม่ค่อยนั่งอยู่กับที่นาน) โดยส่วนตัวแล้ว ดาจะไม่พูดภาษาอังกฤษกับลูกเสียงดังมากเพราะเราเกรงใจคนอื่นค่ะ เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราอวดรู้<br/>
<br/>
ระหว่างนั้น เคทก็เริ่มส่งเสียงดัง พูดภาษาอังกฤษอย่างโน้นอย่างนี้ เช่น I will eat jelly empty. I want some water. etc.Mother, I'm here!!(ระหว่างที่เขาไปดื่มน้ำ) ตามประสาเด็กนะคะ เพราะเขาไม่รู้ว่าระดับเสียงของเขาเนี่ยดังไปเท่าไรแล้ว ซึ่งเราก็คงจะไม่ได้ไปห้ามลูกว่า <u>อุ้ย อย่าพูดภาษา</u><u>อังกฤษสิ อายเขา</u> แต่ด้วยความที่เราคุยสนุกกับลูก ก็ยังไม่ได้สนใจ<br/>
<br/>
สักพักหนึ่ง โต๊ะข้างๆเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว...เิริ่มหันมามอง...คงจะหันมามองว่า เอ้ ..แม่กับลูกคู่นี้คนไทยหรือเปล่า เริ่มพินิจพิเคราะห์ดูสีผมดูหน้าตา ว่าเป็นคนชาติไหน ทำไมพูดอังกฤษกันแจ้วเจื้อยที่เดียว เขาิเริ่มมองหน้าแม่ - หน้าลูก เอ้...คนไทยนี่หว่า ทำไมพูดอังกฤษกันจ้อยๆๆเลยหือ เขามองไปก็วิจารณ์ไปและก็พากันยิ้ม (คิดว่าเขาคงประหลาดใจและแปลกใจนะคะว่าเด็กเล็กๆ ทำไมพูดอังกฤษได้ดีจัง)<br/>
<br/>
เรานั่งสักพักก็เตรียมจ่ายเิงินทีแคชเชียร์เพื่อจะกลับบ้าน และแล้วคำถามก็หลุดจากปากแคชเชียร์ว่า <b>ขอโทษนะคะ น้องพูดไทยได้</b><b>ไหมคะ</b> (<u>จุดนี้ละค่ะ สุดปลื้มเลย</u>) ดาก็ยิ้มและก็บอกกับเขาว่าพูดได้ค่ะ ลองคุยกับเขาสิคะ เคทก็พูดและตอบกับแคชเชียร์ด้วยภาษาไทยเป็นปกติค่ะ และเขาก็ชมว่าเคทยังเล็กมากเลยแต่พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก<br/>
<br/>
เรื่องที่รู้สึกปลื้มใจมากก็คือ เมื่อก่อนเวลาดาเจอลูกครึ่ง ดามักจะถามเขาเสมอว่า น้องพูดไทยได้ไหมคะ <b>แต่มาวันนี้มีคนถามคำถาม</b><b>แบบเดียวที่เราถามครอบครัวลูกครึ่ง ย้อนกลัีบมาหาเรา</b> มันทำเอาเราปลื้มใจมาำกๆเลยค่ะ เพราะเราสร้างเด็กสองภาษาขึ้นมาเองจากตัวเราเอง<br/>
<br/>
จากเดิมที่คิดว่า ทำไมเราต้องท่องคำศัพท์เยอะจังเลย มีสองเล่มหลายหน้าเหลือเกิน กลัวไม่ทันสอนเคท หรือแม้แต่บางอัน ก็ยังลืมเลยขนาดเคยพูดเคยใช้กับเคทไปแล้ว ความท้อถอยและขาดกำลังใจมันพังทลายไปหมดเลย กลับมีแรงฮึดที่จะสอนเคทต่อไปแบบไม่หยุดยั้งทีเดียว<br/>
<br/>
เชื่อว่าหลายครอบครัวที่เริ่มสร้างเด็กสองภาษาก็คงจะมีจุดที่เราฟังแล้วปลื้มใจจากคนรอบข้าง ขอให้เอาจุดนี้มาเป็นแรงผลักดันให้ทำให้สำเร็จ<br/>
<br/>
<b><u>คุณบิ๊กและครอบครัว อีกแล้วค่ะ<br/>
</u></b> <br/>
เขียนบล็อคทีไรก็ไม่ลืมที่จะกล่าวคำขอบคุณกับคุณบิ๊กนะคะ หากดาไม่ได้ตัดสินใจทำระบบโอพอลแล้ว ยังนึกไม่ออกเลยค่ะว่า ภาษาอังกฤษของเคทและดาจะเป็นอย่างไร เราคงต้องแปลทีละคำ ทีละประโยคไปเรื่อยๆ และสุดท้ายก็คงเข้าสู่ระบบการเีรียนภาษาัอังกฤษแบบเก่า ซึ่งไม่ประสบผลค่ะ<br/>
<br/>
คุณบิ๊กเป็นผู้จุดประกายแนวคิด และสามารถทำให้ดาเอาไปต่อยอดและสร้างเด็กสองภาษาด้วยมือเราเอง และชอบคำพูดที่คุณบิ๊กเคยพูดว่า <span class="font-size-4"><u><u>ประหยัดงบและมีความสุขค่ะ</u></u></span> ขอเพิ่มนะคะ <span class="font-size-4"><strong><u><u>ทำได้จริงด้วยค่ะ</u></u></strong></span>
เข้าเดือนที่แปดแล้ว
tag:go2pasa.ning.com,2009-11-13:2456660:BlogPost:132645
2009-11-13T03:30:00.000Z
อรดา พงศ์สุธนะ
https://go2pasa.ning.com/profile/3p1mfl2pcyiho
นี่ก็นับเป็นเดือนที่แปดที่เิริ่มสอนน้องเคทเป็นเด็กสองภาษา ได้มองเห็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างจากทั้งตัวเรา ลูก และยังคนรอบข้าง <u>แรกเริ่มเดิมทีอาจมีคนว่าเราบ้า ยัดเยียดลูก ทำไมภาษาไทยไม่เอาให้ชัดกว่านี้ล่ะ หรืออาจมีบางคนบอกว่าสำเนียงไม่ดี สอนไม่ได้หรอกมันยากนะ แล้วจะตอบคำถามลูกได้เหรอถ้าลูกเริ่มโตขึ้น แล้วทำไมต้องด่าหรือสอนลูกเป็นภาษาอังกฤษด้วย</u> --โอ๊ย ไปกันใหญ่แล้ว--<br />
<br />
แต่ที่แสดงให้เห็นว่าเราสามารถทำได้ในระดับหนึ่งก็คือ และเราเป็นแมู่้ผู้เป็นคนกำกับดูแลการผลิต ก็รู้สึกว่า…
นี่ก็นับเป็นเดือนที่แปดที่เิริ่มสอนน้องเคทเป็นเด็กสองภาษา ได้มองเห็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างจากทั้งตัวเรา ลูก และยังคนรอบข้าง <u>แรกเริ่มเดิมทีอาจมีคนว่าเราบ้า ยัดเยียดลูก ทำไมภาษาไทยไม่เอาให้ชัดกว่านี้ล่ะ หรืออาจมีบางคนบอกว่าสำเนียงไม่ดี สอนไม่ได้หรอกมันยากนะ แล้วจะตอบคำถามลูกได้เหรอถ้าลูกเริ่มโตขึ้น แล้วทำไมต้องด่าหรือสอนลูกเป็นภาษาอังกฤษด้วย</u> --โอ๊ย ไปกันใหญ่แล้ว--<br />
<br />
แต่ที่แสดงให้เห็นว่าเราสามารถทำได้ในระดับหนึ่งก็คือ และเราเป็นแมู่้ผู้เป็นคนกำกับดูแลการผลิต ก็รู้สึกว่า เราสอนเคทได้นี่น่า แบบที่เคทไม่รู้ตัวเลยว่าเราแอบสอนแอบหยอดเขาไปทุกวันๆๆ และเคทก็ยอมรับ รับได้ และตอบรับได้ดี และมีพัฒนาการทีดีขึ้นๆไปอีก และส่วนตัวเราเองได้พัฒนาภาษาอังกฤษให้ดีขึ้นไปอีก<br />
<br />
จากคำโต้แย้งต่างๆนานา ก็ได้ผ่านระยะเวลาแห่งการพิสูจน์มาในระยะหนึ่งว่า เด็กสองภาษาแม่อย่างเราสร้างได้จริงๆน่ะ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพิ่งได้ดูคลิปวีดีโอน้องเพ่ย เพ่ย ที่คุณพ่อบิ๊กถือกล้องตามถ่าย และวันนั้นเราก็ฝันว่า อยากให้เคทพูดได้แบบนี้จัง นี่เราจะฝัันค้างเติ่งไปคนเดียวหรือเปล่าเนี่ย จะทำได้จริงหรือ พออ่านหนังสือคุณบิ๊กจบ ก็กลับมานั่งทบทวนว่าเราจะเกรดตัวเองเป็นเกรด A B C D เราอยากเป็นเอน่ะ แล้วเคทล่ะ เคทจะให้เราเป็นเอไหม ภาษาเราเหมือนจะดี ค่อยๆมองไปรอบๆห้องนอน ว๊่าย เราไม่รู้ศัพท์ที่อยู่ในห้องนอนเป็นภาษาอังกฤษมากเลย รู้แต่ Bed TV Computer แล้วที่เหลือในห้องนอนอีกร้อยรายการ และในบ้านอีกพันรายการล่ะ จะทำยังไงดีเนี่ย เอานะ เอาสักเกรด B หรือ C ก็น่าจะพอนะ (อย่าให้เป็น ดี เลยค่ะ --เสียดายค่าหนังสือคุณบิ๊กที่อุตส่าห์ซื้อมา) ไหนๆก็จะตัดสินใจสร้างลูกเป็นเด็กสองภาษาแล้ว เอาล่ะ เริ่มกันใหม่กับภาษาอังกฤษ<br />
<br />
เดือนนี้่ก็เป็นเดือนที่แปดแล้ว มาวันนี้อยากจะเลื่อนระดับตัวเองไปอยู่ที่ A แล้วค่ะ เพราะอะไรหรือ เพราะคิดว่า <b>เราต้องไต่ระดับไป</b>เ<b>รื่อยๆ ฝันให้ไกลและไปให้ถึง</b> และตอนนี้ไปไหนมาไหน ญาิติพี่น้องที่เจอเคทก็กลับทักทายเคทด้วยภาษาอังกฤษหมดเลยค่ะ กลับเป็นว่าเคทเป็นคนที่เขาจะสามารถสื่อสารหรืออยากจะทดลองทดสอบภาษาอังกฤษกับเคท ซึ่งนับไปก็ตลกดีเหมือนกันค่ะ ลุง ป้าเขา คุยกับเขาเป็นภาษาอังกฤษแล้วก็พากันหัวเราะ ขำขัน เพราะมันไม่ใช่ภาษาไทยไงคะ บางทีก็จะมีหลุดมุกตลกออกมาด้วย และดีไปกว่านั้นหลายๆคน เพื่อนๆเราหรือเพื่อนของสามีก็ต่างทึ่งในความสามารถของเด็กวัย 3 ขวบที่พูดภาษาอังกฤษได้ดี (ดีกว่าลุง ป้า น้า อา บางคนด้วย) ซึ่งทำให้พวกเขาตะลึงได้ค่ะ<br />
<br />
อ่านเรื่องตลกเคทดีกว่านะคะ เพื่อความบันเทิงค่ะ<br />
<br />
<u><b>1. เรื่องอาดู๋ของเพื่อนค่ะ</b></u><br />
<br />
เคทมีเพื่อนเป็นลูกครึ่งออสเตรเลีย-ไทยชื่อ Sunny ขอบอกค่ะน่ารักและหล่อมาก ส่วนน้องสาวก็น่ารักมากชื่อVenus<br />
<br />
Mother: Sunnny is your friend, his sister name is Venus.<br />
Kate : Oh , I see<br />
<br />
เงียบแป๊บหนึ่ง คงจะประมวลความคิดว่ามีอะไรสัมพันธ์กันหรือเปล่า<br />
<br />
Kate : Mother!<br />
Mother: What??<br />
Kate : Sunny he has penis too.<br />
Mother : 555 (อู๊ย ทำไมลูกเราทะลึ่งแท้...น้องเขาชื่อวีนัส พี่ชายเขามีพีนัสจริงๆล่ะ เนี่ยล่ะน้า คำมันพ้องๆกัน)<br />
<br />
<b><u>2. แปรงสีฟันของเรา</u></b><br />
<br />
ปกติจะสอนลูกค่ะว่า we can share. We are family! เพื่อที่เขาจะได้ไม่หวงของ ไม่เป็นคนขี้เหนียว และตอนก่อนนอนก็พากันแปรงฟันค่ะ เคทชอบแปรงอันใหญ่ของแม่ ซึ่งเขาจะแอบใช้บ่อยๆเลยค่ะ<br />
<br />
Kate : That is my toothbrush.<br />
Mother : Which one?<br />
Kate : The big one?<br />
Mother :No, it's my toothbrush. You should use your toothbrush.<br />
Kate : No , we can share. We are family!<br />
Mother : คิดในใจ แล้วแปรงสีฟันเนี่ย มันจะแชร์กันได้ไหมเนี่ย<br />
<br />
<br />
<b>ยังคงยืนยันสำหรับผู้ที่ต้องการกำลังใจนะคะ ขอให้ตั้งใจให้แน่วแน่ คุณทำได้แน่ๆค่ะ เด็กสองภาษาแม่สร้างได้จริงจริงๆๆๆๆ</b>
ทำอย่างไรภาษาอังกฤษจะเก่งขึ้น
tag:go2pasa.ning.com,2009-10-02:2456660:BlogPost:103542
2009-10-02T07:30:00.000Z
อรดา พงศ์สุธนะ
https://go2pasa.ning.com/profile/3p1mfl2pcyiho
อยากจะเอาเทคนิคและประสบการณ์จากการสอนลูกเป็นเด็กสองภาษา ซึ่งก็ทำให้ภาษาอังกฤษของแม่เองดีวันดีคืนด้วย เพราะเคทนั้นเองล่ะ ทำให้แม่มีแรงบันดาลใจได้เพียงนี้<br />
<br />
หลังจากตัดสินใจสอนเคทให้เป็นเด็ก2ภาษา การบ้านและงานยักษ์ก็มาตกที่แม่ แต่จะทำอย่างไรในเมื่อเราเลือกทางเดินแบบนี้แล้ว เอาหน่า สู้ๆนะ (บอกกับตัวเองทุกวัน)<br />
<br />
จากนั้นก็ต้องมาเรียนใหม่โดยหาหนังสือของครูดังๆที่เข้าใจหัวอกคนไทย เช่น ครูเคท เนตรปรียา ครูคริส ดิลิเวอร์รี่ นีน่า และอีกหลายๆท่านในเวปต่างประเทศ เพื่อที่จะมาศึกษาว่า เราควรพัฒนาภาษาอย่างไร…
อยากจะเอาเทคนิคและประสบการณ์จากการสอนลูกเป็นเด็กสองภาษา ซึ่งก็ทำให้ภาษาอังกฤษของแม่เองดีวันดีคืนด้วย เพราะเคทนั้นเองล่ะ ทำให้แม่มีแรงบันดาลใจได้เพียงนี้<br />
<br />
หลังจากตัดสินใจสอนเคทให้เป็นเด็ก2ภาษา การบ้านและงานยักษ์ก็มาตกที่แม่ แต่จะทำอย่างไรในเมื่อเราเลือกทางเดินแบบนี้แล้ว เอาหน่า สู้ๆนะ (บอกกับตัวเองทุกวัน)<br />
<br />
จากนั้นก็ต้องมาเรียนใหม่โดยหาหนังสือของครูดังๆที่เข้าใจหัวอกคนไทย เช่น ครูเคท เนตรปรียา ครูคริส ดิลิเวอร์รี่ นีน่า และอีกหลายๆท่านในเวปต่างประเทศ เพื่อที่จะมาศึกษาว่า เราควรพัฒนาภาษาอย่างไร โดยที่ไม่ต้องไปเรียนเมืองนอก(ซึ่งคงไม่มีโอกาสแล้ว) หรือไปเรียนกับครูฝรั่ง(จะเอาเวลาไหนไปเรียนเนี่ย ทั้งงาน ทั้งลูก หมดเวลาละ) และก็ไม่มีฝรั่งที่ไหนจะมาให้ถามหรือพูดด้วย<br />
<br />
ดังนั้นก็สรุปได้คร่าวๆจากหลายๆสำนักดังนี้นะคะ สำหรับผู้ที่อยากพัฒนาภาษาอังกฤษตัวเองให้เก่งขึ้น<br />
<br />
1. ขั้นแรก เปลี่ยนสิ่งแวดล้อมรอบตัวคุณและลูกให้เป็นภาษาอังกฤษก่อน สร้างบรรยากาศแบบว่า..เราอยู่เมืองนอกนะ (แต่อากาศมันร้อนน่ะ ไม่เหมือนเมืองนอกเลย..ก็ไม่เป็นไรหรอกนะ หลอกตัวเองไปก่อนค่ะ) เช่น หนังสือ ทีวี นิทาน ซีดีเพลง ดีวีดี วิทยุ ทุกอย่าง พยายามรับฟัง รับรู้ โดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อ<br />
<br />
2. สะสมคลังศัพท์ ฟังแล้วดูน่ากลัวจัง แต่เราไม่ควรเริ่มจากไกลตัวค่ะ เอาจากชีวิตประจำวันรอบๆตัว ที่เราจะได้ใช้จริงๆ ง่ายๆก่อน จะได้เป็นกำลังใจสำหรับผู้เริ่มต้น อย่าไปท่องศัพท์ยากๆที่เอาไว้ไปสอบเอนทรานซ์ไม่มีประโยชน์+ปวดสมองด้วย ให้มองไปรอบๆตัว เวลาไปตามสถานที่ต่างๆค่อยๆมองและสังเกตว่า ถ้าเป็นภาษาอังกฤษมันจะเรียกว่าอะไรน้า<br />
<br />
3.มีประโยคสำเร็จรูปไว้มากๆ อันนี้ครูคริส บอกไว้นะคะ เช่น Can I have.....? What is it?...Do you like....?และอีกมากมายนะคะ เอาประโยคที่มีอยู่มาแปลงๆๆๆ โดยใช้รากเดิมค่ะ (อันนี้ช่วยมือใหม่ได้มากๆเลย)<br />
<br />
4.ฟังและเลียนแบบ อันนี้เป็นเทคนิคของครูเคท เนตรปรียานะคะ ขอให้ฟังให้มากๆๆๆ เท่าที่จะทำได้ จากนั้นเริ่มเลียนแบบจากฝรั่ง เป็นหนัง เป็นข่าวก็ได้ เลียนแบบ ทำเสียงเออๆ ออๆ ไปตาม และฟังไปเรื่อยๆ หัดทำเสียง ทำปาก ทำหน้าทำตา จากนั้นออกเสียงตามเขาพูด<br />
<br />
5. สำเนียง เรื่องนี้โต้เถียงกันมามากเหลือเกิน แต่เราก็ได้คำตอบที่พอใจมากๆจากเวปสอนภาษาอังกฤษต่างประเทศคือ ให้คุณรู้สึกสบายกับสำเนียงที่คุณเป็น พัฒนาตามศักยภาพของเรา อย่าเป็นกังวลกับเรื่องสำเนียง ขอเพียงแค่ฝรั่งฟังเราเข้าใจ และอธิบายให้คนฟังเข้าใจได้ ก็ถือว่าประสบผลแล้วค่ะ สิ่งที่สำคัญน่าจะอยู่ที่ accent มากกว่านะคะ ให้เราออกเสียงให้ถูกต้องก็พอ เช่น Island อ่านว่า ไอแลนด์ ไม่ใช่ ไอซะแลนด์ แปลว่าเกาะ หรือคำนี้ sword อ่านว่า ซอดดึ ไม่ใช่สวอดดึ แปลว่าดาบ หรือคำว่า Juice อ่านว่า จู๊ช ไม่ใช่ จุ่ยหรือจุ๊ย แปลว่าน้ำผลไม้ และยังมีอีกหลายคำนะคะ ที่คนไทยชอบอ่านผิด<br />
<br />
6. กล้าพูดนะคะ ตอนนี้เรามีคู่ซ้อมพูดทุกวัน คือลูกสุดที่รักของเราคะ ตั้งแต่สอนลูกมาไม่เคยกลัวพูดผิดกับลูกเลย อันไหนไม่รู้ก็ค่อยไปหาคำตอบ และนำมาพูดกับลูกอีกทีค่ะ<br />
<br />
7.ภาษาอังกฤษที่ครูคริสบอกว่าจะประสบผลเชิงปฎิบัติ มีตามลำดับดังนี้นะคะ<br />
7.1 Fluency<br />
7.2 ความเข้าใจ<br />
7.3 Happiness & Confident<br />
7.4 Correctness<br />
<br />
เท่าที่ดูนะคะ ความถูกผิดมาเป็นอันดับ 4 เลยนะคะ ฉนั้นที่เรากำลังสอนลูกเนี่ยก็ถือว่าใช้ได้ค่ะ เพราะข้อ 7.1-7.3 ผ่านหมด ส่วนข้อ 4 ตามมาทีหลังค่ะ แก้ไขได้ ไม่เป็นไร<br />
<br />
<br />
ขอให้เชื่อว่า <u><b>ของดีๆ ไม่ได้มาง่ายๆนะคะ</b></u> เรื่องภาษาเป็นเรื่องของการสะสม เราต้องมานะพยายามหน่อยนะคะ สร้างให้เป็นเรื่องสนุก ตื่นเต้นในชีวิตเรา<br />
<br />
ขออวยพรให้ทุกท่านมีภาษาอังกฤษที่ก้าวหน้าขึ้นทุกๆวันนะคะ เพื่อลูกสุดที่เราของเราค่ะ
ห้าเดือนผ่านไป ของน้องเคท
tag:go2pasa.ning.com,2009-09-06:2456660:BlogPost:88268
2009-09-06T07:01:34.000Z
อรดา พงศ์สุธนะ
https://go2pasa.ning.com/profile/3p1mfl2pcyiho
วันนี้อยากจะมาเล่าพัฒนาการที่ผ่านไป 5 เดือนของเคทนะคะ เขาฟังแม่พูดและเข้าใจได้ทั้งหมดและเขาเริ่มโต้ตอบและพูดเป็นประโยคยาวๆได้มากขึ้นค่ะ อาจไม่ค่อยวิชาการนะคะ เอาเป็นขำๆ มันๆ เรื่องระหว่างแม่กับลูกนะคะ<br />
<br />
<u><b>1.ตอน ทวงคำขอบคุณจากแม่</b></u><br />
<br />
โดยปกติก็จะสอนลูกพูด Thank you ด้วย เพื่อเสริมให้มีมรรยาทดีๆ แต่ช่วงนี้ลูกกลับมาทวงจากแม่แล้วค่ะ<br />
<br />
Kate : เปิดประตูให้แม่<br />
Mother: แม่เดินเข้าห้องมา (แม่ทำเป็นเงียบค่ะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนิ..)<br />
Kate : You have to say Thank you to me.<br />
Mother : WHY??<br />
Kate: Because…
วันนี้อยากจะมาเล่าพัฒนาการที่ผ่านไป 5 เดือนของเคทนะคะ เขาฟังแม่พูดและเข้าใจได้ทั้งหมดและเขาเริ่มโต้ตอบและพูดเป็นประโยคยาวๆได้มากขึ้นค่ะ อาจไม่ค่อยวิชาการนะคะ เอาเป็นขำๆ มันๆ เรื่องระหว่างแม่กับลูกนะคะ<br />
<br />
<u><b>1.ตอน ทวงคำขอบคุณจากแม่</b></u><br />
<br />
โดยปกติก็จะสอนลูกพูด Thank you ด้วย เพื่อเสริมให้มีมรรยาทดีๆ แต่ช่วงนี้ลูกกลับมาทวงจากแม่แล้วค่ะ<br />
<br />
Kate : เปิดประตูให้แม่<br />
Mother: แม่เดินเข้าห้องมา (แม่ทำเป็นเงียบค่ะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนิ..)<br />
Kate : You have to say Thank you to me.<br />
Mother : WHY??<br />
Kate: Because I open the door for you!<br />
Mother : อาจึ๋ย..โดนลูกทวงคำขอบคุณแล้วอะ ต้องขอบคุณมันอีกนะเนี่ย ลูกจ๋า<br />
<br />
<u><b>2. ตอน ลูกน้องขาดงาน</b></u><br />
<br />
ตามประสาแม่นะคะ ขอบ่นกับลูกนิดหนึ่ง ว่าลูกน้องขาดงานอีกแล้วค่ะ<br />
<br />
Mother: P. Prew always absent. She does not come to work today.<br />
Kate : Absent ...again and again and again.........<br />
Mother: ดีจังมีลูกช่วยบ่น เป็นภาษาอังกฤษ อิอิ (ถึงจะอารมณ์เสียเรื่องลูกน้องขาด แต่ลูกได้พูดภาษาอังกฤษออกมา เรื่องไม่ดีก็ลืมๆไปเลยค่ะ)<br />
<br />
<u><b>3.ที่ร้านสุกี้</b></u>เมื่อวันอาทิตย์พวกเราไปกินสุกี้เอ็มเคที่บิ๊กซี ตอนนั้นเรานั่งโต๊ะที่ติดกับกุ๊กที่กำลังสับเป็ดอยู่นั่นล่ะ ซึ่งเคทก็มองเห็นอย่างชัดเจน แม่สั่งน้ำแตงโมปั่นมา แต่ว่าม๊าทำหกเนี่ยสิ เคทก็รีบว่าแม่ทันทีเลย Mother: You make a mess! พอเคทกินอิ่มเคทก็อยากไปหาป๊าข้างนอก<br />
Mother: I don’t want to stay alone,please.<br />
Kate : Mother stay with the cook.<br />
Mother:???<br />
<br />
<br />
<br />
<u><b>พัฒนการด้านภาษาของเคท และต่อไป</b></u><br />
พัฒนาการด้านภาษาของน้องเคทตอนนี้เป็นไปได้สวยมากๆเลย สำหรับแม่ผู้ประเมินผล ขอให้ เกรดเอ กับลูกสาวแบบไม่มีกั๊กเลย เพราะเขาเริ่มใช้ภาษาอังกฤษตอบโต้เกือบทั้งหมดเลยค่ะ ยกเว้นคำไหนเขาลืมหรือไม่รู้ ก็ยังมีผสมบ้าง เช่นวันนี้เขาพูดว่า I ไป get pencil for you. หรืออีกวันหนึ่งอยากสะพายกระเป๋าเองก็บอกว่า I want to sa-pai.(ไม่ใช่เซอร์ไพรส์นะคะ บอกว่าอยากสะพายกระเป๋าค่ะ คือสำเนียงเนี่ย ..ได้เลย แต่ว่า สะพายเนี่ย ภาษาไทยค่ะ)<br />
<br />
โดยส่วนตัวแล้ว สิ่งแวดล้อมที่อยู่ใกล้เคียงก็ไม่ค่อยมีคนเห็นด้วยกับการสอนลูกสองภาษานะคะ แต่ตัวเองก็พร้อมที่จะลุยไม่ได้ฟังกับสิ่งที่ท้วงติงมาเลยค่ะ และสิ่งที่ตัวเองวางแผนต่อคือ สอนต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งค่ะ จนกว่าจะเดี้ยงกันไปคนละข้างกับลูกสาวค่ะ<br />
<br />
ทุกวันนี้กิจวัตรประจำวันคือ สอนลูกสาวแบบ OPOL ให้พ่อเขาพูดไทยค่ะ แม่ก็ดูซีดี เล่านิทาน ฟังเพลงเป็นภาษาอังกฤษ ชวนลูกเล่าเรื่องโน่นนี่เป็นภาษาอังกฤษ และถามว่ามีความสุขไหม...สุขที่สุดก็คือการได้เห็นพัฒนาการของเขาเป็นไปในทางที่ดีขึ้นทุกวันๆๆๆ ปลื้มใจมากๆเลยค่ะ และพอเขาตอบรักเราเป็นภาษาอังกฤษ ..ก็ซึ้งน้ำตาคลอเหมือนกันนะคะ CONFIRM !!<br />
<br />
<b><u>ชีวิตของแม่หลังจากเริ่มสอนสองภาษา</u></b><br />
หลังจากที่ลูกไปโรงเรียนวันจันทร์-ศุกร์ ก็จะมาตามเก็บความรู้ที่เวปนี้ทุกๆวัน (ต้องเฝ้าร้านไปด้วยนะคะ)เพื่ออัปเดทตัวเอง โดยเฉพาะในอิงลิชคลับเพื่อเติมความรู้ด้านภาษาอังกฤษที่ตัวเองต้องมาอ่านและเรียนใหม่เพื่อลูก แล้วตัวเองก็จะต้องมาท่องศัพท์และหัด stress คำให้ถูกต้อง ก็ไม่อยากบอกเลยนะคะว่าศัพท์ใหม่เยอะมากๆเลย เล่มหนาจริงๆ แต่ก็ไม่ละความพยายามที่จะต้องท่องและดูทุกวัน จนสามีแซวว่า...จะไปสอบที่ไหนหรือจ้ะที่รัก...ก็เพราะเราคิดว่า เผื่อว่าวันไหนลูกถามก็จะได้ตอบได้ทันทีเลยค่ะ (แบบไม่พลาดสักช็อตเดียว)<br />
<br />
<br />
<i><b>ถึงคุณบิ๊กนะคะ</b></i><br />
อยากขอบคุณมาก ทุกวันนี้ก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีและปลื้มใจมากที่ได้ไปซื้อหนังสือของคุณบิ๊กมาอ่าน เป็นผู้จุดประกายทำให้ครอบครัวเราได้พัฒนาตัวเองมากถึงขนาดนี้ และมีเวปนี้ที่ให้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในทุกๆเรื่องราว รู้สึกอยากขอบคุณจากใจจริง และคงต้องพูดคำว่า ขอบคุณมาก อีกตลอดไป<br />
<br />
<u><b>ถึงห้องอิงลิชคลับ</b></u><br />
ขอบคุณทุกคุณครูผู้ช่วยเหลือ หรือแม้แต่ทุกท่านที่ช่วยกันตั้งกระทู้เข้ามาถาม เพราะทุกกระทู้ล้วนมีความหมายต่อภาษาอังกฤษของเรามากเลย ขอบคุณคุณแพท คุณอ๊อบ คุณรี คุณตั๋ม คุณเล็ก คุณภา คุณจี๊ คุณอ๋อ คุณแนท และท่านอื่นๆทีอาจเอ่ยถึงไม่หมดนะคะ ขอบคุณที่แบ่งปันความรู้แบบไม่มีคำว่า ห่วงหรือหวงข้อสอบกันเลยค่ะ ทุกคนน่ารักมากจริงๆ<br />
<br />
<b>สำหรับผู้เริ่มต้นนะคะ</b><br />
ดิฉันขอเป็นกำลังใจให้เต็มล้านเลยนะคะ สู้ๆอย่าท้อถอย ก่อนอื่นซื้อหนังสือคุณพงษ์ระพีมาอ่านก่อนเลยค่ะ แล้วทำตามที่คุณบิ๊กบอก<br />
<br />
และหากอยากประสบผลสำเร็จมากขึ้น ต้องหมั่นเพียรพยายามนะคะ อาจหนักหน่อยสำหรับคุณพ่อ หรือ คุณแม่ที่รับบทบาทสอนภาษาที่2 ต้องซ้ำๆ บ่อยๆ ทุกวัน เริ่มจากคำง่ายๆ รอบๆตัวเรา<br />
<br />
ช่วงแรกอาจมีอุปสรรคบ้าง(และแน่นอน ว่าทุกคนต้องผ่านจุดนี้มาก่อน และคุณต้องผ่านมันไปให้ได้)<br />
<br />
แนะนำเพิ่มเติมว่าอย่าผ่านระบบการแปลนะคะ เช่น banana กล้วย ให้สอนลูกและชี้บอกไปเลยว่า banana แนะนำว่าสอนแบบที่เราสอนภาษาไทยไปเลยแต่เป็นคำอังกฤษ .<br />
<br />
หากคุณทำตามที่แนะนำแล้วละก้อ.....ลูกของคุณได้เป็นเด็กสองภาษาแน่นอนค่ะ เห็นผลช้าหรือเร็วขึ้นกับความอึดของคุณพ่อหรือคุณแม่ที่สอนนะคะ แต่อย่าละความพยายามค่ะ