คุณแม่น้องอิ่ม & เอม's Posts - หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้
2024-03-29T09:56:59Z
คุณแม่น้องอิ่ม & เอม
https://go2pasa.ning.com/profile/0553x9hyt8zk1
https://storage.ning.com/topology/rest/1.0/file/get/1959340083?profile=RESIZE_48X48&width=48&height=48&crop=1%3A1
https://go2pasa.ning.com/profiles/blog/feed?user=0553x9hyt8zk1&xn_auth=no
สองปีกับประสบการณ์สอนสองภาษาลูกชายต่างวัย
tag:go2pasa.ning.com,2012-04-18:2456660:BlogPost:1011020
2012-04-18T08:33:42.000Z
คุณแม่น้องอิ่ม & เอม
https://go2pasa.ning.com/profile/0553x9hyt8zk1
<p> ห่างหายจากการเขียนบล็อคไปนานเลยค่ะ เพราะมัวแต่สาละวนกับการเลี้ยงลูกและเรียนภาษาที่สามด้วยตัวเองอยู่หลายเดือน ได้แวะเข้ามาเยี่ยมหมู่บ้านฯ อีกทีมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเยอะเลย เป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆ กับคุณพ่อคุณแม่ที่ให้ความสำคัญกับเจ้าตัวน้อย </p>
<p> ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า ภูมิใจมาก ที่ได้เป็นสมาชิกเป็นอีกหนึ่งครอบครัวใน หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ เหมี่ยวใช้เวลาบ่มเพาะการสอนภาษาให้ลูกมา 2 ปีแล้ว เดือนนี้ครบ 2 ปีเต็มพอดี…</p>
<p> ห่างหายจากการเขียนบล็อคไปนานเลยค่ะ เพราะมัวแต่สาละวนกับการเลี้ยงลูกและเรียนภาษาที่สามด้วยตัวเองอยู่หลายเดือน ได้แวะเข้ามาเยี่ยมหมู่บ้านฯ อีกทีมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเยอะเลย เป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆ กับคุณพ่อคุณแม่ที่ให้ความสำคัญกับเจ้าตัวน้อย </p>
<p> ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า ภูมิใจมาก ที่ได้เป็นสมาชิกเป็นอีกหนึ่งครอบครัวใน หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ เหมี่ยวใช้เวลาบ่มเพาะการสอนภาษาให้ลูกมา 2 ปีแล้ว เดือนนี้ครบ 2 ปีเต็มพอดี จากที่ได้เป็นสมาชิกและเดินตามแนวความคิดเด็กสองภาษามาอย่างต่อเนื่อง มีบ้างที่เจออุปสรรค ปัญหา แต่ไม่เคยท้อเลยซักครั้งเดียว เชื่อมาตลอดว่า 'เราต้องทำได้'</p>
<p> การพูดภาษาที่สองนอกบ้านอย่างไม่เคอะเขินของเจ้าลูกชาย ทำให้มีหลายคนเข้ามาทักค่ะ 'น้องเค้าพูดภาษาอังกฤษกับแม่เหรอ น้องเรียนอินเตอร์ใช่มั้ย พ่อเค้าเป็นต่างชาติรึเปล่า' 555 แอบปลื้มใจค่ะ ด้วยเหตุนี้ทำให้มีเพื่อน (นอกหมู่บ้านฯ) เพิ่มขึ้นอีก บางคนที่รู้จักหมู่บ้านเด็กสองภาษาฯ ก็ถามว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกของหมู่บ้านนี้รึเปล่า รีบตอบทันทีว่า 'ใช่ค่ะ' บางคนก็ไม่รู้จักหมู่บ้านนี้ เลยแนะนำให้เข้ามาดูในเวปฯ พอได้ดูคลิปน้องๆ ตัวน้อยพูดภาษาที่สองกันแล้ว ถึงกับอึ้งไปเลย แล้วถามว่า 'เค้าทำกันได้ไงเนี่ย' (เหมือนตัวเองที่เข้ามาตอนแรก นอกจากฟังไม่ทันแล้ว ยังแปลไม่ออกอีกต่างหาก) </p>
<p> คำถามที่เจอบ่อยที่สุดคือ หากเริ่มสอนแล้วจะเห็นผลตอนไหน? (อันนี้ตอบยากมากเลย) บางครอบครัวอาจจะเริ่มตอนที่น้องยังเล็กๆ ไม่ถึงขวบ หรือบางครอบครัวเริ่มตอนที่น้อง 3-4 ขวบแล้ว เลยอยากแชร์ประสบการณ์ตัวเองผ่านบล็อค เผื่อว่ามีบางครอบครัวที่กำลังเริ่มหรือเริ่มมาสักพักแต่ยังไม่เห็นผล หรือกำลังจะถอดใจ เพราะคิดว่า ฉันทำไม่สำเร็จแน่เลย (อาจจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม)</p>
<p> เหมี่ยวเริ่มพูดกับลูกชายคนโตตอน 4.1 ขวบ (จัดว่าเป็นเด็กโต) คนเล็ก 5 เดือน ตอนนั้นมุ่งที่คนโตอย่างเดียว เพราะคนเล็กยังไม่รู้เรื่องอะไร กำลังหัดนั่งอยู่เลย ทำตามแนวความคิดเด็กสองภาษามาเรื่อยๆ ค่ะ เข้ามาหาเทคนิค วิธีการ แรงกระตุ้นจากคลิป บล็อคคุณแม่ท่านอื่นๆ ที่เขียนเล่าเรื่องโน้นนี้กันไว้ โชคดีหน่อยที่ลูกไม่ต่อต้าน (มีอยู่ครั้งเดียวที่วิ่งหนี เพราะแม่พูดเยอะเกิน ลูกฟังไม่เข้าใจ โกรธแม่แล้วก็วิ่งไปเลย) ผ่านไป 11 เดือน อิ่ม ลูกชายคนโตอายุได้ 5 ขวบ ก็สามารถถาม ตอบ เล่าเรื่องราวได้ ถึงแม้ไวยากรณ์จะไม่ถูกต้องนัก แต่ก็รู้สึกภูมิใจว่าเราสามารถทำให้ลูกพูดได้แล้ว ในขณะที่ลูกชายคนเล็ก 1.4 ปี ก็ยังพูดได้ไม่มาก แค่เป็นคำๆ แค่นั้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว(เอง)เลยคือ สอนลูกพูดได้ แต่ออกเสียงไม่ถูก ไม่ชัด (อย่างว่าต้นฉบับไม่ชัด สำเนาจะชัดได้ยังไง) มาเริ่มรู้ตัว จากการดูคลิปสมาชิกบ้านอื่นๆ ทำไมเค้าพูดกันสำเนียงดีมาก ออกเสียงชัดเจน คือแบบว่าถ้าไม่เห็นหน้าก็คิดว่าเด็กต่างชาติเลยหล่ะ หนักใจเลยทีนี้ ทำไมเรากับลูกพูดไม่ได้อย่างนั้นบ้าง ทำไงดีล่ะ ในที่สุดก็ตัดสินใจเข้ามาร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อปโฟนิกส์และการออกเสียง (รุ่นที่ 13) การออกเสียงที่เราไม่เคยได้เรียนในหลักสูตรของโรงเรียน โฟนิกส์คืออะไร ยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ หลังจากจบเวิร์คช็อป ปรากฎว่า ที่สอนมาต้องรื้อกันใหม่ งานช้างล่ะทีนี้ ลูกชายพูดได้เยอะแล้วด้วย ความถี่เท่านั้นที่จะลบล้างออกไปได้ ในขณะที่คนเล็กกำลังเริ่มเรียนรู้ และเดาว่ากำลังฝึกเลียนเสียงตามวัย</p>
<p> เริ่มใหม่กับการออกเสียงให้ชัด เคลียร์ (ยากอ่ะ) ต้องฝึกเท่านั้น ฝึกพูดตามเจ้าของภาษาบ่อยๆ แล้วก็จะชิน(ปาก)ไปเอง โดยการให้ลูกดูปาก พูดตามให้ชัด ทั้งเสียงต้นและเสียงท้าย หากไม่ชัดก็ต้องพูดใหม่ ไม่รู้แม่โหดไปรึเปล่า แต่ก็ต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น การฝึกฟังก็ช่วยได้มากเหมือนกัน เวลาผ่านไป 6 เดือน พัฒนาขึ้นทั้งแม่และลูก แต่ผลลัพธ์ที่ได้มากกว่านั้น คนที่ทำได้ดีกว่าใครในบ้านคือ เอม ลูกชายคนเล็ก ซึ่งเข้าสู่วัย 2 ขวบกว่า ที่ผ่านมาเจ้าตัวน้อยของเราได้แอบซุ่ม เก็บเล็กผสมน้อยจากที่แม่สอนพี่ชายนี่เอง 555 เอมพูดมีเสียงท้ายชัดเจน เริ่มเห็นผลจากคนเล็กแล้วซิ ถึงแม้จะพูดได้เป็นคำๆ ยังไม่เป็นประโยคก็ตาม ในขณะเดียวกันโครงการภาษาที่สามกับลูกก็ยังไม่คืบไปไหนไกลนัก เพราะกลับมาเน้นการออกเสียงเป็นหลัก</p>
<p> ตอนนี้อิ่ม 6.1 ปีแล้ว พัฒนาการไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก นอกจากการออกเสียงที่ชัดเจนขึ้น บวกกับสำเนียงที่ยังเป็นไทยอยู่ (ประเมินจากความรู้สึกของตัวเอง) ส่วนเอม 2.5 ปี พูดได้หลายประโยคแล้ว แถมสำเนียงดีกว่าพี่อิ่ม เค้าได้จากการพูดเลียนแบบการ์ตูน เป็นสิ่งที่ได้นอกเหนือจากแม่กับพี่ หลายคำเอมพูดชัดกว่าอิ่ม เอมพูดภาษาอังกฤษเป็นส่วนมากเวลาอยู่ที่บ้าน ต้องขอย้อนกลับไปนิดนึง ตอนที่เอมเข้าเนอสเซอรี่ด้วยวัย 1.9 ขวบ วันที่ไปสมัครวันแรก กลัวลูกเข้ากับเพื่อนไม่ได้ กลัวลูกสื่อสารไม่เข้าใจ เพราะเอมพูดไทยได้น้อยมาก (พูดได้ไม่ถึง 5 คำด้วยซ้ำ ก็ไม่เคยสอนภาษาไทย ลูกจะพูดไทยได้ยังไง) เลยบอกคุณครูว่า 'น้องพูดไทยได้น้อยมากนะคะ พูดได้ไม่กี่คำ เค้าอาจจะไม่เข้าใจเวลาคุณครูพูดนะคะ' โชคดี คุณครู (เจ้าของเนอสฯ) ใจดีมาก เค้าถามว่า 'เด็กสองภาษาใช่มั้ย ไม่ต้องกังวล ที่นี่ก็มี 2-3 คน' (ค่อยโล่งหน่อย ลูกมีเพื่อนเด็กสองภาษาด้วยกันละ) จากนั้น คุณครูก็หันไปพูดโหมดอังกฤษกับเอม แล้วจูงมือกันไปเล่นของเล่น เท่านี้เราก็อุ่นใจแล้ว พัฒนาการที่เนอสฯ หลังจากผ่านไป 4-5 เดือน คุณครูบอกว่า 'เอมไม่มีปัญหาในการเข้ากลุ่มกับเพื่อน แต่เวลาที่คุณครูบอกให้ทำอะไรเป็นภาษาไทย น้องจะยังนิ่งอยู่ เหมือนยังไม่เข้าใจคำสั่ง พอคุณครูเปลี่ยนโหมดเป็นอังกฤษ น้องก็ทำได้ เรื่องการตอบคำถามภาพสัตว์ น้องตอบได้แต่จะตอบด้วยภาษาอังกฤษ คุณครูต้องพยุงการพูดภาษาไทยให้' เหมี่ยวคิดว่า นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาที่น่ากังวล ที่เอมเป็นอย่างนี้เพราะอยู่ที่บ้านเราใช้ภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาไทยเท่านั้นเอง เอมเรียนที่เนอสฯ ได้ 8 เดือนแล้ว ภาษาไทยก็ได้มาจากโรงเรียนไม่น้อยเหมือนกัน</p>
<p> ประสบการณ์ที่ผ่านมากับลูกชายสองคน (วัยห่างกัน 3.8 ปี) ทำให้รู้ว่า การสร้างเด็กสองภาษานั้น ต้องใช้เวลา เก็บเล็กผสมน้อย จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ทำไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ส่วนตัวคิดว่าทางลัดหรือหลักสูตรเร่งรัดนั้นคงไม่มี ยิ่งเริ่มตอนเล็กเท่าไหร่ยิ่งดี เรื่องที่จะพูดยังไม่มาก คนสอนก็ไม่เครียด ไม่ต้องหาแรงบันดาลใจ ไม่ต้องสร้างเงื่อนไข เด็กเค้ารับรู้แค่ว่า เกิดมาแม่ก็พูดกับเค้าแบบนี้ และเค้าก็พูดกับแม่แบบนี้ ไม่มีข้อสงสัยหรือคำถามใดๆ จากลูกคนเล็กเลย ทุกอย่างจะค่อยๆ ซึมซับไปเอง เริ่มเห็นผลชัดเจนก็ 2 ขวบไปแล้ว ต่างจากเด็กโตที่มีข้อต่อรองเยอะ ต้องใช้ความพยายามมากหน่อยในช่วงแรก ต้องสร้างเงื่อนไขและหาแรงบันดาลใจ(ที่ดึงดูด) แต่ครอบครัวไหนที่เริ่มสอนเด็กโตแล้วก็อย่าเพิ่งท้อนะคะ มีหลายครอบครัวทำสำเร็จมาแล้ว ทุกอย่างอยู่ที่ความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงค่ะ ส่วนครอบครัวที่มีเด็กเล็ก อย่ารอเวลาเลยค่ะ เริ่มได้ทันที ไม่สูญเปล่าหรอกค่ะ เค้ารับรู้แน่นอน แต่ด้วยพัฒนาการในการสื่อสารตามวัย ความพร้อมในการพูด อาจจะต้องใจเย็นรอเวลาซักหน่อย เด็กจะพูดทันทีเมื่อเค้าพร้อมค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ</p>
<p> อย่างไรแล้วก็ต้องขอขอบคุณหนังสือเด็กสองภาษาฯ หมู่บ้านเด็กสองภาษาฯ ที่ทำให้ชีวิต(การเลี้ยงลูก)เปลี่ยนไป ได้พัฒนาภาษา(ที่สองและสาม)ให้ตัวเองเพื่อลูก ได้อ่านบล็อคดีๆ ที่คอยเป็นกำลังใจ และกระทู้อีกมากมายที่แนะนำแหล่งความรู้ เป็นแรงกระตุ้นให้ไปค้นคว้าและต่อยอดเพิ่มได้เรื่อยๆ ขอบคุณจากใจจริงค่ะ</p>
ก้าวสู่ภาษาที่สาม...กับบันไดสามขั้นแรก
tag:go2pasa.ning.com,2011-08-10:2456660:BlogPost:803450
2011-08-10T03:52:40.000Z
คุณแม่น้องอิ่ม & เอม
https://go2pasa.ning.com/profile/0553x9hyt8zk1
<p> ผ่านมา 1 ปี 4 เดือน กับภาษาที่สอง ช่วงสามเดือนแรกของการสร้างลูกให้เป็นเด็กสองภาษา แอบฝันไว้ว่า เพียงแค่ลูกตื่นมาตอนเช้าแล้วพูดอังกฤษโดยอัตโนมัติไม่ต้องเตือน ฝันนี้ก็เป็นจริงแล้ว เราแม่ลูกพูดภาษาอังกฤษในกิจวัตรประจำวันมาอย่างต่อเนื่อง ความเข้มข้นมากขึ้นตามความถี่และเวลาที่ผ่านไป ตอนนี้ภาษาที่สองของบ้านเราเริ่มนิ่ง ความตื่นเต้น ความอยากรู้ไม่ค่อยสนุกเท่ากับช่วงแรกๆ ไม่ได้หมายความว่าเรารู้เยอะแล้ว พูดถูกหมดแล้ว หรือพูดสำเนียงดีแล้วนะคะ แต่มันเริ่มนิ่งๆ มากกว่า คำศัพท์ ประโยคใหม่ๆ…</p>
<p> ผ่านมา 1 ปี 4 เดือน กับภาษาที่สอง ช่วงสามเดือนแรกของการสร้างลูกให้เป็นเด็กสองภาษา แอบฝันไว้ว่า เพียงแค่ลูกตื่นมาตอนเช้าแล้วพูดอังกฤษโดยอัตโนมัติไม่ต้องเตือน ฝันนี้ก็เป็นจริงแล้ว เราแม่ลูกพูดภาษาอังกฤษในกิจวัตรประจำวันมาอย่างต่อเนื่อง ความเข้มข้นมากขึ้นตามความถี่และเวลาที่ผ่านไป ตอนนี้ภาษาที่สองของบ้านเราเริ่มนิ่ง ความตื่นเต้น ความอยากรู้ไม่ค่อยสนุกเท่ากับช่วงแรกๆ ไม่ได้หมายความว่าเรารู้เยอะแล้ว พูดถูกหมดแล้ว หรือพูดสำเนียงดีแล้วนะคะ แต่มันเริ่มนิ่งๆ มากกว่า คำศัพท์ ประโยคใหม่ๆ มีเพิ่มขึ้นตามสถานการณ์ เรายังคงเรียนรู้เพิ่มเติมไปเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบอะไร การพยุงการพูดยังมีอยู่เหมือนเดิม</p>
<p> ตลอดเวลาที่เป็นสมาชิกหมู่บ้านนี้ได้เห็นพัฒนาการของหลายๆ ครอบครัวที่น่าทึ่งและเป็นแรงผลักดันให้เหมี่ยวไม่หยุดนิ่งที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ด้วยความนึกสนุกของเหมี่ยวเอง (ขอฝันอีกครั้ง) กับการจดๆ จ้องๆ ภาษาจีนให้เป็นภาษาที่สามของบ้านเรา ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่เคยมีพื้นฐานเลย ครอบครัวไม่มีเชื้อสายจีน ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะพูดจีน แต่ก็อยากลองดู ดีกว่าปล่อยเวลาให้ผ่านไป แอบเข้าข้างตัวเองว่าภาษาที่สองของลูกแข็งแรงแล้ว จึงตัดสินใจเริ่มภาษาจีนเป็นภาษาที่สาม เตรียมตัวเองก่อน หัดอ่านพินอิน เรียนรู้คำศัพท์รอบตัว วลีง่ายๆ ประโยคสั้นๆ จากการหาหนังสืออ่านเพิ่มเติม ดูคลิปการสอนภาษาจีนกลาง และฟัง MP3 ในรถ (ฟังแล้วฟังอีก ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น บทเดียวฟังอยู่เป็นเดือนๆ จนพูดตามได้เกือบหมด เหมือนเด็กที่ดูการ์ตูนหลายรอบจนรู้ว่าต่อไปจะพูดอะไร) พยายามเลียนแบบการพูดตามเจ้าของภาษาแล้วนำมาฝึกพูดกับลูกไปพร้อมๆ กัน อุปสรรคของภาษาที่สามที่เจอนั้น ต่างกันกับภาษาที่สอง คือ เหมี่ยวไม่มีพื้นฐานภาษาจีนเหมือนภาษาอังกฤษที่เรียนมา 12 ปี เวลาอยากพูดเป็นประโยค ก็พูดไม่ได้อย่างใจคิด ติดขัดไปหมด จะพูดทีก็ต้องวิ่งไปเปิดหนังสือ ไม่มั่นใจ อึดอัดพอสมควร หาการ์ตูนจีนดูก็ยาก ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรที่ควรจะเป็นต้นแบบการเลียนเสียงที่ดี แต่สิ่งที่ง่ายกว่าสำหรับภาษาที่สามคือ เราเข้าใจในแนวคิดมากขึ้น เริ่มต้นสร้างพื้นที่ปลอดภัยกันอีกครั้ง ฝึกพูดออกเสียงให้ชัดเจน เลียนแบบสำเนียงจากเจ้าของภาษา เน้นความถี่ พยุงการพูด เรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติด้วยประสาทสัมผัสทั้งห้า รักษาความสนุกให้อยู่กับตัว สิ่งเหล่านี้ได้เรียนรู้มาจากการสอนภาษาที่สองมาแล้ว</p>
<p> ช่วงที่เตรียมตัวเองนี้ได้มีโอกาส (ในหน้าที่) พบกับชาวสิงคโปร์ ตอนแรกเริ่มสนทนากันเรื่องงานด้วยภาษาอังกฤษ คุยไปสักพัก เริ่มถามเค้าว่าพูดจีนได้มั้ย (เรารู้อยู่แล้วว่าพูดได้แน่ๆ อยากลองพูดจีน ดูว่าเค้าจะฟังเรารู้เรื่องมั้ย) ก็เลยเริ่มสนทนาจีนกันแบบง่ายๆ : ดื่มกาแฟมั้ย กินข้าวหรือยัง อิ่มแล้วค่ะ เค้าฟังเข้าใจและแปลกใจเล็กน้อย ถามว่าทำไมเราถึงพูดจีนได้ ตอบไปว่ากำลังฝึกพูดกับลูก ระหว่างนั้นก็จีนปนอังกฤษกันไป เปลี่ยนประเด็นจากเรื่องงานหันมาคุยเรื่องลูกกันต่อซะอย่างนั้น เค้าก็เล่าให้ฟังว่าที่สิงคโปร์เด็กๆ เรียนอะไรกันบ้าง น่าประทับใจกับการเริ่มต้นเรียนรู้ภาษาจีนอยู่ไม่น้อย ไม่ใช่แค่ฝึกพูดจีนกับลูกในบ้านอย่างเดียว ส่วนน้อง(ที่ทำงาน)นั่งอยู่ใกล้ๆ ได้ยินเราพูดจีน ถามว่าพูดจีนได้ยังไง ไปเรียนมาเหรอ เลยตอบไปว่า ต้องมีลูกก่อนแล้วจะรู้ว่าพูดได้ยังไง ฮ่าๆ</p>
<p> เพื่อก้าวต่อไปเป็น <strong>เด็กสามภาษาพ่อแม่สร้างได้</strong> พื้นที่ปลอดภัยเล็กๆ ของเราแม่ลูกถูกสร้างขึ้นอีกครั้ง เริ่มจากตื่นนอน อาบน้ำ แปรงฟัน เพิ่มมาช่วงเวลากินข้าว ทำการบ้าน สอนบวกเลขง่ายๆ และเข้านอน อิ่มตอบรับด้วยดี เรียนรู้จากท่าทาง บันทึกความจำด้วยประสาทสัมผัสของเค้าเอง และพูดตามอย่างสนุกสนาน สองเดือนผ่านไป...อิ่มสามารถตอบคำถามง่ายๆ อ่าน-นับเลข พูดทักทายสั้นๆ ได้ บ่อยครั้งที่ถามว่าประโยคแบบนี้ พูดจีนพูดยังไง ทำเอาแม่ต้องรีบไปหาคำตอบ ส่วนเอมกำลังอยู่ในวัยหัดพูด ใครพูดภาษาอะไรเอมพูดตามหมด จนคุณยายเริ่มงงว่า หลานพูดภาษาอะไร ทุกอย่างเริ่มกลับมาสนุกกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เหมี่ยวไปอย่างช้าๆ ช้าจริงๆ เพราะเราเองก็เพิ่งเริ่มศึกษา ไม่เร่ง ไม่เครียดเหมือนตอนที่เริ่มภาษาที่สอง ทุกอย่างเกิดจากการพูดเลียนแบบล้วนๆ เพราะเหมี่ยวอ่านจีนไม่ได้ เขียนจีนไม่เป็น และยังไม่คิดจะอ่านหรือเขียนในเร็ววัน ได้แต่หัดพูดโดยอาศัยความถี่จากการฟังทุกวันและการเลียนแบบการพูดตามเจ้าของภาษา เหมือนที่เหมี่ยวใช้หลักการนี้ทำให้ลูกพูดภาษาที่สองได้</p>
<p> สัปดาห์ก่อนไปรับอิ่มที่โรงเรียนคุณครูบอกว่าอิ่มพูดจีนกับเพื่อน สอนเพื่อนเสร็จเรียบร้อย พูดอย่างนี้ แปลว่าอะไร แม่แอบปลื้ม เออ..ที่เราพูดๆ อยู่ทุกวัน มันเห็นผลบ้างแล้ว มีพลังให้เดินหน้าต่อไป.....ระยะแรกนี้ เรียกได้ว่า เราอยู่ในช่วงบันได 3 ขั้นแรก ขึ้นๆ ลงๆ อยู่สามขั้น อิ่มยังไม่สามารถสร้างประโยคได้เอง จึงเอาคำศัพท์จีนมาใส่ในประโยคอังกฤษ ‘Mommy, Aim does not shuā yá’ (เอมไม่แปรงฟัน) ล่าสุดเมื่อวานกลับจากทำงาน อิ่มนั่งทำการบ้านอยู่ ก็เลยเดินเข้าไปดู อิ่มพูดว่า ‘Mommy (ยังไม่เรียก Māma), jīn tiān yǒu zuò yè’ (วันนี้มีการบ้าน) ประโยคนี้ฝึกพูดกับอิ่มตอนที่เค้ามีการบ้าน (พูดมาหลายอาทิตย์แล้ว) จนเมื่อวานอิ่มพูดออกมาเอง.....เราแม่ลูกคงอยู่ในช่วงบันไดสามขั้นแรกอีกพักใหญ่ๆ กับภาษาที่สาม ฝึกซ้อมเดินขึ้นลงให้คล่องแล้วค่อยไปกันต่อ การต่อยอดภาษาที่สามจากโรงเรียนในหลักสูตรของชั้นประถมจะเริ่มเรียนภาษาจีนตามมา ระหว่างนี้ขอซักซ้อมเตรียมความพร้อมล่วงหน้าไปก่อน อิ่มเองก็ตื่นเต้นกับภาษาจีนอยู่ไม่น้อยทีเดียว และยังใช้ภาษาอังกฤษพูดคุยกับแม่เหมือนเดิม เหมี่ยวคิดว่าเรายังมีเวลาอีกเยอะที่จะเรียนรู้ภาษาที่สองและสามไปพร้อมๆ กัน ไม่เสียดายเวลาที่ผ่านมาเลย ทุกวันมีมันมีค่าจริงๆ ค่ะ</p>
<p> บล็อคนี้เขียนขึ้นเพื่อเป็นบันทึกเรื่องราวพัฒนาการของเราและเป็นของขวัญวันแม่ที่เราแม่ลูกมอบให้กัน อาจจะพอเป็นแนวทางสำหรับครอบครัวที่คิดจะเริ่มสอนภาษาที่สามอยู่บ้าง ขอขอบคุณครอบครัวผู้ใหญ่บ้านและอีกหลายๆ ครอบครัวในหมู่บ้านนี้ที่ช่วยจุดประกาย เป็นต้นแบบและเป็นแรงบันดาลใจให้บ้านเราค่ะ</p>
<p>หากพิมพ์พินอินผิดต้องขออภัยด้วยค่ะ ท่านใดมีเพลงจีนสำหรับเด็กหรือการ์ตูนอยากแนะนำจะยินดีมากค่ะ มือใหม่จริงๆ</p>
เมื่อเราพูดภาษาที่สองกันนอกบ้าน....
tag:go2pasa.ning.com,2011-06-13:2456660:BlogPost:705795
2011-06-13T07:34:35.000Z
คุณแม่น้องอิ่ม & เอม
https://go2pasa.ning.com/profile/0553x9hyt8zk1
<p> หลายๆ ครอบครัวคงมีประสบการณ์เรื่องของการพูดภาษาที่สองนอกบ้านกันมาบ้างแล้ว ความรู้สึกที่ได้รับคำชื่นชมจากคนรอบข้างคงจะปลาบปลื้มไม่ต่างกัน เป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่จะสร้างให้ลูกเป็นเด็กสองภาษาที่แข็งแรงต่อไป</p>
<p> การพูดภาษาที่สองนอกบ้าน ไม่ว่าจะไปเดินห้าง ไปทานข้าวหรือเดินเล่นสวนสาธารณะ คนรอบข้างที่ได้ยินการพูดภาษาที่สองสำหรับต่างจังหวัดก็คงแปลกๆ (เพราะหน้าตาก็ไทยแท้ๆ) สายตาที่มองอย่างชื่นชมก็มีไม่น้อย มีบ้างเหมือนกันกับคนที่ไม่ชอบ (ว่าโอเวอร์บ้าง พูดอย่างนี้ไวยากรณ์จะถูกหรอ…</p>
<p> หลายๆ ครอบครัวคงมีประสบการณ์เรื่องของการพูดภาษาที่สองนอกบ้านกันมาบ้างแล้ว ความรู้สึกที่ได้รับคำชื่นชมจากคนรอบข้างคงจะปลาบปลื้มไม่ต่างกัน เป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่จะสร้างให้ลูกเป็นเด็กสองภาษาที่แข็งแรงต่อไป</p>
<p> การพูดภาษาที่สองนอกบ้าน ไม่ว่าจะไปเดินห้าง ไปทานข้าวหรือเดินเล่นสวนสาธารณะ คนรอบข้างที่ได้ยินการพูดภาษาที่สองสำหรับต่างจังหวัดก็คงแปลกๆ (เพราะหน้าตาก็ไทยแท้ๆ) สายตาที่มองอย่างชื่นชมก็มีไม่น้อย มีบ้างเหมือนกันกับคนที่ไม่ชอบ (ว่าโอเวอร์บ้าง พูดอย่างนี้ไวยากรณ์จะถูกหรอ อดีต ปัจจุบัน อนาคต เด็กจะเข้าใจได้ยังไง?) แต่เราก็ไม่ได้สนใจนัก ยังคงเดินตามแนวคิดนี้ต่อไป......ตลอดเส้นทางก็พัฒนาตัวเองและพยายามปรับแก้การออกเสียงให้ชัดเจน ถูกต้องมากที่สุด</p>
<p> ครอบครัวเราก็เช่นเดียวกันได้มีโอกาสไปเที่ยว ไปทานข้าวนอกบ้านกันมากขึ้น เพราะว่าเอมเริ่มโตแล้ว (1.7 Y) ส่วนอิ่ม (5.3 Y) ก็พูดภาษาที่สองได้มากพอสมควร ด้วย OTOL มา 1 ปีกับ 2 เดือน (ก่อนหน้านี้เราแทบจะไม่ได้ไปไหนกันเลย เวลาไปไหนทีกระเตงของเด็กอ่อนกันพะรุงพะรังไปหมด) พอมีโอกาสได้เจอเหตุการณ์ดีๆ ที่น่าจดจำก็ขอบันทึกเรื่องราวไว้ เก็บไว้อ่านเวลาที่หมดแรง.....</p>
<p> @ ไปเดินเล่นตลาดน้ำ ทุกครั้งที่ไปอิ่มจะต้องขอให้อาหารปลา แต่วันนี้ต่างจากวันอื่น ตรงที่เรายืนกันคนละฝั่งสะพาน บนสะพานก็มีคนให้อาหารปลาเหมือนกัน บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบๆ จน...</p>
<p>อิ่ม : ''Mommy Mommy!! Come on. This way has a big fish. I see a big fish. Quick Mommy Quick!! It's so big.'' (ท่าทางตื่นเต้น และเสียงดัง พยักหน้ากวักมือเรียกแม่) ทุกคนบนสะพานหันหน้าไปมองอิ่มเป็นทางเดียวกัน แล้วมีเสียงออกมาว่า ''โอ้ว...ลูกใครเนี่ย ทำไมพูดภาษาอังกฤษได้ยาวจังอ่ะ ไหนแม่อยู่ไหนเนี่ย?'' </p>
<p>แม่ : !*__*! (แฮ่ๆ...แม่อยู่นี่ค่ะ)</p>
<p> @ ไปงานแต่งงาน งานนี้จัดเต็มคุณตาคุณยายไปด้วย เพราะต้องไปร่วมพิธียกน้ำชา พอถึงเวลานั่งโต๊ะทานอาหารมีแต่แขกผู้ใหญ่เพื่อนๆ คุณยายทั้งนั้น สองคนพี่น้องก็ speak english กันล้วนๆ ทำเอา คุณยายถูกเพื่อนๆ สัมภาษณ์กันยกใหญ่ พอขากลับนั่งมาในรถ คุณยายบอกว่า ''แหม..มีหลานพูดภาษาอังกฤษได้นี่มันก็โก้ดีเหมือนกันเน๊อะ" อ้าว...หลานจัดไป...</p>
<p> @ นัดทานข้าวกับเพื่อนๆ คุณพ่อที่ร้านอาหารจีน เมนูแรกมาวางสำหรับเด็กๆ คือ ขนมจีบ</p>
<p>อิ่ม : ''Mommy. My chopsticks? I'm hungry. I want to eat now.'' (หยิบตะเกียบ เตรียมกิน)</p>
<p>แม่ : ''Ok. I know. This one for you. (คีบขนมจีบให้ 1 อัน)''</p>
<p>อิ่ม : ''What is it inside?'' (อยากรู้ว่าข้างในเป็นใส้อะไร)</p>
<p>เพื่อนคุณพ่อที่นั่งข้างๆ อิ่มตอบแทนว่า ''Shimp ang Pig"</p>
<p>(แม่..ได้ยินแล้วมันแปลกๆ เฮ้ย...มันใช่ pig เหรอ? มันไม่ใช่นะ) ด้วยความเป็นเด็ก อิ่มตอบกลับ....</p>
<p>อิ่ม : ''No. It's pork, not pig ถ้าเป็น pig ต้องเป็นหมูที่เป็นตัวๆ ร้องอู๊ดๆ แบบนั้น'' (อันนี้...แม่ไม่ได้สอนนะ)</p>
<p>ทำเอาฮากันไปเลย...โธ่! เพื่อนคุณพ่อนี่ เห็นทำงานพิมพ์ mail ภาษาอังกฤษกันเป็นชุด ดันมาสะดุดตรง pig กับ pork ซะงั้น</p>
<p> @ อิ่มช่วยหยิบของ แต่เปิดประตูไม่ได้เพราะไม่มีมือ</p>
<p>แม่ : ''Can you help me something, please?''</p>
<p>อิ่ม : ''What help mommy?''</p>
<p>แม่ : ''Bring me hangers. They're not enough''</p>
<p>อิ่มปิดประตู หายเงียบเข้าไปในบ้าน.............</p>
<p>อิ่ม : ''Mommy, Open the door please.''</p>
<p>แม่ : ''Why?''</p>
<p>อิ่ม : ''I don't have hands.'' (หอบไม้แขวนเสื้อมาเต็มสองมือ ยืนอยู่หน้าประตู)</p>
<p>แม่ : ''You don't have hands!!! Really? Did anyone cut your hands?''</p>
<p>อิ่ม : ''No no. I'm sorry. My hands not free. ^__^ ''</p>
<p> </p>
<p>ขอขอบคุณทุกท่านในห้อง English Club ค่ะ ทั้งคุณครูและนักเรียนทั้งหลาย ผู้สนับสนุนความสำเร็จที่เป็นยิ่งกว่า Talking Dic. อยู่ช่วยเหลือกันมาตลอดตั้งแต่วันแรก ช่วยกันถาม-ตอบอย่างไม่มีจบสิ้น........</p>
บทสวดมนต์เช้าของเรา
tag:go2pasa.ning.com,2011-06-10:2456660:BlogPost:702321
2011-06-10T03:30:00.000Z
คุณแม่น้องอิ่ม & เอม
https://go2pasa.ning.com/profile/0553x9hyt8zk1
<p> เปิดเทอม อ.3 วันแรก คุณครูก็แจกบทสวดมนต์ทั้งไทยและอังกฤษให้เด็กๆ ไปหัดท่องกัน เพื่อจะฝึกให้เด็กได้ผลัดกันนำสวดตอนเช้าที่โรงเรียน โดยฝากให้ผู้ปกครองช่วยฝึกจะเลือกภาษาไทยหรืออังกฤษก็ได้ แล้วแต่..</p>
<p> กลับมาบ้านก็เลยลองเปิดดูซักหน่อย ภาษาไทย เป็นบทสวดคำคล้องจอง ไม่น่ายาก เดี๋ยวก็ได้ ...แต่โอ้ว!! ภาษาอังกฤษ...</p>
<p>Let us pray to the lord of mercy. who loves tremendously, who graciously protects us.</p>
<p>Dear God, please grant us fortitude and strength, so that we can…</p>
<p> เปิดเทอม อ.3 วันแรก คุณครูก็แจกบทสวดมนต์ทั้งไทยและอังกฤษให้เด็กๆ ไปหัดท่องกัน เพื่อจะฝึกให้เด็กได้ผลัดกันนำสวดตอนเช้าที่โรงเรียน โดยฝากให้ผู้ปกครองช่วยฝึกจะเลือกภาษาไทยหรืออังกฤษก็ได้ แล้วแต่..</p>
<p> กลับมาบ้านก็เลยลองเปิดดูซักหน่อย ภาษาไทย เป็นบทสวดคำคล้องจอง ไม่น่ายาก เดี๋ยวก็ได้ ...แต่โอ้ว!! ภาษาอังกฤษ...</p>
<p>Let us pray to the lord of mercy. who loves tremendously, who graciously protects us.</p>
<p>Dear God, please grant us fortitude and strength, so that we can study well all day long.</p>
<p>Please help us to progress creatively, to be good from day to day, to be honest and morally conscious.</p>
<p>Please bless our Nation and His Majesty our King.</p>
<p>Bless our fellow countrymen, so they may love one another and live happily in peace and harmony. Amen</p>
<p> ทำไมมันยาวจัง กับเด็ก 5 ขวบเนี่ยนะ เด็กจะท่องกันได้มั้ยเนี่ย กี่วันจะได้เนี่ย แต่ครูคงรู้ว่า เด็กสามารถทำได้ ปีที่ผ่านๆ มาก็มีเด็กท่องได้นี่นา..</p>
<p> ตั้งใจอ่านบทสวดอีกครั้ง แต่ละคำไม่คุ้นเลย ออกเสียงยังไงล่ะ เอาน่ะ..ขอลองหน่อย ถ้าแม่ท่องไม่ได้แล้วอิ่มจะท่องได้ยังไง? จัดการแปลบทสวด เช็คการออกเสียง แล้วตั้งใจท่องให้ได้ภายในวันถัดมา เลือกเวลาช่วงที่ขับรถไป-กลับทำงานนี่แหละ ท่องได้จนคล่องปาก พยายามท่องให้เหมือนสวด อะระหัง สัมมา...ยังไงยังงั้น เอาหล่ะคืนนี้ก่อนนอนเริ่มสอนอิ่มได้...(ที่ตั้งใจขนาดนี้ก็เพราะกลัวลูกจะไม่ทันเพื่อน)<br/> พอถึงเวลาอิ่มให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี รู้ว่าครูสั่งมา ท่องทุกวันก่อนนอน ใช้เวลาอยู่ 5 วัน (แม่นับวันไว้เรียบร้อย ไม่รู้ว่านานไปรึเปล่า คิดแค่ว่าขอให้ภาระกิจของเราสำเร็จก็แล้วกัน) อิ่มสามารถท่องได้แบบไหลลื่นเลยทีเดียว แม่ให้ท่องก่อนนอนมาเรื่อยๆ หล้งจากไหว้พระ สวดอะระหัง สัมมา...เสร็จ แล้วเราค่อยนอน</p>
<p> เมื่อวานนี้ ด้วยท่าทีที่กังวล อิ่มบอก(ไทย)ว่า 'คุณครูถามว่าใครสวดมนต์ได้แล้วบ้าง ที่เป็นภาษาไทยมียกมือหลายคน ภาษาอังกฤษมีอิ่มกับเพื่อนอีก 1 คนที่ยกมือ คุณครูบอกว่า วันพรุ่งนี้จะให้ขึ้นไปสวดบนเวที แต่น้องอิ่มไม่อยากขึ้นบนเวที น้องอิ่มกลัวลืมแล้วสวดข้ามไป น้องอิ่มอยากร้องเพลงชาติมากกว่า' อ้าวลูกฉัน.....ไหงงั้นอ่ะ ท่าทางไม่ดี ขาดความมั่นใจ ต้องรีบเติมพลังให้ด่วนเลย</p>
<p>Mommy : Oh!!! Dear, Don't worry. I belive you can do it. If you forget it, your teacher will help you, honey.</p>
<p>Imm : No. I don't want to stand on the stage. I want to stand on the ground more than.</p>
<p>Mommy : Listen me! The prayer leader must to stand on the stage for your friends see and talk repeat, right?</p>
<p>Imm : (เงียบ...) Okey, tonight i will pray 10 times.</p>
<p>Mommy : Good!!! I will talk repeat you like your friend, when you pray should concentrate too. Let me kiss you, Honey.</p>
<p> เมื่อคืนนี้อิ่มเลยท่องจนครบ 10 รอบ ด้วยความเต็มใจและตั้งใจจริงๆ เพราะกลัวว่าเช้าวันนี้จะลืม....ตอนเช้าขอท่องก่อนไปโรงเรียนอีกรอบ </p>
<p> แม่ไม่รู้ว่าเช้านี้อิ่มจะเป็นยังไง จะลืมมั้ย รู้แค่ว่าแม่ท่องบทสวดตอนเช้าของโรงเรียนได้ แล้วอิ่มก็ท่องได้ แค่นี้ก็พอแล้ว..... </p>
ด้วยความเชื่อมั่น ตั้งใจและพยายามตลอด 365 วัน
tag:go2pasa.ning.com,2011-04-15:2456660:BlogPost:641760
2011-04-15T23:24:25.000Z
คุณแม่น้องอิ่ม & เอม
https://go2pasa.ning.com/profile/0553x9hyt8zk1
<p>บันทึกครบ 1 ปี บนแนวความคิดของเด็กสองภาษาพ่อแม่สร้างได้ ด้วย OTOL (มากเท่าที่จะมากได้)</p>
<p>ยังจำได้อยู่ว่า วันนี้ของปีที่แล้ว (16 April) แม่ยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะเริ่มพูด Eng กับอิ่ม แต่ด้วยความเชื่อมั่น ความตั้งใจบวกกับความพยายามอย่างไม่ลดละ ผ่านมา 1 ปีแล้ว อิ่มเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด จากสายตาของแม่เอง และคำทักจากคนรอบข้าง</p>
<p>อิ่มเริ่มบทสนทนาเองด้วยภาษาที่สองกับแม่แบบไม่ต้องคอยเตือนเหมือนก่อนแล้ว สร้างประโยคแบบที่แม่คาดไม่ถึง หรือแม้แต่พยายามจะเล่าเรื่องต่างๆ…</p>
<p>บันทึกครบ 1 ปี บนแนวความคิดของเด็กสองภาษาพ่อแม่สร้างได้ ด้วย OTOL (มากเท่าที่จะมากได้)</p>
<p>ยังจำได้อยู่ว่า วันนี้ของปีที่แล้ว (16 April) แม่ยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะเริ่มพูด Eng กับอิ่ม แต่ด้วยความเชื่อมั่น ความตั้งใจบวกกับความพยายามอย่างไม่ลดละ ผ่านมา 1 ปีแล้ว อิ่มเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด จากสายตาของแม่เอง และคำทักจากคนรอบข้าง</p>
<p>อิ่มเริ่มบทสนทนาเองด้วยภาษาที่สองกับแม่แบบไม่ต้องคอยเตือนเหมือนก่อนแล้ว สร้างประโยคแบบที่แม่คาดไม่ถึง หรือแม้แต่พยายามจะเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง แบบที่ไวยากรณ์ยังไม่ถูกนัก มีบ้างในช่วงเวลาที่แม่นึกศัพท์ไม่ออก อิ่มคอยช่วยแม่เติมเต็มประโยคด้วยคำศัพท์ให้สมบูรณ์ได้ ยอมรับว่าบางทีแม่ก็ตามอิ่มไม่ทันเหมือนกัน</p>
<p>คลิปนี้ แม่กำลังถ่ายรูปน้องอยู่ แล้วอิ่มก็เรียกแม่เพื่อจะชวนคุยอะไรบางอย่าง แม่ไม่เข้าใจว่าอิ่มหมายถึงอะไร แต่พอรู้ก็ขำเลย...</p>
<p><iframe width="480" frameborder="0" src="http://www.youtube.com/embed/bbu55lsRd7k" height="390"></iframe>
</p>
<p> </p>
<p>ส่วนคลิปนี้ อิ่มอธิบายให้ฟังหลังจากที่ดูคลิปตัวเอง</p>
<p>@ อิ่มพยายามจะเล่าให้ฟังว่าเล่นซ่อนหากับคุณลุงและเพื่อน แต่แม่คิดว่าอิ่มใช้สรรพนามไม่ถูก จึงแก้ไขให้พูดใหม่จาก he เป็น she อิ่มดูงงๆ ที่จริงพูด he นั่นแหละ ถูกแล้ว แม่ทำให้อิ่มสับสนซะเอง T_T</p>
<p>@ อิ่มบอกว่า 'I don't want to take a nap' แต่แม่ได้ยินว่า I want to.......อ่ะ T_T </p>
<p>แม่เข้าใจผิดอ่ะครับ เอาน่ะ จากนี้ไปจะตั้งใจฟังให้ดี พูดช้าลง เน้นเสียงให้ชัด.....เพื่อก้าวต่อไปของเรา</p>
<p><iframe width="480" frameborder="0" src="http://www.youtube.com/embed/Aj6_eYxC-R8" height="390"></iframe>
</p>
<p>OTOL : 1Y</p>
<p>Imm : 5.1Y</p>
ถ้าอยากพูดไทย...ก็ได้เลยครับ
tag:go2pasa.ning.com,2011-03-23:2456660:BlogPost:617396
2011-03-23T01:00:00.000Z
คุณแม่น้องอิ่ม & เอม
https://go2pasa.ning.com/profile/0553x9hyt8zk1
<p><span style="font-family: arial,helvetica,sans-serif;">แม่เริ่มสร้างให้อิ่มเป็นเด็กสองภาษา ตอนอิ่ม 4.1 ขวบ (ตอนนี้ 5 ขวบเต็ม) แม่พูด Eng กว่า 80% ส่วนที่เหลือ คือ คำหรือประโยคที่แม่ยังไม่สามารถพูดได้ เตรียมตัวไม่ทัน นึกศัพท์ไม่ออก ก็ต้องใช้ภาษาไทยอธิบายกันไป โดยเฉพาะเวลาที่ปรี๊ดๆ ลูกชอบทำมึน ออกแนวนิ่งๆ ตาใส ทำหูอื้อ อันนี้แม่ขอพากษ์ไทยกันไปเลย</span></p>
<p><span style="font-family: arial,helvetica,sans-serif;">อิ่มจัดว่าเป็นเด็กโตที่ภาษาไทยแข็งแรงแล้ว ซึ่งต้องพยายามหาแรงบันดาลใจ…</span></p>
<p><span style="font-family: arial,helvetica,sans-serif;">แม่เริ่มสร้างให้อิ่มเป็นเด็กสองภาษา ตอนอิ่ม 4.1 ขวบ (ตอนนี้ 5 ขวบเต็ม) แม่พูด Eng กว่า 80% ส่วนที่เหลือ คือ คำหรือประโยคที่แม่ยังไม่สามารถพูดได้ เตรียมตัวไม่ทัน นึกศัพท์ไม่ออก ก็ต้องใช้ภาษาไทยอธิบายกันไป โดยเฉพาะเวลาที่ปรี๊ดๆ ลูกชอบทำมึน ออกแนวนิ่งๆ ตาใส ทำหูอื้อ อันนี้แม่ขอพากษ์ไทยกันไปเลย</span></p>
<p><span style="font-family: arial,helvetica,sans-serif;">อิ่มจัดว่าเป็นเด็กโตที่ภาษาไทยแข็งแรงแล้ว ซึ่งต้องพยายามหาแรงบันดาลใจ เพื่อกระตุ้นให้พูดภาษาที่สองออกมา ตลอดเวลา 11 เดือนที่ผ่านมา แม่ยอมรับว่าทุกวันนี้แม่ยังไม่เจอแรงบันดาลใจ (แท้จริง) คือ คิดว่าใช่แล้ว แต่พอผ่านไปซักระยะ ก็ไม่สามารถเป็นแรงกระตุ้นให้ลูกพูดภาษาที่สองได้มากเหมือนช่วงแรก หรือเป็นเพราะแม่ตีโจทย์ข้อนี้ไม่แตก แม่ต้องคอยเตือนว่า ‘English Imm, speak English!!’ อยู่บ่อยครั้ง หลังๆ ก็เบื่อที่จะเตือนแล้ว หาวิธีอื่นดีกว่า</span></p>
<p><span style="font-family: arial,helvetica,sans-serif;">เวลาผ่านไป 7 เดือน อิ่มโต้ตอบเป็น Eng ได้เกินกว่า 50% เข้าใจที่แม่พูด สามารถตอบเป็นประโยคได้ สร้างประโยคคำถามได้ มีบ่อยครั้งหลังกลับมาจากเล่นกับเพื่อน อิ่มก็จะติดภาษาไทยมาพูดกับแม่ แม่ก็ต้องหาวิธี ใช้เทคนิคโน่นนี่ สารพัด ที่ได้ผลก็เป็นช่วงที่น้องเอม 1 ขวบ เริ่มหัดพูดเป็นคำแล้ว เอมพูดภาษาอังกฤษได้ก่อนภาษาไทย (อาจเป็นเพราะน้องได้ยินแม่พูดกับอิ่มมาตั้งแต่น้อง 5 เดือนจนทุกวันนี้น้องพูดอังกฤษได้มากกว่าไทย) แม่อยากให้อิ่มใช้ภาษาอังกฤษกับแม่และน้องด้วย</span></p>
<p><span style="font-family: arial,helvetica,sans-serif;">Mom : Imm. You should speak English with Aim because he’s not understand when you speak</span> <span style="font-family: arial,helvetica,sans-serif;">Thai. (เอาน้องมาอ้าง)</span></p>
<p><span style="font-family: arial,helvetica,sans-serif;">Imm : OK. But I can speak English and Thai. (อยากบอกให้รู้ว่าฉันเก่งกว่านะ)</span></p>
<p><span style="font-family: arial,helvetica,sans-serif;"> </span></p>
<p><span style="font-family: arial,helvetica,sans-serif;">ผ่านมา 11 เดือน ภาษาอังกฤษที่แม่พูดมาอย่างต่อเนื่อง เพิ่มความถี่มากขึ้นกว่าแต่ก่อน การพูดภาษาที่สองเริ่มเป็นความเคยชินระหว่างเราไปแล้ว วิธีข้างต้นนี้ถือว่ากระตุ้นได้ในระดับนึง แต่ทุกวันนี้อิ่มก็ยังติดภาษาไทยมาพูดอยู่บ้าง เริ่มพูดหรือถามเป็นภาษาไทยก่อน ทั้งๆ ที่อิ่มก็สามารถพูด Eng ได้ อืม...แม่จะใช้วิธีไหนล่ะ ทำไงดี? เอ้า...ถ้าอยากพูดไทยก็ได้ ลองดู</span></p>
<p><span style="font-family: arial,helvetica,sans-serif;">Imm : คุณแม่ครับ น้องอิ่มอยากอาบน้ำแล้วอ่ะ</span></p>
<p><span style="font-family: arial,helvetica,sans-serif;">Mom : OK. If you want to speak Thai. Up to you, no problem. ได้ครับ ไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาเลยลูก</span></p>
<p><span style="font-family: arial,helvetica,sans-serif;">Imm : อึ้ง หยุดพูด...(เหมือนนึกอะไรบางอย่าง เฮ้ย...ทำไมแม่พูดภาษาไทย ปกติถ้าพูดไทยไปก็ตอบเป็น Eng หรือไม่ก็ต้องเตือนให้พูด Eng ก่อน) Mommy. I want to take a baht. You forgot speak English. (มีต่อว่าเล็กน้อย)</span></p>
<p><span style="font-family: arial,helvetica,sans-serif;">Mom : OK. Get your towel. Let’s take a baht. (ทำปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น)</span></p>
<p><span style="font-family: arial,helvetica,sans-serif;">เออ...ลองแบบนี้ก็ได้ผล แม่ใช้วิธีนี้อิ่มเปลี่ยนโหมดได้เองเลยแฮะ....เหมือนอิ่มรู้สึกได้ด้วยตัวเอง คงจะรู้สึกแปลกหูที่แม่ตอบเป็นไทย ไม่รู้ว่าวิธีนี้จะได้ผลไปอีกซักเท่าไหร่ ลึกๆ ก็รู้สึกได้ว่า อิ่มยังคงรักการพูดภาษาที่สองอยู่ ส่วนแม่เองก็ต้องเรียนรู้กันต่อไป ตอนนี้น้องกำลังอยู่ในวัยหัดพูดและเลียนแบบ แม่ต้องพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น </span></p>
<p><span style="font-family: arial,helvetica,sans-serif;">หลายเดือนแล้วที่แม่ไม่ได้ถ่ายคลิปของอิ่มกับเอมเก็บไว้ดูเลย ก็พอแม่หยิบกล้องมาเท่านั้นแหละสองคนแย่งกันเป็นตากล้องซะเอง เอาไว้แอบถ่ายตอนเผลอแล้วกันนะลูกนะ</span></p>
พฤติกรรมที่โรงเรียนหลังจากทำตามแนวคิดเด็กสองภาษา
tag:go2pasa.ning.com,2010-11-13:2456660:BlogPost:491583
2010-11-13T15:03:18.000Z
คุณแม่น้องอิ่ม & เอม
https://go2pasa.ning.com/profile/0553x9hyt8zk1
<p>วันนี้คุณครูให้ผู้ปกครองไปรับสมุดรายงานผลการเรียนที่โรงเรียน แต่แม่ต้องมอบหน้าที่ให้คุณพ่อไปแทน เพราะแม่ติดงาน</p>
<p>อิ่มเรียนโรงเรียนหลักสูตรไทยปกติ มีแต่เด็กไทยล้วนๆ ไม่ใช่หลักสูตรสองภาษาหรือนานาชาติแต่อย่างใด</p>
<p>คุณครูบอกว่า 'อิ่มคุยเก่งมาก ไม่ว่าจะอยู่ใกล้ใคร เพื่อนคนไหน อิ่มคุยได้หมด ทุกที่ ทุกเวลา ยกให้เป็นที่ 1 ของห้อง' ฟังแล้วก็กังวลเหลือเกินกลัวว่าจะสร้างความหนักใจให้คุณครู</p>
<p>ต่อไปเรื่องผลการเรียนบ้าง โดยรวมแล้วอยู่ในเกณฑ์ดี และสิ่งที่ทำให้คุณพ่อยิ้มได้บ้าง คุณครูบอกว่า…</p>
<p>วันนี้คุณครูให้ผู้ปกครองไปรับสมุดรายงานผลการเรียนที่โรงเรียน แต่แม่ต้องมอบหน้าที่ให้คุณพ่อไปแทน เพราะแม่ติดงาน</p>
<p>อิ่มเรียนโรงเรียนหลักสูตรไทยปกติ มีแต่เด็กไทยล้วนๆ ไม่ใช่หลักสูตรสองภาษาหรือนานาชาติแต่อย่างใด</p>
<p>คุณครูบอกว่า 'อิ่มคุยเก่งมาก ไม่ว่าจะอยู่ใกล้ใคร เพื่อนคนไหน อิ่มคุยได้หมด ทุกที่ ทุกเวลา ยกให้เป็นที่ 1 ของห้อง' ฟังแล้วก็กังวลเหลือเกินกลัวว่าจะสร้างความหนักใจให้คุณครู</p>
<p>ต่อไปเรื่องผลการเรียนบ้าง โดยรวมแล้วอยู่ในเกณฑ์ดี และสิ่งที่ทำให้คุณพ่อยิ้มได้บ้าง คุณครูบอกว่า 'อิ่มพูดภาษาอังกฤษกับเพื่อนในห้องบ่อย จนเพื่อนเดินมาฟ้องคุณครูว่า น้องอิ่มพูดภาษาอังกฤษอีกแล้ว ซึ่งเพื่อนไม่เข้าใจ' และพอดูบันทึกผลการเรียน English Conversation ประเมินผลโดยคุณครูเจ้าของภาษา อิ่มได้คะแนนเต็ม พร้อมกับคำว่า Excellent</p>
<p>คุณครฝากทิ้งท้ายไว้ว่า 'เป็นสิ่งที่ดีที่พ่อแม่ฝึกให้ลูกพูดภาษาอังกฤษ เป็นการช่วยคุณครูสอนเด็กให้มีพัฒนาการที่เร็วและดีขึ้นได้ ผู้ปกครองต้องช่วยกัน'</p>
<p>บันทึกนี้เป็นความภูมิใจเล็กๆ ของพ่อและแม่ที่คิดไม่ถึงว่า ลูกพูดภาษาอังกฤษกับเพื่อนที่โรงเรียนด้วยเหรอ???</p>
<p></p>
บันทึกของแม่กับน้องอิ่ม ตอนที่ 1 (3 เดือนเต็ม..ก่อนที่แม่จะลืม)
tag:go2pasa.ning.com,2010-07-20:2456660:BlogPost:339886
2010-07-20T01:00:00.000Z
คุณแม่น้องอิ่ม & เอม
https://go2pasa.ning.com/profile/0553x9hyt8zk1
<p><font size="2">หลังจากที่แม่อ่านหนังสือเด็กสองภาษาพ่อแม่สร้างได้ จบทั้ง 2 เล่ม แม่ก็เริ่มพูด Eng กับลูกทันที ตอนนั้นลูกเพิ่งกลับมาจากบ้านคุณย่า สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่แม่พูดจบประโยคแรก</font></p>
<p><font size="2">Mommy : Good Evening. Where have you been? (ตามหนังสือเป๊ะ)</font></p>
<p><font size="2">Imm : ......!!!!!</font></p>
<p><font size="2">สายตาของลูกมองแม่อย่าง งงๆ (คุณแม่พูดไรเนี่ย?) แต่ก็ไม่ได้วิ่งหนีไป แม่เองก็นึกอยู่ในใจว่า ''แม่โชคดีแล้ว..ที่ลูกไม่ต่อต้าน''…</font></p>
<p><font size="2">หลังจากที่แม่อ่านหนังสือเด็กสองภาษาพ่อแม่สร้างได้ จบทั้ง 2 เล่ม แม่ก็เริ่มพูด Eng กับลูกทันที ตอนนั้นลูกเพิ่งกลับมาจากบ้านคุณย่า สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่แม่พูดจบประโยคแรก</font></p>
<p><font size="2">Mommy : Good Evening. Where have you been? (ตามหนังสือเป๊ะ)</font></p>
<p><font size="2">Imm : ......!!!!!</font></p>
<p><font size="2">สายตาของลูกมองแม่อย่าง งงๆ (คุณแม่พูดไรเนี่ย?) แต่ก็ไม่ได้วิ่งหนีไป แม่เองก็นึกอยู่ในใจว่า ''แม่โชคดีแล้ว..ที่ลูกไม่ต่อต้าน''</font> <font size="2">หลังจากนั้นแม่ก็เริ่มพูด Eng กับลูกมาเรื่อยๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าลูกจะเล่น, ดูการ์ตูน หรืออะไรก็ตาม ทุกอย่างผ่านมาได้ด้วยดี</font></p>
<p></p>
<p></p>
<p><font size="2">1 เดือนผ่านไป...</font><font size="2">แม่เองเริ่มจริงจังมากขึ้น และเริ่มเครียด จากการที่ลูกไม่ยอมตอบเป็น Eng ซักที (ตอนนั้นยังเริ่มได้ไม่ถึง 2 เดือนเลย) ยิ่งดู Clip Video ใน web2pasa ก็เริ่มกดดันมาก เอ๊!! ลูกก็เข้าใจที่เราพูดนะ ทำไม่ลูกยังไม่ตอบเป็น Eng ซักที? จนแม่เองแอบได้ยินคุณพ่อขอลูกบ่นว่า ''แม่แก..บ้าไปแล้ว''</font></p>
<p></p>
<p></p>
<p><font size="2">2 เดือนผ่านไป...</font><font size="2">แม่มีโอกาสได้พบคุณลุงบิ๊ก พร้อมๆ กับครอบครัวเด็กสองภาษาระยอง ได้รับคำปรึกษาจากคุณบิ๊ก โดยเฉพาะประโยคที่ว่า <strong>''ผมย้ำในหนังสือว่า<u>อย่าใจร้อน</u> พ่อแม่หลายคนใจร้อน''</strong> ซึ่งทำให้แม่ได้หยุดคิด และถอยกลับมาตั้งหลักใหม่อีกครั้ง โดยต้องนึกถึงว่า ''ลูกควรจะมีความสุข และสนุกไปกับการพัฒนาให้เป็นเด็กสองภาษา และตัวแม่เองก็ต้องพูด Eng แบบค่อยเป็น ค่อยไป ช้า ชัด และ clear'' และวันนั้นคุณลุงบิ๊กยังพูดทิ้งท้ายกับแม่ไว้ว่า ''ทำต่อไปเรื่อยๆ แล้วคอยดู อีก 4 เดือน จะเห็นพัฒนาการความแตกต่าง''</font></p>
<p><font size="2">จากนั้นทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ในระยะเวลา 2 เดือนกว่าๆ ที่แม่พยายาม และตั้งใจมาโดยตลอด จนวันที่</font><font size="2">แม่พาลูกเข้านอน แต่ลูกบอกแม่ว่า ''Mommy, go to take a baht'' แล้วก็ชี้ไปที่ห้องน้ำ แม่อึ้งไปนิดนึง แล้วก็นึกในใจว่า ''ลูกพูดออกมาแล้ว'' อารมณ์นั้นมันชื่นใจสุดๆ</font> <font size="2">และประโยคที่แม่มักพูดกับน้องว่า ''Don't put your finger in your mouth'' มันคงเข้าหูลูกทุกวัน จนวันที่ลูกกับน้องนั่งเล่นกันอยู่ และแม่เองก็มัวสาละวนอยู่กับผ้ากองโต แม่ได้ยินลูกพูดว่า ''อย่า อย่า Don't put a book in your mouth'' แม่หันมามอง ลูกกำลังเอาหนังสือออกจากปากน้อง แม่เองนั่งยิ้ม รู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก</font></p>
<p></p>
<p></p>
<p><font size="2">3 เดือนเต็ม...</font><font size="2">วันนี้ ลูกมีพัฒนาการที่ดีกว่าเดิมมาก ฟังที่แม่พูดรู้เรื่องเกือบทั้งหมด และถ้าลูกรู้ศัพท์ลูกจะตอบแม่เป็น Eng ทันที</font> <font size="2">เหตุการณ์วันที่แม่และคุณพ่อประทับใจ มันเกิดขึ้นแบบที่แม่เองก็นึกไม่ถึงว่าลูกจะเข้าใจที่แม่กับคุณพ่อพูดกัน วันนั้นเรากำลังทำกับข้าวตอนเย็น</font></p>
<p><font size="2">Mommy : Daddy, Please go to outside and pick the chili for cooking.</font></p>
<p><font size="2">Daddy : OK. Wait a minute.</font></p>
<p><font size="2">ทันใดนั้น ลูกก็พูดว่า</font></p>
<p><font size="2">Imm : Daddy, Be careful!! (พร้อมทั้งยกมือ ประมาณว่า คุณพ่อ..หยุดก่อน)</font></p>
<p><font size="2">Daddy : What be careful?</font></p>
<p><font size="2">Imm : The mosquito and snake.</font></p>
<p><font size="2">หลังจากที่ลูกพูดจบ แม่กับคุณพ่อมองตากัน ''ลูกรู้เรื่องนี่หว่า''</font></p>
<p></p>
<p><font size="2">บันทึกนี้ อาจเป็นกำลังใจเล็กๆให้กับคุณพ่อ คุณแม่ที่กำลังเริ่มสร้างครอบครัวสองภาษาหรือที่กำลังท้อแท้อยู่ได้บ้างนะคะ</font></p>