Sky Walker's Posts - หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้
2024-03-29T05:13:13Z
Sky Walker
https://go2pasa.ning.com/profile/ryder
https://storage.ning.com/topology/rest/1.0/file/get/1959406826?profile=RESIZE_48X48&width=48&height=48&crop=1%3A1
https://go2pasa.ning.com/profiles/blog/feed?user=03rt0ma8h9iwv&xn_auth=no
Flash Card แฟลชการ์ด-บัตรคำ ไว้กระตุ้นสมองซีกขวา ที่ลูกชื่นชอบเป็นพิเศษ พร้อมวิธีการสอนจากประสบการณ์ส่วนตัว
tag:go2pasa.ning.com,2018-07-11:2456660:BlogPost:1190097
2018-07-11T04:00:00.000Z
Sky Walker
https://go2pasa.ning.com/profile/ryder
<p></p>
<p></p>
<p>ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าเราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการแฟลชบัตรคำนะคะ ทำแบบงูๆ ปลาๆ อาศัยอ่านข้อมูลที่พี่ๆ เพื่อนๆ ใจดีสรุปไว้ และจากหนังสือไม่กี่เล่มที่ได้อ่านเอง จากข้อมูลดังกล่าวทำให้เราชอบแฟลชบัตรคำให้ลูกดูนะคะเพราะเป็นการกระตุ้นสมองซีกขวา เรามีติดโปสเตอร์รอบห้องเหมือนกัน แต่ลูกจะไม่ยอมยืนฟังเราพูดจนครบคำในโปสเตอร์นะคะ ฟังได้ 3-4 คำก็วิ่งเล่นแล้วค่ะ สมาธิจะไม่ดีเท่ากับเราเล่นบัตรคำกับเค้า เพราะเค้าเห็นทีละใบ เค้าเลยเหมือนนั่งลุ้นว่าจะเป็นบัตรคำอันไหนต่อไรงี้นะคะ (เฉพาะลูกเรานะคะ…</p>
<p></p>
<p></p>
<p>ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าเราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการแฟลชบัตรคำนะคะ ทำแบบงูๆ ปลาๆ อาศัยอ่านข้อมูลที่พี่ๆ เพื่อนๆ ใจดีสรุปไว้ และจากหนังสือไม่กี่เล่มที่ได้อ่านเอง จากข้อมูลดังกล่าวทำให้เราชอบแฟลชบัตรคำให้ลูกดูนะคะเพราะเป็นการกระตุ้นสมองซีกขวา เรามีติดโปสเตอร์รอบห้องเหมือนกัน แต่ลูกจะไม่ยอมยืนฟังเราพูดจนครบคำในโปสเตอร์นะคะ ฟังได้ 3-4 คำก็วิ่งเล่นแล้วค่ะ สมาธิจะไม่ดีเท่ากับเราเล่นบัตรคำกับเค้า เพราะเค้าเห็นทีละใบ เค้าเลยเหมือนนั่งลุ้นว่าจะเป็นบัตรคำอันไหนต่อไรงี้นะคะ (เฉพาะลูกเรานะคะ เด็กคนอื่นอาจจะชอบโปสเตอร์มากกว่า)</p>
<p> </p>
<p>บัตรคำที่เราใช้จะมีทั้งทำเองและซื้อสำเร็จรูป ถ้าให้ดีที่สุดก็ต้องทำเองค่ะ เพราะหลักการแฟลชที่ดีต้องแยกคำและรูปออกจากกันเลยค่ะ เช่นด้านหน้าเป็นคำศัพท์ ด้านหลังเป็นรูป เพื่อให้เด็กจะได้จำทั้งคำและรูปค่ะ ไม่ใช่จำแต่รูปอย่างเดียว แต่ติดอยู่เรื่องเดียวคือมันใช้เวลาพอสมควรเพราะต้องทำไฟล์เองหรือได้ไฟล์ทำสำเร็จมาแล้วแต่ก็ต้องเอามาปริ้น</p>
<p></p>
<p>เราใช้ <b><u>3 วิธีสำหรับการปริ้น</u></b> คือ</p>
<p> </p>
<p>1. ปริ้นใส่กระดาษธรรมดาขนาดเอ 4 แล้วเอาไปใส่แฟ้มดำแบบห่วง ที่มีซองพลาสติกด้านใน เวลาแฟลชก็จะหยิบง่าย เพราะซองพลาสติกจะติดมือดีกว่ากระดาษ ข้อดีคือ ใช้ซองซ้ำได้เรื่อยๆ แค่เปลี่ยนบัตรคำ แถมซองกันน้ำได้ด้วย ข้อเสียคือ ถ้าสอนหลายหมวดหมู่อาจจะต้องใช้แฟ้มเยอะ และราคาแฟ้มก็ราคา 100 ขึ้น</p>
<p> </p>
<p>2. ปริ้นใส่กระดาษที่แข็งพอควร โดยถ้าใช้กระดาษแข็งแผ่นใหญ่ก็จะต้องใช้เวลาตัดกระดาษ ให้เป็นแผ่นเล็กตามขนาดที่ต้องการก่อน หรือถ้าใช้กระดาษแข็งที่เป็นแผ่นขนาดเอ 4 ก็จะราคาสูงมาหน่อย ข้อดีคือ แฟลชง่ายเพราะกระดาษแข็ง ไม่ต้องใส่แฟ้ม แต่ข้อเสียคือ ไม่กันน้ำ (เราใช้ปริ้นเตอร์แบบหมึกแทงค์ ซึ่งถ้าปริ้นกับกระดาษทั่วไปหมึกจะไม่กันน้ำ) และราคากระดาษแข็งจะแพงกว่ากระดาษธรรมดา</p>
<p> </p>
<p>3. ปริ้นใส่กระดาษ Glossy Paper เพราะว่ากันน้ำได้ แต่ต้องนำมาแปะกาวใส่กระดาษแข็งอีกที เพื่อให้แฟลชติดมือง่ายขึ้น ข้อดีคือ สวยเหมือนบัตรคำจากโรงพิมพ์ ทนทาน แต่ข้อเสียคือ ราคากระดาษแบบนี้จะแพงกว่ากระดาษธรรมดา และต้องซื้อกระดาษแข็งด้วย และใช้เวลาแปะพอสมควร</p>
<p> </p>
<p><b><u>แฟลชการ์ดที่ตามหามานาน</u></b></p>
<p> </p>
<p>ที่ผ่านมา บัตรคำส่วนใหญ่เราจะปริ้นเอง แต่ช่วงหลังๆ มานี่ลูกเริ่มโตขึ้น นอนกลางวันน้อยลง เราเลี้ยงลูกคนเดียว ไม่มีพี่เลี้ยง เวลาเลยมีจำกัด ถ้าเราเจอบัตรคำที่เรายังไม่เคยสอนลูกวางขายอยู่ เราก็จะซื้อมาใช้สอนเลยเพื่อความสะดวกและไวกว่ารอเราทำขึ้นเอง ส่วนอันไหนไม่มีขายจริงๆ เราก็ยังคงทำเองนะคะ</p>
<p> </p>
<p>เท่าที่เราหาๆ ซื้อดู บัตรคำในตลาดส่วนใหญ่มักจะใบเล็กนะคะ เวลาแฟลช มือเราจะหยิบจับไม่สะดวก จนเรามาเจอบัตรคำชุดนี้ของเจ้านึง มีทั้งหมด 8 ประเภท ด้วยขนาดที่ใหญ่เตะตามาก เรารีบซื้อมาลองเลยค่ะ พอเอามาใช้สอนลูกแล้วดี เลยอยากจะขอแนะนำเป็นทางเลือกในการแฟลชนะคะ เป็นบัตรคำขนาด<span style="color: #ff0000;"> <b><u>“ครึ่งหนึ่งของกระดาษเอ 4”</u></b> </span>เป็นกระดาษแข็งพอประมาณ เหมาะสำหรับการแฟลชด้วยมือมากเลยค่ะเพราะใหญ่ดี รูปเป็นการ์ตูนน่าสนใจ และตัวหนังสือก็ขนาดไม่เล็กจนเกินไป ลูกสามารถมองเห็นได้ชัดค่ะ</p>
<p> </p>
<p>บัตรคำชุดนี้ เราเริ่มสอนโดยใช้บัตรคำ “Opposite Words” เพราะถ้าให้เราทำบัตรคำหัวข้อเรื่องนี้ขึ้นมาเอง กว่าเราจะไปหารูปที่อธิบายความหมายได้นี่สาว่าจะใช้เวลานานพอดู เพราะคำพวกนี้เป็นคำคุณศัพท์ต้องนำมาเปรียบเทียบคำตรงกันข้ามกันทีละคู่ (ไม่เหมือนคำนามที่แสดงรูปเดี่ยวๆ ง่ายต่อการหารูปนะคะ)</p>
<p> </p>
<p><b><u><strong>ขั้นตอนการแฟลชที่เราสอนลูกกับบัตรคำชุด “Opposite Words คือ</strong></u></b></p>
<p><b><u><strong>(*สามารถประยุกต์ใช้วิธีนี้สอนกับบัตรคำที่มีรูปและคำศัพท์ในแผ่นเดียวกัน ในเรื่องอื่น แบบอื่นๆ ได้ค่ะ)</strong></u></b></p>
<p><b><u> </u></b></p>
<p>1. แฟลชทีละแผ่น เร็วที่สุดเท่าที่สามารถ ไม่ต้องอธิบาย อ่านจนครบทุกใบ</p>
<p> </p>
<p>2. โชว์ทีละใบ โดยหยิบบัตรคำแสดงรูปพร้อมกับอ่านบัตร จากนั้นชี้ไปที่คำศัพท์พร้อมกับอ่านคำศัพท์ซ้ำอีกที เพื่อให้เค้ามองรูปและคำศัพท์แยกจากกันทีละครั้งชัดๆ และจำได้ทั้งรูปและคำศัพท์</p>
<p> </p>
<p>3. จากนั้นอธิบายความหมายสั้นๆ ของบัตรคำนั้น เช่น ชี้ที่รูปและแสดงท่าประกอบ หรือหาของรอบตัวมาอธิบายเพิ่ม เช่น รูป top-bottom ก็ชี้ไปที่ตำแหน่งแมวในบัตรคำนะคะ แต่ถ้าเป็นรูป heavy-light เราจะหยิบของรอบตัวมาให้ลูกถือดูนะคะ แล้วบอกเค้าว่าอันนี้ heavy อันนี้ light หรือคำว่า thick-thin เราก็จะหยิบหนังสือ 2 แบบมาให้เค้าดูว่าอันนี้หนา อันนี้บาง หยิบเอาจากของที่วางอยู่รอบๆ ตัวนะคะ ทำให้ลูกสามารถเข้าใจความหมายของบัตรคำแต่ละใบได้ ไม่ใช่แค่จำภาพหรืออ่านคำศัพท์ออก </p>
<p> </p>
<p>วีดีโอด้านล่างคือผลจากการสอนลูกสาววัย 2 ขวบนะคะ โดยใช้วิธีที่อธิบายไป เค้าอ่าน "บัตรคำตรงกันข้าม"</p>
<p></p>
<p><iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/zADujBvgoic?wmode=opaque" frameborder="0"></iframe>
</p>
<p></p>
<p>การ์ดเซ็ทนี้จะมีทั้งหมด 8 ประเภทนะคะ</p>
<ol>
<li>การ์ดคำตรงกันข้าม</li>
<li>การ์ดสัตว์และลูกสัตว์</li>
<li>การ์ดอวัยวะในร่างกาย</li>
<li>การ์ดสีและรูปทรง</li>
<li>การ์ดผลไม้และผัก</li>
<li>การ์ดตัวเลข 0-10</li>
<li>การ์ดตัวเลข 11-20</li>
<li>การ์ดตัวอักษร a-z</li>
</ol>
<p> </p>
<p>อันนี้เป็น<span>วีดีโออีกอันที่ถ่ายเก็บไว้ตอนเค้าอ่านการ์ด "ทั้งเซ็ท" นะคะ </span></p>
<p></p>
<p><span><iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/zxwGOCnVnq0?wmode=opaque" frameborder="0"></iframe>
</span></p>
<p></p>
<p>ด้วยเห็นลูกชอบเรียนกับการ์ดนี้มากๆ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน และขนาดใหญ่แฟลชได้ถนัดมือถูกใจคุนแม่ เราเลยเชียร์ให้ลองเอาการ์ดสำเร็จรูปเซ็ทนี้มาใช้สอนลูกกันดูนะคะ หรือถ้าใครมีเวลาทำการ์ดเอง จะลองสอนจากการ์ดทำเองก่อนก็ได้ค่ะ เพราะไม่ว่าลูกจะอ่านออกหรือยังอ่านไม่ออก แต่ที่เค้าได้แน่ๆ คือเราได้กระตุ้นสมองซีกขวาของลูกนะคะ ^__^</p>
<p></p>
<p><font color="#FF0000"><span>*ถ้าสนใจการ์ดแบบสำเร็จรูป คุยกับเราได้ที่<strong><span style="color: #0000ff;"> </span></strong></span><strong><span style="color: #0000ff;">fah_netnapa@hotmail.com</span></strong><span> หรือ ดูรายละเอียดจากเวปลิงค์ด้านล่างได้เลยค่ะ ^__^</span></font></p>
<p></p>
<p><strong>เชิญดูรายละเอียดนะคะ </strong></p>
<p></p>
<p><span style="color: #0000ff;"><strong><a href="http://go2pasa.ning.com/group/shopping/forum/topics/10-15-opposite-word" target="_self"><span style="color: #0000ff;">http://go2pasa.ning.com/group/shopping/forum/topics/10-15-opposite-...</span></a></strong></span></p>
<p></p>
<p></p>
<br />
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่มีเวลาทำแฟลชการ์ดเอง การ์ดมีพร้อมส่งตามลิงค์เลยค่ะ
ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่าเด็ก 2 ภาษา พ่อแม่สร้างได้จริงๆ
tag:go2pasa.ning.com,2018-07-11:2456660:BlogPost:1008620
2018-07-11T04:00:00.000Z
Sky Walker
https://go2pasa.ning.com/profile/ryder
<p> </p>
<p>ก่อนอื่นขอเล่าความรู้สึกแรกเริ่มเพื่อเป็นบันทึกส่วนตัวไว้ให้ตัวเองมาอ่านเองทีหลังด้วยนะคะ (ยาวมากๆ) (บันทึกไว้ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน 2012 ก่อนลูกจะครบ 2 ขวบ) โดยส่วนตัวแล้ว เราเรียนภาษาอังกฤษมาตลอดตั้งแต่อนุบาลจนจบมหาลัยเหมือนคนส่วนใหญ่ทั่วไป รวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 16 ปี ดูเยอะเนอะ แต่ชีวิตจริงแทบไม่ได้พูดเลย แถมไม่กล้าพูดอีกต่างหาก พอถึงเวลาใช้งานจริงก็พูดผิดพูดถูก ลนประจำ ทั้งๆ ที่ก็เรียนมาอ่ะเนอะ แต่มันไม่ชินจริงๆ ตั้งแต่ตั้งครรภ์เราก็คิดมาตลอดเลยว่า อยากสอนลูกพูด 2 ภาษา…</p>
<p> </p>
<p>ก่อนอื่นขอเล่าความรู้สึกแรกเริ่มเพื่อเป็นบันทึกส่วนตัวไว้ให้ตัวเองมาอ่านเองทีหลังด้วยนะคะ (ยาวมากๆ) (บันทึกไว้ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน 2012 ก่อนลูกจะครบ 2 ขวบ) โดยส่วนตัวแล้ว เราเรียนภาษาอังกฤษมาตลอดตั้งแต่อนุบาลจนจบมหาลัยเหมือนคนส่วนใหญ่ทั่วไป รวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 16 ปี ดูเยอะเนอะ แต่ชีวิตจริงแทบไม่ได้พูดเลย แถมไม่กล้าพูดอีกต่างหาก พอถึงเวลาใช้งานจริงก็พูดผิดพูดถูก ลนประจำ ทั้งๆ ที่ก็เรียนมาอ่ะเนอะ แต่มันไม่ชินจริงๆ ตั้งแต่ตั้งครรภ์เราก็คิดมาตลอดเลยว่า อยากสอนลูกพูด 2 ภาษา เพราะอยากให้ลูกพูดได้แบบธรรมชาติ ตอนแรกไม่มีแนวทางไรเลย พอลูกเกิดก็พูดภาษาอังกฤษกับลูก พูดบ้าง ลืมบ้าง นึกได้ก็ทำ แถมออกจะเขินๆ ที่จะทำด้วยถึงแม้จะพูดเฉพาะตอนอยู่กะลูกสองคนก็ตาม</p>
<p> </p>
<p>ต่อมาได้มาเจอหนังสือ “รอให้ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว” อ่านแล้วก็รู้สึกดีใจที่มีโอกาสได้อ่าน ฮึด! พูดภาษาอังกฤษกับลูกได้พักนึง ทำเองโดยไม่มีแนวทางอะไร พอสักพักก็ชักแผ่วๆ จนลูกอายุ 1 ขวบ ไปเจอหนังสือ “เด็ก 2 ภาษาพ่อแม่สร้างได้” แล้วก็ไฟลุกอีกครั้ง เป็นหนังสือที่โดนใจมาก อ่ะฟิตใหม่ พูดกับลูกภาษาอังกฤษไปเรื่อยๆ พอสักพักก็เรื่อยเปื่อยอีกล่ะ เพราะไม่มีแรงกระตุ้น ไม่มีเพื่อน ไม่มีแบบอย่างที่เห็นได้จริงๆ หลังจากซื้อหนังสือมาได้หลายเดือนเพิ่งจะสนใจมาเข้าเวป 2 ภาษา พอเข้ามาดูเวป โอ้โหตื่นเต้นที่เห็นเด็กหลายๆ คนพูดได้ จำได้ว่าตื่นเต้นมากตอนดูคลิปน้องเพ่ยเพ่ย เรียก bird ตอนนกบินผ่านหัว ในใจก็คิด โอ้โห ทำได้ไงเนี่ย เก่งจัง ลูกเราจะทำได้เหรอเนี่ย แอบเครียด</p>
<p> </p>
<p>เราก็เล่าให้ลูกพี่ลูกน้องที่สนิทมากๆ ฟัง ซึ่งตัวน้องเราคนนี้เค้าเป็นคนตาบอดแต่เรียนจบปริญญาตรีได้ด้วยตัวเอง เค้าเรียนเทียบเอาเองมาตั้งแต่ประถม 1 เพราะตามองไม่เห็น เรียนพร้อมคนปกติไม่ได้ เค้ามุมานะ พยายาม(มาก) จนเรียนจบ กศน. ม. 6 ได้ด้วยตัวเอง แล้วไปต่อมหาวิทยาลัยรามคำแหงที่มีหลักสูตรสำหรับคนตาบอดโดยเฉพาะ น้องคนนี้ก็บอกว่า พี่ต้องสอนลูกได้แล่ะ เพราะพี่ก็เคยสอนเค้าเหมือนกัน แต่จริงๆ แล้วเราไม่ได้สอนน้องเค้าเลย แค่เคยอัดเสียงอ่านหนังสือภาษาอังกฤษให้น้องเอาไปฟังสมัยน้องเค้าเด็กๆ ล่ะน้องเก่งและขยันมุมานะมากๆ แค่ใช้หูฟังเทปก็จำได้ แล้วเค้าก็ไปต่อยอดเรียนมหาวิทยาลัยเอาเอง เรียนภาษาอังกฤษอีกหลายเล่มเอง จนตอนนี้พูดกับฝรั่งรู้เรื่อง เอาไปใช้พูดทำงานเป็นไกด์พาฝรั่งชมนิทรรศการ Dialoge in the Dark ที่จามจุรีสแควร์ได้ ถึงแม้จะถูกบ้างผิดบ้าง แต่ก็สื่อสารกับฝรั่งรู้เรื่อง (ปัจจุบันน้องเพิ่งมาปรึกษาเราว่าอยากพูดให้ถูกต้อง เราก็ช่วยแปลได้แค่นิดหน่อย คำยากๆ ส่วนใหญ่ เราขอความช่วยเหลือจากพี่แอ๋ว แม่น้องเจคอบ ช่วยแปลเป็นภาษาอังกฤษ ขอบคุณมากๆๆ มาอีกครั้งนะคะพี่แอ๋ว ^_^)</p>
<p> </p>
<p>สรุปคือเราทึ่งน้องเค้ามากที่มีความพยายามและขยันจนเราต้องอายเลย แถมน้องเค้ายังบอกอีกว่า ถ้าขนาดน้องยังทำได้ ถ้าพี่พยายามสอนลูก ลูกของพี่ก็ต้องได้แล่ะ พอได้ฟังล่ะกำลังใจมาเยอะเลยน้อง ก็เอานะ ถ้าได้ลงมือทำแล้วถึงแม้จะไม่ได้ผล ก็ดีกว่าไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยอะเนอะ ถ้าไม่ได้น้องคนนี้พูดจุดประกาย เราก็คงไม่ไฟลุกขนาดนี้ ยังนึกขอบคุณน้องเค้าอยู่จนถึงทุกวันนี้เลย</p>
<p> </p>
<p>ตั้งแต่ลูกเราอายุ 1.2 ขวบ เราก็ตั้งหน้าตั้งตาพูดอังกฤษกับลูก พูดตลอด แฟนเราก็สนับสนุนเต็มที่ น่ารักมาก ล่ะแฟนเราเค้าถนัดภาษาอาหรับ เราก็เลยอ่ะ งั้นเราก็สอนคนละภาษาไปเลย รับผิดชอบไปคนละภาษา เธอมั่วชั้นก็ไม่รู้ ส่วนชั้นมั่วเธอก็ไม่รู้ 555 ลูกน่าจะได้ไรบ้างแล่ะนะ สักคำสองคำก็ยังดี ตอนนั้นไม่กล้าหวังสูง ส่วนภาษาไทยเด๋วไว้ให้ปู่ย่าตายายสอนแล้วกัน แต่เราก็พูดเฉพาะตอนอยู่กัน 3 คนพ่อแม่ลูกน่ะ เขิน ไม่กล้าให้ใครรู้ ไม่อยากโดนแอนตี้ ไม่อยากอธิบายไรกะใคร กะว่าให้ลูกพูดได้เองแล้วค่อยเปิดตัว หรือถ้าลูกพูดไม่ได้เลย เราก็จะได้ไม่ต้องโดนด่าฟรีว่าไปสอนทำไม 555 คือตอนทำก็ไม่คิดนะว่าผลลัพธ์จะได้แบบไหน ไม่กล้าหวัง แค่อยากจะทำให้ลูกในฐานะพ่อแม่</p>
<p> </p>
<p>แต่ข้อเสียเราคือ ปกติเราไม่ใช่คนช่างพูดอยู่แล้ว เราเลยไม่ค่อยพูดไรมากกับลูก เลยไม่รู้ว่าทำให้ลูกพูดช้าหรือป่าว เพราะกว่าลูกจะพูดคำที่มีความหมายได้ก็ 1 ขวบ 3 เดือนล่ะ คำแรกพูดว่า “Wow” แต่มันมีความหมายอารายเนี่ย 555 เราชอบร้องว้าวๆ ตอนเรียกให้ลูกดูอะไรสักอย่าง แค่เค้าพูดคำนี้ได้เราก็ดีใจล่ะ มานึกย้อนๆ ไปล่ะก็ขำดี คำที่ 2 คือคำว่า “Yeah” คำที่ 3 พูดตอน <b><u>1 ขวบ 4 เดือน</u></b> คำว่า “bear” พูดตอนดูรูปหมี โอ้ แม่ดีใจสุดๆ คำนี้เริ่มมีความหมายและภาพประกอบจริงๆ ล่ะ</p>
<p> </p>
<p>คือก่อนหน้านี้เราพูดคนเดียวจนท้อเลยว่าเมื่อไหร่หนูจะพูดกับแม่สักคำค่ะ ท้อทีไรก็ต้องเข้ามาเปิดเวป 2 ภาษาทุกทีจะได้มีแรงฮึด เราชอบเข้ามาอ่านบล้อคที่คุณแม่ท่านอื่นเขียนนะคะ อ่านแล้วฮึดดี จะได้สู้ๆ สักวันลูกเราคงพูดกับเราแบบนี้บ้าง บอกได้เลยว่า ถ้าคุณบิ๊กทำแต่หนังสือขายนี่ เราคงไม่ได้มีไฟสอนลูกให้พูด 3 ภาษาจริงจังขนาดนี้ อาจจะเลิกไปแล้ว หรือเรื่อยเปื่อยกว่านี้ แต่เพราะคุณบิ๊กสร้างเวปไซด์ไว้ให้ทุกคนมาต่อยอดความรู้ แชร์ประสบการณ์ เราเลยมีไฟมาได้ถึงจุดนี้ เพราะมีเพื่อนๆ พ่อแม่อีกหลายคนที่มีจุดมุ่งหมายเหมือนกัน เลยไม่รู้สึกโดดเดี่ยวที่ทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน (โดยเฉพาะชาวบ้านแถวบ้านเรา 555) เราต้องขอบคุณคุณบิ๊ก และแม่ๆ ทุกคนที่เขียนบล้อคจริงๆ ค่ะ</p>
<p> </p>
<p>นอกจากนี้ คุณเม หม่าม๊าเฮง ยังได้แนะนำให้อ่านหนังสือ “How to multiply your baby's intelligence” โดย Glenn Doman ซึ่งเราคิดว่าเป็นหนังสือที่ดีมากค่ะ ขอบคุณคุณเมที่นำมาแชร์ เวลาไหนที่เรารู้สึกเรื่อยเฉื่อยมากๆ เราก็จะหยิบหนังสือ 3 เล่มนี้มาอ่านวนเวียนๆ กระตุ้นความขยันตัวเองอยู่ตลอดเลยล่ะค่ะ ถึงแม้จะทำให้ขยันได้แป้บๆ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้เลย 555</p>
<p> </p>
<p>ในส่วนฟีตแบคครอบครัวเรานะค่ะ คนแรกที่เราเปิดเผยให้รู้ว่าเราพูดภาษาอื่นกับลูกคือ แม่เราเอง ตอนเรากลับบ้านไปหาแม่ เราก็ลองพูดภาษาอังกฤษต่อหน้าแม่ ดูสิว่าแม่จะว่าไง สรุปว่าโดนแม่บ่น 555 อย่างที่เรานึกไว้เลยว่าโดนบ่นแน่ๆ เราก็บอกๆ ไปว่า ก็ลองพูดดู เราก็พอพูดได้ แถมก็ไม่ได้เสียตังค์ไปเรียน ได้ไม่ได้ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย แม่เราก็พูดว่า “ภาษาไทยอย่างเดียวก็ให้หลานพูดได้ก่อนเถอะ” เราก็ทำหูทวนลมนะ แค่อยากเช็คฟีตแบ็กว่าจะโดนบ่นป่าว ล่ะก็โดนจริงๆ ด้วย เราเลยยิ่งไม่กล้าบอกคนที่บ้านแฟนเลย </p>
<p> </p>
<p>แต่อยู่มาวันนึงลูกเราก็พูดขึ้นมาเองต่อหน้าคนอื่น คือปกติเค้าจะพูดให้เรากับแฟนได้ยินแค่ 2 คนเท่านั้น คำแรกที่เค้าพูดให้คนในบ้านที่เป็นคนอื่นๆ ได้ยินคือคำว่า clock จำได้ว่าญาติในบ้านตกใจมากที่พูดได้ แถมเสียงลงท้าย k ชัดมากจนเค้าชมกัน เราก็ดีใจเลย หลังจากนั้นเราเองก็ค่อยๆ กล้าพูดให้คนอื่นได้ยินบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้จัดเต็มมาก เพราะยังแอบเขินอยู่ดี กะว่าจะรอให้ลูกพูดโต้ตอบได้ก่อน พอต่อๆ มาลูกพูดโต้ตอบได้บ้างก็ดีใจมากๆ เลย ความพยายามที่ทำมาเริ่มเห็นผลล่ะ ตอนแรกที่ไม่คิดว่าลูกจะทำได้เลย เค้าก็ทำได้แล้วจริงๆ พอลูกเราพูดคำภาษาอังกฤษคำแรกได้ คำอื่นๆ ก็ตามมาเรื่อยๆ ตามความถี่ และความชอบของเค้า อย่างลูกเราจะชอบสัตว์ จะพูดสัตว์ได้ก่อน ตามด้วยผลไม้ที่เค้าชอบ ลูกเราพูดแต่อังกฤษล้วน จนคุณพ่อแอบกลัวเหมือนกันว่าจะไม่ได้ภาษาที่ 3 ต่อมาคุณพ่อย้ำบ่อยๆ เค้าก็เริ่มพูดภาษาอาหรับตาม แต่จำนวนคำจะน้อยกว่าภาษาอังกฤษ เพราะแฟนเรามีเวลาอยู่กับลูกน้อยกว่า</p>
<p> </p>
<p>ส่วนภาษาไทยนี่ไม่เคยสอนเลย เคยไปลองเรียนที่รร. กิจกรรมเด็กเล็ก ตอนลูกอายุเกือบจะ 1 ขวบ 7 เดือน ลูกก็เหมือนฟังคำภาษาไทยไม่รู้เรื่อง ฟังไม่เข้าใจ แถมพูดไทยไม่ได้ แม่ต้องคอยแปลอังกฤษให้ แม่เลยไม่ได้ลงเรียนตอนนั้น เพราะคิดว่าถ้าฟังไทยไม่รู้เรื่องจะไปทำตามครูได้ยังไง แถมแม่แอบห่วงว่าแล้วถ้าลูกเค้ารร. อนุบาลล่ะจะทำไง เพราะคงไม่ได้ส่งเรียนอินเตอร์อยู่แล้ว หลงเครียดไปพักนึง ที่ไหนได้ !! พาไปเที่ยวค้างต่างจังหวัด 4 วันกับคุณยาย กลับมาเท่านั้นแล่ะ โอ้ พูดไทยได้เรื่อยๆ</p>
<p> </p>
<p>ผ่านไปไม่ถึง 2 เดือน เข้าใจคำไทยขึ้นเยอะเลยไปลงเรียนกิจกรรมอีกทีตอนอายุ 1 ขวบ 8 เดือน ตอนแรกเรากับแฟนดีใจมากเลยเวลาที่ลูกพูดคำไทยได้แต่ละคำ เพราะว่าไม่เคยสอนเค้า เลยตื่นเต้นมากที่เค้าพูดได้เอง คิดว่าลูกเก็บคลังคำศัพท์ภาษาไทยโดยแอบฟังเรากับแฟน และพวกญาติๆ ทั้งหมด พูดกัน ล่ะเค้าก็พูดขึ้นมาเองโดยไม่ต้องมีใครใช้ความพยายามสอนอะไรเลย แหมแต่ยิ่งพอลูกโตขึ้นๆ ภาษาไทยนี่มาแรงจริงๆ จากที่ดีใจทำเอาเริ่มเครียดล่ะ เพราะกลบภาษาอื่นหมด เรากับแฟนต้องคอยย้ำกับลูกด้วยภาษาอังกฤษและภาษาอาหรับ ตอนอยู่ด้วยกันตลอด เพราะกลัวลูกจะลืม สรุปว่าภาษาที่ง่ายที่สุดคือภาษาไทย ที่เป็นสภาพแวดล้อมส่วนใหญ่นั่นเอง</p>
<p> </p>
<p>ปัจจุบันลูกอายุ 1 ขวบ 11 เดือน พูดคำได้เยอะขึ้นมาก ถึงแม้จะไม่ได้เท่าเด็กที่พูดเร็วคนอื่นๆ ที่พูดเป็นประโยคไทยได้แล้ว แต่ลูกเราพูดทั้ง 3 ภาษา พูดแบบเรื่อยเปื่อย เห็นสิ่งของหรือสัตว์ก็พูดขึ้นมาเอง หรือคำกริยาที่ทำบ่อยๆ เค้าก็พูดได้ แต่ตอนนี้เค้าจะสับสน พูดทั้ง 3 ภาษา บางทีก็ฟังไม่รู้เรื่อง 555 อยู่กับแม่ ลูกจะพูดอังกฤษง่ายมาก แต่พอลงไปข้างล่างบ้านเจอญาติคนอื่นๆ เธอจะไม่ยอมพูดอังกฤษเท่าไหร่ เธอจะคุยไทยล้วน แต่เราก็ไม่ได้เครียดอะไรนะคะ เพราะว่าพอขึ้นบ้านเรา เค้าก็พูดอังกฤษกับเราเหมือนเดิม เหมือนเค้ารู้ว่าถ้าอยู่กับคนอื่นต้องพูดไทย ส่วนกับแฟนเราเค้าก็คุยกันภาษาอาหรับ แต่ถือว่าได้น้อยที่สุด ตอนนี้เรากลัวว่าเค้าจะไม่ค่อยได้ภาษาอาหรับมากกว่า เพราะแฟนเราไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ เรายังต้องหาทางแก้ไขต่อไป</p>
<p> </p>
<p>ส่วนตัวแม่ตอนนี้ ปัญหาที่เครียดสุดตอนนี้คือ นึกคำศัพท์ นึกประโยคที่จะพูดกับลูกไม่ออก วันที่เรากลัวมาถึงแล้ว คือวันที่เราไม่รู้จะเอาอะไรไปพูดกับลูก ตอนนี้เลยต้องนั่งอ่านหนังสือบทสนทนาภาษาอังกฤษที่ซื้อมาจากงานสัปดาห์หนังสืออยู่บ่อยขึ้น ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกยาก เหนื่อยด้วย รู้สึกหัวไม่ไบรท์ จำไรยากมาก ไม่เหมือนตอนเด็กเลย นึกล่ะอยากมีเพื่อนเป็นฝรั่งมากเลย จะได้ให้ลูกไปเล่นด้วย เฮ้อ แต่ก็ต้องพยายามต่อไป แรงกระตุ้นเดียวตอนนี้คือ เข้ามาอ่านเวป 2 ภาษา อ่านบล้อคของคุณแม่คนอื่น ดูวีดีโอของเด็กคนอื่น จะได้มีไฟ ไม่ท้อไปสะก่อน</p>
<p> </p>
<p><span class="font-size-3"><strong>สิ่งที่เราสอนลูกไปวันๆ เท่าที่นึกออก ก็คือ</strong></span></p>
<p><span class="font-size-3"><strong> - ตื่นมาก็ถามว่าหลับสบายมั้ย หนูนอนหลับกับสัตว์อะไรวันนี้ (ลูกเราชอบใส่เสื้อเป็นรูปสัตว์นอน)</strong></span></p>
<p><span class="font-size-3"><strong> - ตอนอาบน้ำนี่สอนได้เยอะมาก อาบไปก็สอนอวัยวะถูสบู่ตรงนี้ เรียกว่าอะไร ตอนที่ลูกยังพูดไม่ได้ เราก็รู้สึกเหมือนว่าใกล้บ้าล่ะชั้น พูดอยู่คนเดียว ซ้ำไปซ้ำมาทุกวัน แต่พอตอนเค้าพูดได้ โอ้โห อวัยวะที่เคยสอนไว้ตอนอาบน้ำ ได้หมดเลยอ่ะ ดีใจ</strong></span></p>
<p><span class="font-size-3"><strong> - หลังจากนั้น ก็สอนเค้าว่าแต่งตัวใส่เสื้อมีรูปอะไรวันนี้ ติดกระดุม ใส่กางเกง ใส่ถุงเท้า รองเท้า</strong></span></p>
<p><span class="font-size-3"><strong> - เดินเล่นในบ้านก็สอนต้นไม้ ดอกไม้ รั้ว ประตู สัตว์ที่เลี้ยงในบ้านมีอะไรบ้าง</strong></span></p>
<p><span class="font-size-3"><strong> - ตอนเล่นกีฬาก็สอนเตะบอล ขี่จักรยาน วิ่ง ออกกำลังกายอะไรบ้าง</strong></span></p>
<p><span class="font-size-3"><strong> - เรียกชื่อสิ่งของในบ้านว่านี่อะไร สอนเรียกคุณปู่ คุณย่า</strong></span></p>
<p><span class="font-size-3"><strong> - ไปสวนสัตว์กันบ่อยมากตอนที่ว่างๆ แล้วได้ผลในการจำดีกว่าชี้หนังสือที่บ้าน เพราะให้เค้าเอาอาหารไปป้อนสัตว์เองเลย จะได้จำแม่นๆ กลับมาบ้านวันสองวัน จำได้ล่ะว่านี่คือสัตว์อะไร</strong></span></p>
<p><span class="font-size-3"><strong> - อ่านหนังสือของเด็กเล็กให้เค้าฟัง สอนศัพท์ต่างๆ</strong></span></p>
<p><span class="font-size-3"><strong> - สอนอ่านหนังสือตั้งแต่ 1 ขวบ 3 เดือน ทำให้เค้ารักการอ่านและจำคำศัพท์ได้ดีขึ้น (ลูกเราเริ่มอ่านหนังสือออกเป็นคำๆ ได้ตอน 1 ขวบครึ่งค่ะ) </strong></span></p>
<p><span class="font-size-3"><strong> - ฟังเพลงที่สอนเด็กต่างๆ ที่มาจากยูทูปบ่อยๆ</strong></span></p>
<p><span class="font-size-3"><strong> - เล่นกับตุ๊กตาของลูก แกล้งถามว่าตอนนี้ตุ๊กตาทำอะไรอยู่ค่ะ เพื่อสอนกริยา</strong></span></p>
<p><span class="font-size-3"><strong> - ติดโปสเตอร์ที่สอนเรื่องต่างๆ ของเด็ก ส่วนใหญ่เราจะติดโปสเตอร์สัตว์เพราะลูกชอบ ลูกก็จะเรียกถูกหมดเลย แบบว่าเห็นผ่านตาบ่อย</strong></span></p>
<p> </p>
<p><strong>คลิปด้านล่างคือบันทึกพัฒนาการช่วงหลังนะคะ ช่วงเล็กๆ ลูกสาวไม่ชอบให้อัดคลิปเลย โดยการฝึก 2-3 ภาษา ทักษะที่ได้จะเรียงตามวัยเค้านะคะ</strong></p>
<p></p>
<p><span class="font-size-5"><strong>1. ฟัง</strong></span></p>
<p></p>
<p>ทักษะฟังมาแรกสุด เพราะลูกยังอยู่ในวัยที่พูดไม่ได้ เราเริ่มพูดภาษาอังกฤษช่วง 1.02 ขวบ ช่วงนี้ลูกยังไม่เริ่มพูดสักภาษาเลย แต่ฟังภาษาแล้วสามารถทำตามคำสั่งพ่อแม่ได้ค่ะ คลิปนี้เพิ่งมาอัดช่วง 1.07 ขวบนะคะ</p>
<p></p>
<p><iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/8oKPISkhfI8?wmode=opaque" frameborder="0" allowfullscreen=""></iframe>
</p>
<p></p>
<p><span class="font-size-5"><strong>2. พูด</strong></span></p>
<p></p>
<p>ลูกเราเริ่มพูดคำได้ตอน 1.03 ชวบแต่มาพูดจริงจังเป็นคำมีความหมายตอน 1.04 ขวบค่ะ พอเธอเริ่มพูดได้ เธอก็พูดไม่หยุดเลยค่ะ 555 ในคลิปเราเพิ่งมาอัดตอน 2.05 ขวบค่ะ</p>
<p></p>
<p><iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/rLE_d0ag0iQ?wmode=opaque" frameborder="0" allowfullscreen=""></iframe>
</p>
<p></p>
<p><span class="font-size-5"><strong>3. อ่าน </strong></span></p>
<p></p>
<p>เราสอนลูกเราอ่านหนังสือตอน 1.3 ขวบและ ลูกเราเริ่มอ่านหนังสือเป็นคำๆ ได้เองตอน 1.6 ขวบค่ะ อ่านได้เองทั้ง 3 ภาษา อังกฤษ-อาหรับ-ไทย</p>
<p></p>
<p><iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/FyJWevR7zyo?wmode=opaque" frameborder="0" allowfullscreen=""></iframe>
</p>
<p></p>
<br/>
<span class="font-size-4"><strong><strong>***เรามีเขียนบล้อคสอนลูกอ่านหนังสือโดยใช้แฟลชการ์ดไว้ตามลิงค์นี้นะคะ <a href="https://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/flash-card-3" target="_blank">https://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/flash-card-3</a><br/>
</strong><br/>
</strong></span><br/>
<p><span class="font-size-5"><strong>4. เขียน</strong></span></p>
<p></p>
<p>เราไม่ได้เน้นให้ลูกเขียนเลยค่ะ เราคิดว่ากล้ามเนื้อมือจะพัฒนาตามวัยเค้า แต่ช่วงเล็กๆ เราก็ให้เค้าเล่นกิจกรรมพัฒนากล้ามเนื้อมือแทน เช่น ปั้นแป้งโดว์ ระบายสีหรือจริงๆ คือละเลงสี พอมือเค้าจับดินสอได้ เราก็สอนให้ลากเส้นโยงจุด สอนเป็นภาษาอังกฤษนะคะ เค้าก็ทำได้ดีค่ะ </p>
<p></p>
<p>โดยส่วนตัวเราคิดว่าตัวเรายังทุ่มเทไม่ได้ดีเท่าไหร่เลย จริงๆ ต้องบอกว่าระดับความทุ่มเทที่สอนลูกจริงๆ น้อยมาก ไม่ได้อย่างที่ตั้งใจเลย เพราะมัวแต่ไปเสียเวลากับอะไรก็ไม่รู้ อยากให้วันนึงมีสัก 48 ชม. ยิ่งตอนนี้ลูกจะ 2 ขวบล่ะ ช่วงเรียนรู้ดีๆ ผ่านไปแล้วตั้ง 2 ปี คิดล่ะก็เสียดายเวลา เราอยากทำให้ได้อย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นในเวปนี้ทำ เพราะเรารู้สึกว่าพวกคุณเป็นสุดยอดคุณพ่อคุณแม่จริงๆ เราไม่เคยเจอพ่อแม่แบบนี้ในชีวิตจริงของเรา เราเพิ่งเคยเห็นก็จากเวป 2 ภาษานี่แล่ะ ขอบคุณผู้ใหญ่บ้านบิ๊กและลูกบ้านทุกคนจริงๆ ค่ะที่ทำให้เรามีไฟอยากจะสอนลูก และขอบคุณมากๆ เป็นพิเศษสำหรับพี่แอ๋ว แม่น้องเจคอบที่ช่วยตอบคำถามทุกเรื่องให้เราตลอด ”</p>
คุณพ่อคุณแม่ที่สนใจสอนลูก 2 ภาษาสู้ๆ นะคะ เหนื่อยพ่อแม่หน่อยตอนนี้ แต่ลูกสบายเมื่อเค้าโตค่ะ <br/>
<br/>
<br/>
<span class="font-size-4"><span class="font-size-4"><strong><span class="font-size-4"><strong>*** เราได้เขียนบันทึกพัฒนาการการเรียนรู้ของลูกสาววัย 1 ขวบ 11 เดือน ไว้ที่ลิงค์นี้นะคะ (มี 2 ภาค) เผื่อเป็นไอเดียให้คุณพ่อ/คุณแม่ ไว้ใช้สอน(ผ่านการเล่นสนุกๆ) กับลูกนะคะ เรียนทุกอย่างผ่านกิจกรรมหรือเกมส์สนุกๆ นะคะ<br />
</strong></span> <span class="font-size-4"><a href="https://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/1-11-1" target="_blank">https://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/1-11-1</a></span></strong></span></span>
Flash Card หรือบัตรคำ ที่ลูกชื่นชอบเป็นพิเศษ พร้อมวิธีการสอนจากประสบการณ์ส่วนตัว
tag:go2pasa.ning.com,2012-06-30:2456660:BlogPost:1031132
2012-06-30T16:00:00.000Z
Sky Walker
https://go2pasa.ning.com/profile/ryder
<p></p>
<p></p>
<p>ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าเราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการแฟลชบัตรคำนะค่ะ ทำแบบงูๆ ปลาๆ อาศัยอ่านข้อมูลที่พี่ๆ เพื่อนๆ ใจดีสรุปไว้ และจากหนังสือไม่กี่เล่มที่ได้อ่านเอง จากข้อมูลดังกล่าวทำให้เราชอบแฟลชบัตรคำให้ลูกดูนะค่ะเพราะเป็นการกระตุ้นสมองซีกขวา เรามีติดโปสเตอร์รอบห้องเหมือนกัน แต่ลูกจะไม่ยอมยืนฟังเราพูดจนครบคำในโปสเตอร์นะค่ะ ฟังได้ 3-4 คำก็วิ่งเล่นแล้วค่ะ สมาธิจะไม่ดีเท่ากับเราเล่นบัตรคำกับเค้า เพราะเค้าเห็นทีละใบ เค้าเลยเหมือนนั่งลุ้นว่าจะเป็นบัตรคำอันไหนต่อไรงี้นะค่ะ…</p>
<p></p>
<p></p>
<p>ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าเราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการแฟลชบัตรคำนะค่ะ ทำแบบงูๆ ปลาๆ อาศัยอ่านข้อมูลที่พี่ๆ เพื่อนๆ ใจดีสรุปไว้ และจากหนังสือไม่กี่เล่มที่ได้อ่านเอง จากข้อมูลดังกล่าวทำให้เราชอบแฟลชบัตรคำให้ลูกดูนะค่ะเพราะเป็นการกระตุ้นสมองซีกขวา เรามีติดโปสเตอร์รอบห้องเหมือนกัน แต่ลูกจะไม่ยอมยืนฟังเราพูดจนครบคำในโปสเตอร์นะค่ะ ฟังได้ 3-4 คำก็วิ่งเล่นแล้วค่ะ สมาธิจะไม่ดีเท่ากับเราเล่นบัตรคำกับเค้า เพราะเค้าเห็นทีละใบ เค้าเลยเหมือนนั่งลุ้นว่าจะเป็นบัตรคำอันไหนต่อไรงี้นะค่ะ (เฉพาะลูกเรานะค่ะ เด็กคนอื่นอาจจะชอบโปสเตอร์มากกว่า)</p>
<p> </p>
<p>บัตรคำที่เราใช้จะมีทั้งทำเองและซื้อสำเร็จรูป ถ้าให้ดีที่สุดก็ต้องทำเองค่ะ เพราะหลักการแฟลชที่ดีต้องแยกคำและรูปออกจากกันเลยค่ะ เช่นด้านหน้าเป็นคำศัพท์ ด้านหลังเป็นรูป เพื่อให้เด็กจะได้จำทั้งคำและรูปค่ะ ไม่ใช่จำแต่รูปอย่างเดียว แต่ติดอยู่เรื่องเดียวคือมันใช้เวลาพอสมควรเพราะต้องทำไฟล์เองหรือได้ไฟล์ทำสำเร็จมาแล้วแต่ก็ต้องเอามาปริ้น</p>
<p></p>
<p>เราใช้ <b><u>3 วิธีสำหรับการปริ้น</u></b> คือ</p>
<p> </p>
<p>1. ปริ้นใส่กระดาษธรรมดาขนาดเอ 4 แล้วเอาไปใส่แฟ้มดำแบบห่วง ที่มีซองพลาสติกด้านใน เวลาแฟลชก็จะหยิบง่าย เพราะซองพลาสติกจะติดมือดีกว่ากระดาษ ข้อดีคือ ใช้ซองซ้ำได้เรื่อยๆ แค่เปลี่ยนบัตรคำ แถมซองกันน้ำได้ด้วย ข้อเสียคือ ถ้าสอนหลายหมวดหมู่อาจจะต้องใช้แฟ้มเยอะ และราคาแฟ้มก็ราคา 100 ขึ้น</p>
<p> </p>
<p>2. ปริ้นใส่กระดาษที่แข็งพอควร โดยถ้าใช้กระดาษแข็งแผ่นใหญ่ก็จะต้องใช้เวลาตัดกระดาษ ให้เป็นแผ่นเล็กตามขนาดที่ต้องการก่อน หรือถ้าใช้กระดาษแข็งที่เป็นแผ่นขนาดเอ 4 ก็จะราคาสูงมาหน่อย ข้อดีคือ แฟลชง่ายเพราะกระดาษแข็ง ไม่ต้องใส่แฟ้ม แต่ข้อเสียคือ ไม่กันน้ำ (เราใช้ปริ้นเตอร์แบบหมึกแทงค์ ซึ่งถ้าปริ้นกับกระดาษทั่วไปหมึกจะไม่กันน้ำ) และราคากระดาษแข็งจะแพงกว่ากระดาษธรรมดา</p>
<p> </p>
<p>3. ปริ้นใส่กระดาษ Glossy Paper เพราะว่ากันน้ำได้ แต่ต้องนำมาแปะกาวใส่กระดาษแข็งอีกที เพื่อให้แฟลชติดมือง่ายขึ้น ข้อดีคือ สวยเหมือนบัตรคำจากโรงพิมพ์ ทนทาน แต่ข้อเสียคือ ราคากระดาษแบบนี้จะแพงกว่ากระดาษธรรมดา และต้องซื้อกระดาษแข็งด้วย และใช้เวลาแปะพอสมควร</p>
<p> </p>
<p><b><u>แฟลชการ์ดที่ตามหามานาน</u></b></p>
<p> </p>
<p>ที่ผ่านมา บัตรคำส่วนใหญ่เราจะปริ้นเอง แต่ช่วงหลังๆ มานี่ลูกเริ่มโตขึ้น นอนกลางวันน้อยลง เราเลี้ยงลูกคนเดียว ไม่มีพี่เลี้ยง เวลาเลยมีจำกัด ถ้าเราเจอบัตรคำที่เรายังไม่เคยสอนลูกวางขายอยู่ เราก็จะซื้อมาใช้สอนเลยเพื่อความสะดวกและไวกว่ารอเราทำขึ้นเอง ส่วนอันไหนไม่มีขายจริงๆ เราก็ยังคงทำเองนะค่ะ</p>
<p> </p>
<p>เท่าที่เราหาๆ ซื้อดู บัตรคำในตลาดส่วนใหญ่มักจะใบเล็กนะค่ะ เวลาแฟลช มือเราจะหยิบจับไม่สะดวก จนเรามาเจอบัตรคำชุดนี้ของบริษัทนึง มีทั้งหมด 8 ประเภท ด้วยขนาดที่ใหญ่เตะตามาก เรารีบซื้อมาลองเลยค่ะ พอเอามาใช้สอนลูกแล้วดี เลยอยากจะขอแนะนำเป็นทางเลือกในการแฟลชนะค่ะ เป็นบัตรคำขนาด<span style="color: #ff0000;"> <b><u>“ครึ่งหนึ่งของกระดาษเอ 4”</u></b></span> เป็นกระดาษแข็งพอประมาณ เหมาะสำหรับการแฟลชด้วยมือมากเลยค่ะเพราะใหญ่ดี รูปเป็นการ์ตูนน่าสนใจ และตัวหนังสือก็ขนาดไม่เล็กจนเกินไป ลูกสามารถมองเห็นได้ชัดค่ะ</p>
<p> </p>
<p>บัตรคำชุดนี้ เราเริ่มสอนโดยใช้บัตรคำ “Opposite Words” เพราะถ้าให้เราทำบัตรคำหัวข้อเรื่องนี้ขึ้นมาเอง กว่าเราจะไปหารูปที่อธิบายความหมายได้นี่สาว่าจะใช้เวลานานพอดู เพราะคำพวกนี้เป็นคำคุณศัพท์ต้องนำมาเปรียบเทียบคำตรงกันข้ามกันทีละคู่ (ไม่เหมือนคำนามที่แสดงรูปเดี่ยวๆ ง่ายต่อการหารูปนะค่ะ)</p>
<p> </p>
<p><b><u><strong>ขั้นตอนการแฟลชที่เราสอนลูกกับบัตรคำชุด “Opposite Words คือ</strong></u></b></p>
<p><b><u><strong>(*สามารถประยุกต์ใช้วิธีนี้สอนกับบัตรคำที่มีรูปและคำศัพท์ในแผ่นเดียวกัน ในเรื่องอื่น แบบอื่นๆ ได้ค่ะ)</strong></u></b></p>
<p><b><u> </u></b></p>
<p> 1. แฟลชทีละแผ่น เร็วที่สุดเท่าที่สามารถ ไม่ต้องอธิบาย อ่านจนครบทุกใบ</p>
<p> </p>
<p>2. โชว์ทีละใบ โดยหยิบบัตรคำแสดงรูปพร้อมกับอ่านบัตร จากนั้นชี้ไปที่คำศัพท์พร้อมกับอ่านคำศัพท์ซ้ำอีกที เพื่อให้เค้ามองรูปและคำศัพท์แยกจากกันทีละครั้งชัดๆ และจำได้ทั้งรูปและคำศัพท์</p>
<p> </p>
<p>3. จากนั้นอธิบายความหมายสั้นๆ ของบัตรคำนั้น เช่น ชี้ที่รูปและแสดงท่าประกอบ หรือหาของรอบตัวมาอธิบายเพิ่ม เช่น รูป top-bottom ก็ชี้ไปที่ตำแหน่งแมวในบัตรคำนะค่ะ แต่ถ้าเป็นรูป heavy-light เราจะหยิบของรอบตัวมาให้ลูกถือดูนะค่ะ แล้วบอกเค้าว่าอันนี้ heavy อันนี้ light หรือคำว่า thick-thin เราก็จะหยิบหนังสือ 2 แบบมาให้เค้าดูว่าอันนี้หนา อันนี้บาง หยิบเอาจากของที่วางอยู่รอบๆ ตัวนะค่ะ ทำให้ลูกสามารถเข้าใจความหมายของบัตรคำแต่ละใบได้ ไม่ใช่แค่จำภาพหรืออ่านคำศัพท์ออก </p>
<p> </p>
<p>วีดีโอด้านล่างคือผลจากการสอนลูกสาววัย 2 ขวบนะค่ะ โดยใช้วิธีที่อธิบายไป</p>
<p> </p>
<p><iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/zADujBvgoic?wmode=opaque" frameborder="0"></iframe>
</p>
<p></p>
<p></p>
<p>การ์ดเซ็ทนี้จะมีทั้งหมด 8 ประเภทนะค่ะ</p>
<ol>
<li>การ์ดคำตรงกันข้าม</li>
<li>การ์ดสัตว์และลูกสัตว์</li>
<li>การ์ดอวัยวะในร่างกาย</li>
<li>การ์ดสีและรูปทรง</li>
<li>การ์ดผลไม้และผัก</li>
<li>การ์ดตัวเลข 0-10</li>
<li>การ์ดตัวเลข 11-20</li>
<li>การ์ดตัวอักษร a-z</li>
</ol>
<p> </p>
<br/>
อันนี้เป็นวีดีโออีกอันที่ถ่ายเก็บไว้ตอนเค้าอ่านการ์ด "ทั้งเซ็ท" นะคะ<br/>
<br/>
<br/>
<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/zxwGOCnVnq0?wmode=opaque" frameborder="0" allowfullscreen=""></iframe>
<br/>
<br/>
<br/>
<p>ด้วยเห็นลูกชอบเรียนกับการ์ดนี้มากๆ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน และขนาดใหญ่แฟลชได้ถนัดมือถูกใจคุนแม่ เราเลยเชียร์ให้ลองเอาการ์ดสำเร็จรูปเซ็ทนี้มาใช้สอนลูกกันดูนะคะ</p>
<p></p>
<p><span style="color: #ff0000;">*ถ้าสนใจ ดูรายละเอียดจากเวปลิงค์ด้านล่าง แจ้งเราไว้ก่อนได้เลยค่ะ ^__^</span></p>
<p></p>
<p><strong>เชิญดูรายละเอียดนะค่ะ </strong></p>
<p></p>
<p><span style="color: #ff0000;"><a href="http://go2pasa.ning.com/group/shopping/forum/topics/10-15-opposite-word" target="_self"><span style="color: #ff0000;">http://go2pasa.ning.com/group/shopping/forum/topics/10-15-opposite-...</span></a></span></p>
<p></p>
<p></p>
<p><span style="color: #0000ff;"><strong>***ภายในเดือน มิย. นี้นะค่ะ </strong></span></p>
<p><span style="color: #ff0000;"><strong> </strong></span></p>
<p><span style="color: #ff0000;"><strong> </strong></span></p>
<p><strong> </strong></p>
<p></p>
<p></p>
<p></p>
<p></p>
<p></p>
<p></p>
<p></p>
หนังสือ sight word ฟรีและดี แถมลูกชอบมากเลยจ้า
tag:go2pasa.ning.com,2012-05-29:2456660:BlogPost:1024771
2012-05-29T16:30:00.000Z
Sky Walker
https://go2pasa.ning.com/profile/ryder
<p>ก่อนอื่นเลย ต้องขอขอบคุณเพื่อนในเวป 2 ภาษาแห่งนี้นะคะ ที่ได้เขียนบล้อคแนะนำเวปไซด์ให้โหลดหนังสือ sight word ฟรีและดีอันนี้ (แต่ต้องขอโทษจริงๆ นะคะที่จำไม่ได้แล้วว่ากระทู้ไหน และใครที่แนะนำ) </p>
<p></p>
<p>สืบเนื่องจากลูกสาวชอบอ่านหนังสือ sight word มาก เพราะตัวหนังสือน้อย รูปน้อย และศัพท์ไม่ยากจนเกินไป เราอ่านหนังสือ sight word ที่ปริ้นมาจากเวปนี้ ให้ลูกฟังมาตั้งแต่อายุ 1.8 ขวบ ลูกก็พัฒนาการอ่านมาเรื่อยๆ จนเค้ามาอ่านหนังสือได้เองตอน 1.11 ขวบ แต่เราเพิ่งมาอัดวีดีโอเก็บไว้ดูตอน 2 ขวบนะคะ…</p>
<p>ก่อนอื่นเลย ต้องขอขอบคุณเพื่อนในเวป 2 ภาษาแห่งนี้นะคะ ที่ได้เขียนบล้อคแนะนำเวปไซด์ให้โหลดหนังสือ sight word ฟรีและดีอันนี้ (แต่ต้องขอโทษจริงๆ นะคะที่จำไม่ได้แล้วว่ากระทู้ไหน และใครที่แนะนำ) </p>
<p></p>
<p>สืบเนื่องจากลูกสาวชอบอ่านหนังสือ sight word มาก เพราะตัวหนังสือน้อย รูปน้อย และศัพท์ไม่ยากจนเกินไป เราอ่านหนังสือ sight word ที่ปริ้นมาจากเวปนี้ ให้ลูกฟังมาตั้งแต่อายุ 1.8 ขวบ ลูกก็พัฒนาการอ่านมาเรื่อยๆ จนเค้ามาอ่านหนังสือได้เองตอน 1.11 ขวบ แต่เราเพิ่งมาอัดวีดีโอเก็บไว้ดูตอน 2 ขวบนะคะ เห็นว่าลูกชอบมาก และเวปนี้ก็ฟรี เลยอยากมาแชร์อีกสักรอบนะคะ เคยมีเพื่อนสมาชิกแนะนำเวปนี้ไปแล้ว แต่เราหาไม่เจอว่ากระทู้ไหนนะคะ เวปนี้มีให้โหลดเยอะมากกก จริงๆ มีให้โหลดหลายเรื่องเลย แต่ยังไม่มีเวลาที่จะเข้าไปอ่านข้อมูลในเวปอย่างจริงจังค่ะ</p>
<p></p>
<p>ขอสรุปวิธีการปริ้นหนังสือตามประสา<strong><span style="color: #0000ff;">มือใหม่</span></strong>นะคะ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับใครบ้างสักนิดก็ยังดี โดยเฉพาะสมาชิกใหม่ๆ นะคะ ส่วนสมาชิกเก่าๆ คงรู้จักเวปนี้กันดีอยู่แล้วนะคะ</p>
<p></p>
<p>1. เปิดเวปนี้เลยค่ะ </p>
<p> <span style="color: #ff0000;"> <a rel="nofollow" href="http://www.hubbardscupboard.org/sight_words.html"><span style="color: #ff0000;">http://www.hubbardscupboard.org/sight_words.html</span></a></span></p>
<p></p>
<p>2. กดเข้าไปจะเจอหนังสือประมาณ 55 เล่ม สามารถเลือกหนังสือจาก index แบบไหนก็ได้</p>
<p></p>
<p><b>Sight Word Index</b></p>
<p><a href="http://www.hubbardscupboard.org/sight_words.html#ABCorder">Sight Words Listed In ABC Order</a><br/> <i>OR</i><br/> <a href="http://www.hubbardscupboard.org/sight_words.html#booklettitle">Sight Words Listed By Booklet Title</a><br/>
<i>OR</i><br/>
<a href="http://www.hubbardscupboard.org/sight_words.html#seasonal">Sight Words Listed By Seasonal Usage</a></p>
<p></p>
<p> ตัวเราเลือกหนังสือ จาก <b>Sight Words Listed By Booklet Title </b></p>
<p> </p>
<p> กดที่ชื่อหนังสือเล่มไหนก็ได้เลยค่ะ มีมากมาย แล้วลองอ่านเนื้อเรื่องดูก่อนก็ได้ค่ะว่าชอบหรือป่าว </p>
<p></p>
<p>3. เราเลือกใช้ปริ้นเตอร์ที่เค้าเอามาดัดแปลงใช้หมึกแบบเป็นแทงค์นะคะ (เรียกไม่ถูก) เพราะค่าหมึกราคาถูก และปริ้นได้เยอะดี แต่มีข้อเสีย คือหมึกจะไม่กันน้ำเลยถ้าปริ้นใส่กระดาษธรรมดา และถ้าไม่ใช้งานบ่อยๆ หมึกจะตัน ต้องไปซ่อม เปลี่ยนหมึกใหม่หมดทุกสี (เคยไปซ่อมหลายทีละค่ะ T_T เพราะไม่ได้ปริ้นทุกเดือน) และเราเลือกใช้กระดาษ Glossy Paper เพราะว่ากันน้ำได้นะคะ ลูกเราชอบมือเปียกน้ำมาจับนะคะ (แฟนเราซื้อที่พันทิพ ห่อนึงมี 100 แผ่นราคาประมาณ 200 บาทต้นๆ) พอปริ้นออกมาล่ะหนังสือดูสวยดี ใช้ได้ทนมือหน่อย แต่ใครจะเลือกกระดาษแบบอื่นก็แล้วแต่นะคะ </p>
<p></p>
<p>4. หนังสือที่โหลดมาจะมี 8-12 หน้าต่อเล่ม เพื่อความประหยัด เราก็ปริ้นแบบ Multi-Page คือ 2 หน้าหนังสือต่อ 1 แผ่น ก็จะทำให้ใช้ประมาณ 4-6 แผ่นต่อเล่มนะคะ ปริ้นเสร็จก็ใช้ตัวหนีบๆ ไว้นะคะ จริงๆ อยากเจาะห่วงแต่ยังไม่ได้ไปซื้อเลย แฮะๆ </p>
<p></p>
<p>5. วิธีสอนอ่านของเรา ก็คือ "ชี้ทุกคำตอนที่อ่าน" แล้วตอนแรกที่เริ่มใช้ตอน 1.8 ขวบ เค้ายังพูดไม่ค่อยได้เลย เราปริ้นมา 21 เล่มนะค่ะ ไม่กล้าปริ้นเยอะมาก กลัวเค้าไม่ชอบนะคะ เสียดายค่ากระดาษ 555 ลองปริ้นน้อยๆ เล่มก่อนก็ได้ค่ะดูว่าเค้าชอบหรือป่าว</p>
<p></p>
<p>เราใช้วิธีอ่านสลับเล่ม หมุนเวียนไปเรื่อยๆ ไม่อ่านซ้ำเล่มกันเลยนะคะ จนครบ 21 เล่มแล้วค่อยวนกลับมาใหม่ เหตุผลส่วนตัว (ที่คิดและมั่วเอาเอง) คือ เราไม่อยากให้ลูกจำหนังสือได้เพราะเราอ่านซ้ำ "เนื้อเรื่องเดิมๆ" เราอยากให้เค้าจำที่ "คำ" นะคะ อ่านไปเรื่อยๆ จนตอนนี้เค้าครบ 2 ขวบเราเพิ่งปริ้นเพิ่มอีกเกือบ 20 เล่มนะคะจะได้เพิ่มศัพท์ขึ้นมาอีก แต่เทคนิคนี้ก็ไม่รู้ว่าดีหรือถูกต้องหรือป่าวนะคะ แค่เล่าให้ฟังวิธีการที่เราทำเฉยๆ นะคะ</p>
<p></p>
<p>6. ผลลัพธ์ที่ได้แน่ๆ คือ ลูกชอบอ่านหนังสือตั้งแต่ที่ยังพูดไม่ค่อยรู้เรื่องนะคะ ^_^</p>
<p></p>
<p>ด้านล่างคือตัวอย่างวีดีโอที่ลูกอ่านหนังสือให้เราฟังตอน 2 ขวบนะคะ ที่ต้องใช้กระดาษปิดรูปเพื่อให้เค้าอ่านจากคำศัพท์ ไม่ใช่จากดูรูปนะคะ</p>
<p></p>
<p>**แต่ถ้าเป็นปกติทั่วไปตอนที่เราอ่านให้เค้าฟัง เราก็เปิดอ่านปกตินะคะ ไม่ได้ปิดรูป </p>
<p></p>
<p><iframe width="420" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/LdL2WmbnmWM?wmode=opaque" frameborder="0"></iframe>
</p>
<p></p>
<p></p>
<br />
<span class="font-size-4"><strong>*** เราได้เขียนบันทึกพัฒนาการการเรียนรู้ของลูกสาววัย 1 ขวบ 11 เดือน ไว้ที่ลิงค์นี้นะคะ (มี 2 ภาค) เผื่อเป็นไอเดียให้คุณพ่อ/คุณแม่ ไว้ใช้สอน(ผ่านการเล่นสนุกๆ) กับลูกนะคะ เรียนทุกอย่างผ่านกิจกรรมหรือเกมส์สนุกๆ นะคะ<br />
<a href="https://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/1-11-1" target="_blank">https://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/1-11-1</a></strong></span>
บันทึกพัฒนาการเรียนรู้ ลูกสาวอายุ 1 ขวบ 11 เดือน (ภาคที่ 1)
tag:go2pasa.ning.com,2012-05-03:2456660:BlogPost:1014348
2012-05-03T16:00:00.000Z
Sky Walker
https://go2pasa.ning.com/profile/ryder
<p> </p>
<p><b><u>ภาคที่ 1- ทักษะ ฟัง - พูด - อ่าน - เขียน</u></b></p>
<p> </p>
<p>เผลอแป้บๆ ลูกสาวสุดที่รักของเราก็จะ 2 ขวบแล้ว ช่วงนี้แม่เลยขยันเขียนบล้อคเก็บไว้เป็นที่ระลึกครบ 2 ขวบ รวบรวมสิ่งที่ได้สอน ซึ่งมีทั้งที่เค้าทำได้และยังทำไม่ได้จนถึงตอนนี้เก็บไว้เป็นบันทึกพัฒนาการสะหน่อย จะได้รู้ด้วยว่าตัวเองต้องทำอะไรเพิ่มอีก จริงๆ แล้วสิ่งที่เราสอนลูกเป็นเรื่องพื้นฐาน ธรรมดาทั่วไปมากๆ เลย เทียบไม่ได้เลยกับคุณพ่อคุณแม่เก่งๆ คนอื่นในเวปนี้ บล้อคเราออกแนวเขียนเรื่อยเปื่อยว่าเริ่มสอนอะไรเมื่อไหร่…</p>
<p> </p>
<p><b><u>ภาคที่ 1- ทักษะ ฟัง - พูด - อ่าน - เขียน</u></b></p>
<p> </p>
<p>เผลอแป้บๆ ลูกสาวสุดที่รักของเราก็จะ 2 ขวบแล้ว ช่วงนี้แม่เลยขยันเขียนบล้อคเก็บไว้เป็นที่ระลึกครบ 2 ขวบ รวบรวมสิ่งที่ได้สอน ซึ่งมีทั้งที่เค้าทำได้และยังทำไม่ได้จนถึงตอนนี้เก็บไว้เป็นบันทึกพัฒนาการสะหน่อย จะได้รู้ด้วยว่าตัวเองต้องทำอะไรเพิ่มอีก จริงๆ แล้วสิ่งที่เราสอนลูกเป็นเรื่องพื้นฐาน ธรรมดาทั่วไปมากๆ เลย เทียบไม่ได้เลยกับคุณพ่อคุณแม่เก่งๆ คนอื่นในเวปนี้ บล้อคเราออกแนวเขียนเรื่อยเปื่อยว่าเริ่มสอนอะไรเมื่อไหร่ เค้าทำได้ตอนไหน หรือหลายๆ อย่างเค้าก็ยังทำไม่ได้ ตั้งใจเขียนไว้เป็นบันทึกไดอารี่มากกว่า หวังว่าจะพอมีประโยชน์ให้กับคุณพ่อคุณแม่ที่ชอบสอนลูกบ้างไม่มากก็น้อยนะค่ะ ^_^</p>
<p></p>
<p>ปล. คลิปวีดีโอแทบทุกอันแม่เพิ่งมาอัดหลังจากวันที่โพสบล้อคนี้นะคะ เพราะตอนเล็กๆ ลูกไม่ชอบให้ถ่ายวีดีโอเลยค่ะ เค้าไม่ชอบให้ทดสอบ ไม่ชอบให้ถ่ายวีดีโอ และเราก็ไม่ได้เขียนบล้อคบันทึกพัฒนาการช่วงวัยอื่นไว้อีก เลยเอาคลิปมารวมไว้ที่เดียวเลยค่ะ </p>
<p> </p>
<p><b><u>ทักษะฟัง</u></b></p>
<p> - หลังจากได้ซื้อหนังสือเด็ก 2 ภาษาตอนลูกอายุ 1 ขวบ กว่าจะได้ลงมือจริงจังพูดกับเค้าก็ตอนอายุได้ประมาณ 1.2 ขวบ ครอบครัวเราพูดกับลูก 3 ภาษา จริงๆ ต้องบอกว่า 2 ภาษาถึงจะถูก คือแม่พูดภาษาอังกฤษ พ่อพูดภาษาอาหรับ ส่วนพ่อกับแม่คุยกันเองเป็นภาษาไทย แต่พยายามจะไม่คุยกับเค้าเป็นภาษาไทย ทำให้ลูกฟัง 2 ภาษาอื่นได้เข้าใจก่อนภาษาไทย ลูกเพิ่งมาฟังภาษาไทยได้เข้าใจดีล้ำหน้าภาษาอื่นก็ตอน 1.8 ขวบแล้ว</p>
<p> </p>
<p> - ในหนังสือที่เคยอ่านเขียนไว้ว่า “เด็กเล็กๆ ทุกคนเรียนภาษาได้เข้าใจง่ายมาก” ตอนแรกเราก็ไม่ค่อยเชื่อ และคิดว่าลูกจะฟังเรากับแฟนพูดไม่รู้เรื่อง ไม่น่าจะทำตามได้ แต่พอลงมือพูดกับเค้าจริงๆ แค่ไม่ถึงเดือน เค้าก็ฟังออกและทำตามที่เราสั่งภาษาอังกฤษได้แล้ว แฟนเราสอนภาษาอาหรับ เค้าก็จำและทำตามได้เหมือนกัน เข้าใจไม่ยากเลย ทักษะฟังฝึกได้ผลเร็วที่สุด</p>
<p> </p>
<p><b><u>ทักษะพูด</u></b></p>
<p> - ลูกพูด 3 ภาษาได้บ้างแล้ว ลูกเราพูดช้ามาก เราสอนพูดภาษาอังกฤษแบบนึกได้ก็พูด นึกไม่ได้ก็พูดไทย ตั้งแต่เกิด เพิ่งมาเน้นๆ ตอน 1.2 ขวบ เค้าทำตามคำสั่งได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาอาหรับ แต่ยังไงก็ไม่ยอมพูด เพิ่งจะมาเริ่มพูดคำแรกที่มีความหมายเป็นภาษาอังกฤษ คำว่า “bear” ตอน 1.4 ขวบ ตามมาด้วยพูดภาษาไทย พูดคำว่า “ไม่ไป” ถึงแม้ไม่เคยสอนอะไรเลย แต่เค้าก็จำจากที่พ่อแม่ ญาติพูดกันเอง ส่วนภาษาอาหรับ พูดได้ช้าสุด เพราะความถี่จากพ่อน้อย และคำส่วนใหญ่มีมากกว่า 2 พยางค์แต่ในที่สุดก็พูดได้ทีหลัง</p>
<p> </p>
<p> - สิ่งที่เราทึ่งคือความสามารถในการพูดภาษาไทยของลูกเรานี่แล่ะ เพราะไม่เคยมีใครสอนเค้าเลย เค้าใช้แค่ฟังคนรอบข้างและเลียนแบบได้เลยอย่างง่ายดายด้วย อิทธิพลของสภาพแวดล้อมนี่สำคัญที่สุดจริงๆ นึกล่ะอยากจะย้ายบ้านไปอยู่ใกล้ๆ หมู่บ้านที่มีแต่ฝรั่ง แม่จะได้ไม่ต้องสอนพูดอังกฤษเลย 555</p>
<p> </p>
<p> - ตอนนี้ 1.11 ขวบ เค้าพูดประโยคภาษาอังกฤษให้เราฟังได้ล่ะ ทำเอาแม่ตกใจ ปกติเค้าจะพูดแต่คำศัพท์เดี่ยวๆ หรือกริยาเดี่ยวๆ เช่น eat, sleep, play แต่ตั้งแต่เข้าเดือน เมษา 2555 เค้าอายุครบ 1.11 ขวบ เค้าพูดคำเป็นประโยคได้ว่า Mommy give me please. Can I play now. Change diaper. Mommy’s walking now. Where are you. ซึ่งที่แปลกคือหลายๆ ประโยค เราไม่ได้สอนให้เค้าพูดตาม แต่เป็นประโยคที่เราพูดกับเค้าเล่นๆ เค้าก็จำไปใช้พูดได้เอง และล่าสุดเค้าเริ่มสร้างประโยคใหม่ๆ ได้เอง โดยผสมคำประธาน กริยา กรรม เองเลย ทำเอาเรางง ในส่วนภาษาอาหรับ เค้าก็พูดเป็นประโยคได้ล่ะเหมือนกัน แต่จำนวนน้อยกว่าภาษาอังกฤษ เพราะความถี่จากพ่อน้อยสุด ในส่วนภาษาไทย ตอนนี้เธอได้เยอะเกิน ชนะเลิศ พ่อแม่ยังไม่ทันต้องสอนเลย 555</p>
<p> </p>
<p><b><u>ทักษะอ่าน</u></b></p>
<p> - ลูกอ่านคำศัพท์ภาษาอังกฤษ และภาษาไทยได้แล้ว เราเริ่มสอนอ่านภาษาอังกฤษตั้งแต่ 1.3 ขวบ และเริ่มสอนอ่านภาษาอาหรับ ตอน 1.5 ขวบ ส่วนภาษาไทยเริ่มสอนตอน 1.6 ขวบ เค้ามาเริ่มอ่านออกได้เอาตอน 1.6 ขวบ คำแรกที่อ่านได้คือคำว่า “cat” พอตอน 1.7 ขวบ-1.8 ขวบ เราได้ลองทดสอบดู เค้าอ่านคำภาษาอังกฤษได้ประมาณ 80 คำ ภาษาไทยได้ประมาณ 40 คำ ส่วนภาษาอาหรับนี่ยังไม่เคยทดสอบว่าอ่านออกหรือยัง เพราะลูกไม่ยอมให้ความร่วมมือเลยสำหรับภาษานี้ หรือเค้ายังอ่านไม่ออกก็ไม่รู้ แต่ก็สอนต่อไปเรื่อยๆ อ่านได้ไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร เพราะสิ่งที่ต้องการมากที่สุดจากลูกคือ สร้างความรู้สึกรักที่จะอ่านหนังสือทุกภาษาที่เค้าสามารถ ตอนนี้ผลลัพธ์เรื่องนี้ก็แสดงผลล่ะ เพราะลูกจะชอบเดินไปหยิบหนังสืออะไรก็แล้วแต่มาชี้ๆ แล้วอ่านเอง (แบบมั่วบ้าง ถูกบ้าง ต่างดาวบ้าง 555) แค่นี้แม่ก็ปลื้มล่ะ </p>
<p> </p>
<p><span class="font-size-3"><strong> - เราได้เขียนบล้อคเกี่ยวกับแฟลชการ์ด และวิธีที่เราใช้สอนลูกอ่านหนังสือผ่านแฟลชการ์ดไว้ที่นี่นะคะ เผื่อคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนสนใจสอนลูกอ่านค่ะ <a href="http://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/flash-card-3" target="_blank" rel="noopener">http://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/flash-card-3</a></strong></span></p>
<p></p>
<p><span>วีดีโอด้านล่างคือผลจากการสอนลูกสาววัย 2 ขวบนะคะ โดยให้เค้าอ่านแฟลชการ์ดเองนะคะ </span></p>
<p></p>
<p><iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/zxwGOCnVnq0?wmode=opaque" frameborder="0" allowfullscreen=""></iframe>
</p>
<p></p>
<p> - ลูกเราจำคำอ่านของศัพท์ภาษาอังกฤษได้หลายคำมากกว่าภาษาอื่น เพราะเราสอนอ่านคำศัพท์ไปพร้อมๆ กับอ่านหนังสือให้เค้าฟังตลอดช่วงนั้น แบบว่าแม่ฟิตจัด 555 ทำให้เค้าจำได้หลายคำมาก และสังเกตว่าเค้าจะอ่านคำศัพท์ที่มี 1 พยางค์ได้ก่อน และส่วนใหญ่เป็นคำที่เค้าชอบ เช่น สัตว์</p>
<p> </p>
<p> - ปัจจุบันนี้ 1.11 ขวบ ไม่ได้ทดสอบว่าอ่านไปได้เพิ่มอีกกี่คำ เพราะลูกไม่ชอบให้ทดสอบ ไม่ชอบให้ถ่ายวีดีโอ แม่เลยขี้เกียจทดสอบ 555 แต่หลังๆ แม่ไม่ได้อ่านหนังสือย้ำคำศัพท์กับเค้า จะเห็นได้ว่าเค้าจะลืมๆ ศัพท์เก่าๆ ไปเยอะเหมือนกัน ไม่รู้ว่าลืมถาวร หรือลืมแป้บๆ ทำให้แม่ต้องมาขยันอ่านหนังสือเหมือนแต่ก่อน ไม่รู้จะช่วยฟื้นความจำได้หรือป่าว</p>
<p></p>
<p>คลิปนี้ตอนเค้า 1.07 ขวบค่ะ อ่านคำภาษาไทย</p>
<p></p>
<p><iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/xfCsAHB6Ud4?wmode=opaque" frameborder="0" allowfullscreen=""></iframe>
</p>
<p></p>
<p> - ลูกอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ sight word reading ออกแล้ว อ่านจบเล่มเองได้ประมาณ 5-6 เล่มตอน 1.11 ขวบ จริงๆ น่าจะอ่านออกได้แล้วตั้งแต่ 1.9 ขวบ เพราะก่อนหน้านั้นเราอ่านหนังสือให้เค้าฟังเยอะมาก แล้วเค้าก็จำคำศัพท์ในหนังสือและอ่านเองได้หลายคำมาก แต่พอดีแม่ยุ่งเหลือเกินช่วงนั้น ต้องเตรียมงานแต่งให้น้อง เลยทิ้งอ่านหนังสือให้ลูกฟังไปเกือบ 2 เดือน มาฟิตอ่านอีกทีตอน 1.11 ขวบเลยเพิ่งเห็นว่าเค้าอ่านได้เองเป็นเล่มแล้ว</p>
<p> </p>
<p> - นอกจากนี้เรายังปริ้นหนังสือ sight word ที่โหลดฟรีมาจากในเนต จากเวปโหลดฟรีที่ได้จากคุณพ่อคุณแม่ในเวป 2 ภาษานี้แนะนำ (แต่ลืมแล้วค่ะว่ากระทู้ไหน ขอโทษทีค่ะ) <a href="http://www.hubbardscupboard.org/sight_words.html">http://www.hubbardscupboard.org/sight_words.html</a> และลูกก็อ่านเองได้แล้วบางเล่ม แต่เรามีแต่หนังสือภาษาอังกฤษ ไม่มีหนังสือภาษาไทยที่มีคำน้อยๆ มาฝึกให้เค้าอ่านเลย เด๋วว่าจะทำขึ้นมาเอง แต่ยังไม่ได้ลงมือทำเลย คลิปนี้เพิ่งมาอัดตอนเค้า 2 ขวบค่ะ </p>
<p></p>
<p><iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/LdL2WmbnmWM?wmode=opaque" frameborder="0" allowfullscreen=""></iframe>
</p>
<p> </p>
<p> - ในส่วนหนังสือฝึกอ่านของภาษาอาหรับ เนื่องจากมันไม่มีขาย และไม่มีโหลดฟรี พ่อเลยทำหนังสือสอนอ่านขึ้นเอง ทำคล้ายๆ หนังสือ Sight Word ตอน 1.10 ขวบ ลูกดูชอบมาก และสนใจดี จำคำศัพท์ในหนังสือได้ล่ะ แต่สอนได้ไม่สม่ำเสมอ เพราะพ่อไม่ค่อยว่าง ทำให้ช่วงหลังๆ มานี้ลูกดูไม่ค่อยชอบอ่านล่ะ เหมือนไม่ชิน ต้องไปยุพ่อให้อ่านให้ฟังบ่อยๆ </p>
<p></p>
<p> - ลูกจำตัวอักษรภาษาอังกฤษ a-z ได้แบบมีเสียงโฟนิคส์แล้ว จริงๆ ก็เคยเปิดยูทูปให้ฟังเล่นๆ ตอนว่างๆ ตั้งแต่อายุ 1.1 ขวบ แต่ก็ไม่เห็นผลอะไร มาเริ่มตั้งใจสอน ตอน 1.6 ขวบ ให้ดูสื่อต่างๆ มาเรื่อยๆ เค้าน่าจะจำได้ตอน 1.8 ขวบ ไม่เคยทดสอบว่าจำได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่อาศัยว่าแม่ร้องเพลงให้ฟังบ่อยๆ ตอนอาบน้ำและแต่งตัว ก็เห็นเค้าทำเสียงโฟนิคส์ได้หมด</p>
<p> </p>
<p> - ลูกจำตัวอักษรภาษาไทย ก-ฮ ได้น่าจะประมาณ 50% ยังไม่เคยถามเรียงตัวสักทีว่าจำตัวไหนได้บ้าง อาศัยแอบสังเกตตอนเล่นเกมส์กับลูกว่าจำได้ป่าว ภาษาไทยนี่สอนยากมากเลย สอนตั้งแต่เค้าอายุ 1.7 ขวบ แต่ก็ยังจำไม่ได้ครบสักที เยอะมากตั้ง 44 ตัว แถมหลายๆ ตัวก็เขียนต่างกันนิดเดียว เช่น ค ควาย กับ ฅ คน เราสอนแบบเน้นที่ตัวอักษร ไม่ให้ลูกจำรูป นานๆ ที ก็เปิดคลิปยูทูปให้ลูกดูเพลง ก-ฮ ไป ลูกก็ชอบฟังเพลงนะ แต่แม่ก็ยังงงๆ ไม่รู้จะสอนไง ให้จำได้หมด พอลูกจำไม่ค่อยได้ แม่ก็ขี้เกียจสอนอีก แล้วเมื่อไหร่จะได้เนี่ย 555 ใครช่วยแนะนำได้นะค่ะ</p>
<p> </p>
<p> - ลูกจำตัวอักษรภาษาอาหรับ ได้ครบล่ะ พ่อเค้าสอนมาเรื่อยๆ เริ่มสอนตั้งแต่อายุ 1.6 ขวบ เค้าน่าจะจำได้ตั้งแต่ 1.7 ขวบ ถึงแม้เวลาที่พ่อสอนมีน้อย สอนได้แค่ช่วงก่อนนอน แถมได้แค่บางวันอีก แต่ลูกเค้าดูสนุกมาก พ่อเค้าทำบัตรคำตัวอักษรเอง เพราะมันไม่มีขาย ทำด้านหน้าเป็นตัวอักษร ด้านหลังเป็นภาพ เล่นกันสนุกๆ เค้าเลยจำง่ายเลย ช่วงแรกๆ ลูกก็ให้ความร่วมมือดี แต่เด๋วนี้ชักงอแง ไม่ยอมเรียนกับพ่อสะงั้น เหมือนไม่คุ้นที่จะเรียนกับพ่อ พ่อก็ต้องสู้กันต่อไป คลิปนี้อัดตอน 2 ขวบค่ะ </p>
<p></p>
<p><iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/r8yApox3lI8?wmode=opaque" frameborder="0" allowfullscreen=""></iframe>
</p>
<p> </p>
<br/>
<br/>
<br/>
<span class="font-size-6"><strong>คลิปนี้อ่าน & พูด 3 ภาษา อังกฤษ-อาหรับ-ไทย เราเพิ่งมาอัดตอนลูก 2.08 ขวบค่ะ<br/>
</strong></span><br/>
<br/>
<iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/FyJWevR7zyo?wmode=opaque" frameborder="0" allowfullscreen=""></iframe>
<br/>
<br/>
<p></p>
<p> - ลูกจำตัวเลข 1-10 ได้ ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย เริ่มสอนตั้งแต่ลูกอายุ 1.7 ขวบ เค้าน่าจะจำได้ตอน 1.8 ขวบ สอนโดยใช้บัตรคำทำเอง ขนาดกระดาษ A4 แฟลชไวๆ ทีละแผ่น</p>
<p> </p>
<p> - สอนวางเบี้ยกระดาน 100 ช่องตั้งแต่ 1.7 ขวบ ให้เค้าวางเบี้ย 1-10 ตัว แต่พอเค้าจำเลขได้ เค้าก็เบื่อ ไม่ว่าจะเปลี่ยนกระดานเป็น 20 ช่อง หรือ 10 ช่อง เค้าก็เบื่อ แม่กลุ้ม เลยเลิกสอนวางเบี้ยกระดาน 100 ช่องไปหลายเดือน เพิ่งกลับมาฟื้นสอนอีกทีตอน 1.11 ขวบ ส่วนบัตรคำที่ตอนแรกมีแต่ตัวเลข ก็ทำด้านหลังเพิ่มเป็นรูปแสดงจำนวนแต่ละใบ เช่น บัตรคำเลข 3 ด้านหลังก็มีรูปแมว 3 ตัว โดยใช้รูปเดียวกันสำหรับ 1-10 และอีกรูปสำหรับ 11-20 เพื่อให้เค้าสังเกตที่จำนวน ไม่ใช่ตัวรูป (ถ้าเปลี่ยนรูปไปเรื่อยในทุกใบ เค้าก็จะมัวแต่สังเกตว่ารูปตัวอะไร) เวลาสอนก็แฟลชหมุนบัตรด้านหน้า-ด้านหลังไปมา เพื่อให้ลูกจำได้ทั้งตัวเลขและจำนวน แต่สรุปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเค้าจำเรื่องจำนวนได้หรือป่าว ก็สอนๆ ไปแบบว่าไม่ต้องคิดถึงผลลัพธ์ แค่เค้ายอมฟังแม่แฟลชจบ แม่ก็จะน้ำตาไหลล่ะ 555 ตอนนี้สอนเลข 11-20 แต่ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะเค้าไม่สนใจเลย วิ่งหนี 555 แม่เลยพยายามหาวิธีสอนให้เร้าใจลูกอยู่</p>
<p> </p>
<p>คลิปเล่นกระดาน 20 ช่อง ตอน 2.02 ขวบค่ะ</p>
<p><iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/Zt6zgin0DZU?wmode=opaque" frameborder="0" allowfullscreen=""></iframe>
</p>
<p></p>
<p> - ตอนนี้ลองทำเกมส์ใหม่โดยเอาเลข 1-20 ไปแปะบนลูกปิงปอง แล้วตัดขวดน้ำพลาสติกขวดเล็ก ทำเป็นถ้วยแปะตัวเลขไว้ข้างถ้วย สอนลูกโดยโชว์บัตรคำตัวเลขทีละตัว และโยนลูกปิงปองให้ลูกไปวิ่งไล่จับมาใส่ถ้วย (จะได้ฝึกสายตาและการวิ่งด้วย เพราะลูกเป็นเด็กบ้าพลังนิดนึง 555) ตอนนี้เพิ่งสอนไปได้แค่ทีเดียวเอง เลยยังไม่รู้ผล สอนครั้งแรก เลข 11-20 ลูกวิ่งจนเพลียเลย เล่นไปได้ประมาณ 7-8 ตัว ลูกก็เลิกกลางคันเพราะเบื่อ ต่อไปเด๋วต้องสอนแค่ทีละ 5 ตัวพอ </p>
<p> </p>
<p><b><u>ทักษะเขียน</u></b></p>
<p> - ลูกยังเขียนอะไรไม่ได้ทรงเลย แต่ตอนนี้ลูกชอบหยิบปากกามาวาดอะไรไปเรื่อยเปื่อย วาดมันทุกที่ บนเตียง โซฟา หนังสือ แม่ก็รู้ว่าลูกชอบเขียน แต่ก็ไม่ขยันฝึกลูกเลย ตอนนี้ต้องมาฝึกให้เค้าขีดเส้นตรงให้ได้ก่อน แนวขึ้น-แนวลง ซ้าย-ขวา ยังไม่ได้ทรงสักอัน แม่ต้องขยันสอนมากกว่านี้</p>
<p> </p>
<p><b><u>*** โปรเจคที่คิดว่าอยากทำในอนาคต</u></b> คือ อยากสอนภาษาที่ 4 คือภาษาจีนให้ลูก (ถึงแม้ว่า 3 ภาษายังไม่ค่อยจะรอด 555) อยากจะหาครูหรือโรงเรียนมาช่วยสอนแทน เสริมๆ ไปก่อน เพราะจะให้ลูกรอแม่สอนเองคงอีกนาน เพราะความรู้ภาษาจีนแม่เป็นศูนย์ แถมตอนนี้ภาษาอังกฤษแม่ก็ยังเอาตัวไม่รอดเลย ด้วยความที่ก่อนหน้านี้กว่าลูกจะพูดได้แต่ละคำช้ามาก แม่เลยสอนแต่คำศัพท์เดี่ยวๆ ไป พอตอนนี้ลูกจะเข้า 2 ขวบ ลูกพูดเป็นประโยคง่ายขึ้นมากล่ะ แม่เลยต้องมาทำการบ้านเก็บบทสนทนาภาษาอังกฤษอีกเยอะเลย แถมหลายๆ คำที่เคยพูดไป ก็ไม่รู้ว่าถูกต้องหรือป่าว ต้องมาหาข้อมูลกันใหม่หมด แค่คิดก็เหนื่อย ท้อล่ะ แต่ก็เพื่อลูกเนอะ น้อยกว่านี้ได้ไง</p>
<p><b><u><br/> <br/> <span class="font-size-6"><strong>****อันนี้บล้อคบันทึกพัฒนาการภาค 2 ค่ะ<a href="https://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/1-11-2" target="_blank">https://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/1-11-2</a></strong></span></u></b></p>
บันทึกพัฒนาการเรียนรู้ ลูกสาวอายุ 1 ขวบ 11 เดือน (ภาคที่ 2)
tag:go2pasa.ning.com,2012-04-29:2456660:BlogPost:1015501
2012-04-29T05:00:00.000Z
Sky Walker
https://go2pasa.ning.com/profile/ryder
<span class="font-size-1"><span class="font-size-1"><span class="font-size-1"><span class="font-size-1"><span class="font-size-2"><br></br>
<br></br>
</span></span></span></span></span><p><span class="font-size-2"><span style="font-size: 18pt;"><b><u>ภาคที่ 2- เรียนอวัยวะ, รูปทรง, สี, สัตว์, ยานพาหนะ, ผัก, ผลไม้ และจิปาถะเรื่องต่างๆ</u></b></span></span></p>
<p> <p></p>
<br></br>
- ลูกจำอวัยวะในร่างกายเบื้องต้นได้ครบล่ะทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย ทยอยสอนตั้งแต่ 1 ขวบ ตอนเค้าอาบน้ำ เค้าก็ทำท่านิ่งๆ…
<span class="font-size-1"><span class="font-size-1"><span class="font-size-1"><span class="font-size-1"><span class="font-size-2"><br/>
<br/>
</span></span></span></span></span><p><span class="font-size-2"><span style="font-size: 18pt;"><b><u>ภาคที่ 2- เรียนอวัยวะ, รูปทรง, สี, สัตว์, ยานพาหนะ, ผัก, ผลไม้ และจิปาถะเรื่องต่างๆ</u></b></span></span></p>
<p> <p></p>
<br/>
- ลูกจำอวัยวะในร่างกายเบื้องต้นได้ครบล่ะทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย ทยอยสอนตั้งแต่ 1 ขวบ ตอนเค้าอาบน้ำ เค้าก็ทำท่านิ่งๆ เราก็นึกว่าไม่สนใจ ที่ไหนได้ พอเค้าเริ่มพูดได้ เค้าก็เริ่มโต้ตอบกับเราล่ะว่าเค้ารู้ว่าอวัยวะเรียกว่าอะไร ลูกจำได้ครบทุกตัวที่แม่เคยสอนตอน 1.5 ขวบ<p></p>
<p> </p>
<p> - ลูกจำรูปทรงได้เป็นภาษาอังกฤษ ส่วนภาษาไทยยังไม่เคยสอน จริงๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจสอนเรื่องนี้มาก แต่บังเอิญเปิดเจอยูทูป 2 เพลงที่เพลงเพราะมาก แม่ชอบ เลยเปิดให้ลูกฟังวันละ 1-2 รอบ ตอนลูกอายุ 1.9 ขวบ เพิ่งมารู้ว่าลูกจำได้ 9 รูปทรงตอน 1.11 ขวบ ที่รู้ว่าทำได้เพราะแม่เพิ่งมาทำบัตรคำเป็นรูปทรงต่างๆ ตัดไว้กะจะสอนเพิ่ม ด้านหน้าเป็นรูปทรง ด้านหลังเป็นตัวหนังสือ กะจะเอาไว้สอนลูก โดยแม่หยิบบัตรคำที่มีตัวหนังสือให้ลูกดูก่อน แล้วให้ดูรูปทรงทีหลัง สอนเองไปได้แค่ครั้งเดียว พอสอนครั้งที่ 2 ก็หยิบบัตรคำเหมือนเดิม ก็เอาให้ลูกดูตัวหนังสือ แกล้งถามว่าอ่านว่าอะไร เค้าดันอ่านได้ โอ้ อ่านได้ไงเนี่ย เพิ่งสอนผ่านบัตรไปครั้งเดียวเอง และอ่านได้เกือบหมดเลยทุกรูปทรง สรุปว่ามานั่งนึกๆ ว่าลูกจำคำอ่านได้ เพราะดูยูทูปนั่นเอง ไม่ได้เกี่ยวกับแม่สอนบัตรคำเลย แม่เลยดีใจใหญ่ กะให้ดูแต่รูปทรง เค้าได้คำอ่านมาด้วย แต่ลูกจำรูปพวก 5-10 เหลี่ยมพวกนี้ไม่ได้ เรียกทุกรูปทรงแนวนี้ว่า pentagon หมด เค้าแยกไม่ออกว่ามันเป็นกี่เหลี่ยมแน่ แม่ก็ไม่รู้จะสอนยังไง ก็ได้แต่ชี้ให้เค้านับมุมเหลี่ยมเอา ไม่รู้จะช่วยอะไรได้หรือป่าว ต้องหาวิธีต่อไป</p>
<p> </p>
<p> - ลูกจำสีได้แค่ 2 สี คือขาวกับดำ ลูกถึงจำสียาก สอนหลายแนวล่ะ ทั้งจากกระดาษทำเอง จากเกมส์จับคู่สี จากคอม แต่เค้าก็ยังแยกไม่ได้อยู่ดี แต่อ่านชื่อสีออกทั้งภาษาอังกฤษและไทย เพราะสอนเค้าอ่าน แต่ดันจำสีไม่ได้ (*อัพเดท - แต่พอหลัง 2 ขวบปุ้บ จำได้หมดทุกสีเลย สอนไปเรื่อยๆ เค้าก็ได้เอง ตอนแรกเครียดสะแย่ 555)</p>
<p> </p>
<p> - ลูกจำสัตว์ได้เยอะมาก มากกว่า 50 ตัว สอนมาเรื่อยๆ ตั้งแต่อายุ 1 ขวบ รู้ว่าเค้าจำได้เพราะเค้าพูดคำแรกได้ตอน 1.4 ขวบ คำว่า bear ตอนดูรูปหมี ล่ะเค้าก็จำเก็บเพิ่มมาเรื่อยๆ เพราะแม่ซื้อตุ๊กตายางสัตว์มาเยอะมาก ทั้งตัวใหญ่ ตัวเล็ก สอนทั้งคำอ่านและหน้าตาสัตว์ และเค้าก็ชอบสัตว์มาก ไม่รู้ทำไม ขนาดตอนอ่านคำศัพท์คำแรกออกก็ คำว่า cat มีแต่สัตว์ทั้งนั้น 555</p>
<p> </p>
<p> - ลูกจำยานพาหนะได้ 10 กว่าอย่าง ทั้งคำอ่านและรูปยานพาหนะ สอนไม่นานก็เรียกถูกแล้วว่าอันนี้คืออะไร สงสัยเค้าจะชอบ</p>
<p> </p>
<p> - ลูกจำผลไม้ได้ 10 กว่าอย่าง เค้าจะจำผลไม้ที่เค้าชอบกินได้เร็วมาก ทั้งคำอ่านและรูปผลไม้ คำแรกที่จำได้น่าจะเป็น apple กับ banana</p>
<p> </p>
<p> - ลูกจำผักได้ 10 อย่าง แม่ไม่ค่อยได้เน้นสอนผัก เพราะแม่รู้สึกว่าเค้าไม่ค่อยสนใจ สงสัยจะหามาให้เค้ากินน้อยไปหน่อย เค้าเลยไม่ค่อยอยากจะรู้ พอมาเขียนบันทึกนี้ เด๋วต้องกลับไปฟิตสอนเพิ่มอีกล่ะ</p>
<p> </p>
<p> - เล่นปั้นแป้งโดว์ เค้ายังไม่เคยปั้นอะไรได้เป็นเรื่องเป็นราว เพราะแม่ไม่ค่อยเอาให้เค้าเล่น เพราะแม่ไม่ค่อยชอบงานศิลปะ 555 พอลูกเล่น แทนที่ลูกจะปั้นเป็นอะไรก็แล้วแต่ ลูกเน้นเอามาทุบๆ เน้นใช้กำลัง ใช้ผิดวัตถุประสงค์อีกล่ะ 555 ไม่ค่อยได้หยิบมาให้เล่น จนตอนนี้แป้งแข็งหมดแล้ว เด๋วต้องฟิตกลับเอามาให้เล่นใหม่ เพราะจะได้ช่วยเรื่องกล้ามเนื้อมือ</p>
<p> </p>
<p> - เล่นจิ๊กซอว์, พัซเซิล อันนี้ตอนแรกแม่ไม่ชอบซื้อให้ เพราะคิดไปเองว่าถ้าลูกเล่นจนวางเองได้แล้ว แป้บๆ เค้าจะเบื่อ กลัวใช้ไม่คุ้ม ตอนแรกเลยซื้อพัซเซิลที่เป็นหมุดๆ รูปสัตว์ รูปต่างๆ นานามาแค่ 1-2 อัน แต่พอเค้าเล่น จะเห็นว่าลูกชอบเล่นมาก เลยซื้อเพิ่มมาเรื่อยๆ เล่นมันทุกวันตอนที่เค้าว่างๆ แต่พอตอน 1.11 ขวบ เค้าเริ่มเบื่อพัซเซิลแบบนี้คงเพราะรู้สึกว่าง่ายเกินไปล่ะ แม่เลยมาเน้นซื้อจิ๊กซอว์ที่มีตัวต่อแค่ 3-6 อันให้เค้าเล่น วันแรกๆ ทำไม่ค่อยได้ แต่ผ่านไปไม่กี่วันก็วางเองได้เกือบหมดล่ะ สงสัยจะชอบจริงๆ แต่ทำไมจิ๊กซอว์ที่มีตัวต่อยิ่งน้อยยิ่งแพงเนี่ย ไม่เข้าใจคนผลิตเล้ย</p>
<p> </p>
<p> - เชือกร้อยลูกปัด อันนี้แม่อยากให้ลูกเล่นมากเลยซื้อมากล่องนึง เป็นบล้อคผลไม้มีห่วงให้ร้อยไปเรื่อยๆ แต่ลูกไม่ชอบเลย ทำได้นิดหน่อยก็เลิก ไม่รู้จะทำไงให้ชอบเหมือนกัน นานๆ ทีเลยเอาไปให้คุณยายช่วยเล่นกับเค้า เค้าก็เล่นกับยาย แต่ไม่ชอบเล่นกับแม่สะงั้น</p>
<p> </p>
<p> - บล้อคไม้ รูปทรงต่างๆ แม่ไม่เคยซื้อบล้อคไม้มาก่อนเลย เพิ่งมาซื้อตอนนี้ ลูก 1.11 ขวบ ชวนเล่นก็ไม่ยอมเล่น เล่นให้ดูก็ไม่สนใจอีก แม่เริ่มกลุ้ม สงสัยจะเริ่มช้าไปหน่อย เคยแต่ซื้อเป็นบล้อคพลาสติก ที่มีหยักๆ เอามาประกบๆ กัน ก็ให้ลูกเล่นได้พักนึง ลูกก็เล่นดี แต่แม่ขี้เกียจหยิบออกมาให้เล่นเอง เพราะขี้เกียจเก็บ ต้องเตือนตัวเองว่าต้องเอาใหม่ แต่ลูกชอบเอากล่องอย่างอื่น มาต่อๆ กันวางสูงๆ ใช้ผิดประเภทอีกล่ะลูกชั้น 555</p>
<p> </p>
<p> - ระบายสี แม่ซื้อสีเทียน สีน้ำมาเต็มเลย ฟิตจัด แต่แทบไม่เคยได้นำมาใช้เลย โดยเฉพาะสีน้ำ เล่นไปได้แค่ทีเดียว ขี้เกียจล้าง 555 เรานึกชื่นชมคุณแม่ที่ชอบให้ลูกเล่นของพวกนี้มากเลย เพราะเรากลัวเปื้อนเสื้อ เปื้อนพื้น ไม่ไหวเลย ต้องมาคิดใหม่ ทำใหม่ ส่วนสีเทียนลูกก็เหมือนจะชอบ แต่แม่ไม่ไหวเก็บ เลยเอามาให้เค้าเล่นแค่ 4 สี แถมแทบไม่เคยสอนระบายสีอีกต่างหาก แย่จริงๆ เลย โดยส่วนตัวไม่ใช่คนชอบศิลปะด้วย เลยไม่มีใจรักที่จะสอนลูกเล่น ต้องแก้ตัวใหม่</p>
<p> </p>
<p> - สอนเบบี้ไซน์ ตอนอ่านหนังสือเสร็จก็ฟิตมาก รีบไปซื้อดีวีดีมาเลย แต่เอามาดูและสอนลูกได้ไม่ถึง 5 ครั้งมั้ง แม่ไม่ใส่ใจพอ ทั้งๆ ที่มีประโยชน์มาก เลยยกให้พ่อสอน พ่อก็สอนลูกไปไม่กี่คำ ลูกก็ทำได้ แต่ก็หยุดสอนไปเพราะขี้เกียจพอกัน น่าเสียดายจริงๆ</p>
<p> </p>
<p> - สอนคำตรงกันข้ามเป็นภาษาอังกฤษ แม่เพิ่งซื้อบัตรคำสำเร็จมา 1 อัน ตอนลูก 1.11 ขวบ เค้าทำได้สวย ถูกใจดี เพิ่งเอามาสอนได้แค่ 2-3 ครั้งเอง ดูลูกสนใจมาก (*อัพเดท - พอลูกอายุครบ 2 ขวบปุ้บ อ่านได้หมดเลย แม่ดีใจมาก) <span> ***เราได้เขียนบล้อคเกี่ยวกับแฟลชการ์ด และวิธีที่เราใช้สอนลูกอ่านหนังสือผ่านแฟลชการ์ดไว้ที่นี่นะคะ เผื่อคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนสนใจสอนลูกอ่านค่ะ <a href="http://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/flash-card-3" target="_blank" rel="noopener">http://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/flash-card-3</a></span></p>
<p></p>
<p>คลิปนี้ลูกอ่านแฟลชการ์ดเองตอน 2 ขวบค่ะ</p>
<p></p>
<p><iframe width="560" height="315" src="https://www.youtube.com/embed/zADujBvgoic?wmode=opaque" frameborder="0" allowfullscreen=""></iframe>
</p>
<p> </p>
<p> - ตัดกระดาษ แม่อยากจะสอนลูกตัดกระดาษเพื่อฝึกกล้ามเนื้อมือ แต่กรรไกรที่บ้านไม่ค่อยเวิร์คเลย ตามหากรรไกรที่มีสปริงอยู่ ไปหลายห้างล่ะก็ยังหาไม่ได้อยู่ดี เลยยังไม่ได้เริ่มสอนสะที</p>
<p> </p>
<p> - โดยสรุปแล้ว นับสิ่งที่แม่ขี้เกียจสอนได้เยอะกว่าสิ่งที่แม่สอนแล้วลูกทำได้ไปแล้วอีก เฮ้อ ไหวมั้ยเนี่ยเรา อยากจะมีใจ มีแรง มีเวลาให้มากกว่านี้สักสามเท่าจริงๆ เหมือนวันๆ หมดไปกับอะไรก็ไม่รู้ แต่ในฐานะที่ลูกจะครบ 2 ขวบล่ะ ต้องคิดใหม่ ทำใหม่ เขียนบันทึกไว้ดูว่าตัวเองยังขาดอะไรอีกหลายสิ่งเลย ก็ต้องพยายามกันต่อไป เป็นคนที่ชอบอ่านบล้อคของคนอื่น อ่านเรื่องที่คนอื่นสอนลูก และก็ชอบซื้อสื่อการสอนตามเค้า บางอย่างก็ซื้อสำเร็จ บางอย่างต้องสร้างขึ้นมาเอง ก็ชอบทำนะ สนุกดี แต่พอทำเสร็จ สื่อพร้อม ลูกพร้อม แม่ไม่พร้อม *-* กว่าจะหยิบมาสอนได้นี่ยากเย็นเหลือเกิน กลุ้มใจตัวเอง นี่ขนาดแทบจะไม่เล่นเฟซบุ้คแล้วนะ เฮ้อ ตอนนี้สื่อสอนเต็มบ้านเลย สอนยังไม่ถึง 10% ตอนนี้ตั้งเป้าใหม่ สื่อไม่ต้องมีเยอะ แต่ใช้ให้ครบดีกว่า</p>
<p> </p>
<p> - <b><u>*** โปรเจคที่คิดว่าอยากทำในอนาคต</u></b> คือ สอนแบบมอนเตสซอรี่ เห็นคุณพ่อคุณแม่ในเวปหลายคนทำกันเยอะมากเลย เก่งมากๆ เลย ทั้งๆ ที่ต้องใช้เวลาเตรียมอุปกรณ์เอง และต้องขยันเล่นกิจกรรมมอนเตสกับลูกด้วย รู้สึกทึ่งและนับถือจริงๆ เลยค่ะ ขั้นแรกต้องใช้วิธีลัด เลียนแบบคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นมาก่อน แล้วเด๋วค่อยไปหาซื้อหนังสือมาอ่านเพิ่มเติมทีหลัง เพราะถ้ารออ่านเสร็จก่อนแล้วค่อยทำ สงสัยลูกจะ 3 ขวบพอดี 555 สู้ๆ เพื่อลูกรัก ^_^</p>
<br/>
<br/>
<p><span class="font-size-2"><span class="font-size-3"><strong><span style="font-size: 8pt;"><span class="font-size-6"><span class="font-size-5"><em><span class="font-size-4">ดูบันทึกพัฒนาการภาคแรกได้จาก</span></em></span><em><span class="font-size-6">บ</span></em></span><em><span class="font-size-6">ล้อคบันทึกพัฒนาการภาค 1 ค่ะ</span> <span class="font-size-2"><a href="https://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/1-11-1" target="_blank" rel="noopener">https://go2pasa.ning.com/profiles/blogs/1-11-1</a></span></em></span></strong></span></span></p>
<p></p>