ห้องรับแขก

มีบ่อยครั้งที่มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนเพื่อนสมาชิกในหมู่บ้าน และก็มีบ่อยครั้งเช่นกันที่เพื่อนสมาชิกในหมู่บ้านแวะมาเยี่ยมเยือน ทุกครั้งผมและแม่เพ่ยมักจะบันทึกภาพเก็บเอาไว้ และมีเรื่องราวต่างๆที่จะมาบอกเล่ากันสนุกๆ ผมก็เลยสร้าง "ห้องรับแขก" ขึ้นมา

ไออุ่นแห่งมิตรภาพกับครอบครัวธนานิธิศักดิ์

เปิดห้องรับแขกส่งท้ายปี 2557 ต้อนรับปีใหม่ 2558 ท่ามกลางความอบอุ่นแห่งสายลมหนาว…..


ความจริงพี่อยากเชิญครอบครัวนี้เข้าสู่ห้องรับแขกเมื่อประมาณเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาแล้ว เราเจอกันหลายครั้ง คุยกันหลายหน แต่ก็ยังไม่สามารถเก็บ รายละเอียดหรือแม้แต่จะเก็บรูปภาพสวยๆได้อย่างเพียงพอสักครั้งเดียว สิ่งที่รู้จากการที่ได้พบเจอกันมีเพียงแค่ภาพทะเล้นๆของไออุ่นและเรื่องที่หมอเนติ์คนนี้เธอพูดเก่งมากกกกกก…ขนาดติดในอันดับ 1 ใน 5 เลยทีเดียว


รอโอกาสเชื้อเชิญจนพี่ชักจะลืมเลือน แล้วเราก็เริ่มสนิทกันจนประมาณว่า เนติ์ไม่ใช่แขกแล้วล่ะ แต่เธอเป็นเหมือนเจ้าของบ้านไปละ

หลายเดือนที่ผ่านมา เราชวนกันเล่นๆว่าไปเที่ยวญี่ปุ่นกันไม๊ ??...หมอเนติ์ตอบทีเล่นทีจริงว่าไปเมื่อไรพี่ ?? แล้วพี่ก็ผ่านเลย ^___^


กลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เริ่มมีการส่งสารพัดโปรแกรมทัวร์ญี่ปุ่นผ่านแชทไลน์มา จนอ่านไม่ทัน….จากหมอเนติ์ และในที่สุด ทริปการเดินทางครั้งนี้จึงเกิดขึ้น!!

ห้องรับแขกจึงถูกเปิดประตูขึ้นอีกครั้งเพื่อรับมิตรภาพและไออุ่นแห่งฤดูเหมันต์


การเดินทางครั้งนี้ เราคุยกันน้อยกว่าที่เคยเป็น...และมันทำให้พี่ได้มีเวลาย้อนคิดไปถึง ณ จุดเวลาที่ล่วงมาเกือบ 2 ปี เสียงผ่านเครื่องโทรศัพท์เกือบทุกวันของคุณหมอฤทัย (ในวันนั้น) เฝ้าถามแต่เรื่องอยากมุ่งมั่นสร้างกลุ่มเด็กสองภาษาที่พิษณุโลกให้ได้เหมือนกลุ่มขอนแก่นของคุณหมอภา และกลุ่มรังสิตของคุณหมอเอ๋….หมอฤทัยบอกมันยาก...แต่อยากได้ อยากให้มี จะทำอย่างไรดี แล้วถ้ามีแล้วจะให้ดีแบบเขาได้อย่างไร สารพัดคำถามที่ชวนให้เข้าใจและมึนงง


แต่จากวันนั้นจนถึงวันนี้...วันนั้นที่เริ่มจากศูนย์ และวันนี้ที่มันทะลุล้นจุดที่ตั้งใจไปแล้ว จากกลุ่มที่ก้าวตาม...กลายเป็นกลุ่มที่ก้าวทัน..และสุดท้ายเป็นกลุ่มที่อยู่ในแถวหน้า หลายๆครอบครัวที่มาร่วม workshop ล้วนพูดถึงศักยภาพของพ่อแม่เด็กสองภาษากลุ่มพิษณุโลก!! อะไรคือจุดผลักดันให้เป็นเช่นนี้ได้...กลุ่มพิษณุโลกพุ่งแรงแซงทางโค้งมาเพราะเอ็มร้อย หรือเอ็มร้อยห้าสิบจริงเหรอ???


ณ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างการท่องเที่ยว…..

หมอโต้หายไป….จากสายตา ท่ามกลางกลุ่มนักท่องเที่ยวมากมาย

เสียงหนึ่งดังขึ้น “< โต้ >>>>> “ แน่นอนว่าสายตานักท่องเที่ยวหันมามองที่ต้นเสียงอย่างไม่ต้องสงสัย ----------> เพื่อตามหาสิ่งที่ฉันรักและดีที่สุดสำหรับฉัน “ฉันจะทำ แม้ในสิ่งที่คนอื่นมองอย่างประหลาดใจ..แต่ฉันก็มั่นใจ”


ในขณะที่พี่เก็บภาพกับเพ่ยเพ่ยอย่างเพลิน เสียงเดิมก็ดังขึ้น “ อุ่น ไปยืนตรงที่พี่เพ่ยยืนลูก มุมสวยดี ขอก๊อปมุมเลยนะพี่ “ อืมก็ได้ แต่ขอค่าลิขสิทธิ์ด้วยนะเนติ์ ----------> “ก็ในเมื่อว่าฉันเห็นว่าสิ่งนั้นมันดีแล้ว ฉันก็หยิบมันมาใช้ ไม่ต้องไปเสียเวลาเริ่มต้นหาใหม่ เพียงแต่อาจจะปรับเปลี่ยนมุมและท่าทางให้เป็นแนวที่เหมาะกับฉันมากขึ้น”

เมื่อพวกเราไปเล่นสเลดในลานหิมะกัน ตอนแรกเนติ์เป็นคนเดียวที่ไม่ยอมเล่น เพราะกลัว...แต่สุดท้ายด้วยความอยากให้ลูกได้มีช่วงเวลาแห่งความสุข ก็ลองเล่น..แล้วก็ไม่เลิกซะงั้น ----------> “แม้จะรู้สึกว่ามันยากและน่ากลัว แต่เพื่อให้ลูกได้รับในสิ่งดี...ฉันก็พร้อมที่จะกล้าและทำมัน”


บางครั้งแอบเห็นเนติ์นั่งหมดแรง..สายตาเหม่อ แต่เมื่อเห็นหมอโต้ เนติ์จะยิ้มออกมาแล้วถามว่า..”พ่อเหนื่อยไม๊ พ่อมานั่งตรงนี้ พ่อพักก่อน”และในค่ำคืนวันหนึ่ง ก่อนที่เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเราจะต้องออกเที่ยวเอง โดยไร้เงาไกด์นำทาง ภาระการนำทางและดูแลคนอีก 4 คน จึงตกเป็นหน้าที่ของหมอโต้ ผู้ที่ไม่คุ้นเส้นทาง และไม่คุ้นภาษา...ความเครียดและความกังวลเริ่มปรากฎชัด...แล้วเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ แม่รู้ว่าพ่อทำได้” ----------> “แม้จะรู้ว่ามันยาก แม้จะยังไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่ฉันก็พร้อมที่จะเป็นกำลังใจและให้ความเชื่อมั่นในตัวเธอ...ว่าเธอทำได้”


ตลอดการเดินทาง….พี่แทบไม่เคยเห็นคู่นี้เดินห่างกันเลย ทุกครั้งที่ซื้อน้ำซื้อขนม..เขาจะซื้อมาฝากกันและกันเสมอ (แต่ไม่ได้ฝากพี่อ่ะ โฮๆๆ) ----------> “เราจะเดินไปด้วยกัน..เราจะดูแลกันและกัน มีฉันและมีเธอบนเส้นทางที่ก้าวเดิน”

ทั้งหมดนี้มันทำให้พี่ไม่แปลกใจเลยว่า..ทำไมกลุ่มเด็กสองภาษาพิษณุโลกจึงเข้มแข็งได้ขนาดนี้ จริงอยู่ที่ว่าคนเพียงคนเดียวไม่สามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้สำเร็จได้ หากไม่ได้รับความร่วมมือจากครอบครัวอื่นๆ...แต่ก็อดคิดไม่ได้แหล่ะว่า “ผู้หญิงคนนี้ เธอมีดีจริงๆ


ขอขอบคุณหมอเนติ์ หมอโต้ น้องไออุ่น...ครอบครัวธนานิธิศักดิ์ ที่วันนี้ได้ร่วมก้าวเดินไปด้วยกัน...ดูแลซึ่งกันและกัน...มุ่งมั่นเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ดีไปด้วยกัน….ขอบคุณที่วันนี้ได้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวหมู่บ้านเด็กสองภาษาพ่อแม่สร้างได้ด้วยกัน...ขอบคุณในไออุ่นแห่งมิตรภาพที่ผ่านพลิ้วมาในสายลมแห่งเหมันตฤดู..ขอบคุณจริง..จริง

Load Previous Replies
  • up

    แม่ไออุ่น

    จากใจเลยค่ะพี่
    อ้อ พี่ตุ๊กตาคะ หากขาดน้องภาและกลุ่มเด็กสองภาษาอุบล น้องเอ๋และกลุ่มเด็กสองภาษารังสิต แล้ว พวกเราชาวพิษณุโลกก็ไม่อาจมีต้นแบบดีๆ ในการทำกลุ่ม เอาไว้เดินตาม
    ต้องส่งคำขอบคุณขอบคุณจากพิษณุโลก ไปถึงอุบลและรังสิต ด้วยค่า^^
    • up

      พี่ฟ้าใส น้องไออุ่น

      ไม่ได้แวะเข้ามาบ้านเด็ก 2 ภาษาฯ นานมากเลยค่ะ ป่านนี้เด็ก 2 ภาษาคงเยอะแยะเต็มบ้านเต็มเมืองแล้วนะคะ

      • up

        mom_jenita

        พี่เนติ์มาส่งข่าวผ่านทางไลน์ค่ะ รู้ใจจริงๆว่าภาเป็นพวกตกข่าว ไม่ทันชาวบ้าน เข้า web โน่นนี่ก็แบบรีบๆ fb ก็แว้บๆ ว้าบๆ :)

        ก่อนอื่นขอชมพี่ตุ๊กตาก่อนนะคะ ว่าเขียนได้ดีสุดยอดเลยทั้งเล่าได้น่าอ่าน แถมปิดท้ายด้วยขมวดข้อคิด มีใช้คำ ฤดูเหมันต์ งี้

        เขียนทีไรภารู้สึกทุกทีว่าพี่ตุ๊กตา เป็นคนมีความสามารถด้านการเขียนจริงๆ

        สำหรับพี่เนติ์นี่ ไม่รู้จะบรรยายยังไง เพราะภาเองได้คุยกับพี่เนติ์ตั้งแต่เริ่ม inbox โทรมาปรึกษาเรื่องน้องไออุ่น เรื่องทำกลุ่ม และได้คุยกันเรื่อยมา

        แม้ไม่เคยเจอกันแต่ภาสนิทกับพี่เนติ์ (ไม่รู้พี่เนติ์สนิทกับภาป่าวนะคะ อิอิ) เพราะพี่เนติ์มีคุณสมบัติพิเศษมากๆ คุยกันยังกับเรารู้จักกันมาก่อนหลายปี เป็นห่วงเป็นใยทุกเรื่อง คอยให้กำลังใจตลอด ภาจะคลอด พี่เนติ์ก็ยังได้มาเล่าเรื่องราวพี่เนติ์ตอนคลอด ตอนผ่าตัดให้ภาฟัง ระหว่างที่ภาตัดสินใจว่า เราจะคลอดเจ้าคุณยังไงดีหว่า ?? 

        เรื่องทำกลุ่มพี่เนติ์สุดยอดอยู่แล้วค่ะ จริงๆไม่ต้องขอบคุณภาเลย ภารู้ว่าพี่เนติ์มีความสามารถเฉพาะตัวอยู่แล้ว เก่งและ มีพลังสูง ดีใจที่มีคนแบบพี่เนติ์อยู่ เพราะโลกต้องการคนแบบนี้ ภาเชื่อเรื่องการให้ ยิ่งให้ ยิ่งได้รับมากขึ้นเท่าทวีคูณ ทุกคนมีพลังในตัว ถ้าช่วยกันทำสิ่งดีๆให้ประเทศแม้เพียงเล็กน้อย พอหลายคนมันจะดีขึ้นมาก :)

        ปล.ไม่เห็นภาพ ท่านผู้ใหญ่บ้าน ภริยาและน้องเพ่ยคนสวยเลยค่ะ :)