Nong Om & ChiTangMae

Male

เมือง, ชลบุรี

Thailand

Profile Information:

ทำไมถึงสนใจเรื่องเด็กสองภาษา
มีคุณค่าต่อลูกและอยากให้ลูกเคยชินภาษาต่างชาติ..ไม่กลัวที่จะคุยกับคนต่างชาติ...
คุณทราบเรื่องแนวคิดเด็กสองภาษา หรือแนวคิดพูดสองภาษามาจากไหน
สามีเอาหนังสืออ่านเล่นมาให้ เป็น "หนังสือเด็กสองภาษา" ค่ะ
สถานะผู้ปกครอง
แม่
ชื่อเล่นลูก
Nong Om (Boy) & Nong ChiTangMae (Girl)
อายุลูก
Lilypie - Personal pictureLilypie Premature Baby tickers Lilypie - Personal pictureLilypie Premature Baby tickers
ลูกชายหรือลูกสาว
ชาย

Comment Wall:

Load Previous Comments
  • MaMa n'JaY

    จริง ๆ จากประสบการณ์ส่วนตัว มองว่าสอนแค่พอประมาณ ให้ลูกได้มีช่วงเวลาอะไรของเค้าบ้างจะดีที่สุด ถ้าเมื่อไหร่ที่เราคาดหวัง เรากำลังใส่แรงกดดันให้กับลูกค่ะ เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบเล่น บางคนชอบเรียน ปรับวิธีให้เหมาะกะลูกเราดีที่สุด เอาลูกเราเทียบกะลูกคนอื่น ก็ไม่ได้เป็นผลดีเท่าไหร่ เด็กแต่ละคนพัฒนาการไม่เหมือนกัน จริงอยู่ที่เด็กก่อน 7 ขวบมีศักยภาพในการพัฒนาอะไรหลายอย่าง แต่บางอย่างก็ต้องปรับให้เหมาะกับลูก ซึ่งบางทีอาจจะต่างกับเด็กคนอื่นก็ได้ ;)
  • MaMa n'JaY

    เคยเห็นเด็กบางคน ... โดนอัดเรียนนู่นนี่นั่น จนหมดเลย รอยยิ้ม ความสุข .... ซึ่งกันไม่อยากให้เป็นอย่างงั้นกะน้องเจค่ะ ;)
  • MaMa n'JaY

    เรียน ๆ เล่น ๆ ปรับกันไปให้เหมาะกับน้องเจวัยอนุบาล ระหว่างนี้ก็ดูไปเรื่อย ๆ ว่าเหมาะกะอะไร ค่อยเพิ่ม ค่อยลดตามความเหมาะสมและความชอบของน้องเจ
  • MaMa n'JaY

    OTOL >> One Time One Language ก็คือ เวลาใช้ภาษาอังกฤษโดยกำหนดเวลาที่เหมาะสม จะต่างกับ OPOL ที่หลายคนทำอยู่คือ One Person One Language หนึ่งคนหนึ่งภาษา ;)
  • MaMa n'JaY

    จริง ๆ อยากบอกว่า ถ้าพ่อแม่ลดความความหวังและทำความเข้าใจกะพัฒนาการของลูกตัวเอง ก็จะไม่เอาลูกของเราไปเทียบหรือแข่งกะใคร ;) ทำได้มากได้น้อยก็อยู่ที่เด็กรับได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าอะไรต้องใช้เวลา ;) เป็นพ่อเป็นแม่ท้อได้ แพ้ได้ ลุกใหม่ให้ได้ แล้วสอนให้ลูกรู้จักตัวเอง ช่วยเหลือตัวเอง ช่วยเหลือคนอื่น มีน้ำใจ พอเพียง และเพียงพอ .. ก็น่าจะทำให้ลูกอยู่ได้ด้วยตัวเองในวันที่ลูกไม่มีเราแล้วค่ะ แต่ถ้าเรามัวแต่แพลน ป้อน ให้ โดยลูกไม่ได้คิด ไม่ได้ฝึกที่จะทำอะไรเอง เค้าจะอยู่ได้งัย ในวันที่ลูกไม่มีพ่อแม่ ;)
  • ปริษา วัชรเกริกกุล

    แก้ว...ขอบคุณมากเลยสำหรับเว็บไซค์ สนุกมากเลย น้องมินนี่ก็ชอบด้วยล่ะ เอ...อยากเซฟจังเลยทำไงดีล่ะ ขอคำแนะนำด้วยจ้า...
  • Mr. Peter C. Meltzer

    Hi K. Kaew,

    An alligator has a thinner, pointier nose. A crocodile has a wide nose. Also, a crocodile is usually very big. An alligator can be big or small, but is often not as big as a crocodile. You can always tell the difference by looking at their nose.

    I hope this helps,

    Peter
  • Anfield's mommy

    ขอบคุณที่เข้าไปแวะชมคลิปแอนฟิลด์นะคะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
  • MaMa n'JaY

    ดีค่าาาาา ... โรงเรียนเร่งพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน คัดสรรครูคุณภาพ .. แต่ ... จองที่เรียนให้ทันน๊า ... เดี๋ยวเต็มก่อน ;)
  • tanakorn rojjanawin

    อายุใกล้น้องไฟร์ทเลยค่ะ พาน้องไฟร์ทไปสมัครที่ร่มไม้มาแล้วค่ะ อยากให้อยู่ห้องเดียวกันค่ะ จะได้มีเพื่อนค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
  • tanakorn rojjanawin

    ไฟร์ทเกิด 15 มค ค่ะ ยังไม่ค่อยพูดเหมือนกันค่ะ พูดได้เป็นคำๆๆ พูดกับเค้าเป็นภาษาอังกฤษแต่เค้าพูดเป็นภาษาไทย กลุ้มเลยเลยคิดว่าส่งไปเรียนน่าจะดีกว่าเพราะอยู่ที่บ้านอ่าม้าเลี้ยงก้อพูดไทยกับเค้าเราอยุ่กับเค้าแค่ตอนเช้าเพราะต้องไปทำงานค่ะ เห็นเด็กที่เรียนบางคนอายุน้อยกว่าลุกเราอีก แต่ดูเค้าพัฒนาการดีมากๆๆ เลยตัดสินใจส่งไปเรียนค่ะ
  • tanakorn rojjanawin

    เรียนเทอมหน้านี้เลยค่ะ เดือนหน้าก้อไปเรียนแล้วค่ะ เพราะเค้าซนมากกๆๆๆๆๆๆๆประมาณว่าอาม่าบอกว่าห่างสายตาไม่ได้เลยค่ะ สองคนพี่รวมกันยังไม่เท่าความซนของเจ้าตัวเล็กคนเดียว
    เลยส่งไปโรงเรียนเพื่อช่วยอาม่าด้วยเพราะแกอายุเยอะ คอยวิ่งตามไม่ไหวค่ะ
    ตอนแรกก้อคิดว่าเค้าเด็กไปไหมก้อกังวลนะค่ะ แต่ไปดูแล้วเด็กที่อายุน้อยๆๆ เค้าก้อส่งไปเรียนก้อเห็นเด็กมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเยอะ กอเลยตัดใจให้ไปเรียนดีกว่า แต่ละวันโรงเรียนเค้าสอนมีเนื้อหาที่ดี ดีกว่าให้อยู่บ้านวิ่งเล่นไป ดูทีวีเฉยๆๆค่ะ
  • tanakorn rojjanawin

    อยู่ศรีราชาค่ะ แต่ที่ไปที่ร่มไม้เพราะไปดูโรงเรียนแล้วชอบมากเลย เลยย้ายลุกไปเรียนที่นั่นเทอมหน้าทั้งสามคนเลยค่ะ
  • ปริษา วัชรเกริกกุล

    แก้วจ๊ะ ขอบคุณมากค่ะสำหรับเพลง น้องมินนี่ชอบมากค่ะ ดูเกือบทุกวันเลยล่ะ น้องโอมคุยได้มากขึ้นหรือยังค่ะ ? แม่แก้ว สู้ๆ นะจ๊ะ......

    อ้อ...ช่วงนี้ hotmail เราถูกบล๊อกน่ะ ถ้าไม่ได้รับเมล์ไม่ต้องแปลกใจนะ มันยังเข้าไม่ได้เลย
  • Danny-Dome-Daddy.

    สวัสดีครับ...ขอนแก่นเริ่มเย็นลงตั้งแต่เมื่อวานครับ....อากาศตอนเช้าเย็นสบายดีมาก-มาก ครับ

    น้องโอมพัฒนาการเป็นยังไงบ้างครับ..คงคุยเก่งน่าดู นะครับ...

    Take care นะครับ
  • Danny-Dome-Daddy.

    สงสัย..สิ่งแวดล้อมต่างกันครับ..

    ที่บ้านแดนนี่เป็นร้านค้า เป็นครอบครัวใหญ่ ..(มีทั้งหมด 5 คน ลูกน้อง อีก8 คน) ต่างคนต่างช่วยกันยิงคำถามและสอนให้พูด..
    แดนนี่เลยพูดได้เร็ว ส่วนภาษาE ผมสอนเอง และโชคดี ที่ได้ทำงานอยู่บ้านเลยมีเวลาเต็มที่..ก็สามารถพูดได้แล้วครับ (ตามนี้จะหัดพูดตามเรา..เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขครับ...)

    ถ้าจะให้แนะนำ ก็คงใช้สูตรคุณบิ๊ก ครับ เรื่องความถี่...เปิดเพลง เปิด ฝรั่งดิจิตอล ให้ฟังมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ฟังซ้ำๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (ผมทำอยู่ครับ)

    ลองดูครับ..ผมว่าวิธีคุณบิ๊ก work ครับ ข้อสำคัญ อย่าใจร้อน... อย่าไปเปรียบเทียบกับลูกคนอื่น..ลูกของเราเป็น สิ่งเดียวในโลกไม่มีใครลอกเลียนแบบได้ครับ ทำไปเรื่อยๆ...ครับ สนุกและมีความสุขกับช่วงเวลานี้ให้มากที่สุดครับ
  • พ่อน้องเนย

    ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับแม่น้องโอม เรียกผมเล็กก็ได้นะครับ
  • บอมบ์จ้า

    คุณแก้ว หวัดดีจ้า
    อืม ชวงนี้บอมบ์เองมีคัดจมูกนิดหน่อย รู้สึกว่าโบนัสจะติดไปด้วย แต่ก็ไม่ได้เป็นมากค่า ก็ต้องคอยดูแลดีๆ
    คุณแก้วกะน้องโอมสบายดีนะคะ น้องโอมได้ศัพท์ใหม่ๆเพิ่มขึ้นเยอะแน่ๆเลย เดือนหน้าบอมบ์จะกลับไปทำงานแล้วหล่ะค่ะ แต่โบนัสยังไม่ยอมกินนมจากขวดเลย วันนี้ลองให้กินจากแก้วหัดดื่มก็ไม่เอา นี่ปั๊มนมไว้เต็มเลยค่ะเนี่ย ไม่รู้ว่าบอมบ์กลับไปทำงานแล้วเค้าจะยอมกินรึป่าว แต่จะว่าไป พอเริ่มกินข้าวก็กินนมลดลงไปเยอะเลย แต่ก็ยังดีที่กินข้าวได้เยอะอ่ะค่ะ เอ้ออ บ่นตามประสาแม่ลูกอ่อน
  • แม่น้องเนย

    ยินดีที่ได้รู้จักค่ะแม่น้องโอม
  • อรนัย รักในหลวง

    ยินดีที่ได้รู้จักคุณแก้วค่ะ ^__^
  • annjung

    หวัดดีค่ะ
    ยินดีทีได้รู้จักค่ะ
    ขอแลบลิ้นใส่น้องด้วยค่ะ (รูปน้องกำลังจิ้มลักยิ้มใส่ค่ะ )
    :) :) :)
  • annjung

    ดีใจด้วยค่ะ คุณแก้ว
    เป็นสัญญาณที่ดีแล้วค่ะ น้องอยากจะพูด อยากจะคุยกับคุณพ่อ คุณแม่คะ แต่ว่าไม่รู้จะพูดยังไงมากกว่า พอมีคำที่ง่ายๆ พูดได้ง่ายๆ ก็เลยพูดเลยค่ะ พยายามต่อไปนะคะ

    อย่างที่บอกคะ ใช้คำสั้นๆ ง่ายๆ และนำมาใช้ในชีวิตประจำวันค่ะ
    พูดย้ำ พูดบ่อย จะทำให้น้องจำได้ และ พยายามให้พูดก่อนได้สิ่งที่อยากได้ค่ะ
    ลองดู แล้ว มาคุยกันอีกนะคะ

    ขอบคุณค่ะ
  • annjung

    คุณแม่จ๋า หนังสือคายุ แอนไม่มีแฮะ
    เพราะว่าเน้นฝึกอ่าน สั้นๆ ง่ายๆ เนื่อเรื่องหลากหลาย สอนวิทยาศาสตร์ สอนเรื่องราวรอบตัวแทนค่ะ อย่างชุด My first reader -weather, good food ได้เรื่่องราวมากมายค่ะ

    ตอนแรก มีหนังสือคายุเหมือนกัน เพราะว่า ตัวเล็กชอบ
    ปรากฎว่า เอาหนังสือให้อ่าน ดันไม่สนใจ เพราะเนือเรื่อง หรือรูปวาดไม่เหมือนในทีวี
    ก็เลยเปลี่ยนแผน เน้นฝึกอ่านแบบอื่นแทนจ้า

    ขอบคุณที่สอบถามมานะคะ
  • แม่น้องปัณปัณ

    สวัสดีค่ะคุณแม่น้องโอม
    ขอบคุณนะค่ะที่ชมปัณปัณ
    ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะค่ะ น้องปัณปัณกับแม่พึ่งมาเป็นสมาชิกใหม่ค่ะ
    ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
  • บอมบ์จ้า

    สู้ๆนะคะ ตอนนี้บอมบ์เองก็พยายามสอนโบนัสเรื่อยๆเหมือนกัน แต่ตอนนี้เค้าเก้าเดือน ยังพูดไม่ได้ซักภาษา ฮ่าๆๆ แต่คิดว่าเค้าเก็บข้อมูลอยู่ค่ะ เด็กๆฉลาดเกินกว่าที่ผู้ใหญ่คิดเนอะ
  • อรนัย รักในหลวง

    สวัสดีค่ะคุณแก้ว...ขอโทษที่ตอบช้านะค่ะ ไปตจว.มาอ่ะค่ะ เอาแดดมาฝากค่ะ เด็กๆบ้านนี้ตัวดำปี๋เลยค่ะ...เท่าที่อ่านวิธีการของคุณแก้วคือให้น้องโอมเรียนรู้จากประสามสัมผัสใช่มั้ยค่ะ ถูกต้องแล้วล่ะค่ะ ที่สำคัญ..ห้ามแปลด้วยนะค่ะ...
  • อรนัย รักในหลวง

    let's go (and) brush your teeth. ยินดีตอบนะค่ะ แต่อยากให้ไปโพสต์ในห้องอิงลิชจะดีกว่าค่ะ ตรงกับแนวทางของคุณบิ๊ก คือ ภูมิปัญญาร่วม..ช่วยกันคิดหลายๆคนดีกว่าค่ะ บางทีอาจจะได้ปย.เก๋กลับไปก็ได้นะค่ะ...ส่วนเรื่องฝึก ทำให้สนุกๆเข้าไว้ค่ะ ให้เค้ารู้สึกได้ว่าทำแล้วสนุกและมีความสุข
  • paphawee

    ดูแล้ว น้องโอมได้คุณแม่ที่เก่งกว่าน้องแบมมากเลย จ๊ะมีพื้นที่ปลอดภัยให้แบมน้อยค่ะ อาศัยดู CD ด้วยกันแล้วจ๊ะก้อเรียนไปพร้อมกับลูกค่ะ แล้ว ไม่ค่อยมีเวลาเข้าไปดูใน web เท่าไหร่ แต่ตั้งใจไว้ว่า จะไปเรียนภาษาเพิ่ม เพื่อมาเล่นกลับลูกค่ะ สอนแบบไม่กดดันตัวเอง ค่ะ ช่วงแรกไฟแรงมากเครียดค่ะ ตอนนี้ปรับให้เหมาะกับความสามารถตัวเองค่ะ เอาแบบแน่ใจว่าไม่ผิด แล้วชีวิตส่วนใหญ่น้องแบมจะชอบไปพักร้อนใน รพ.บ่อยมากจ๊ะเลยยุ่งกับการดูแลอาการป่วยมาก บ้างครั้งเลย แผ่วๆๆไปค่ะ ถ้ามีที่แนะนำการเรียนภาษาเพิ่มแนะนำด้วยนะค่ะ หรือหนังสือที่ช่วยให้ทราบประโยคสนทนากับลูกก้อได้นะคะ ขอบคุณค่ะ
  • annjung

    คุณแก้วคะ
    แอนเพิงเข้ามาเห็นว่าคุณแก้ว อัพเดทความคืบหน้าของน้องในหน้าความเห็นนี้ค่ะ
    แอนยังใช้เว็บไม่คล่องค่ะ จะหาหน้านี้หลายทีแล้วว่ามีใครเข้ามาเขียนหรือไม่
    บางทีก็เจอ บางทีก็ไม่เจอค่ะ ตลกตัวเองจริงๆ :)

    คุณแก้วจ๋า น้องมีความคืบหน้า เข้าใจตามที่คุณแม่พูดแล้ว ดีใจด้วยค่ะ
    ถ้าคุณแก้วอยากให้น้องพูด คุณแก้วต้องไม่รู้ใจค่ะ
    อย่างที่คุณแก้วเล่าว่า พอบอก sleep น้องก็ก้มหัวลงนอน
    ตรงนี้อยากให้คุณแก้วถามน้องต่อไปค่ะว่า what are you doing?
    แล้วคุณแก้วก็ทำท่า sleep พูดให้เขาฟังว่า สะ -ลีบ
    สะ -ลีบ พูดสัก 5 ครั้ง ทำอย่างนี้ทุกครั้งค่ะ พูดชัดถ้อยชัดคำนะคะ น้องจะะได้ฟังถนัด
    เล่นกันอย่างนี้ทุกวัน ประมาณสักอาทิตย์หรือ 2-3 วัน คุณแม่ลองแกล้งเว้นคำหลังค่ะ
    สะ ....... ถ้าน้องยังไม่พูด ก็เฉลยให้น้องฟังได้ค่ะ
    แล้วทิ้งคำหลังให้น้องต่อบ่อยๆค่ะ


    ทำอย่างนี้สำหรับทุกคำที่สอนค่ะ เช่นเดียวกับ go up and go down ค่ะ
    ทุกคร้้งที่ขึ้น ให้เขาพูดว่า up อัพ อัพ ค่ะ

    เขียนมาเล่าเรื่อยๆนะคะ :)
    ดีใจด้วยกับพัฒนาการน้องค่ะ :)
  • MaMa n'JaY

    เทอมนี้ตกลงเข้าที่ร่มไม้ป่าวจ๊ะ :)
  • annjung

    คุณแม่น้องโอมจ๋า

    คิดถึงค่ะ เลยแวะเข้ามาคุยด้วย
    น้องโอมต้องพูดเก่งขึ้นแล้วแน่ๆเลย เอาใจช่วยอยู่นะคะ
    มีไร เขียนมาคุยกันนิดนะคะ

    ขอบคุณค่ะ
  • MaMa n'JaY

    โอ้โห .... พี่เจมีแฟนคลับด้วย 5555+

    ปีนี้นักเรียนสมัครเยอะ สงสัยเพิ่มห้องอีกแน่เลย นี่กันก็ได้จดหมายจองที่เรียน อ.2 แล้ว ปีหน้า อ.2 มี 3 แล้วห้องค่ะ
  • MaMa n'JaY

    ลืมบอกไปจ้า แนะนำห้องครูแคลร์นะ แต่ไม่รู้ว่าห้องครูแคลร์จะรับเด็กเล็กมั๊ย แต่ครูดูแลดีมาก ใจเย็นมาก แล้วก็จะได้ภาษาอังกฤษเยอะด้วย เพราะว่าครูก็พูดอังกฤษกะน้อง แล้วก็ T.Katie ก็ช่วยสอนห้องนี้ พูดอังกฤษตลอดค่ะ (แต่ไม่แน่ใจว่าปีหน้าจะมีสลับครูป่าวนะ) แต่ครูแคลร์ หรือ ครูสุ โอเคค่ะ (ครูคนอื่นก็ดี แต่ว่ากันไม่คุ้นเคย เลยแนะนำได้แค่ครูที่เคยเป็นครูประจำชั้นน้องเจอะค่ะ) :)
  • MaMa n'JaY

    ตอนสมัยที่น้องเจไปเข้า นักเรียนใหม่ไม่เยอะขนาดนี้ค่ะ ไม่ได้มีให้เลือก mini eng. กะ bilingual เพราะว่าตอนนั้นเค้าบังคับเตรียมอนุบาลเป็น mini eng. ทั้งหมด และจะเลือกตอนเข้า อ.1 ว่าจะต่อเป็น mini eng. หรือ bilingual พ่อแม่ส่วนใหญ่ก็จะให้ลูกเรียน bilingual (น่าจะเหตุผลที่ว่าค่าเทอมต่างกันแค่หมื่นเดียว แต่ว่าถ้ามีครูต่างชาติในห้องทั้งวัน เด็กจะซึมซับภาษาอังกฤษมากกว่า และคุ้มกว่าอะค่ะ) ทาง รร. ก็เลยต้องเพิ่มห้อง bilingual ซึ่งครูแคลร์บอกกันว่าปีที่แล้วเทอม 2 ห้อง watermelon ที่น้องเจเรียน เป็นเตรียมอนุบาลที่นำร่องหลักสูตร bilingual ค่ะ เทอมนั้นนับว่าโชคดีมาก มีครูต่างชาติสอนคู่ครูแคลร์เลย ในสายตากันน้องเจก็เลยเร็ว (แต่ไม่เคยเจอเพื่อนน้องเจนะ ก็เลยไม่รู้ว่าในห้องเค้ามีพัฒนาการยังงัยกัน) แต่เท่าที่ครูแคลร์เคยบอกคือเด็ก ๆ จะฟังได้ เข้าใจอะค่ะ 

  • MaMa n'JaY

    ตอนที่น้องเจไปเข้า รร. เค้า test พ่อแม่จากแบบทดสอบ ซึ่งที่ครูเอ้ที่อยู่ห้องธุรการจะเอามาให้กรอก คิดว่าน่าจะดูความพร้อมของพ่อแม่ ทัศนคติ จิตวิทยา และความร่วมมือของผู้ปกครองค่ะ เพราะว่าบางทีจะมีกิจกรรมให้พ่อแม่ร่วมหลายกิจกรรม และกิจกรรมเหล่านั้นจะส่งผลทางจิตใจกะลูก กันว่าเรียนที่นี่ดีอย่างคือเรียน ๆ เล่น ๆ ก็จริง แต่ลูกเราได้อะไรเยอะ มีความสุขดี ซุกซนไปตามวัย มีคดีความกะเพื่อนบ้าง ทุกอย่างก็จะถูกดูแลอย่างใกล้ชิดโดยครูประจำชั้น ไม่มีดุ ด่า ว่า ตี หรือทำร้ายจิตใจใด ๆ ทั้งสิ้น (หัวใจดวงน้อย ๆ ของเด็ก ๆ ได้รับการถนุถนอมอย่างดี 5555+) ทุกเรื่องส่งถึงพ่อแม่ผู้ปกครองค่ะ ยิ่งน้องเตรียมเนี่ย สมุดสื่อสารฯ เงี้ย ครูเขียนกันมือหงิกเลย เพราะต้องเขียนเล่าพัฒนาการให้ทุกวัน ;)

  • MaMa n'JaY

    ส่วนเรื่องความพร้อมของเด็ก (คือเข้าน้องเตรียมฯ กันไม่รู้เค้าทดสอบอะไรค่ะ) เพราะว่าตอนนั้นที่พาน้องเจไปเข้าเนี่ย ขอเข้า อ.1 แต่ว่าอายุน้อยกว่าเกณฑ์ไป 2 เดือน ครูเต่า (รอง ผอ.) ขอทดสอบน้องเจคือพาน้องเจเข้าไปห้องเย็น พูดคุย เล่น ต่อบล็อค เรียงบล็อค เรียงสี ทุกอย่างเป็นไปอย่างธรรมชาติ แล้วก็สังเกตพฤติกรรมว่าช่วยเหลือตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน เวลาจากพรากพ่อแม่มีปฏิกิริยายังงัย (คือใจกันคิดอยู่แล้วว่ายังงัยก็คงไม่ pass ข้ามไป อ.1 ให้หรอก แล้วก็เป็นอย่างงั้น) ครูเต่าให้ความเห็นว่าน้องเจได้หมดเลย เรียงบล็อค ไล่สี บอกสีทั้งไทยและอังกฤษ นับจำนวน ฯลฯ (ที่กันไม่รู้ ครูเล่าแค่คร่าว ๆ) แต่ติดที่อายุ เพราะถ้าไปอยู่ อ.1 เลยจะต้องช่วยเหลือตัวเองได้ในระดับนึง ไม่ร้องไห้ ใส่เสื้อ กางเกง ถุงเท้า รองเท้า เข้าห้องน้ำเองได้ เข้าใจสัญลักษณ์ประจำตัวเด็ก (ของน้องเจคือ owl ครูเค้าจะสอนเด็กและฝึกให้เด็กจำของใครของมัน ไม่เหมือนกัน ถึงเวลาต้องเก็บเข้าล็อคเกอร์ของตัวเองได้) แล้วก็จะเรียนเยอะกว่าเตรียมอนุบาลเยอะมาก (ดูจากปีนี้ของน้องเจนะคะ)

  • MaMa n'JaY

    ครูเต่าแนะนำว่าอยากให้น้องเจเรียนเตรียมอนุบาล (แต่กันห่วงว่าวิชาการน้องเจเยอะมาก กลัวมีปัญหากะเพื่อน) ตอนนั้นน้องเจก็ช่วยเหลือตัวเองได้ในระดับหนึ่งอย่างที่ครูเต่าบอก แค่ยังไม่ยอมเข้าห้องน้ำเอง และติดว่ายังติดกระดุมเสื้อเองไม่เป็น นอกนั้นพอทำได้ เพราะสอนใส่ถุงเท้า รองเท้าอะไรเองนานแล้ว เวลาจับใส่ถุงเท้าหรือรองเท้าอะไรพวกนี้ กันจับน้องเจนั่งใส่ด้วยตลอด ไม่เคยใส่ให้โดยที่น้องเจไม่มีส่วนร่วม 5555+ (อ.1 เค้าจะสอนเรื่องเก็บที่นอน พับผ้าห่ม ฯลฯ อีกเยอะเลย) ส่วนเรื่องเรียนครูเต่าบอกว่าไม่เป็นปัญหา เพราะเด็กยังไร้เดียงสา ไม่มีอิจฉา แต่จะเห็นคนเก่งเป็น hero ซึ่งโดยส่วนใหญ่เด็ก ๆ จะชื่นชมครู ที่ครูให้เรียนเตรียมเพราะอยากให้มีพื้นฐานภาษาที่แน่นด้วย ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ครูบอกอีกว่าถ้าเรียนไปแล้ว คุณแม่มั่นใจว่าน้องสามารถ pass ไป อ.2 ได้ ให้แจ้งกะครูประจำชั้นตอนก่อนหมดเทอม 2 ทาง รร. ยินดีเปิดให้น้องลองทดสอบด้วย

  • MaMa n'JaY

    แต่จากสถิติที่มีคุณพ่อคุณแม่ขอทดสอบนั้น ผ่านไปเรียน อ.2 ได้หลายคน แต่พอไปเรียนจริง มีแค่ 2 คนเท่านั้นเองที่ต่อไปได้ ที่เหลือขอย้ายมาเริ่มต้น อ.1 ซึ่งกันก็สบายใจที่ครูให้รายละเอียดที่ชัดเจน เราไม่ต้องถามอะไรมาก เพราะบุคลากรของ รร. ค่อนข้างให้ข้อมูลชัดเจนมาก ๆ อยู่แล้วค่ะ (เพราะเค้าเน้นคุณภาพจริง ๆ)

    จริง ๆ เคยเสียความรู้สึกที่น้องเจไม่ได้เข้า อ.1 แต่ว่าวันนี้รู้สึกว่าโชคดีมากกว่าที่เราเชื่อและปล่อยให้น้องเจโตไปตามวัยที่ควรจะเป็น ความรู้น้องเจแน่นมาก แล้วก็มีความสุขมากที่ไปโรงเรียน สนุกกะการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ซึ่งถ้าปีที่แล้วครูให้เข้า อ.1 อาจจะไม่เป็นอย่างงี้อะค่ะ เพราะหนังสือ อ.1 บางเล่มไม่ใช่หนังสือไทย เช่น วิทยาศาสตร์สำหรับ pre-school เป็นของ Malaysia (โอเคแหละ สำหรับเรา ไม่ยากหรอก ง่ายด้วยซ้ำ แต่มันภาษาอังกฤษหมดเลย แต่ลูกเราอะจิ ถ้าพื้นฐานภาษาไม่แน่น มันจะมีปัญหาระยะยาว และมันยากนะ แล้วการบ้านมีทุกวันเลย ยิ่งช่วงไหนหยุดยาว ครูใส่มาเป็นปึกเลย การบ้านบางวิชาจะใช้ความร่วมมือระหว่างผู้ปกครองและลูก ให้แสดงความคิดเห็น คือลูกเขียนไม่ได้ คนที่สอนหรือพ่อแม่นั่นแหละ ต้องคุยกะลูกแล้วเอาคำตอบที่ลูกตอบ เขียนตอบให้ครู บางอย่างอาศัยงานฝีมือด้วย เช่น ดอกไม้ไหว้ครู ฯลฯ อีกหลายกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกว่าบ้านกะโรงเรียนใกล้กันนิดเดียว) เมื่อไหร่ที่ครูมองว่าลูกเราเริ่มมีปัญหา ปัญหาเริ่มซ้ำ ๆ รอรับโทรศัพท์ได้เลย คุยยาวกันเป็นชั่วโมง 5555+

  • MaMa n'JaY

    โห .. เพิ่งมารู้ตัวว่า ... เขียนยาวมากเลย ;) ไม่รู้ว่ามีประโยชน์มากน้อยแค่ไหน ก็นำไปปรับใช้ให้เหมาะกับน้องโอมและครอบครัวดีที่สุดค่ะ ;)

     

    อืมม .. น้องเจมีปัญหาตอนเตรียมอนุบาลมาก ๆ คือได้ภาษาอังกฤษเยอะมาก รู้สึกเบื่อ ร้องไห้ไม่ไปโรงเรียน ตอนนั้นก็เข้าไปคุยกะครู จนปรับสอนภาษาน้องเจให้เป็น OTOL ทางครูก็ปรับการสอนให้สนุกมากขึ้น เทคนิคเยอะขึ้น ส่วนเทอมที่แล้ว อ.1 น้องเจไม่มีปัญหาวิชาการอะไร แต่ว่าติดปัญหาวิชาศิลปะกะดนตรี ที่ครูนุชบอกว่าน้องเจชอบดูเพื่อนทำก่อน แล้วตัวเองทำทีหลังก็จะเสร็จช้า ต้องกระตุ้น วิชาดนตรีได้เรียนอิเลคโทน จำโน๊ตได้ ร้องเพลงได้ ดีดโดเรมีได้ แต่ว่าไม่นิ่ง ทั้งสองวิชานี้เคยถามน้องเจว่าเพราะอะไร น้องเจบอกว่าครูสอนไม่สนุก ศิลปะไม่สนุก สู้มะม๊าไม่ได้ ส่วนอิเลคโทนไม่ชอบครู (อาจจะอคติว่าครูบังคับต้องวางนิ้วตรงนี้ อย่างงั้นอย่างงี้ ซึ่งก็เป็นหน้าที่ครูอยู่แล้ว เพราะอิเลคโทน มันเป็นคีย์ตายตัว ซึ่งกันก็เข้าใจ) ตอนไปรับสมุดพกเทอมที่แล้ว ก็ได้คุยกะครูถึงปัญหาทั้งสองเรื่องนี้ เทอมนี้ครูบอกว่าน้องเจทำศิลปะดีขึ้น สวยขึ้น เร็วขึ้น แต่ว่ายังคงดูเพื่อนก่อน แล้วบอกครูว่าเจ่เจ๊จะทำให้สวยกว่าเพื่อน 555+ ซึ่งครูก็บอกว่าลองทำดู  ถ้าสวยจะโชว์ขึ้นบอร์ดแถวบนเลย (กันก็ได้ไปเห็นมาล่าสุด ระบายสีสวยขึ้นจริง ๆ) อยู่ที่บ้านกันก็จะพยายามมีอะไรพวกนี้ให้ทำเพิ่ม ฝึกสมาธิ แต่ก็ระบายดีขึ้นจริง ๆ เพราะเพิ่งให้ทำเมื่อสองวันที่แล้วอะค่ะ) ส่วนอิเลคโทน เทอมนี้ลงเรียนพิเศษไม่ทัน น้องเจยังไม่นิ่งอยู่ดี (ติดเล่น) แต่จำโน๊ตได้ วางนิ้วได้ ส่วนวิชาคอมฯ ครูบอกว่าน้องเจทำได้ดี (เทอมที่แล้วน้องเจมาบ่นให้ฟังว่าคอมฯที่โรงเรียนไม่สนุกเลย ไม่มีเน็ต ไม่มี youtube กันก็ได้แต่หัวเราะ เพราะ อ.1 เค้าสอนแค่ฝึกกล้ามเนื้อมือ แล้วก็ความจำนิดหน่อย แต่น้องเจไปไกลแล้ว 555+ เทอมนี้โอเค เริ่มสนุก ตื่นตาตื่นใจ เพราะคอมฯ ที่โรงเรียนครูเค้าใช้แบบจอใหญ่ touch screen น้องเจก็ตื่นเต้น และทำได้ดี 555+)

  • MaMa n'JaY

    เทอมนี้โอเคมากขึ้น ได้ภาษาอังกฤษเยอะขึ้น พูดอะไรแปลก ๆ เยอะขึ้น อ่านได้เยอะ อันไหนไม่รู้ก็จะถามเลย กันก็คงไม่เทียบชั้นอะไรให้น้องเจแล้ว ก็เป็นไปอย่างงี้แหละ (อยากเกิดเดือน กรกฏาคม ทำไมล่ะ 5555+ ก็โดนกดให้เด็กลงไปชั้นนึง เหมือนกะกันตอนเด็ก ๆ อะแหละ เพราะเกิดเดือนเดียวกัน)

     

    เดี๋ยวหมดเทอมค่อยคุยกะครูอีกทีว่าปีหน้าควรอยู่ห้องครูอะไร ซึ่งต้องขอครูที่น้องเจเกรงใจ (เหมือนครูนุช) ซักคน ไม่งั้นเอาไม่อยู่ 555+

     

    น้องเจมาขอเรียนเปียโนกะไวโอลิน กันก็พาไป test แล้ว ก็ได้ความเห็นเหมือนครูแหละ คือจำได้ เข้าใจ ทำตามคำสั่งได้ แต่ไม่นิ่ง (ติดเล่นอยู่นั่นแหละ) กันเลยพับโครงการนี้ไปก่อน บอกน้องเจไปว่ารอให้น้องเจนิ่ง (เหมือนน้องแพนเค้ก) ก่อน แล้วจะให้เรียน (น้องแพนเค้กก็เพื่อนในห้องเดียวกัน แม่พาไปเรียนเปียโนแล้ว น้องเค้านิ่งกว่าน้องเจเยอะ แต่ยังไม่ค่อยยอมเขียน อยู่ในห้องเรียนก็จะติดเล่นวิชาอื่น ตรงกันข้ามกะน้องเจ อันนี้แม่เค้าเล่า 555+ ก็เลยต้องไปฝึกกันคนละด้าน 555+) น้องเจชักดิ้นชักงอใหญ่ว่าจะเรียนให้ได้ แต่กันยังคงพับโครงการไว้ จนกว่าน้องเจจะนิ่ง 5555+

  • MaMa n'JaY

    ลองพิจารณาดูค่ะ .... ครูที่นี่ค่อนข้างมองเด็กขาดดดด! การันตี!

     

    อ้อ ... ถ้าห้องน้องเตรียมฯ เด็กที่โตหน่อย น่าจะเป็นครูแคลร์ค่ะ (ครูประจำชั้นเก่าน้องเจ) ;) ครูคนอื่นไม่รู้จักค่ะ ส่วนครูสุ ไม่รู้อยู่ห้องไหน เพราะว่าโดนสลับไป ปีที่แล้วครูสุก็เป็นครูประจำชั้นเก่าคู่กะครูแคลร์อะค่ะ คนนี้ก็ดีค่ะ น่ารัก ใจดี น้องเจก็รักมากกกก .. ไม่แพ้ครูแคลร์เลย ;) (ปีนี้น้องเจรักครูนุช, T.Pearl แล้วก็ครูจ๋อมค่ะ) 5555+

  • MaMa n'JaY

    ลองให้ทางโรงเรียนทดสอบดูค่ะ ... จริง ๆ แล้ว Mini Eng. กะ Bilingual ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ ต่างกันแค่ว่ามีครูต่างชาติสอนจริงจังวันละประมาณ 30 นาที กะ ครูต่างชาติอยู่ด้วยทั้งวัน ที่ร่มไม้เน้นพัฒนาการมากกว่าวิชาการ แนวทางการสอนให้เด็กดี เรียนเก่ง และมีความสุข ทุกอย่างควรเป็นไปตามวัยจ้า ... วิชาการจะมากขึ้นตอน อ.1 เห็น ๆ เลย ...

     

    แต่มีข้อติงอยู่นิดนึงตรงที่ว่าถ้าทำ OPOL แล้ว ควรจะมีคนนึงที่เก่งภาษาไทยทำหน้าที่จริง ๆ จัง ๆ นะ เพราะว่าเท่าที่เห็นมา เด็กที่ยอมใช้ภาษาอังกฤษแล้วจะไม่ค่อยยอมใช้ภาษาไทยล่ะ (ไม่รู้คิดเองรึป่าวนะ) แล้วจะทำให้การเรียนรู้ของเด็กเนี่ยเหมือนกะขาดช่วงไป ไม่มีอะไรเด่นซักอย่างเลย ซึ่งที่ร่มไม้ก็ไม่ได้เน้นภาษาอังกฤษมากมายขนาดนั้น เพราะไม่ใช่โรงเรียนอินเตอร์ ผอ.เองก็ยังไม่มีแนวคิดจะพัฒนาให้ร่มไม้เป็นอินเตอร์ฯ เพราะเค้ามองว่าการใช้ภาษาอังกฤษเหมือนเป็นวินัย ถ้าได้ใช้บ่อย ๆ  ฝึกบ่อย ๆ ก็จะซึมซับ และใช้ได้ดี แต่ไม่ได้หมายความว่าหากสอนทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษแล้วทุกอย่างจะดี หรือจะได้วิชาการแน่น อย่างเช่น วิชาหลัก ไม่ว่าจะเป็น เลข วิทย์ สังคม พวกนี้ ไม่มีการสอนเป็นภาษาอังกฤษ เพราะเน้นในเนื้อหารายละเอียด แต่ถ้าจะเรียนเป็นภาษาอังกฤษก็จะหาครูผู้รู้จริง ๆ นั้นหายาก นอกจากว่าเรียนพวกนี้เป็นภาษาอังกฤษก็ได้แค่ภาษา (ผอ.ว่างั้น) 555+ (กันเห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ)

  • MaMa n'JaY

    ที่บอกอย่างงั้นเพราะว่าเกิดกะตัวเองเลย ขนาดว่าสอนภาษาอังกฤษน้องเจแบบ OTOL แท้ ๆ แต่บางทีน้องเจพูดทับศัพท์ไทยเป็นภาษาอังกฤษ ในประโยคไทย มาบอกกันว่า มะม๊าคำนี้ภาษาไทยว่าอะไร ใจกันก็แป้วเลย เฮ้ย .. ลูกชั้นคนไทยนะเฟ้ย ลูกรู้ภาษาอังกฤษ แต่ไม่รู้ไทย (เราจะทำงัยดีหว่า ... เดี๋ยวไทยก็ไม่แน่น อังกฤษก็ไม่ได้ กลายเป็นงูเป็นปลาไป ไม่อยากให้เป็นอย่างงั้นเลย)

    ตั้งแต่วันนั้นปรับการสอนใหม่หมด-ปรับเวลาใหม่ด้วย เพราะว่าน้องเจเริ่มรู้เยอะขึ้น คำถามเยอะขึ้น เรียนที่โรงเรียนก็เยอะขึ้น ทุกวันกันจะมีกิจกรรมหลังทำการบ้านกะน้องเจวันละ 1 ชม. ที่น้องเจต้องมานั่งทำการบ้านของกัน (ทำควบคู่กะการฝึกเก็บกระเป๋า รองเท้า จัดชุดนอนเตรียมอาบน้ำ กินข้าวเย็นด้วย) เมื่อก่อนทำการบ้านของโรงเรียนอย่างเดียว รู้สึกว่าน้องเจไม่นิ่ง เล่นเยอะไป ก็จัดระเบียบ เอาวินัยเข้ามาฝึก รวมทั้งฝึกเรื่องของเวลาด้วย ทำการบ้านของกันเสร็จ กินข้าว อาบน้ำ แล้วปล่อยฟรีสไตล์เลย จะไปเที่ยวกะอากู๋ ไปเล่นบ้านอาม่า เล่นคอมฯ ดูวีซีดี ได้หมด แต่ต้องกลับมานอนตอน 2 ทุ่ม (ซึ่งทุกวันนี้เวลานี้ค่อนข้างเป๊ะแล้ว น้องเจเค้าจะดูเวลาแล้วกลับมาเป๊ะ เพราะถ้าถึงเวลาไม่กลับมา วันต่อไป ... อด 5555+)

    สิ่งที่สอนหลังทำการบ้านส่วนใหญ่จะเป็นศิลปะ คัดลายมือ จับคู่ คำศัพท์ อ่านไทย ส่วนเรื่องภาษาอังกฤษทำ OTOL และเพิ่มศัพท์ให้ก่อนนอน สลับกับการเรียนเลข บางทีก็มีสอน grammar ง่าย ๆ ด้วย แต่ว่าดูที่เวลา ถ้าน้องเจง่วงมาก ก็จะหยุด หรือเริ่มไม่สนุกแล้วก็หยุด กิจกรรมพวกนี้สลับกับการอ่านอังกฤษ เล่านิทาน และนอนคุย 555+

    กันกะว่าอาทิตย์หน้าจะจัดเวลาใหม่ เพราะตอนนี้จับเวลาท่องเลขให้น้องเจ แล้วก็สอนบวกเลขทีละ 1 ด้วย ค่อย ๆ สอนกันไป ตอนนี้น้องเจสนุกมาก ๆ ขอให้เล่นเกมส์บวกเลขกันทุกคืน แต่กันจะไม่ได้ทำให้ทุกคืน ก็ให้สลับไป เพื่อความสนุกสนาน ภาษาอังกฤษก็มีไปบ้านครูเสาร์อาทิตย์ก็เบาแรงกันไปนิดนึง ;)

  • MaMa n'JaY

    จริง ๆ เพื่อนหลายคนก็เม้นท์ว่าเกินไปมั๊ยกะที่ (ดูเหมือนว่า) กันยัดอะไรน้องเจมากมาย  จริง ๆ แล้วเราไม่ยัด แต่เวลาเพื่อนถาม ก็จะตอบแค่สิ่งที่เพื่อนถาม ถ้าอธิบายก็จะยาว สำหรับน้องเจเค้าเรียกว่าเป็นกิจวัตร หลายอย่างทำเอง เช่น เสื้อผ้าใส่แล้วต้องใส่ตะกร้าไหน จะกินนมต้องเดินไปเอาที่ไหน กินแล้วต้องทิ้งที่ไหนอะไรยังงัย หลายอย่างที่ทำเองได้ ก็จะปล่อยให้ทำเอง กันก็จะแอบ ๆ ดู ถ้าทำแล้วไม่ดี ก็จะสอนใหม่ น้องเจเค้าทำมาตั้งแต่เด็ก วินัยอะไร ก็ฝึกผ่านการเล่น ทำมาตั้งแต่น้องเจอายุ 9 เดือน (บางอย่างก็ก่อนด้วย อย่างใส่ถุงเท้าเนี่ย ตั้งแต่ 6-7 เดือนเลยมั้ง เพราะนั่งได้แล้ว กันจับนั่งตัก สอนใส่ถุงเท้า รองเท้า มาปล่อยให้ใส่เองก็ตอน อ.1)

    ตอนนี้แม่จะเป็น "นางพญาผมขาว" แล้ววววว ... 555+

  • MaMa n'JaY

    คำแนะนำให้ได้ ถ้ามีประสบการณ์น๊า .. ปกติถ้าไม่ใช่จากประสบการณ์จะไม่พูดล่ะ เพราะไม่มีทฤษฎีอะไรในหัวเลย 555+ เอาชีวิตลุยดุ่ย ๆ ๆ ลองผิดลองถูกไปเรื่อย 555+

    จริง ๆ เคยคิดว่าจะเริ่มภาษาจีนให้น้องเจ แล้วก็ดูหนังสือ ดูคลิป ดูศัพท์ไว้ แต่ดูเหมือนว่าตารางค่อนข้างเอี๊ยดแล้ว ถ้าใส่ไปอีก มันก็จะเครียดกันทั้งแม่ทั้งลูก และที่คุยกะคุณพ่อน้องเจ เค้าก็ยังไม่เห็นความสำคัญมากมายอะไรที่จะต้องเริ่มจีนตอนนี้ (ทั้ง ๆ ที่เค้าก็ทำงานบริษัทคนจีน ดิวกะคนจีน เค้าก็ใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมดด้วยซ้ำ เราทำงานที่นี่ ไม่ได้อยู่ประจำที่จีน และไม่เคยคิดว่าจะย้ายไปอยู่ ตปท. 555+) พ่อน้องเจมองว่าภาษาจีน เสริมตอนที่โตกว่านี้อีกหน่อยก็ยังไม่สาย เพราะภาษาจีนส่วนใหญ่ใช้ในการทำงาน แต่ภาษาสากลน่าจะเป็นอังกฤษเพราะใช้แพร่หลายกว่าเยอะ และใช้กันทั่วโลก เลยอยากให้ได้ดี ๆ ก่อน ถ้าแม่นแล้วค่อยเริ่มก็ยังได้ และย้ำกันอยู่เสมอว่าอยากสอนภาษาลูกไม่ว่ากัน แต่ต้องไม่ลืมวิชาหลัก แต่ไม่ใช่เอาวิชาหลักมาสอนเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งมันไม่มีประโยชน์ ตอนนี้เราก็เลยแบ่งให้พ่อเค้าดูแลวิทย์-คณิต (เค้าจะเก่งกว่ากัน .. ก็เล่นจบเกียรตินิยมฟิสิกซ์ประยุกต์ตอน ป.ตรี)

  • MaMa n'JaY

    น้องเจจะเห็นปะป๊าเค้าเป็นฮีโร่มาก ณ ตอนนี้ เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นปะป๊าพูดอังกฤษเลย แล้วมีวันนึงมาได้ยินปะป๊าคุยภาษาอังกฤษ (กะพวก engineer คนจีน) น้องเจนั่งฟังไปยิ้มไป ตื่นเต้นใหญ่เลย แอบมากระซิบถามกันด้วยนะ ว่าปะป๊าพูดภาษาอังกฤษเป็นเหรอ กันบอกว่าเป็นสิ เก่งด้วยนะ น้องเจยิ้มแป้นเลย (เวลาปะป๊าคุยโทรศัพท์ชอบไปแอบฟังแล้วยิ้ม)

    ส่วนปะป๊าก็คงปลื้มน้องเจ (แต่ว่าไม่เคยพูดออกมา) แสดงออกมาทางสีหน้ายิ้มเวลาที่ได้ยินน้องเจพูดหรืออุทานเป็นภาษาอังกฤษได้เป็นธรรมชาติ(ถึงแม้ว่าเราไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษกันทั้งวัน) ออกแนวขำมากกว่า ทำนองนี้ ;)

    ทุกอย่างพยายามให้เป็นไปด้วยความสนุก แม้กระทั่งตอนนี้ที่ฝึกเลขแนวพ่อธีร์ กันเคยถามเค้าผ่าน fb ถึงเรื่อง mind map กันก็นึกว่าเค้าจะแนะนำอะไรกันบ้าง แต่เค้ากลับแนะนำให้กันซื้อหนังสือเค้า (และไม่ตอบอะไรเลย) กันก็เลยไปซื้อหนังสือมาอ่าน (แล้วก็ไม่ได้ตาม fb แล้ว) เอา concept มาปรับให้เหมาะกะน้องเจ เพราะบางอย่างน้องเจก็เกินแล้ว บางอย่างก็ช้า (ไม่ถึงกับขาด อยู่ในระดับ อ.1 ทำได้) ตอนนี้สอนบวกเลข +1 ไปพอสมควรแล้ว ประมาณไม่เกิน 50 น้องเจค่อนข้างเข้าใจและคิดเลขได้เร็วขึ้น ไม่ถึงกะมาก แต่อยู่ในระดับพอใจ สนุกดี น้องเจก็ชอบ คิดว่ามาถูกทางแล้ว ก็ทำต่อ ไม่มากไม่มาย เอาแค่พอดี (พ่อน้องเจบอกว่าก็ไม่ต้องตามเค้ามากหรอก บางอย่างก็ไม่เหมาะกะน้องเจ กะเรา ก็เหมือนกะที่เราเลือก OTOL ว่ามันเหมาะแล้วกะครอบครัวเรา 555+) /// เล่าให้ฟังเฉย ๆ จ้า ว่าช่วงนี้น้องเจทำไรบ้าง ;)

  • MaMa n'JaY

    เอาลิ่งค์แนะนำโรงเรียนมาให้ดูค่ะ :)

    โรงเรียนร่มไม้ ...

  • แม่เปิ้ล

    สวัสดีค่ะ Nong Om

    ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

  • annjung

    เยี่ยมไปเลยค่ะ คุณแม่

    น้องเริ่มพูดได้บ้างแล้ว เริ่มเห้นผลแล้วนะคะ

    เยี่ยมมากๆค่ะ

     

    คุณแม่อาจเน้นการใช่้คำซ้ำให้มากขึ้นค่ะช่วงนี้ เพราะน้องเริ่่มจำคำที่เราพูดแล้วคะ

    และคำซ้ำนั้น ควรพูดช้า ชัดถ้อยชัดคำ และ ย้ำคะ Pig , this is pig , a pig ,pig ,pig

    เพื่อว่าน้องพูดตามแล้วจะได้พูดชัดด้วยค่ะ

     

    ถ้าน้องได้ pig แล้ว พอครั้งหน้า คุณแม่อาจเว้นคำท้ายทิ้งไว้ เว้นช่องว่างให้น้องมีโอกาสพูดแล้ว ลองดูผลว่าน้องจะพูดมั้ยค่ะ  จะได้ดึงให้น้องพูดได้มากขึ้นค่ะ

     

    ลองดูนะคะ  แอนขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ

    ดีใจจังที่เขียนมาอัพเดทให้ฟัง บางทีแอนก็ไม่ค่อยว่างเขียนหาน่ะค่ะ ต้องขอโทษจริงๆค่ะ

  • แม่น้องเมตร

    จะสู้ ๆ ต่อไปคะ ขอบคุณแม่น้องโอม คะ