ฝึกวินัยตามวัยของลูก - หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้
2024-03-28T11:34:39Z
https://go2pasa.ning.com/forum/topics/2456660:Topic:130663?commentId=2456660%3AComment%3A130854&feed=yes&xn_auth=no
you're welcome ka
tag:go2pasa.ning.com,2009-11-13:2456660:Comment:132916
2009-11-13T07:49:39.984Z
Nui & Pordee krub
https://go2pasa.ning.com/profile/Tossawan
you're welcome ka
you're welcome ka
คุณแม่น้องจันทร์เจ้าคะ ลูกอาย…
tag:go2pasa.ning.com,2009-11-13:2456660:Comment:132914
2009-11-13T07:48:07.620Z
Nui & Pordee krub
https://go2pasa.ning.com/profile/Tossawan
คุณแม่น้องจันทร์เจ้าคะ ลูกอายุเท่าไรแล้วคะ ถ้าเป็นช่วงขวบปีที่ 2-3 พบการร้องกรีดและดิ้นลงมือลงเท้าได้เป็นปกติ ที่อ่านมานะคะคุณหมอแนะนำว่า อย่าเข้าไปโอ๋ อย่าเข้าไปดุ ต่อว่าหรือตี โดยให้เพิกเฉย และพูดว่า "ลูกทำแบบนี้ แม่ไม่ชอบ พอลูกหยุดร้องแล้ว ค่อยมาคุยกับแม่" เป็นการสื่อให้ลูกรู้ว่า<br />
-คุณไม่ยอมรับพฤติกรรมแบบนี้<br />
-หากเขาหยุดพฤติกรรมแบบนี้แล้วคุณจะให้ความสนใจเขา<br />
-คุณให้โอกาสเขาเลือกว่าจะร้องหรือจะหยุด คุณไม่ได้ไปบังคับเขา<br />
ด้วยวิธีนี้ ลูกจะหายกรีดร้องในที่สุด บางรายอาจหายภายในหนึ่งสัปดาห์…
คุณแม่น้องจันทร์เจ้าคะ ลูกอายุเท่าไรแล้วคะ ถ้าเป็นช่วงขวบปีที่ 2-3 พบการร้องกรีดและดิ้นลงมือลงเท้าได้เป็นปกติ ที่อ่านมานะคะคุณหมอแนะนำว่า อย่าเข้าไปโอ๋ อย่าเข้าไปดุ ต่อว่าหรือตี โดยให้เพิกเฉย และพูดว่า "ลูกทำแบบนี้ แม่ไม่ชอบ พอลูกหยุดร้องแล้ว ค่อยมาคุยกับแม่" เป็นการสื่อให้ลูกรู้ว่า<br />
-คุณไม่ยอมรับพฤติกรรมแบบนี้<br />
-หากเขาหยุดพฤติกรรมแบบนี้แล้วคุณจะให้ความสนใจเขา<br />
-คุณให้โอกาสเขาเลือกว่าจะร้องหรือจะหยุด คุณไม่ได้ไปบังคับเขา<br />
ด้วยวิธีนี้ ลูกจะหายกรีดร้องในที่สุด บางรายอาจหายภายในหนึ่งสัปดาห์ แต่บางรายอาจใช้เวลาถึง 2-3 เดือน ขึ้นกับปัจจัยอื่นๆด้วย แต่ก็จะหายอย่างแน่นอน<br />
<br />
ลอกมาจากในหนังสือนะคะ จริงๆเนื้อหามีเยอะมากเลยค่ะ ที่พิมพ์มาเป็นส่วนเล็กๆน้อยๆเท่านั้น แค่ได้อ่านคำนำของอาจารย์ผู้เขียนแล้วประทับใจ แล้วรู้สึกอยากแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ลองอ่านดูค่ะ
ข้อมูลมีประโยชน์มากค่ะ copy เ…
tag:go2pasa.ning.com,2009-11-13:2456660:Comment:132655
2009-11-13T03:41:01.042Z
i-Gie Gie
https://go2pasa.ning.com/profile/iGieGie
ข้อมูลมีประโยชน์มากค่ะ copy เก็บไว้อ่านต่อดีกว่า(ช่วง 3-5 ปี) โอ๊ะ พิมพ์เองด้วยเหรอคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ
ข้อมูลมีประโยชน์มากค่ะ copy เก็บไว้อ่านต่อดีกว่า(ช่วง 3-5 ปี) โอ๊ะ พิมพ์เองด้วยเหรอคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ
เข้ามา Confirm ว่าอ่านครบแล้ว…
tag:go2pasa.ning.com,2009-11-13:2456660:Comment:132635
2009-11-13T03:05:23.742Z
Bless's Dad
https://go2pasa.ning.com/profile/3iolr9lfnvgsx
เข้ามา Confirm ว่าอ่านครบแล้วนะครับ ขยันจริง ๆ เลยคุณแม่คนนี้ ขอบคุณครับ
เข้ามา Confirm ว่าอ่านครบแล้วนะครับ ขยันจริง ๆ เลยคุณแม่คนนี้ ขอบคุณครับ
โอ้โห้ เป็นความรู้ที่ดีมากลย…
tag:go2pasa.ning.com,2009-11-11:2456660:Comment:131426
2009-11-11T04:50:50.117Z
KWANJAI
https://go2pasa.ning.com/profile/0j1v6nwq1hdy9
โอ้โห้ เป็นความรู้ที่ดีมากลย ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ
โอ้โห้ เป็นความรู้ที่ดีมากลย ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ
อายุ 3-5 ปี
การเปลี่ยนแปลงในเ…
tag:go2pasa.ning.com,2009-11-11:2456660:Comment:131395
2009-11-11T04:12:03.093Z
Nui & Pordee krub
https://go2pasa.ning.com/profile/Tossawan
<b>อายุ 3-5 ปี</b><br />
<b>การเปลี่ยนแปลงในเด็กก่อนวัยเรียน</b><br />
ลูกในวัยนี้จะมีปฏิสัมพันธ์กับพ่อแม่เหมาะสมกว่าในวัย 2 ขวบ ความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อแม่จะทำให้การมองตนเองและสิ่งรอบตัวแตกต่างไปจากเดิมนั่นคือ เด็กจะมองโดยใช้ความคิดของพ่อแม่เป็นหลัก เด็กจะยึดถือความคิดอุดมคติและข้อห้ามของพ่อแม่ไว้ในตนเอง และเริ่มมีความเข้าใจชัดเจนว่าสิ่งใดควรทำหรือไม่ควรทำ และนี่คือจุดเริ่มต้นของวินัยและศีลธรรมจรรยา<br />
เด็กวัยนี้เริ่มมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีและการควบคุมตนเอง…
<b>อายุ 3-5 ปี</b><br />
<b>การเปลี่ยนแปลงในเด็กก่อนวัยเรียน</b><br />
ลูกในวัยนี้จะมีปฏิสัมพันธ์กับพ่อแม่เหมาะสมกว่าในวัย 2 ขวบ ความสัมพันธ์ที่ดีกับพ่อแม่จะทำให้การมองตนเองและสิ่งรอบตัวแตกต่างไปจากเดิมนั่นคือ เด็กจะมองโดยใช้ความคิดของพ่อแม่เป็นหลัก เด็กจะยึดถือความคิดอุดมคติและข้อห้ามของพ่อแม่ไว้ในตนเอง และเริ่มมีความเข้าใจชัดเจนว่าสิ่งใดควรทำหรือไม่ควรทำ และนี่คือจุดเริ่มต้นของวินัยและศีลธรรมจรรยา<br />
เด็กวัยนี้เริ่มมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีและการควบคุมตนเอง เด็กจะจดจำว่าอะไรเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมตามที่พ่อแม่สอน และพยายามทำในสิ่งที่พ่อแม่พอใจ เช่น หากเด็กมีความปรารถนาบางประการ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่มีอยู่ในใจก็จะมาตรวจสอบความปรารถนาว่าเหมาะสมหรือไม่ และเด็กจะเกิดความรู้สึกผิดขึ้นหากตนไปทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสมหรือที่พ่อแม่ไม่ยอมรับ<br />
<br />
<b>ให้เหตุผลที่เป็นรูปธรรม</b><br />
ลูกในวัยนี้เข้าใจภาษามากขึ้นแล้ว คุณจึงสามารถอธิบายเหตุผลได้มากขึ้น แต่ก็ควรให้เหตุผลแบบเป็นรูปธรรม ไม่ใช่นามธรรม เพราะเด็กวัยนี้ยังไม่เข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรม<br />
<i>แม่พาติ๋มอายุ 4 ขวบมาหาหมอ บอกว่าลูกก้าวร้าวและชอบตีน้อง แม่อธิบายจนไม่รู้จะอธิบายอย่างไรแล้ว แต่ลูกก็ไม่ฟังเลย<br />
หมอถามว่าแม่อธิบายอย่างไรเวลาลูกอารมณ์เสียและตีน้อง แม่บอกว่า “ก็พูดว่าติ๋มอย่าโมโหซิลูก การโมโหแปลว่า เราปล่อยให้ความมืดเข้ามาในใจเรา และการที่ตีน้องมันก็เป็นบาป ลูกไม่ควรทำ”<br />
อายุ 4 ขวบอย่างติ๋มนี้ยังไม่เข้าใจคำเปรียบเทียบหรืออุปมาอุปมัยต่างๆ เช่น เปรียบเทียบ “ความมืด” ว่าหมายถึง สิ่งที่ไม่ดี ไม่ควรทำ อันที่จริงเด็กวัยนี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า “ดี” หรือ “ไม่ดี” หมายความว่าอย่างไร “บาป” กับ “บุญ” เป็นอย่างไร เด็กเล็กๆรู้แค่ว่า ทำอะไรแล้วพ่อแม่พอใจ เท่านั้น ดังนั้นควรให้เหตุผลสั้นๆว่า “ติ๋มอย่าตีน้อง เพราะแม่ไม่ชอบ” ติ๋มก็จะหยุดตีน้อง เพราะโดยทั่วไป เด็กๆมักอยากทำสิ่งที่พ่อแม่พอใจ เหตุผลง่ายๆก็คือ เด็กต้องการให้พ่อแม่รักและยอมรับนั่นเอง</i><br />
<br />
<b>ลูกดื้อ</b><br />
ความดื้อเป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการเด็กปกติ เด็กทุกคนต้องมีความดื้อบ้างไม่มากก็น้อย บางคนอาจมีนิสัยไม่ชอบทำตามคำสั่ง บางคนอาจเถียงเก่งแบบ “คำไม่ตกฟาก” อาการดื้อไม่ค่อยเชื่อฟังนี้มักเกิดใน 2 ช่วง คือ ราวอายุ 2-5 ขวบ และเมื่อเริ่มเข้าวัยรุ่น ในช่วงอายุนี้เด็กจะเริ่มพัฒนาความเป็นตัวของตัวเอง(autonomy) เริ่มรู้สึกพึ่งพาตนเองได้ ทำอะไรเองก็ได้ตามใจชอบ เด็กจะตั้งคำถามบ่อยๆว่า “ทำไมหนูต้องทำอย่างนั้นด้วย” หรือพูดบ่อยๆว่า “ผมจะไม่ทำ” เด็กต้องการทดสอบกฎระเบียบของผู้ใหญ่ รวมทั้งความอดทนที่ผู้ใหญ่มีต่อเขา ในทั้งสองช่วงนี้ พ่อแม่ไม่ควรกังวลมากจนเกินไปว่าความดื้อนั้นเป็นสิ่งที่ผิดปกติ แต่คุณจะต้องหาทางควบคุมไม่ให้มันเกินเลยไป<br />
<br />
<b>การออกคำสั่งห้าม</b><br />
การออกคำสั่งห้ามและกำหนดขอบเขตของพฤติกรรมว่า ลูกทำอะไรได้และทำอะไรไม่ได้ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กเล็กๆ เพราะการสั่งห้ามเป็นสิ่งที่จะปกป้องเด็กจากอันตราย <b>เมื่อคุณจำเป็นต้องออกคำสั่งลูก จงกระทำอย่างหนักแน่นแต่อ่อนโยนและสุภาพ</b> บางทีลูกอาจจะไม่เข้าใจเหตุผลลึกซึ้งมากมาย แต่ลูกก็จะมีความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย เมื่อรู้ว่าทำอะไรได้และทำอะไรไม่ได้ อย่าพูดอย่างไม่แน่ใจหรืออ้อมแอ้ม คำสั่งที่ชัดเจนและสั้นๆจะช่วยให้ลูกเข้าใจง่ายและกระทำตามได้มากกว่าคำอธิบายที่ยืดยาว<br />
คุณไม่ควรออกคำสั่งห้ามบ่อยๆ ทางที่ดีคุณควรหาวิธีช่วยป้องกันไม่ให้ลูกทำผิดหรือทำสิ่งที่เป็นอันตราย เช่นคุณควรจะเก็บข้าวของที่เป็นอันตราย เช่นมีด หรือของที่อาจจะแตกหักง่ายไปให้พ้นมือของลูก การสั่งห้ามบ่อยๆ จะทำให้ลูกหงุดหงิดใจได้ และอาจทำให้ลูกเกิดความกลัวไม่กล้าทำอะไร และกลายเป็นเด็กขี้กลัวในที่สุด<br />
<br />
<b>เมื่อลูกขัดคำสั่ง</b><br />
บางครั้งลูกก็ขัดขืนคำสั่ง ไม่ใช่เพราะลูกอยากจะต่อต้านคุณ แต่ลูกอยากจะทดสอบว่าคุณจริงจังกับคำสั่งหรือข้อห้ามที่ตั้งขึ้นมาหรือไม่ วิธีที่ดีที่สุด คือ คุณต้องหนักแน่นและเสมอต้นเสมอปลาย เมื่อสั่งแล้วลูกไม่ทำก็จงพูดอย่างหนักแน่นอีกครั้ง และถ้าลูกไม่ทำอีกก็จงจัดการให้ลูกทำตามอย่างสงบ เช่น หากสั่งให้ลูกปิดโทรทัศน์ 2 ครั้งแล้วลูกยังไม่ทำตาม คุณก็จงเดินไปที่โทรทัศน์แล้วปิดเสียเอง หรือไม่ก็จับมือลูกเดินไปที่โทรทัศน์ด้วยกันแล้วเอามือของลูกไปปิดสวิทช์โทรทัศน์ พร้อมบอกกับลูกว่า “เมื่อแม่สั่งให้ปิดทีวี หนูต้องทำตามคำสั่งของแม่” <b>หลักสำคัญคือ เมื่อลูกไม่เชื่อฟังแล้วอย่าปล่อยไว้เฉยๆ พยายามจัดการให้ลูกทำตามคำสั่งให้ได้ แต่จงทำอย่างสงบ อย่าโกรธหรือใช้วิธีลงโทษรุนแรง</b> พ่อแม่ที่โกรธและต้องลงโทษรุนแรงนั้นเป็นเพราะเขาอดทนมาก รอจนสั่งครั้งที่ 10 แล้วลูกไม่เชื่อจึงค่อยจัดการกับลูก และการจัดการเมื่อคุณรอจนถึงครั้งที่10 นั้น จะลงเอยด้วยความโกรธและการตีลูกแรงเสมอ<br />
<br />
<b>ข้อควรปฏิบัติเมื่อลูกอารมณ์เสียและอาละวาดบ่อยๆ</b><br />
1. หาสาเหตุ นอกเหนือไปจากการหงุดหงิดเพราะถูกขัดใจแล้ว บางทีลูกอาจจะเหนื่อย เพลีย หิวหรือไม่สบาย ถ้าคุณแก้ปัญหานั้นได้ อาการอารมณ์เสียก็จะหายไป<br />
2. เบี่ยงเบนความสนใจ เช่นถ้าลูกกำลังอาละวาดเนื่องจากถูกน้องแย่งของ คุณก็อาจจะชวนลูกเล่นอย่างอื่น หรือพาลูกไปดูรถที่หน้าบ้าน<br />
3. เพิกเฉย ถ้าคุณไม่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจลูกได้แล้ว วิธีที่ดีที่สุดก็คือ เพิกเฉยต่อพฤติกรรมนั้น ในที่สุดลูกก็จะเรียนรู้ว่าการอาละวาดอย่างนั้นไม่มีประโยชน์<br />
4. แยกเด็กออกไปอยู่ต่างหาก หรือใช้วิธี time out<br />
5. ทำบันทึกเกี่ยวกับการอาละวาดของลูก จะทำให้คุณเข้าใจปัญหามากขึ้น เช่นลูกอาละวาดทุกครั้งที่มีน้องเข้ามายุ่งด้วย คุณก็ต้องแก้ปัญหาโดยไม่ให้น้องเข้ามายุ่งกับพี่มากเกินไป<br />
6. สอนลูก เมื่อไรก็ตามที่ลูกอารมณ์ดี จงฉวยโอกาสสอนลูกถึงพฤติกรรมดีๆที่คุณต้องการให้ลูกทำ<br />
<br />
พ่อแม่ทุกคนย่อมอยากให้ลูกมีชีวิตที่ดีและประสบความสำเร็จ แต่ชีวิตที่ดีและประสบความสำเร็จได้นั้นจะต้องมีวินัย วินัยทำให้บุคคลพัฒนาไปอย่างเหมาะสม ใช้ศักยภาพของตนได้เต็มที่และดำรงอยู่ในหนทางที่ถูกต้อง<br />
<br />
การฝึกวินัยไม่ใช่การเลี้ยงลูกอย่างเข้มงวด จงเดินทางสายกลาง อย่าเข้มงวดมากเกินไป และอย่าตามใจมากเกินไป
ช่วงนี้งานน้อยค่ะ เลยว่างนั่ง…
tag:go2pasa.ning.com,2009-11-11:2456660:Comment:131345
2009-11-11T03:00:46.029Z
Nui & Pordee krub
https://go2pasa.ning.com/profile/Tossawan
ช่วงนี้งานน้อยค่ะ เลยว่างนั่งพิมพ์ รออ่านตอน 3 ด้วยนะคะ
ช่วงนี้งานน้อยค่ะ เลยว่างนั่งพิมพ์ รออ่านตอน 3 ด้วยนะคะ
อุตสาห์พิมพ์เองเลย ขอบคุณด้วย…
tag:go2pasa.ning.com,2009-11-10:2456660:Comment:131137
2009-11-10T17:19:28.881Z
babyashi
https://go2pasa.ning.com/profile/babyashi
อุตสาห์พิมพ์เองเลย ขอบคุณด้วยคนค่ะ
อุตสาห์พิมพ์เองเลย ขอบคุณด้วยคนค่ะ
อยากได้ข้อมูลอยู่พอดีเลย ตัวแ…
tag:go2pasa.ning.com,2009-11-10:2456660:Comment:131096
2009-11-10T15:55:13.777Z
โอ๋...จัง
https://go2pasa.ning.com/profile/29ks36qcmin6d
อยากได้ข้อมูลอยู่พอดีเลย ตัวแสบเริ่มแสดงความโกรธ ร้องกรี๊ดเวลาไม่ได้ดั่งใจ<br />
หาวิธีจัดการอยู่ อิอิ เสร็จแม่อีกแล้วไอ้หนูเอ๊ย
อยากได้ข้อมูลอยู่พอดีเลย ตัวแสบเริ่มแสดงความโกรธ ร้องกรี๊ดเวลาไม่ได้ดั่งใจ<br />
หาวิธีจัดการอยู่ อิอิ เสร็จแม่อีกแล้วไอ้หนูเอ๊ย
ขวบปีที่ 2-3
ลูกไม่ได้มีความส…
tag:go2pasa.ning.com,2009-11-10:2456660:Comment:130854
2009-11-10T07:51:26.614Z
Nui & Pordee krub
https://go2pasa.ning.com/profile/Tossawan
<b>ขวบปีที่ 2-3</b><br />
ลูกไม่ได้มีความสามารถในการควบคุมตนเอง(self-control) มาตั้งแต่เกิด แม้ในขวบปีที่2 กล้ามเนื้อของลูกจะแข็งแรงขึ้น เคลื่อนไหวได้มากขึ้น เดินได้ เริ่มพูดได้ และทำอะไรด้วยตัวเองได้มากขึ้น แต่ลูกก็ไม่เข้าใจอะไรอีกหลายอย่าง เช่นไม่เข้าใจว่าถ้าตนทำสิ่งนั้นสิ่งนี้แล้วจะเกิดผลตามมาอย่างไร ไม่เข้าใจว่าคุณรู้สึกอย่างไร และยังไม่สามารถอดทนกับความคับข้องใจได้ สรุปง่ายๆก็คือ ลูกยังไม่มีความสามารถที่จะคิด วิเคราะห์และตัดสินใจได้ เนื่องจากลูกมีความสามารถที่จะทำอะไรได้หลายสิ่งหลายอย่าง…
<b>ขวบปีที่ 2-3</b><br />
ลูกไม่ได้มีความสามารถในการควบคุมตนเอง(self-control) มาตั้งแต่เกิด แม้ในขวบปีที่2 กล้ามเนื้อของลูกจะแข็งแรงขึ้น เคลื่อนไหวได้มากขึ้น เดินได้ เริ่มพูดได้ และทำอะไรด้วยตัวเองได้มากขึ้น แต่ลูกก็ไม่เข้าใจอะไรอีกหลายอย่าง เช่นไม่เข้าใจว่าถ้าตนทำสิ่งนั้นสิ่งนี้แล้วจะเกิดผลตามมาอย่างไร ไม่เข้าใจว่าคุณรู้สึกอย่างไร และยังไม่สามารถอดทนกับความคับข้องใจได้ สรุปง่ายๆก็คือ ลูกยังไม่มีความสามารถที่จะคิด วิเคราะห์และตัดสินใจได้ เนื่องจากลูกมีความสามารถที่จะทำอะไรได้หลายสิ่งหลายอย่าง แต่ยังไม่มีการควบคุมตนเองที่ดีพอ ดังนั้น เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะช่วยลูกและควบคุมลูกให้อยู่ในวินัยในขวบปีที่ 2 และ 3 การฝึกวินัยอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญ<br />
<br />
<b>วินัยในชีวิตประจำวัน</b><br />
ในขวบปีที่ 2-3 ระเบียบวินัยที่ต้องฝึกมักจะเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันนั่นคือ การกิน การนอน การขับถ่าย ฯลฯ ในการฝึกสิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยความสม่ำเสมอและหนักแน่นในการตอบสนองเด็ก ตัวอย่างเช่น หากจะเริ่มฝึกเด็กให้นอนตรงเวลา เด็กก็อาจจะไม่ยอม อาจต่อต้าน แสดงความไม่พอใจโดยการร้องไห้บ้าง งอแงบ้าง แต่ถ้าคุณยืนยันอย่างหนักแน่นให้ลูกเข้านอนตรงเวลา โดยไม่ต้องโอนอ่อนผ่อนตามไม่ว่าลูกจะงอแงอย่างไรก็ตาม ในที่สุดลูกก็จะทำตามคุณและนอนหลับได้ตรงเวลา ลูกจะเรียนรู้ว่า แม้ไม่ชอบก็จำเป็นต้องทำตาม บทเรียนนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากในชีวิต เพราะในชีวิตเรามีบ่อยครั้งที่เดียวที่เราต้องทำในสิ่งที่เราไม่ชอบหรือไม่สบอารมณ์ และเราไม่อาจจะได้ทุกอย่างตามที่เราปรารถนา<br />
<br />
<b>คำว่า “ไม่”</b><br />
ในขวบปีที่ 2-3 ลูกสามารถเคลื่อนไหวได้มากขึ้น มีความสนใจใฝ่รู้มากขึ้น รวมทั้งมีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ทำให้คุณต้องเริ่มต้นควบคุมลูกและกำหนดขอบเขตให้ลูก วัยนี้เป็นวัยที่คุณจะต้องเอ่ยคำว่า “ไม่” บ่อยๆ แต่ในขณะเดียวกัน ลูกก็จะเอ่ยคำว่า “ไม่” แก่คุณด้วยเช่นกัน การที่ลูกวัย 2 ขวบพูดว่า “ไม่” เมื่อคุณออกคำสั่งให้ทำบางสิ่งบางอย่างนั้นแปลว่า ลูกกำลังบอกคุณว่า ลูกต้องการเป็นตัวของตัวเอง ลูกจะทำในสิ่งที่เขาอยากทำ และบ่อยครั้งที่ลูกต้องการทำสิ่งนั้นๆด้วยตนเองโดยไม่ต้องการให้คุณช่วย (เช่นตักข้าวกินเอง) คุณไม่ควรคิดว่า ลูกกำลังต่อต้านคุณหรือแกล้งที่จะไม่เชื่อฟัง แท้จริงแล้ว นี่เป็นกระบวนการพัฒนาที่เกิดขึ้นกับเด็กทุกคน ถ้าคุณเข้าใจในข้อนี้ คุณก็จะไม่โกรธเมื่อลูกไม่ทำตามคำสั่ง และคุณจะปฏิบัติกับลูกได้ถูกต้องยิ่งขึ้น เช่น แทนที่จะไปอารมณ์เสียกับลูก (ซึ่งก็จะทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้นไปอีก) คุณก็จะค่อยๆพูดกับลูกอย่างหนักแน่น เป็นต้น<br />
<b>การหัดให้ลูกเชื่อฟัง เมื่อคุณสั่งว่า “ไม่” เป็นสิ่งสำคัญ และเป็นก้าวแรกแห่งการฝึกระเบียบวินัย คุณต้องสั่งด้วยความมั่นใจอย่างหนักแน่นด้วยสิทธิอำนาจของความเป็นพ่อแม่</b> ซึ่งมีหน้าที่ปกป้องดูแลและชี้นำหนทางที่ถูกให้แก่ลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกกำลังจะทำสิ่งที่เป็นอันตรายหรือทำให้เกิดความเสียหาย<br />
<br />
<b>ความสมดุล</b><br />
แม้ว่าเด็กจะเรียนรู้คำว่า “ไม่” จากคุณ แต่การพูดว่า “ไม่” และห้ามลูกไปเสียทุกอย่างก็เป็นสิ่งที่จะทำลายพัฒนาการหลายด้านของเด็ก เด็กที่ไม่มีโอกาสได้ทำสิ่งใดตามที่ตนต้องการเลย ก็จะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่กล้าทำอะไรเลย <b>ดังนั้นคุณจะต้องเลี้ยงลูกในทางสายกลาง มีทั้งคำสั่งว่า “ลูกทำสิ่งนี้ไม่ได้” และ “ตกลง ลูกจะทำก็ได้”</b> ส่งเสริมให้เรียนรู้และให้ทำอะไรด้วยตนเอง แต่ก็ห้ามลูกด้วยถ้าสิ่งที่ทำนั้นจะเป็นอันตราย พยายามส่งเสริมให้เกิดทั้งความเชื่อมั่นในตนเองและการเป็นตัวของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันก็สอนลูกให้เรียนรู้กฎระเบียบและขอบเขตที่เหมาะสมด้วย<br />
<br />
<b>การร้องกรีดและการดิ้นลงมือลงเท้า</b><br />
พบได้บ่อยมากในช่วงอายุ 2-3 ปี พฤติกรรมแบบนี้มักเกิดตอนที่เด็กถูกขัดใจและไม่ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ พฤติกรรมนี้จัดว่าเป็นของธรรมดา ถ้าหากคุณจัดการได้ถูกต้อง มันจะหายไปได้เร็ว แต่ถ้าจัดการไม่ถูก ลูกอาจมีพฤติกรรมดังกล่าวต่อเนื่องไปหลายปีก็ได้ การร้องกรีดและดิ้นลงมือลงเท้านั้น ถ้ามองในแง่ลบเป็นการกระทำที่แสดงว่าเด็กควบคุมตัวเองไม่ได้ รอคอยหรืออดทนต่อความคับข้องใจไม่ได้ แต่ถ้ามองในแง่บวกก็เป็นสิ่งที่แสดงถึงความสามารถของบุคคลในอันที่จะบอกให้คนอื่นรู้ว่าตนเองต้องการอะไร (self-assertion) <b>กฎที่สำคัญที่สุดในการจัดการ ก็คือ อย่าให้แรงเสริมเมื่อเด็กมีพฤติกรรมดังกล่าว วิธีจัดการที่ดีที่สุดคือ การเพิกเฉยต่อการดิ้นอาละวาดนั้น(ตราบเท่าที่เด็กไม่มีอันตราย หรือไม่ได้ทำให้ตนเองบาดเจ็บ)</b> ควรพูดว่า “ ลูกร้องแบบนี้ แม่ฟังไม่รู้เรื่อง พอลูกหยุดร้องแล้ว ค่อยมาคุยกับแม่” เมื่อบอกลูกเสร็จคุณก็ควรหลีกไปอยู่ที่อื่น ถ้าเป็นเด็กที่อายุมากกว่า 4 ขวบคุณอาจจะไปอยู่อีกห้องหนึ่ง แต่ถ้าน้อยกว่า 4 ขวบ คุณควรอยู่ในห้องนั้นด้วยแต่ทำงานของคุณไปโดยไม่สนใจเขา (เพราะเด็กวัยต่ำกว่า 4 ขวบยังมีความวิตกกังวลในการแยกจากผู้เลี้ยงดูที่เรียกว่า separation anxiety )<br />
<br />
<b>เป็นตัวอย่างที่ดี</b><br />
สิ่งสำคัญในวัยนี้คือ การเลียนแบบ เด็กเล็กๆชอบเลียนแบบ ดังนั้นการสร้างวินัยโดยให้ลูกเลียนแบบคุณจึงเป็นวิธีที่ง่ายมาก หากคุณอยากให้ลูกทำสิ่งใดก็จงทำให้เป็นแบบอย่าง เช่น หากอยากให้ลูกเก็บของให้เป็นระเบียบ คุณก็ต้องรู้จักวางของให้เป็นที่เป็นทาง ไม่ใช่คุณเองก็ทิ้งเพ่นพ่าน แล้วมาออกคำสั่งให้ลูกเก็บให้เรียบร้อย ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณอาจจะได้ยินลูกตอบกลับว่า “หนูก็ทำเหมือนพ่อนั่นแหละ” หากคุณเป็นแบบอย่างที่ดีทางวินัยตั้งแต่ลูกยังเด็ก ลูกก็จะเก็บสิ่งดีๆที่เห็นจากคุณเข้าไว้ในตัวเขาได้มากทีเดียว ฉะนั้นจงฉวยโอกาสตอนที่ลูกยังเล็ก สร้างวินัยด้วยการเป็นแบบอย่างที่ดีให้มาก เพราะเมื่อลูกโตขึ้นการเลียนแบบพ่อแม่ก็จะน้อยลง ลูกจะหันไปเลียนแบบคนอื่น เช่นเพื่อนฝูง ดารา นักร้อง เมื่อถึงตอนนั้น หากเขาไม่มีวินัยดีๆอยู่ในตัวจากการปลูกฝังของคุณแล้ว เขาอาจจะรับเอาสิ่งแย่เข้ามาเต็มตัวเลยก็ได้<br />
<br />
ต่อตอน 3 พรุ่งนี้นะคะ