เว็บทั้งหมดจะย้ายไปที่ www.2pasa.com แล้วนะครับ ตามไปที่นั่นได้เลย

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้

หมู่บ้านเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ - สองภาษาดอทคอม

บทสัมภาษณ์ลงในผู้จัดการออนไลน์ เรื่องแนวคิดพูดสองภาษา


ผู้ใหญ่บิ๊กขอท้า "พูดสองภาษา" คนไทยสร้างได้

ผู้ใหญ่บิ๊ก - พงษ์ระพี เตชพาหพงษ์ แห่งหมู่บ้านสองภาษา

       ห่างหายไปจากการเปิดตัวหนังสือใหม่ 2 - 3 ปีกับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษตามสไตล์หมู่บ้านสองภาษาของ "ผู้ใหญ่บิ๊ก-พงษ์ระพี เตชพาหพงษ์" ผู้นำเสนอแนวคิด "เด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้" ที่เคยสร้างความเกรียวกราวในหมู่พ่อแม่ชาวไทย วันนี้เขากลับมาอีกครั้งพร้อมแนวคิดใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม นั่นก็คือการพัฒนาแนวคิดเพื่อการเรียนภาษาอังกฤษสำหรับคนไทยทั้งประเทศ!

       สำหรับจุดเริ่มต้นของการค้นหาแนวทางการเรียนภาษาที่เหมาะกับคนไทย ผู้ใหญ่บิ๊กเผยว่า มาจากความเสียดายที่ยังมีคนไทยจำนวนมากขาดความมั่นใจ และไม่กล้าใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ทั้ง ๆ ที่เรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียนมานาน 12 ปีเต็ม

       “ผมเสียดายศักยภาพของคนไทย เรามีศักยภาพด้านการออกเสียงสูงมากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สิงคโปร์ พม่า เขมร หรือแม้แต่ประเทศยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของโลกอย่างญี่ปุ่น แต่เพราะเรามีรูปแบบการเรียนการสอนที่ผิดพลาด เราเน้นแต่ท่องจำไวยากรณ์ และเมื่อจะออกเสียงศัพท์ต่าง ๆ ก็เลือกใช้วิธีที่ง่ายอย่างการเทียบเสียงอังกฤษมาเป็นอักษรไทย เช่น ตัว th เท่ากับเสียง “ธ” หรือตัว R เท่ากับเสียง “ร” จึงไม่น่าแปลกที่เราไม่สามารถออกเสียงภาษาอังกฤษได้เหมือนเจ้าของภาษา หรือก็คือคนไทยกำลังเรียนรู้ภาษาอังกฤษในวิธีที่สวนทางกับการเรียนรู้ภาษา ไทยนั่นเอง”

       “ในฐานะที่ผมเคยจุดประกายเรื่องเด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ที่สร้างรากฐานการเรียนรู้ภาษาบนวิถีธรรมชาติจากบ้าน เมื่อสามปีที่แล้ว ผมใช้ประสบการณ์ตรงนี้บวกกับค้นคว้าทดลองเพิ่มเติม แล้วเสนอกรอบในกาเรียนภาษาอังกฤษอีกทางหนึ่งขึ้นมา ที่ชื่อว่าแนวคิด “พูดสองภาษา คุณสร้างได้เอง” เพื่อเป็นทางเลือกอีกทางให้กับคนที่สนใจพัฒนาการพูดภาษาอังกฤษจากความรู้สึกได้มีแผนที่ในการเดินทาง”

       “แนวคิดนี้มีหลักทั้งหมดสิบข้อ ที่เชื่อมต่อร้อยเรียงภาพของเส้นทางในการเดินทางฝึกฝน นี่คือสิ่งที่เป็นสาระสำคัญที่สุด เพราะเราจะได้รู้ว่าเราควรจะเริ่มต้นอย่างไร เรียนรู้อย่างไร อะไรคือสิ่งที่ทำให้เรากลัวในการพูด แล้วเราจะข้ามมันไปอย่างไร”

       พูดจากความรู้สึก ไม่ยากแค่อย่าใจร้อน

       “ยกตัวอย่างง่าย ๆ กว่าเราจะเริ่มเรียนเขียนอ่านภาษาไทยในโรงเรียน เราพูดภาษาไทยได้กันแล้วใช่ไหมครับ พ่อแม่คือคนที่สอนให้เราพูดคำต่าง ๆ เราพูดคำว่ากินข้าวได้ก่อนที่เราจะเขียนคำว่ากินข้าวได้ด้วยซ้ำ ทุกวันนี้ พอใครพูดกับคุณว่า กินขาวกันเถอะ คุณก็รู้ว่าเขาพูดผิด แต่พอเราเรียนภาษาอังกฤษ เราเริ่มต้นจากการท่อง A ant มด ท่องไวยากรณ์ มี Tense นู้นนี้นั้นมากมาย ประโยคนี้ต้องเติม -ing ประโยคนั้นต้องเติม –ed ท่องแรก ๆ ก็จำได้ จำได้ดีสุดขีดตอนก่อนสอบ หลังสอบสักพักก็เริ่มลืม พอจะใช้ก็นึกเงื่อนไขไม่ออกว่าต้องใช้อย่างไร จะเปล่งเสียงก็ไม่แน่ใจว่าถูกหรือเปล่า คนไทยกว่าจะพูดอังกฤษได้สักประโยคจึงมีเรื่องให้ต้องคิดมากมาย และความกลัวในการใช้ภาษาอังกฤษก็เริ่มเกาะกินหัวใจของเราตั้งแต่บัดนั้น”

       ผู้ใหญ่บิ๊กเสนอทางแก้ปัญหานี้ด้วยแนวคิดในการเรียนภาษาที่มุ่งสู่ สากล หรือก็คือผู้สอนและผู้เรียนต้องนำ อักษรโฟเนติกส์ และการออกเสียงตามหลักโฟนิกส์เข้ามาประยุกต์ใช้ให้เป็นรูปธรรม เพื่อที่ผู้เรียนจะได้ออกเสียงได้อย่างถูกต้อง ควบคู่ไปกับ “การสร้างโหมดการพูดภาษาอังกฤษจากความรู้สึก” เพื่อให้เราพูดได้โดยที่ไม่ต้องแปล เหมือนที่เราพูดภาษาไทยในทุกวันนี้

       สวนกระแสหลัก “เจ้าของภาษาห้ามสอน”

       ปฏิเสธไม่ได้ว่า กระแสของการเรียนภาษาอังกฤษกับ “เจ้าของภาษา” ดูจะเป็นสิ่งที่คนไทยส่วนมากต้องการ และเชื่อว่าสามารถฝากความหวังเอาไว้ได้ว่าจะช่วยให้ตนเองสามารถพูดภาษา อังกฤษคล่องขึ้นจริง ๆ แต่ผู้ใหญ่บิ๊กกลับเห็นตรงข้าม ซึ่งเขาเฉลยว่า

       “แนวคิดของผมที่บอกว่า “เจ้าของภาษาห้ามสอน” นั้น ผมพยายามจะชี้ให้เห็นว่าฝรั่งโดยส่วนใหญ่แล้วสอนภาษาอังกฤษไม่เป็น เขาพูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ แต่เขาไม่รู้ว่าจะสอนคนอื่นให้พูดอังกฤษจากความรู้สึกเหมือนกับเขาได้อย่าง ไร คงไม่ต่างกับเราที่เราเป็นเจ้าของภาษาไทย เราก็คงนึกไม่ออกว่าจะสอนภาษาไทยให้กับเด็กฝรั่งสักยี่สิบคนอย่างไรเหมือน กัน การที่เราไปยึดติดกับฝรั่งมากไปทำให้ต้นทุนในการเรียนภาษาสูงและไม่ได้ผล เรา ควรจะปลดแอกความเชื่อเรื่องนี้ได้แล้ว คุณค่าที่แท้จริงของฝรั่งนั้น ไม่ใช่ที่เขาเป็นฝรั่ง และพูดภาษาอังกฤษเป็น แต่เขาเป็นคนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ เขาพูดจากความรู้สึก ดังนั้น เราต้องเอาคุณค่าเขามาใช้ให้ถูกวิธี ถูกที่ นี่แหล่ะคือประเด็น”
การ์ดเกมพูดสองภาษา น่าเล่นน่าลองไม่ใช่น้อย

       แล้วเราจะใช้ฝรั่งอย่างไรดี?

       “ใช้เป็นคู่สนทนาสิครับ เอาไว้ตรวจสอบ และขัดเกลาการออกเสียง - การเลียนแบบของเราให้ดียิ่งขึ้น ไม่ต้องให้สอน ดังนั้น ฝรั่งจะมาจะไป จะสอนเป็นสอนไม่เป็น ก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเรามากนัก สิ่งสำคัญที่สุดในการฝึกพูดสองภาษาบนวิถีธรรมชาติคือ แนวคิดในการเรียนรู้ แนวคิดควรจะอยู่กับเรา เมื่อเราปลดแอกเรื่องนี้ได้ ต้นทุนในการเรียนภาษาของเราจะลดต่ำลงทันที”

       “ผมเสียดายเงินภาษี ที่ภาครัฐต้องไปจ้างฝรั่งมาสอนภาษาให้คนไทย เพียงเพราะเราเชื่อว่า การจะเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ดี ต้องเรียนกับคนที่เป็นเจ้าของภาษา แล้วฝรั่งที่มีวุฒิการศึกษายืนยันว่าเขาจบมาโดยตรงด้านการสอนนั้น เขาจะมารับเงินเดือน 30,000 – 50,000 บาทในไทยหรือเปล่า (หัวเราะ) ถ้ามีที่ที่ดีกว่า เขาก็ไป”

       คนไทยต้องการพื้นที่ปลอดภัยในการพูด?

       สำหรับข้อนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนิสัยพื้นฐานของคนไทยที่มักชอบจับผิดคนชาติ เดียวกันเอง ดังนั้นเมื่อมีใครพยายามจะพูดภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติ สายตาทุกคู่จะจ้องมองไปที่คน ๆ นั้น พร้อมเงี่ยหูฟังว่าคนพูดจะหน้าแตกหรือไม่ ดังนั้น สำหรับผู้ที่ต้องการฝึกพูด ในระยะเริ่มต้นการมีพื้นที่ปลอดภัยจึงเป็นสิ่งจำเป็น

       “การพูดจากความรู้สึกให้ได้นั้น ไม่มีสูตรเร่งรัด ไม่มีหนังสือให้ท่อง มันต้องอาศัยการสะสม ผมยกตัวอย่างพ่อแม่สื่อสารกับลูกเล็กเพียงไม่กี่เรื่อง แค่กิน นอน อาบน้ำ เล่น และพ่อแม่ก็ช่วยขัดเกลาการเลียนแบบอีกหลายปี จนลูกพูดชัด พูดได้จากความรู้สึก และถูกต้องตามหลักภาษา การฝึกภาษาอังกฤษก็เช่นกัน เราจำเป็นต้องมีพื้นที่ที่แคบที่สุดก่อน เพื่อให้ผู้เรียนรู้สึกปลอดภัย และฝึกพูดในพื้นที่นี้อย่างเดียว เมื่อพูดได้แล้ว ค่อยขยับขยายพื้นที่ปลอดภัยให้กว้างขึ้น เหมือนที่พ่อแม่ฝึกลูก ฉันใดฉันนั้น”

       โซเชียลเน็ตเวิร์ก จำเป็นสำหรับฝึกภาษา?

       เมื่อผู้ใหญ่บิ๊กบอกกับเราว่า การฝึกภาษาจำเป็นต้องใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก ความสับสนเกิดขึ้นในใจทันที ว่าจะใช้เฟสบุ๊กอย่างไร เขาหัวเราะทันที พร้อมบอกว่าไม่ใช่ โซเชียลเน็ตเวิร์กก็คือเพื่อน หรือคนที่สนใจฝึกภาษาด้วยกัน

       “ถ้าไม่มีจุดเชื่อมต่อหรือกลไกขับเคลื่อน มันก็ยากจะเกิดครับ ผมมองตรงนี้ไว้แล้ว ก็เลยสร้างเว็บ 2pasa.net ขึ้นมาเพื่อเป็นจุดเชื่อมต่อกับคนที่สนใจการฝึกภาษาอังกฤษ แต่แค่นั้นก็คงไม่พอ ผมก็ได้สร้างกลไกขับเคลื่อน เพื่อให้เพื่อนเหล่านี้รวมกันติด ซึ่งก็ออกมาในหน้าตาของ “การ์ดเกมส์พูดสองภาษา” ผมคิดว่าผมออกแบบการ์ดเกมส์มาตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ แต่แค่นั้นคงไม่พอ ผมได้บรรจุแนวคิดพูดสองภาษาลงไปในเกมส์ด้วย นั่นก็หมายความว่า เมื่อเล่นเกมส์กับเพื่อนก็เหมือนกับเป็นการฝึกภาษาอังกฤษ โดยไม่ต้องไปท่องตำราแต่อย่างไร นั่งเล่นกันกลางสนามหญ้าก็ได้ บนโต๊ะรับประทานอาหารก็ได้ ไม่ต้องมีต้นทุนด้านอาคารสถานที่ใด ๆ ทั้งสิ้น”

       “ที่สำคัญ เมื่อเล่นเกมแล้ว ใจจะจดจ่ออยู่กับเกม ทำให้เราลืมนิสัยของคนไทยอย่างการจับผิดการออกเสียงเพื่อนไปได้ อีกทั้ง มันยังทำให้เราช่วยกันดู ช่วยกันตรวจทานว่า เราได้ออกเสียงคำศัพท์ หรือประโยคได้ถูกต้องหรือยังด้วยครับ”

       ปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นการเปิดแนวคิดใหม่ด้านการเรียนภาษาที่สองอย่างน่าตื่นตาตื่นใจทีเดียว สำหรับประเทศไทยที่การปฏิรูปการศึกษายังหาทางออกไม่ได้ แถมยังมีการเปิดเสรีอาเซียนจ่อรดต้นคอในปี ค.ศ. 2015 เราจะสามารถพัฒนาศักยภาพของคนไทยที่ขาดความพร้อมในหลาย ๆ ด้าน และหนึ่งในนั้นคือการใช้ภาษาอังกฤษให้ทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้านของเราได้ หรือไม่ หรือจะปล่อยให้คนไทยเป็นผลผลิตที่ชำรุดทางการศึกษาต่อไป คนไทยเท่านั้นที่จะเป็นผู้ร่วมตอบคำถามนี้ด้วยกัน


ที่มา:
http://manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9550000053191

Views: 1953

Reply to This

Replies to This Discussion

เย้ เย้ เป็นกำลังใจให้ผู้ใหญ่บ้านเราค่ะ

มาคราวนี้พัฒนากันทั้งประเทศเลยที่เดียว

Go together, Grow together.

อ่านแล้วค่ะ สุดยอดที่ความคิดการอ่านโฟเนติกส์ มีคนเห็นด้วย เพราะอ่านเป็นแต่เพิ่งมีคนเห็นด้วยค่ะ

เลยเก็บใส่กล่องไม่กล้าอ่านเพราะมีคนไม่รู้พอสมควรค่ะ ดีใจที่จะมีเพื่อนอ่านโฟเนติกส์

เราจะเดินไปด้วยกัน!

ปล.อนาคตข้างหน้า ระบบการศึกษาต้องมีการทะเลาะกัน

หมายเหตุ คำว่าทะเลาะกัน หมายถึง ระบบการศึกษาควรจะมีการปลียนแปลงในทางที่ดีขึ้น แม้คนที่มีวิชาชีพครู บางคนให้เปลียนแปลง บางคนอยากให้เหมือนเดิม(ความคิดเก่า)

นี่เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ

เราจะเดินไปด้วยกัน พร้อมจะเป็นผีเสื้อที่บินสวยงาม

ขอสนับสนุนและเดินตามไปด้วยคนค่ะ

อยากให้คนทั่วไปตอบรับแนวคิดนี้เยอะๆจัง  คนไทยจะได้พูดภาษอังกฤษได้ดี

ไปด้วยคนนะคะ สนับสนีนเต็มท่ีค่ะ

หนังสือเล่มนี้โดนใจสุดๆ ตอบโจทย์ทุกคำถามที่คาใจ ที่เหลือคือฝึกฝนคะ รวมกลุ่ม เล่นการ์ดเกมส์ ได้สักอาทิตย์ละครั้งก็คงดี กำลังดำเนินการตามแนวคิดนี้คะ สนับสนุนเต็มที่ ที่สำคัญ "คุณคิดได้งัยนี้" นับถือคะ เยี่ยม

ขอสนับสนุนทุกประเด็นค่ะ และแม่กับลูกก็จะเดินตามไปด้วยนะคะ

RSS

--oO--

สแกนโค้ด แอดไลน์ @2pasa แล้วลุ้นของรางวัลรวมคลิปเวิร์กช็อปทั้งหมด

Events

หนังสือในชุดเด็กสองภาษา



© 2024   Created by ผู้ใหญ่บิ๊ก.   Powered by

Badges  |  Report an Issue  |  Terms of Service