จีนในวันนี้ และโอกาสสำหรับเด็กไทยในอนาคต

[Khao-ma-nee]

ขอแชร์ปสก.ล่าสุดเกี่ยวกับจีนในแง่ธุรกิจเอกชนนะคะ
ตอนนี้ยังอยู่ที่กวางโจว เพราะมาร่วมงานฉลองปีใหม่ของบริษัท บริษัทที่บีทำงานอยู่เป็นบริษัทอเมริกัน แต่ตอนนี้ยอดขายหนึ่งในสี่อยู่ที่เมืองจีน เพราะฉะนั้นความสำคัญของเมืองจีนสำคัญมาก ประธานภูมิภาค Asia Pacific ก็เป็นคนฮ่องกง แต่พูดภาษาอังกฤษเป็นไฟ และได้ทั้งจีนแมนดาริน จีนกวางตุ้ง ประธานคนนี้ดูแลเอเชียทั้งหมดรวมทั้งออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เพราะฉะนั้นเดี๋ยวนี้เวลามีอีเมล์เรื่องสำคัญ เค้าต้องเขียนทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาจีนแบบตัวย่อ ภาษาจีนแบบตัวเต็ม ฟะหร่ง ฝรั่งต้องไปเรียนภาษาจีนกลางเพื่อความ cool และจะได้เข้ากับพวกเอเชียได้ นอกนั้นจีเอ็มแต่ละปท.ก็เป็นคนท้องถิ่น จะไม่เอาฝรั่งมานั่งเป็น expat เพราะแพงและไม่เข้าใจตลาดดีเท่าพวกเรากันเอง

ที่จะเน้นก็คือ ต่อไปเด็กจีน เด็กฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ หรือมาเลเซียที่รู้ภาษาจีนจะมีโอกาสมาก เพราะพวกเขาสามารถโยกย้ายไปคุมปท.ต่างๆทีใช้ภาษาจีน แม้กระทั่งในจีนเอง ก็กว้างใหญ่ สามารถไปคุมภูมิภาคย่อยในจีนได้ ซึ่งแต่ละภูมิภาคขนาดก็ใหญ่กว่าปท.ไทย ถ้าปท.ไทยยังไม่ยอมก้าวออกไป ขยายโอกาสการเรียนภาษาต่างปท. อย่างจีน อังกฤษ ให้เก่งเท่าๆกับปท.ที่กล่าวมาข้างต้น คนของเราก็จะมีโอกาสน้อยกว่า

[Khao-ma-nee]

และเด็กๆจีน ฮ่องกง ไต้หวันรุ่นใหม่ที่ recruit เข้ามา ก็ tough มากๆ ดูไม่หน่อมแน้มเหมือนเด็กจบป.ตรีของเรา ของเค้าจะมั่นใจ ภาษาอังกฤษก็ฝึกเอง บางคนไม่เคยไปเรียนต่างปท. แต่สำเนียงภาษาอังกฤษดี แม้แต่ฝรั่งยังชมว่า clean accent มาก เด็กเค้าบอกว่าฝึกจากวีซีดี พูดตามเองที่บ้าน เด็กของเราจบโทมา บางคนยังไม่ได้เท่านี้เพราะจะติดกลุ่ม อยู่ต่างปท.ก็จับกลุ่มไทยกันเอง เลยมีโอกาสได้ใช้น้อยกว่า

หันกลับมาดูตัวเอง จากที่เคยไปสัมภาษณ์เด็กๆสำหรับวิจัยตลาดและสัมภาษณ์รับงาน ส่วนหนึ่งคงมาจากวัฒนธรรมเราที่ค่อนข้าง protective และ spoil เด็ก โดยเฉพาะคนชั้นกลาง การเรียนเราก็เน้นแบบป้อน ไม่ต้องช่วยเหลือตัวเองมาก ขอให้มีที่เรียนพิเศษดีๆ การันตีที่นั่งในมหาวิทยาลัยได้ พ่อแม่ก็สบายใจ ถ้าเป็นคนชั้นกลางค่อนไปทางสูงที่มีกำลังซื้อสูง ก็ส่งเข้ารร.อินเตอร์และต่อต่างปท.ไปเลย แต่เด็กกลุ่มนี้อาจหาตัวเองไม่เจอ เพราะบางคนจะติดสังคมแบบนั้น พอต้องกลับมาทำงานเมืองไทย ก็จะรับกับระบบไทยๆไม่ได้ บ่นตั้งแต่จราจร ถึงการเมือง อยากกลับนิวยอร์คอย่างเดียว

[แม่อ๋อ]

ขอบคุณค่ะพี่บี อ่านแล้วได้แรงฮึดเลยค่ะ

[จารุวรรณ ทองใบ]

ขอบคุณมากค่ะ สำหรับข้อมูลดีๆ ตอนแรกตั้งใจจะสอนลูกให้เป็นเด็ก 3 ภาษา (เลือกจีนเป็นภาษาที่3 ) แต่ตอนหลังเริ่มแผ่วเนื่องจากแม่ไม่มีความรู้ภาษาจีนเลย แต่พออ่านข้อมูลนี้แล้วต้องสู้แล้วค่ะ เพื่อลูกและเพื่อชาติ

[พ่อแม่น้อง Dragon]

เห็นด้วยค่ะ เคยไปเห็นเด็กนร.นักศึกษาจีน รุ่นใหม่เวลาเค้าท่องหนังสือ เค้าอยู่ในสวนใน รร.คนเดียว ยืนพูดท่องภาษาอังกฤษ คนเดียวเป็นไฟเลย เราได้ยินนี้อึ้งไปเลย นี่เทียบกับ นักศึกษาไทย ป.ตรี ไม่ติดเลยอ่ะ
เคยถามคนจีน เค้าบอกว่า เค้าจะเก็บตัวอ่านหนังสือ เรียนหนังสือ ตัวใครตัวมัน จะยังไม่บอกใครว่าเค้าเรียนไปถึงไหน รอจนถึงวันที่เค้าจบ เก่ง เจ๋ง แล้วเค้าจะสามารถคุยได้ เด็กจีนรุ่นใหม่นี่เจ๋งกว่าแต่ก่อนเยอะ (ซึ่งแต่ก่อนเรามีความรู้สึกว่าเค้าไม่รู้ภาษาอังกฤษเลย)

[แม่น้องวีวี่-มินนี่]

สรุปแล้วพรุ่งนี้จะมีกี่ครอบครัวมาแชร์ประสบการณ์ในงานมีทติ้งคะ เห็นครอบครัวที่ 10 ของคุณอ๋อแจ้งมาสละสิทธิ์ มีใครจะเข้ามาเสียบไหมคะ ด่วนนนนนนนนนนนนน

เราก้าวไปด้วยกันจ้า

[กาหนาฉ่าย]

งานนี้ไม่สู้เพื่อลูกไม่ได้แล้ว ได้แรงฮึดขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่แผ่วลงไปเหมือนกัน ขอบคุณมากค่ะ พี่บี (แอบเรียกพี่บ้าง เอป เอป)

[Khao-ma-nee]

ขอพูดถึงความรู้สึกของ management รุ่นใหม่ของเอเชียต่อ expat ต่างชาติ โดยเฉพาะตะวันตกนะคะ

เวลารวมกลุ่มกัน top management ของแต่ละปท.ที่เป็นคน local หรือเอเชีย จะรู้สึกว่าการจ้าง expat ฝรั่งราคาแพงๆเป็นของฟุ่มเฟือย เราควรสนับสนุนคนเอเชียด้วยกัน โดยเฉพาะคนที่มีพื้นฐานทางวัฒนธรรมคล้ายกัน เพราะเข้าใจกันมากกว่า และ trend นี้จะมีมากขึ้นโดยเฉพาะบริษัทที่มีการเติบโตสูงในปท.จีน (ถึงแม้จะเป็นบริษัทอเมริกัน อังกฤษ แองโกล-ดัชท์ ฯลฯ) เพราะคนจึนจะมีความภูมิใจในตัวเองสูง จะ challenge ตลอด ถ้าไม่เก่งจริงจะปกครองลำบาก ต่างกับเอเชียบางปท.ที่จะยกย่องฝรั่ง กลัวฝรั่ง ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความกลัวในการใช้ภาษาอังกฤษกับ native speakers และนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตน ส่วนคนจีน ฮ่องกง จีนมาเลเซีย ฯลฯ เวลาคุยกันถึง management ฝรั่ง บางครั้งก็เรียกพวกเขาว่า kwai lo ออกไปในแนวกันพวกฝรั่งออกจากพวกตนเอง

[meimei+didi]

ขอบคุณคุณบีมากค่ะ สำหรับข้อมูล
ตอนนี้ทางไต้หวันก็มีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น คือ บริษัทใหญ่ ๆ ส่วนมากจะมีสาขาอยู่ที่ประเทศจีน และพนักงานเก่ง ๆ
ก็จะถูกย้ายและโอนไปที่เมืองจีนเยอะมาก ๆ แต่ละบริษัทพยายามผลิตบุคคลากรจำนวนมากเพื่อรองรับความต้องการ
ของบริษัท คิดว่าตลาดแรงงงานของจีนใหญ่จริง ๆ พนักงานที่มีสิทธิ์ได้ไป อย่างน้อยต้องได้ทั้งสองภาษาเป็นพื้นฐานอยู่
แล้ว ที่นี่อาจจะโชคดีที่ใช้ภาษาจีนเป็นภาษาราชการ ก็อาจจะไม่ค่อยลำบากเท่าไหร่ ในการเรียนเพิ่มเติมภาษาอังกฤษ

แต่อาจจะเป็นเรื่องค่อนข้างลำบากนิดนึงสำหรับคนไทยอย่างเรา แต่ยังงัยเอาใจช่วยนะคะ อนาคตยังมาไม่ถึงเราต้อง
เตรียมพร้อมก่อนค่ะ

[Khao-ma-nee]

Ni hao คุณหน่อย...long time no talk. มีคนถามหาคุณหน่อยด้วยว่าไม่เห็นเข้ามาในห้องเลย

บีเพิ่งกลับจากเกาหลีเมื่อวาน มีอัพเดทเกี่ยวกับการศึกษามาฝากค่ะ
ไกด์เล่าว่าตอนนี้เกาหลีมีบรรจุวิชาชั่วโมง"หัวเราะ"ให้กับเด็กๆ เพื่อให้หัวเราะบ่อยๆและถูกวิธี เค้าท้าว่าอีก 15 ปี เมืองไทย Land of Smile ของเราก็เถอะ อาจสู้เค้าไม่ได้
ส่วนเรื่องภาษา รัฐบาลเค้าบอกประชาชนและเด็กๆเค้าแล้วว่า 2 ภาษา คือเกาหลีกับอังกฤษไม่เพียงพอสำหรับอนาคต ตอนนี้ต้องเลือกภาษาที่ 3 ภาษาแรกที่สำคัญสุดโดยเฉพาะอีก 10 ปีข้างหน้าคือภาษาจีน เพราะกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโลกจะอยู่ที่เอเชีย โดยเฉพาะจีน ภาษารองลงมาคือ ฝรั่งเศสกับสเปน สำหรับภาษาที่ 2 คืออังกฤษ รัฐบาลเน้นให้มีครูสอนภาษาอังกฤษเก่งๆในรร.อย่างน้อย 3 คนต่อชั้น (อาจเป็นหลายห้องต่อ 1 ชั้นการศึกษา) และครูประจำชั้นต้องมี 1 คนต่อเด็ก 10 คน เพราะฉะนั้นถ้า 1 ห้องมีเด็ก 30 คนก็มีครูประจำชั้น 3 คน และเด็กๆทุกคนตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไปต้องมีอีเมล์ประจำตัว 1 อีเมล์ และสามารถขอ notebook ได้จากบริษัทสปอนเซอร์เช่น Samsung แต่ต้องช่วยเขียน product หรือ program feedback กลับบริษัทเพื่อพัฒนาสินค้าด้วย
ฟังแล้ว อู้หู เมืองไทยเราต้องตามอีกเยอะ

[Khao-ma-nee]

ตอนนี้เกาหลีจะก้าวหน้ามากเรื่องศิลปะ ดีไซน์ต่างๆ และ IT เค้าเรียนกันจริงๆจังๆ ถ้าลูกๆชอบด้านนี้ เกาหลีก็เป็นอีกประเทศที่น่าสนใจ รัฐบาลจะดูแลนักเรียน/นักศึกษาต่างประเทศค่อนข้างดี จะมีนร.เจ้าบ้านเป็น buddy กับเด็กต่างชาติคอยช่วยเหลือด้านการเรียน ภาษา วัฒนธรรม ถ้าเด็กต่างชาติ fail ถือว่านร.เจ้าบ้านมีส่วนผิดที่ดูแลเค้าไม่ดี แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งก็คือ เด็กวัยรุ่นเค้าสูบบุหรี่กันหนักมาก สูบกันตั้งแต่สิบกว่าขวบค่ะ

[แม่น้องวีวี่-มินนี่]

ที่เมืองจีนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ต่างชาติที่เรียนภาษาจีนเยอะสุดคือ เกาหลีใต้ ค่ะ เบียดญี่ปุ่นตกไปเลยค่ะ.... ก้น่าดูชมคนประเทศนี้ ข้อเสียอีกอย่างคือ ผู้หญิงเขาดื่มเบียร์เก่งมากๆ แต่อาจเป็นข้อดี เขาเข้าสังคมเก่งมั๊งเนาะ

[สุภาพร(แม่ปั้น฿แป้ง)]

มัน เรื่องจริง เลย
รู้ไว้ใช่ว่านะ
ขอบคุณคุณบี เพิ่งได้อ่านอีกรอบ แบบ ตระหนัก อิอิอิ